ตอนที่ 183 แต่ตัวข้าซือมิ่งยังเป็นพรหมจารี…
ถึงแม้อินสวินอี้ไม่รู้ว่าเหตุใดต้าซือมิ่งท่านนี้จึงถามคำถามเช่นนี้ แต่ครั้งนี้เขาก็ตอบกลับอย่างจริงจังว่า “รูปลักษณ์เช่นท่าน เว้นแต่สืบทอดทางสายเลือด มิเช่นนั้นไม่มีทางเหมือนกันเช่นนี้ ยิ่งเมื่อมีหน้าตาเช่นนั้น”
“เช่นไร”
“เหมือนกันราวกับแกะเช่นนั้น! ข้ามิได้พูดปด หน้าตาของเด็กคนนั้นเหมือนกับท่านราวกับสลักออกมา หากไม่ใช่ลูกโดยแท้ก็คงบอกได้เพียงว่าต้าซือมิ่งท่านมีพี่น้องฝาแฝดอีกคนหนึ่ง”
“ดังนั้น เขาเป็นลูกชายของข้าจริงๆ หรือ”
“เอ่อ…” อินสวินอี้ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล เขาอดถามไม่ได้ว่า “หรือว่าท่านจำอะไรไม่ได้เลย?”
อินสวินอี้ทายถูก ต้าซือมิ่งราชสำนักก็หน้าดำคร่ำเครียดทันที…
เพราะว่าเท่าที่เขาทราบ จวบจนทุกวันนี้เขายังเป็นพรหมจารีอยู่เลย ตอนนี้กลับมาบอกเขาว่าพรหมจารีเช่นเขามีลูกชายคนหนึ่ง?
ขอประทานโทษ… ถึงแม้ต้าซือมิ่งเผชิญโลกกว้างมาไม่น้อย เขาก็มิอาจรับเรื่องพิกลเช่นนี้ได้
แต่อินสวินอี้คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าต้าซือมิ่งท่านนี้จะจำความอะไรไม่ได้เลยจริงๆ แต่… แต่ว่าเขาก็ยังถามขึ้นว่า “เช่นนั้นท่านและปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน…”
“หึ” ต้าซือมิ่งที่ทนไม่ไหวอีกต่อไปก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ ราวกับโมโหจนหัวเราะ “เจ้าอยากรู้มากเลยใช่หรือไม่ว่าข้ามีเรื่องอะไรกันกับปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน”
อินสวินอี้ขนลุกในทันใด เขารีบส่ายศีรษะตามสัญชาติญาณเพื่อรักษาชีวิต “ไม่ๆๆ! ข้าไม่สนใจเลยสักนิด!” ให้มันจริงเถอะ! เขารู้สึกสนใจจะตายไป!
ต้าซือมิ่งก็ไม่ได้บอกว่าเขาเชื่อหรือไม่ เขาเพียงพูดว่า “บอกข้าทุกเรื่องที่เกี่ยวกับนางมา ห้ามขาดแม้แต่คำเดียว หากขาดตกไป…”
“มิบังอาจ! ข้าเป็นคนซื่อสัตย์” อินสวินอี้ไม่รอให้ต้าซือมิ่งพูดจบ เขาก็รีบพูดขึ้นทันที และขายเรื่องราวของแม่ลูกเยี่ยนอวี๋คู่นี้อย่างละเอียด
เมื่ออยู่ต่อหน้าปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนที่เพียบพร้อมไปด้วยพรสวรรค์ชั้นยอดและต้าซือมิ่งที่มีพลังแข็งแกร่งอย่างเห็นได้ชัดนี้ อินสวินอี้ไม่คิดตุกติกแม้เพียงน้อย มิหนำซ้ำเขายังขายบุตรชายของตนด้วย
