ตอนที่ 199 ใช้ขนไก่เป็นศรธนู
ทว่ากู้หยวนซูไม่รู้เลย หรือหากนางรู้เยอะเท่าอินสวินอี้ นางก็จะนึกว่าต้าซือมิ่งมีเรื่องที่ยังจัดการไม่เสร็จเท่านั้น ดังนั้นขณะที่นางจะกำลังจะละสายตาจึงได้สั่งการลงไปว่า “ไปดูซิ!”
พูดแล้วกู้หยวนซูก็หายตัวไปยังแม่น้ำเย่ว์หมิงทันที
เฉิงคั่วและคนอื่นๆ ทำได้เพียงตามไปทีหลัง
คนนับสามพันคนรีบเข้าไปใกล้แม่น้ำเย่ว์หมิงทันที
“ท่านอ๋อง ไม่ห้ามหน่อยหรือ” องครักษ์จวนอ๋องที่เฝ้ารอคำสั่งเป็นกังวล เพราะจากที่พวกเขาดูแล้วกองทัพทหารชั้นเยี่ยมจำนวนสามพันนายจากราชสำนักนี้ได้ละเมิดอำนาจเจ้าเมืองของอาณาเขตโยวตูแล้ว
อินสวินอี้ส่ายศีรษะ “อุทกภัยตอนนี้ยังจัดการไม่แล้วเสร็จ เมืองโยวตูเป็นเพียงท้องทะเลผืนหนึ่งเท่านั้น ต้องเสียสละชีวิตของทหารเมืองโยวตู เพื่อท้องทะเลผืนเดียวไม่คุ้มนัก”
“ความหมายของท่านอ๋องคือ…สุดท้ายแล้วก็ต้องสู้กันอย่างนั้นรึ” องครักษ์จวนอ๋องผู้เฉียบแหลมรู้ถึงความหมายในคำพูดของอินสวินอี้
“พูดมากเสียจริง! ตามไปดูเสีย แม้นจะบอกว่าไม่ต้องห้าม แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาทำตามใจได้” อินสวินอี้พูดแล้วก็พาเหล่าองครักษ์จวนอ๋องย้อนกลับไปยังแม่น้ำเย่ว์หมิง
เพียงแต่อินสวินอี้ที่ไปถึงก็พบว่าสถานการณ์ผิดแปลกไป…
“เจ้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
เฉิงคั่วที่กำลังตกใจจ้องเขม็งไปยังเม่ยเอ๋อร์อย่างทำอะไรไม่ถูก เพราะฉากที่อีกฝ่ายเข่นฆ่าผู้พิทักษ์สายฟ้าของสำนักคุนอู๋ต่อหน้าเขาและท่านประมุขหยางนั้นช่างคาวคลุ้งไปด้วยเลือด สมจริง และสยดสยองจริงๆ
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เฉิงคั่วยังมีความทรงจำที่ไม่ดีนัก หลังจากกลับไปยังเมืองหลวง เขายังต้องไปอธิบายกับสำนักคุนอู๋นานพอควร! ถึงสามารถคืนความบริสุทธิ์ของเขาได้ เพราะจนบัดนี้ท่านประมุขหยางที่เขานำตัวกลับไปก็ยังคงไม่ฟื้น และไม่มีผู้ใดสามารถยืนยันความบริสุทธิ์ของเขาได้เลย
ความจริงแล้ว เฉิงคั่วสงสัยว่าสำนักคุนอู๋ไม่ได้เชื่อในสิ่งที่เขาพูดเลย เพียงแต่มีฝ่าบาทคอยช่วยไว้ พวกเขาจึงไม่สามารถทำอะไรกับผู้บังคับบัญชาทหารม้าแห่งราชสำนักได้ จึงทำได้เพียงยอมเชื่อชั่วคราวเท่านั้น
ทว่าหากเทียบกับอาการตกใจของเฉิงคั่วแล้ว เม่ยเอ๋อร์มีท่าทีนิ่งมากไม่ได้สนใจอีกฝ่ายเลย
“เจ้า…” เฉิงคั่วไม่รู้จะพูดอะไรดี
