ตอนที่ 185 เล่นใหญ่ไม่เลิก!
?…
สายตาของทุกคนสาดไปที่ห้องพักชั้นดีขนาดกลางทันที แต่ก็เห็นเพียงใบหน้าดุร้ายของเม่ยเอ๋อร์ แม้แต่เจ้าตัวเล็กจิ้มลิ้มก็ไม่เห็น
“อ้ะ!” เจ้าตัวเล็กจิ้มลิ้มกลับส่งเสียงร้องอย่างมีความสุขขึ้นมา “อ้ะ! อ้ะเนะเนะ…” ท่านพ่อของข้าเอง! ท่านพ่อรูปงามของข้าให้ปีกบินๆ สวยๆ นั่น
เยี่ยนเสี่ยวเป่าตื่นเต้นดีใจจนมิอาจเก็บซ่อนไว้ได้ ตัวของเขายังทำท่าจะกลิ้งออกไปข้างนอกเพื่อไปรับของขวัญสวยงามที่ท่านพ่อให้ด้วย
แต่น่าเสียดายที่เยี่ยนอวี๋จับเด็กน้อยกลับมาที่เดิม “เสี่ยวเป่า เจ้าจะลืมว่าเขาเคยรังแกเจ้าเพียงเพราะเขาให้ของเจ้าไม่ได้ คำกล่าวว่ามียศถาบรรดาศักดิ์และความร่ำรวยไม่ควรทำตัวเหลวไหล เข้าใจหรือไม่”
“เอ๋?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเบิกดวงตากลมโตของตนเองแสดงออกว่าตนไม่เข้าใจอย่างไม่รู้สึกกดดัน
เยี่ยนจื่อเสาก็อดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “คำกล่าวนี้ค่อนข้างลึกซึ้ง เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์อย่าทำให้เสี่ยวเป่าลำบากเลย เขายังเด็กอยู่”
“แต่ข้าคิดว่าเขาเข้าใจ…” อินหลิวเฟิงพึมพำ เขาไม่กล้าพูดเสียงดัง เพราะเขาไม่อยากถูกพ่อคุณทูนหัวหมายหัวอีกแล้ว หลังจากอินหลิวเฟิงไอกระแอมเบาๆ แล้ว เขาก็ถามด้วยสีหน้าปกติว่า “เช่นนั้นพวกเราไม่รับ?”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าจับแขนเสื้อของท่านแม่ของเขาไว้แน่นทันที เขามองท่านแม่ตาปริบๆ แสดงท่าทาง ‘เสี่ยวเป่าอยากได้มาก’ ดวงตาทั้งคู่ของเขาส่องสว่างเป็นประกาย… สายตาน่ารักน่าชังเช่นนี้ทำเอาเยี่ยนอวี๋พ่ายแพ้ยับเยิน แต่ครั้นนางจะยืนหยัดต่อไป สิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่เหมือนกับจะรู้ว่าท่านแม่ของตนจะปฏิเสธก็กอดคอของท่านแม่ไว้ และถูๆ ไถๆ บริเวณใบหูของท่านแม่ของเขา แสดงความรักและออดอ้อนเต็มที่
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางลูบศีรษะเด็กน้อยพลางยิ้มบางๆ
“อ้ะเนะเนะ?”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าเงยหน้ามองท่านแม่ของเขาอย่างมีชีวิตชีวาทันที ราวกับจะบอกว่า ‘รับไว้ได้แล้วใช่หรือไม่’
เยี่ยนอวี๋จิ้มหน้าผากของเด็กน้อยเบาๆ “เจ้านี่นะ…”
“ฮ่า” เมื่อรู้ว่าท่านแม่ของเขายอมแล้ว เยี่ยนเสี่เป่าก็ยิ้มร่าอย่างมีความสุขราวกับปีศาจตัวน้อย อินหลิวเฟิงเห็นดังนั้นก็อดชื่นชมมิได้
ก๊อกๆ…
เสียงองครักษ์หอจวินเป่าเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “ท่านปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน ปีกแห่งมังกรของท่านขอรับ”