ดังนั้น ต้าซือมิ่งจึงได้ข้อสรุปว่า “ดังนั้นในโยวตูกำลังลือกันว่าเด็กคนนั้นเป็นหลานของเจ้า ส่วนชางอู๋กำลังลือกันว่าเด็กคนนั้นเป็นบุตรของกู้หยวนเหิง”
“…ใช่แล้ว” อินหลิวอี้ปาดเหงื่ออีกครั้ง ถึงแม้การขายบุตรชายตนเองไปจะรู้สึกผิดอยู่บ้าง แต่เขารู้ดีว่าเรื่องบางเรื่องต้องสารภาพตามความเป็นจริงจึงจะผ่อนหนักเป็นเบาได้
“นางไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลยหรือ”
“…ไม่ อ่ะแฮ่ม เท่าที่ข้าทราบ ไม่มี ส่วนเรื่องราวโดยรวม ยังต้องตรวจสอบอีกครั้ง ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนอาจจะเคยปฏิเสธ แต่ไม่มีผู้ใดสนใจ ท่านก็รู้ว่าปล่อยข่าวลือใช้เพียงปาก แม้มีระเบียบลงโทษก็ไร้ประโยชน์” อินสวินอี้แสดงความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเอาชีวิตรอด
“…”
ต้าซือมิ่งราชสำนักที่เงียบไปนั้น เขาหลับตาลงแล้ว นิ้วมือเรียวยาวของเขาลูบคิ้วโดยไม่รู้ตัว ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร ยกเว้นตัวเขาเอง เขากำลังพยายามเรียกความทรงจำคืนมา…
ทว่าถึงแม้เขาจะพยายามอย่างไร เขายังคงมิอาจละความสนใจไปจากแม่ลูกคู่นั้นได้ เพราะว่างานซื้อขายเข้าสู่ช่วงท้ายแล้ว ของแลกเปลี่ยนที่ผังอี้นำออกมาเป็นสมบัติล้ำค่าของการซื้อขายครั้งนี้ทั้งนั้น บรรยากาศในห้องซื้อขายจึงคึกคักมาก
“อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ!..” ทารกน้อยเยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ชอบมีส่วนร่วมคนนี้ก็ไม่มีกะจิตกะใจทานข้าวดีๆแล้ว เขากินคำหนึ่งก็ชี้ไปที่นอกหน้าต่างส่งเสียง “อ้ะเนะเนะ”
“นั่นคือดาบ เจ้าเล่นไม่ได้” ครั้งนี้เยี่ยนอวี๋มิได้ตามใจเด็กน้อย ถึงอย่างไรดาบเล่มใหญ่ที่กำลังซื้อขายกันข้างล่างเพียงแค่ตัวใบดาบก็ใหญ่กว่าเสี่ยวเป่าสามเท่าแล้ว
เยี่ยนเสี่ยวเป่าเบะปาก ทำท่าจะขอร้องอีกครั้ง…
“กินข้าว” เยี่ยนอวี๋ปิดปากน้อยๆ ของเยี่ยนเสี่ยวเป่าด้วยข้าวต้มปลา
เยี่ยนเสี่ยวเป่ากินพลางพูดเสียงอู้อี้ ทว่าการซื้อขายข้างนอกสำเร็จแล้ว ดาบล้ำค่าระดับตำนานเล่มนั้นถูกสมาชิกของตระกูลหวังที่อยู่ห้องข้างๆ รับไป
เยี่ยนเสี่ยวเป่าทำหน้ามุ่ยทันที เขาทานข้าวคำโตทีละคำอย่างไม่พอใจราวกับระบายอารมณ์โกรธด้วยปริมาณข้าว
“บัดนี้ ข้าน้อยจะแสดงสมบัติล้ำค่าชิ้นที่สองของการซื้อขายครั้งนี้ นั่นก็คือปีกแห่งมังกร” เสียงของผังอี้ทำให้ผู้คนในห้องซื้อขายต้องฮือฮาอีกครั้ง!