กู้หยวนซูขมวดคิ้วกล่าวว่า “นางผู้นี้เป็นใครกัน ไร้มารยาทเสียจริง! แม่น้ำเย่ว์หมิงสำคัญเพียงนี้ เหตุใดจึงมีคนที่ไม่เกี่ยวข้องปรากฏอยู่ในที่นี้ได้ โยวตูอ๋อง ท่านควรจะอธิบายหน่อยหรือไม่”
“เซ่าซือมิ่งกู้ ข้าจำต้องเตือนเจ้าหน่อย ในบรรดาศักดิ์ข้าคือเจ้าเมืองอันดับหนึ่ง เจ้าเป็นเพียงเซ่าซือมิ่งธรรมดาๆ ในตำหนักซือมิ่ง เป็นเพียงเสมียนน้อยๆ ในตำหนักซือมิ่ง เจ้าไม่กล่าวถึง ข้าเองก็จะไม่นึกถึง เจ้ากล่าวถึง ข้าถึงได้ตระหนักได้ว่าเมืองหลวงไม่เอาใจใส่อบรมสั่งสอนมารยาทแล้วอย่างนั้นหรือ”
“โยวตูอ๋องกล่าวผิดไปแล้ว หากท่านไม่มีความผิด ข้าย่อมเคารพท่านเหมือนดั่งเจ้าเมือง แต่น่าเสียดาย…” ท่าทางของกู้หยวนซูมั่นอกมั่นใจนักทำให้องครักษ์จวนอ๋องยิ่งโกรธหนัก
แต่กู้หยวนซูที่ยังไม่ทันกล่าวจบก็กล่าวต่อไปว่า “โยวตูอ๋อง ขอเตือนท่านคำหนึ่ง หากข้าเป็นท่าน จะรีบทำตัวตามน้ำและร่วมมือกับข้าแต่โดยดี”
“หืม?” อินสวินอี้เลิกคิ้วเบาๆ สายตาฉายแววสงสัย
กู้หยวนซูกลับยกมือขึ้นกล่าวว่า “ฝ่าบาทมีพระบัญชา กษัตริย์เมืองโยวตูรับราชโองการ!”
“น้อมรับราชโองการ” อินสวินอี้กุมมือขึ้นคำนับกำลังทำตามมารยาทในการรับพระราชโองการ
ในต้าซย่า เจ้าเมืองแต่ละฝ่ายไม่จำเป็นต้องคุกเข่าคารวะหยวนคังฮ่องเต้ เพราะพลังอำนาจของเจ้าเมืองแต่ละฝ่ายในยุคสมัยแรกเริ่มนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าซย่าโหวแห่งราชวงศ์เลยแม้แต่น้อย พลังอำนาจของตระกูลฮู่ ตระกูลหนาน ตระกูลสวินยังมีมากกว่าซย่าโหวของราชวงศ์เสียด้วยซ้ำ
แต่ยามนั้นซย่าโหวแห่งราชวงศ์และอีกสามตระกูลใหญ่ล้วนมีความเกี่ยวดองกันโดยการสมรส และตระกูลสวินในตอนนั้นก็ยังมีกำลังอ่อนด้อยกว่าซย่าโหวแห่งราชวงศ์จริง
ท้ายที่สุดซย่าโหวก็ใช้อำนาจและความสัมพันธ์จากการสมรสให้กลายเป็นหางเสือของราชวงค์ต้าซย่า แต่เพื่อปกป้องอำนาจกษัตริย์ไว้ ต้าซย่าจึงได้แบ่งอาณาจักรให้กับตระกูลดั้งเดิม ตั้งเป็นนครรัฐ และเจ้าเมืองก็สามารถใช้อำนาจต่อนครรัฐได้โดยตรง
ดังนั้น หากพูดกันถึงยศถาบรรดาศักดิ์นั้น อินสวินอี้ผู้เป็นเจ้าเมืองแทบจะมีศักดิ์เทียบเท่าหยวนคังฮ่องเต้ด้วยซ้ำ แต่หยวนคังฮ่องเต้ไม่ทรงคิดเช่นนั้น กู้หยวนซูเองก็เช่นเดียวกัน นางจึงออกคำสั่งออกไป “พระราชบัญชาจากฝ่าบาท โยวตูอ๋องหยุดอุทกภัยไว้ไม่ได้จนเป็นภัยต่อชาวบ้าน ให้รีบกลับไปยังเมืองหลวงและสารภาพความผิดเดี๋ยวนี้!”
เดี๋ยวนี้…
สองคำนี้ทำให้อินสวินอี้ยืดตัวตรง “สงสัยเซ่าซือมิ่งกู้จะถ่ายทอดพระราชบัญชาผิดไป เมืองโยวตูในตอนนี้ขาดข้าไปไม่ได้หรอกนะ”
“สามหาว!”