“อ้ะ!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าดีใจจนส่งเสียงเรียกให้คนเข้ามา แต่เขาฟังไม่รู้เรื่อง เม่ยเอ๋อร์จึงเป็นคนขานเรียก “เข้ามา”
เสียงประตูเปิดจึงดังขึ้น จากนั้นองครักษ์หอจวินเป่าร่างสูงกำยำสองนายก็ค่อยๆ ยกปีกแห่งมังกรเข้ามาในห้องพักอย่างระมัดระวัง
ห้องพักขนาดกลางมีขนาดกว้างพอสมควร ทว่าปีกแห่งมังกรก็ยังไม่สามารถผ่านประตูเข้าไปได้ ด้วยเหตุนี้แม้องครักษ์ผู้มีฌานตบะไม่ด้อยยังต้องทุลักทุเลอยู่นานพอสมควร จนเมื่อเม่ยเอ๋อร์เข้าไปช่วย จึงสามารถนำปีกแห่งมังกรเข้ามาวางในห้องพักได้อย่างเรียบร้อย
“อ้ะ! อ้ะเนะเนะ…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าดีใจจนบ้าไปแล้ว เขาส่งเสียงร้องดีใจไปทางปีกแห่งมังกรไม่หยุดปาก อีกทั้งสีหน้าแสดงความตะลึงในเวลาเดียวกันนั้นก็ทำให้เขาดูน่ารักน่าชังมาก
องครักษ์หอจวินเป่าที่เคาะประตูท่านนั้นก็ถูกเด็กน้อย ‘พิชิต’ หัวใจทันที “คุณชายน้อยเยี่ยนเป็นเด็กน้อยเปี่ยมพรสวรรค์ที่เกิดในแวดล้อมที่ถูกปลูกฝังอบรมที่ดี ช่างเฉลียวฉลาด น่ารัก และเก่งกาจมากจริงๆ”
เมื่อเยี่ยนเสี่ยวเป่าได้ยินว่ามีคนชมเขา เขาก็เบนความสนใจไปจากปีกแห่งมังกร จากนั้นเขาก็พบว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้คือคนดีที่ไม่ได้ตั้งใจขวางทางเขาไว้ครั้นเขาไปหาท่านพ่อของเขา เยี่ยนเสี่ยวเป่าจึงชี้ไปที่เขาพลางหันไปมองท่านแม่ “อ้ะ!”
เยี่ยนอวี๋รู้ว่าเด็กน้อยจำเขาได้และกำลังบอกนาง นางจึงยิ้มบางๆ ก่อนจะพยักหน้าพูดว่า “เสี่ยวเป่าจำเจ้าได้ ขอบคุณเจ้าที่ก่อนหน้านี้ปกป้องเขาไว้”
“ข้าน้อยละอายใจนัก มิอาจรับคำขอบคุณนี้ไว้ได้ ทว่าคุณชายน้อยเยี่ยนความจำดี ยังจำข้าน้อยได้ ข้าน้อยรู้สึกเป็นเกียรติมากนัก” องครักษ์หอจวินเป่ากล่าวขอโทษด้วยความดีใจและไม่สบายใจในคราเดียวกัน “ข้าน้อยทำภารกิจเสร็จแล้ว ไม่รบกวนทุกท่านแล้วขอรับ”
“ไปเถิด” อินหลิวเฟิงโบกมือ หลังจากที่องครักษ์หอจวินเป่าออกไปแล้ว เขาก็เตือนเยี่ยนอวี๋เสียงเบาว่า “กูไหน่ไน แม้ปีกแห่งมังกรเป็นของดี แต่สิ่งของชิ้นนี้พิกลนัก เมื่อใดที่เจ้าจะสำรวจมัน โปรดระวังตัวด้วย”
“ข้ารู้”
“เจ้ารู้หรือ” อินหลิวเฟิงตะลึงเล็กน้อย สาเหตุที่เขาเตือนนางได้ก็เป็นเพราะเขามีข้อมูลในมือ ถือว่ารู้จักปีกแห่งมังกรอยู่บ้าง
“อืม” เยี่ยนอวี๋ลูบเด็กน้อยที่กำลังตื่นเต้นพลางพูดขึ้นอย่างเนิบช้าว่า “มันมีกลิ่นอายของวิญญาณอสูร”
“เจ้าสัมผัสได้ตั้งแต่แรกแล้วหรือ”
เยี่ยนอวี๋ส่ายศีรษะ “เปล่า กลิ่นอายวิญญาณอสูรเบาบางนี้มีระดับสูงกว่าวิญญาณอสูรผีเสื้อราตรี ข้าเองก็เพิ่งสัมผัสได้เมื่อครู่นี้” นี่ก็เป็นเหตุผลที่นางไม่ปล่อยให้เด็กน้อยที่กำลังตื่นเต้นเข้าใกล้ปีกแห่งมังกร
ทว่าต้าซือมิ่งให้ของอันตรายเช่นนี้กับเด็กน้อยของนาง หมายความว่าอย่างไรกัน?