เสียงดังเซ็งแซ่ไปทั้งห้อง
ผังอี้กลับประกาศเรื่องน่าตะลึงกว่าเดิมว่า “นี่คือปีกแห่งมังกรที่เก็บรักษาไว้อย่างดี เป็นมรดกมังกรโบราณที่สมบูรณ์ มูลค่าของมันมิอาจประเมินได้ ซึ่งไม่ถือเป็นการกล่าวเกินเลย หากไม่ใช่เพราะวันนี้มีแขกสำคัญมาเยือน หอจวินเป่าคงไม่ขายสมบัติล้ำค่าเช่นนี้”
ตอนที่ 184 ให้…ลูกของข้า
“…”
แขกในห้องซื้อขายไม่รู้จะบรรยายความตื่นเต้นในใจอย่างไรแล้ว ถึงแม้หลายๆ คนจะรู้ว่าสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ เกรงว่ามิใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถครอบครองได้ แต่การได้เห็นสมบัติล้ำค่าระดับนี้ในห้องซื้อขายก็เป็นประสบการณ์ที่พวกเขารู้สึกเป็นเกีรยติและเอาไปพูดโอ้อวดได้แล้ว
“ครั้งนี้หอจวินเป่าเล่นใหญ่จริงๆ” เมื่ออินหลิวเฟิงเห็นก็อดพูดขึ้นไม่ได้ “จู่ๆ ก็อยากรู้จริงๆ ว่าสมบัติล้ำค่าชิ้นสุดท้ายคืออะไร”
“จินตนาการยากจริงๆ” เยี่ยนจื่อเสาก็ไม่คิดว่าหอจวินเป่าจะมีทุนหนาเช่นนี้ สมบัติที่แม้แต่เก็บไว้ในเมืองหลวงก็อาจถูกขุนนางสูงศักดิ์ยื้อแย่งกันได้กลับนำออกมาแสดงง่ายดายเช่นนี้
“อ้ะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่กลืนอาหารในปากลงไปหมดแล้วยังไม่ถูกป้อนคำต่อไป เขาก็มองท่านแม่ของเขาอย่างงุนงง และพบว่าท่านแม่ของเขากำลังมองสิ่งของที่อยู่ข้างล่าง
เยี่ยนเสี่ยวเป่ามองตามลงไป จากนั้นดวงตาของเขาก็ส่องประกาย “อ้ะเนะเนะ!” สวยจังเลย!
ครั้งนี้ผังอี้มิได้เปิดตัวสมบัติด้วยวิธีวิเศษหรูหราแต่อย่างใด เขาเพียงแค่นำปีกแห่งมังกรออกมาแสดงต่อหน้าทุกคนอย่างเรียบง่าย
มันเป็นปีกขนาดใหญ่สีขาวเงินเป็นประกายราวกับหิมะคู่หนึ่ง สายตาของเยี่ยนอวี๋ตกลงบนโคนปีกคู่นั้นทันที โคนปีกที่ตรงและเรียบนั้นทำให้นางรู้ว่าปีกคู่นี้ถูกตัดด้วยดาบที่คมมาก
นี่ยังมิใช่ประเด็นสำคัญ… ประเด็นสำคัญคือกลิ่นอายของปีกคู่นี้เป็นกลิ่นอายที่เยี่ยนอวี๋คุ้นเคย มันคือลูกน้องเก่าของนาง และเป็นปีกแห่งบรรพบุรุษคนแรกของตระกูลอิงหลง
มังกรระดับนี้ ยังมิต้องพูดถึงพลังการต่อสู้ของตัวมันเอง กระดูกของมันไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปแตะต้องได้! ถึงแม้เป็นดาบคมชั้นดีระดับตำนานก็ไม่สามารถสร้างรอยบาดแผลบนลำตัวของมันได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการตัดกระดูก
ทว่านี่ยังคงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ… สิ่งที่ทำให้เยี่ยนอวี๋แสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจนคือ ลูกน้องของนางมีอายุขัยไม่สิ้นสุด และยังอยู่บนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
“อ้ะๆ…”
“เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไป”
“กูไหน่ไน?”