ตอนที่ 200 ต้องปกป้อง ‘ท่านลุงเล็ก’
กู้หยวนซูเอ่ยตำหนิทันที “ท่านกำลังสงสัยความสามารถของข้าอย่างนั้นรึ”
“ใช่แล้ว” อินสวินอี้ตอบเรียบๆ
แต่กู้หยวนซูกลับไม่โกรธ ยังคงใจเย็น “ในเมื่อโยวตูอ๋องมีความสงสัยในตัวข้าแล้ว เช่นนั้นก็รอให้ต้าซือมิ่งกลับมาก่อน”
“ย่อมเป็นไปตามนั้น” แม้ว่าอินสวินอี้จะประหลาดใจต่อการโต้ตอบของกู้หยวนซู แต่เขาก็นิ่งเฉยเช่นกัน “เช่นนั้นเราจะรออยู่ที่นี่ คาดว่าต้าซือมิ่งจะกลับมาโดยเร็ว”
“ไม่จำเป็นต้องรอ ข้าจะไปเชิญต้าซือมิ่งเดี๋ยวนี้” กู้หยวนซูกล่าวไปกล่าวมาก็ลงไปยังใต้แม่น้ำเย่ว์หมิงทันที!
หลังจากนั้น…
ปัง!
กู้หยวนซูที่สับฝีเท้าเร็วขึ้นแรงขึ้นถูกดีดกลับมาสูงกว่า ไกลกว่าและน่าอับอายกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
เอื๊อก…
อินสวินอี้คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าเซ่าซือมิ่งกู้ผู้นี้จะใจร้อนเพียงนี้ เขายังไม่ทันจะเตือนเลย แม้ว่าความจริงแล้วเขาไม่คิดจะเอ่ยเตือนอยู่แล้วก็ตาม
ทว่าเม่ยเอ๋อร์ที่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ตั้งแต่ที่กู้หยวนซูและคนอื่นๆ มาถึงที่นี่นั้นก็ได้มองเย้ยกู้หยวนซูไปหนหนึ่ง “ตัวตลกกระโดดคาน”
ทำเอาอินสวินอี้อดไม่ได้ที่จะตักเตือน “แม่นาง เจ้าอย่าพูดอันใดเลย” จะยิ่งทำให้ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนของพวกเจ้ามีศัตรูมากขึ้น! ดูการอธิบายนี้สิ ช่างถูกต้องแม่นยำเสียจริง!
เม่ยเอ๋อร์เบะปากและเฝ้ามองแม่น้ำเย่ว์หมิงต่อไป นางสัมผัสได้ว่าพลังของคุณหนูใหญ่ได้หายไปจากใต้แม่น้ำแล้ว คุณชายน้อยก็ด้วย…
และในขณะนั้นเอง กู้หยวนซูที่ถูกองครักษ์ฝีมือเยี่ยมสองคนจากราชสำนัก ‘ห้ามไว้’ ก็จัดการตัวเองเสร็จอย่างว่องไว แต่ใบหน้าของนางดำเหมือนก้นหม้อไปแล้ว “โยวตูอ๋อง!”
“เซ่าซือมิ่งกู้เป็นอย่างไรบ้าง” อินสวินอี้ตบหน้าผากของตนกล่าวด้วยท่าทางผิดหวัง “เซ่าซือมิ่งกู้ช่างเปี่ยมพลังเหลือเกิน การเคลื่อนไหวช่างยอดเยี่ยมนัก! ข้ายังไม่ทันได้ตักเตือนเจ้าก็ลงไปเสียแล้ว แม่น้ำเย่ว์หมิงนี้ถูกต้าซือมิ่งผนึกไว้แล้ว ใครหน้าไหนก็ลงไปไม่ได้”
“เหลวไหล!” กู้หยวนซูคัดค้าน “นี่ไม่ใช่พลังของต้าซือมิ่ง!”
“ต้าซือมิ่งไม่เหมือนคนทั่วไป เซ่าซือมิ่งกู้อย่าได้พูดเช่นนี้” อินสวินอี้ไม่ได้คิดจะนำเยี่ยนอวี๋เข้ามาเกี่ยวพันกับเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจแล้วว่าจะเอาทุกสิ่งโยนให้กับต้าซือมิ่ง!