คนๆ นั้นมีระดับฌานตบะสูงเช่นนั้น นางเชื่อว่าเขาน่าจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายในปีกแห่งมังกรตั้งแต่แรกแล้ว
“เจ้ารู้ก็ดีแล้ว แต่ข้าขอบอกก่อนว่า ที่หอจวินเป่าไม่ได้เตือนเจ้าเป็นเพราะหอจวินเป่ารู้ว่าข้าจะบอกเจ้าเอง” อินหลิวเฟิงไม่รู้ว่าเยี่ยนอวี๋คิดอย่างไร เขาเพียงแค่ต้องการช่วยหอจวินเป่าชี้แจงและถือโอกาสช่วยชี้แจงให้ต้าซือมิ่งด้วย
บอกตามตรง เขาไม่รู้เลยว่าเหตุใดคุณหนูใหญ่เยี่ยนจึงดูอาฆาตพยาบาทต่อต้าซือมิ่งนัก
แต่ว่า… ด้วยสัญชาติญาณการเอาชีวิตรอด อินหลิวเฟิงคิดว่าเขาไม่ควรปล่อยให้นางมีความบาดหมางต่อไป เขาไม่อยากเป็นศัตรูกับต้าซือมิ่งบุคคลระดับนั้นหรอกนะ!
แต่แล้ว…
“เขาให้ประโยชน์อะไรแก่เจ้าหรือ”
ตอนที่ 186 ต้าซือมิ่ง ‘หยอก’ ภรรยา แหกหน้าทุกคน
คำถามจี้จุดของเยี่ยนอวี๋ทำให้อินหลิวเฟิงที่เข้าใจในทันทีเหงื่อแตกพลั่กอีกครั้ง!
บิดามันเถอะ… เวลาที่อยู่ต่อหน้ากูไหน่ไนท่านนี้ เขาคงเหมือนคนเปลือยกายที่ไม่สามารถปิดบังอะไรได้เลยสินะ? นางช่างหลักแหลมเหลือเกิน!
“กูไหน่ไน ไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด” อินหลิวเฟิงอยากจะร้องไห้แล้ว
เยี่ยนอวี๋พ่นหายใจออกมาเบาๆ นางก็ไม่ได้ทำให้อินหลิวเฟิงลำบากใจแต่อย่างใด นางเพียงแค่อุ้มเด็กน้อยเดินเข้าใกล้ปีกแห่งมังกรและสำรวจกลิ่นอายวิญญาณอสูรของมันอย่างละเอียด
“อ้ะ! อ้ะเนะเนะ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่ายื่นมืออวบอ้วนของตนออกไปทำท่าจะลูบมัน
เยี่ยนอวี๋ย่อมไม่ปล่อยให้เขาทำเช่นนั้น นางอนุญาตให้เขาดูเท่านั้น นางยกมือแตะลงบนปีกแห่งมังกร ทำเอาอินหลิวเฟิงตกใจจนลุกพรวด! ทว่าเยี่ยนอวี๋ก็หลับตาลงและสัมผัสปีกแห่งมังกรอย่างตั้งอกตั้งใจแล้ว
เมื่อเยี่ยนเสี่ยวเป่าเห็นดังนั้น เขาก็แอบยื่นมืออวบอ้วนของตนออกไป ยังคงอยากจะจับมันอยู่
“นายท่าน!” อินหลิวเฟิงที่ตาไวมือไวก็รีบจับมืออวบอ้วนของเด็กน้อยไว้ ก่อนจะพูดขอร้องว่า “นายท่านน้อย! ท่านอย่าหาเรื่องตายสิ” ข้ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อนะ!