เมื่อทุกคนสังเกตถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเยี่ยนอวี๋ พวกเขาก็มองนางด้วยความเป็นห่วง โดยเฉพาะเยี่ยนเสี่ยวเป่า เขาซุกตัวไปในอ้อมอกของท่านแม่และกอดนางไว้แน่นแล้ว
เยี่ยนอวี๋วางถ้วยลง มือข้างหนึ่งปลอบเด็กน้อยพลางตอบว่า “ข้าไม่เป็นอะไร เพียงแค่สะเทือนใจเล็กน้อย หลิวเฟิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าปีกแห่งมังกรของหอจวินเป่านี้ได้มาจากที่ใด”
อินหลิวเฟิงพยักหน้าทันที “ข้ารู้ มันมาจากใต้แม่น้ำเย่ว์หมิง เป็นสมบัติที่เหล่านักบวชโยวตูร่วมแรงกันนำขึ้นมา”
“เช่นนี้หรือ…” เยี่ยนอวี๋นิ่งเงียบลง สมาชิกตระกูลหวังข้างๆ ก็ส่งเสียงขึ้นว่า “พวกข้าแลกด้วยกระดูกขาของอสูรวิหคสุริยันสมบูรณ์ชิ้นหนึ่ง!”
ซึ้ดดด!
ทุกคนในห้องต่างสูดหายใจเข้าลึกกับเสียงของสมาชิกตระกูลหวัง เพราะว่าเขาไม่เพียงพูดอย่างเดียว เขายังนำกระดูกอสูรวิหคสุริยันออกมาแล้วด้วย และยังมีกลิ่นอายอันทรงพลังที่ยังคงไหลเวียนอยู่บนนั้นเช่นกัน แสดงว่าได้รับการถ่ายทอดมาเช่นกัน
เป็นที่รู้กันว่าบนกระดูกหรือลำตัวของเทพอสูรในตำนานต่างหลงเหลือการถ่ายทอดของเทพอสูรตัวของมันเอง และการถ่ายทอดเช่นนี้ยิ่งสมบูรณ์เพียงใด ซากที่ยังหลงเหลืออยู่ก็ยิ่งมีพลังและมีกลิ่นอายเข้มข้นมากเท่านั้น
เพียงแต่ว่า…
“พวกข้าแลกด้วยยาโบราณ นั่นก็คือยาคืนชีพ!” ตั้งแต่เริ่มต้นการซื้อขายจวบจนตอนนี้ แขกห้องพักขนาดกลางท่านหนึ่งที่ปริปากเป็นครั้งแรกก็นำสมบัติที่แข็งแกร่งกว่าเดิมเข้าสู้
“พระเจ้า…”
“ยาโบราณเชียวนะ! ยังเป็นยาคืนชีพด้วย”
“เหลือเชื่อจริงๆ ยาคืนชีพที่มีอยู่ในตำนานเรื่องเล่า ว่ากันว่าเป็นยาฟื้นคืนชีพที่มีต้นกำเนิดจากตำหนักไท่ชาง กลับยังมีหลงเหลือในตอนนี้…”
ทุกคนในห้องซื้อขายนิ่งงัน ของดีมาทีละชิ้นสองชิ้น
แม้แต่เยี่ยนอวี๋ก็ขมวดคิ้ว ทว่านางหยิบแจกันลายครามชิ้นหนึ่งออกมาจากถุงวิเศษแล้ว
เพียงแต่ว่านางยังไม่ทันพูด ผู้ต้อนรับของห้องพักขนาดใหญ่กลับเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า “แขกห้องพักขนาดใหญ่ใช้สิทธิ์ซื้อปีกแห่งมังกร”
“…”
“…”
ห้องซื้อขายเงียบลงในทันใด บรรยากาศคลุกเคล้าไปด้วยความอึดอัด
เยี่ยนอวี๋หน้าตาเคร่งขรึมในทันที
แต่ว่า… ผู้ต้อนรับห้องพักขนาดใหญ่ยังพูดไม่จบ หลังจากเขาสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ก็พูดต่อไปว่า “อาจารย์ผังโปรดนำปีกแห่งมังกรนี้มอบให้ห้องพักชั้นดีขนาดกลาง มอบแก่ท่านปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน”
นี่มัน!