คิดว่าต้าซือมิ่งคนนั้นคงไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน และอาจจะเห็นด้วยด้วยซ้ำ อินสวินอี้คิดเผื่อผู้อื่น
ทว่าเม่ยเอ๋อร์รู้อยู่แก่ใจว่าคุณหนูใหญ่ของนางไม่อยาก ‘ใช้’ ชื่อเสียงของต้าซือมิ่งผู้นั้นแต่อย่างใด ดังนั้นนางจึงได้กล่าวว่า “โยวตูอ๋อง นี่เป็นพลังของคุณหนูใหญ่ ไม่ใช่พลังของต้าซือมิ่ง ขอท่านอย่าแสร้งทำเป็นรู้ถ้าไม่รู้จริง”
“…”
“อะไรนะ”
อินสวินอี้ที่ไม่รู้จะพูดอะไรและเฉิงคั่วที่ตกตะลึงนั้นได้แสดงกิริยาท่าทางต่างไปอย่างสิ้นเชิงออกมาพร้อมกัน คนหลังยากที่จะเชื่อ “ใช่…ใช่ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนผู้นั้นหรือไม่”
“แน่นอน หากมิใช่ว่าคุณหนูใหญ่อยู่ที่นี่ แล้วข้าจะอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” เม่ยเอ๋อร์อธิบาย รู้สึกว่าคนคนนี้สมองมีปัญหาถึงต้องให้นางเตือนถึงเพียงนี้
“คุณหนูใหญ่เยี่ยน?” สายตากู้หยวนซูสงสัย นึกถึงพระราชบัญชาทั้งหมดของหยวนคังฮ่องเต้ในทันที เพียงแต่ว่านางคิดว่านั่นเป็นเพียงของแถมเท่านั้น แต่คิดดูแล้ว…
กู้หยวนซูหรี่ตาลงเล็กน้อย จัดการกับอารมณ์ของตนเอง รอจนนางเงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นก็สะดวกแล้ว ดูแล้วที่อุทกภัยของเมืองโยวตูเกิดขึ้นก่อนล่วงหน้านั้นมีความเกี่ยวข้องกับการกระทำสุ่มสี่สุ่มห้าของคุณหนูใหญ่เยี่ยน มิน่าฝ่าบาทถึงได้สั่งให้คุมตัวกลับเมืองหลวงด้วย”
“คุมตัว?”
เฉิงคั่วและเยี่ยนจื่อเสาที่เงียบมาโดยตลอดเอ่ยออกมาพร้อมกัน แต่อารมณ์ของฝ่ายหลังนั้นมีมากยิ่งกว่า “ที่กล่าวมาเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ต้องทราบเสียก่อนว่าปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนเป็นปราชญ์มหาสำนักหมอหลวงเชียวนะ! เป็นนักหลอมโอสถในตำนาน ท่านต้องรับผิดชอบต่อคำพูดตัวเองนะ”
สีหน้าของกู้หยวนซูนิ่งขรึมไปชั่วขณะ “สุนัขบ้าที่ไหนกัน บังอาจมาสงสัยในตัวข้าอย่างนั้นหรือ ทหาร…จับตัวไว้ซะ!”
“ช้าก่อน!”
อินสวินอี้หยุดไว้ทัน
“ใครกล้า!”
พลังบนตัวเม่ยเอ๋อร์แผ่ซ่านออกมาทันที
“หึ”
กู้หยวนซูยิ้มเย็น “เจ้าว่าข้ากล้าหรือไม่กล้าล่ะ ซย่าโหวฉุน ซย่าโหวซาน พวกเจ้าทั้งสองรออะไรอยู่”
องครักษ์ชั้นสูงแห่งราชสำนักทั้งสองที่ถูกขานชื่อพลันก้าวออกมาพร้อมกัน กลิ่นอายอันแข็งแกร่งก็แผ่ซ่านไปทั่วเรือนร่างของทั้งสองเช่นกัน
แต่น่าเสียดายที่ทั้งสองยังไม่ทันเตรียมตัวเสร็จ แม่น้ำเย่ว์หมิงก็มีการเคลื่อนไหวขึ้น ลำแสงสีม่วงระยิบระยับสว่างขึ้นจากใต้แม่น้ำ ต่อด้วย…
องครักษ์ชั้นสูงแห่งราชสำนักทั้งสองสัมผัสถึงได้อย่างชัดเจนว่าพลังของพวกเขาราวกับถูก ‘ลอกออก’ เสียแล้ว!?
ปัง!