เสียดายที่เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาคิดจะดึงมือตนเองออก แต่แล้วท่านแม่ของเขาก็ลืมตาขึ้นแล้ว นางกอดรัดตัวและแขนของเขาไว้ทันที…
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ามองปีกแห่งมังกรอย่างเสียใจ
เยี่ยนอวี๋ลูบศีรษะโล้นน้อยๆ ของเด็กน้อย เผยสีหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่าง นางสัมผัสได้ว่าเจ้าของของปีกแห่งมังกรยังไม่ตาย เรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกวางใจเล็กน้อย แต่มังกรที่สูญเสียปีกของตนเองไปก็เหมือนกับมังกรที่ถูกลดทอนพลังลงไปถึงแปดส่วน…
เมื่อคิดได้ดังนี้ เยี่ยนอวี๋ก็กำลังจะพูดขึ้นว่า นางอยากไปสำรวจใต้น้ำเย่ว์หมิงตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอด ทว่าจู่ๆ ห้องซื้อขายก็เกิดเสียงดังฮือฮาขึ้น “สวรรค์!”
“มารดามันเถอะ!”
…
ทุกคนที่ได้ยินเสียงนั้นก็มองลงไป แม้แต่เยี่ยนอวี๋ก็เบนความสนใจไปที่สมบัติล้ำค่าที่อยู่ในห้องซื้อขายแล้ว
สมบัติชิ้นนั้นถูกผังอี้สั่งให้ยกขึ้นมา มันเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นสุดท้ายของการซื้อขายครั้งนี้ และเป็นสมบัติสุดล้ำค่า นั่นก็คือหัวใจแห่งหงส์เพลิง
“แม่งเอ๊ย!”
อินหลิวเฟิงถึงกับอุทานออกมาเป็นคำหยาบจนเสียภาพพจน์ของนายท่านผู้สง่างาม
วี้ด!
วี้ด…
ห้องซื้อขายถูกห้อมล้อมด้วยเสียงหวีดร้องของหงส์เพลิง
“สวรรค์…”
ทุกคนในห้องมิอาจควบคุมตนเองได้อีก! ใครจะไปคาดคิดว่าหอจวินเป่าจะนำหัวใจของอสูรเทพในตำนานออกมาซื้อขาย นี่มันต้องร่ำรวยเพียงใดกัน? และยังต้องเป็นความชำนาญระดับใดกัน? นี่มันช่าง…
“มารดาข้าเถอะ!”
“ท่านย่าข้าเถอะ…”
“บรรพบุรุษโว้ย!…”
แขกผู้มีเกียรติที่ตื่นเต้นจนหายใจลำบากต่างอุทานเป็นคำทักทายผู้อาวุโสและบรรพบุรุษของตน เพื่อรักษาลมหายใจและพยายามฟื้นคืนความสามารถทางการคิดกลับมา
“หอจวินเป่ามีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน! เหตุใดข้าจึงไม่รู้เลย” อินหลิวเฟิงมองและถามเอ้อร์เหมาอย่างควบคุมตนเองมิได้ ฝ่ายหลังเองก็งุนงงเช่นกัน ทว่าเอ้อร์เหมากลับตอบอย่างมีเหตุมีผลว่า “แม้แต่นายท่านยังไม่ทราบ ข้าน้อยจะไปทราบได้อย่างไร ในเมื่อข้าน้อยเป็นเพียงองครักษ์คนหนึ่ง”
“…ก็ใช่” อินหลิวเฟิงเกาศีรษะ เขาไม่คาดคิดเลยว่าในหอจวินเป่าจะมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ และยังถูกนำออกมาซื้อขายด้วย นี่มันบ้าไปแล้วชัดๆ
ตอนนี้โยวตูของพวกเขาเป็นหนามยอกอกแล้วยังอวดรวยเช่นนี้อีก? อืม ถึงแม้โยวตูของพวกเขาจะร่ำรวยจริงๆ ไม่ต้องอวด ราชสำนักก็รู้…
แต่… แต่ว่า…
บิดาของอินหลิวเฟิง ท่านอ๋องแห่งโยวตูที่ถูก ‘ข่มขู่’ เขาก็อยากจะพูดว่า อันที่จริงเขาไม่อยากอวดรวย ไม่อยากจริงๆ! เขาไม่ใช่คนขี้อวดเช่นนั้น! อีกทั้ง อันที่จริงหัวใจแห่งหงส์เพลิงนี้ก็ไม่ใช่ของหอจวินเป่าเสียหน่อย ไม่ใช่จริงๆ!
“ต้าซือมิ่ง…”
อินสวินอี้ทำหน้าอมทุกข์ เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าต้าซือมิ่งที่จะให้ของขวัญภรรยาและลูกคู่นี้ เหตุใดจึงไม่ให้แบบเงียบๆ เหตุใดจึงต้องรังแกโยวตูของพวกเขา อีกทั้งการซื้อขายครั้งนี้ยังไม่ใช้สิทธิพิเศษ นี่มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่
ทว่าต้าซือมิ่งไม่สนใจสีหน้าอมทุกข์ของอินสวินอี้แม้แต่น้อย เขายังคงพยายามย้อนคิดถึงอดีต เพราะว่าเขาไม่เพียงไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องที่ตนมีลูก และยังไม่สามารถแม้แต่จะตัดสินด้วยการใช้ตรรกะและการวิเคราะห์กาลเวลาว่าตนเองเคยสูญเสียความทรงจำหรือไม่
ฉะนั้น… ลูกมาจากที่ไหนกัน
และในขณะที่ต้าซือมิ่งมีท่าทีเย็นชา จิตใจว้าวุ่น และความคิดเหม่อลอย อินสวินอี้ก็จำเป็นต้องขานเรียกเขาเสียงดัง “ต้าซือมิ่ง! ต้าซือมิ่ง! ต้าซือมิ่ง!…”
“หืม?” ต้าซือมิ่งราชสำนักที่ถูกขัดความคิดก็ขมวดคิ้ว มองไปที่อินสวินอี้ด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก
อินสวินอี้อยากจะร้องไห้ แต่เขาก็จำเป็นต้องพูดต่อไปอย่างอดทนว่า “ท่านจะใช้สิทธิพิเศษหรือไม่ขอรับ หากไม่ใช้ หัวใจแห่งหงส์เพลิงก็จะถูกซื้อไปแล้วนะขอรับ! และยังเป็นภรรยาของท่านด้วย! ถึงแม้จะไม่ต่างกัน แต่เหมือนกับว่าภรรยาของท่านจะทุบหม้อขายเหล็ก[1]แล้ว”
“ข้าขอ…”
เยี่ยนอวี๋กำลังจะนำสมบัติล้ำค่าออกมาแล้วจริงๆ!
ทว่า…
“ช้าก่อน!”
เสียงดังขึ้นจากห้องพักขนาดใหญ่แล้ว
เยี่ยนอวี๋หรี่ตาลง พูดขึ้นว่า “เมื่อครู่นี้เจ้าสละสิทธิพิเศษของห้องพักขนาดใหญ่ของเจ้าทิ้งแล้ว ทำไมตอนนี้จะมาแข่งรึ ไม่อายบ้างหรืออย่างไร”
——————————————
[1] ทุบหม้อขายเหล็ก เป็นสำนวนเปรียบเปรยว่านำทรัพย์สินทั้งหมดของตนออกมาเพื่อแลกกับบางสิ่ง หรือการทำทุกวิถีทางเพื่อบางสิ่งบางอย่าง