ตอนที่ 201 ซ่อนนามและฝีมือ
ปัง!
พี่น้องซย่าโหวที่ตกลงไปในน้ำทีละคนก็ยืนยันแล้วว่าที่พวกเขาสัมผัสได้นั้นไม่ผิด พลังของพวกเขาถูกลอกออกแล้วจริงๆ ดังนั้นพวกเขาไม่สามารถทำได้แม้แต่ ‘ลอย’ บนอากาศ
สีหน้าเฉิงคั่วเปลี่ยนในทันที “วิชาสายฟ้า! นี่มัน…ต้าซือมิ่งออกโรงแล้วหรือ!”
เพี๊ยะ!
ทหารชั้นเยี่ยมนับสามพันนายของราชสำนักต่างตะลึงงัน และใช้พลังป้องกันถึงขีดสุด ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าหากต้าซือมิ่งผู้นั้นคิดจะต่อกรกับพวกเขา การป้องกันของพวกเขาจะไร้ประโยชน์ก็ตาม…
เพราะองครักษ์แห่งราชสำนักสองคนนั้นที่กำลังกระอักเลือดอยู่ข้างล่างทำให้พวกเขาได้รู้ความจริงแล้ว! ต้าซือมิ่งผู้นั้นไม่ต่างจากที่เล่าขานจริงๆ!
องครักษ์ทั้งสองที่เข้าใกล้ระดับตำนานแล้ว! คนหนึ่งแค่เผชิญหน้าก็ถูกทำลายพลังทั้งหมดจนเกือบตาย แล้วนี่ยังจะสู้อย่างไรได้อีก
อ้อ…ไม่ใช่สิ
ไม่ใช่เผชิญหน้า แต่ยังไม่ทันเผชิญหน้าด้วยซ้ำ เพียงแค่กลิ่นอายเดียวของต้าซือมิ่งก็จัดการกับองครักษ์แข็งแกร่งทั้งสองของราชสำนักได้ทันที! แล้วนี่ยังจะป้องกันอย่างไรอีก
“ทิ้งอาวุธซะ!” เฉิงคั่วที่รู้ดีอยู่แก่ใจ สั่งให้เก็บอาวุธทันทีและอธิบายว่า “ต้าซือมิ่งเป็นเทพแห่งต้าซย่า ในเมื่อรู้จักพลังของต้าซือมิ่งแล้วยังไม่รีบเก็บอาวุธอีก ทำความเคารพต้าซือมิ่ง!”
กล่าวจบ เฉิงคั่วก็ได้หันศีรษะไปยังแม่น้ำเย่ว์หมิงพร้อมกับคำนับกลางอากาศ “ข้าน้อยเฉิงคั่ว ขอคารวะต้าซือมิ่ง หากเมื่อครู่เสียมารยาทไปก็ขอให้ท่านอย่าได้ถือสาเลย”
ทหารคนอื่นๆ ต่างก็ได้สติขึ้นมา และคุกเข่าลงไปพร้อมเพรียงกัน “ขอต้าซือมิ่งอย่าได้ถือสาเลย…”
“ข้าน้อยซูเอ๋อร์ ขอต้าซือมิ่งโปรดอย่าถือสา ข้าน้อยไม่ได้คิดไร้มารยาทต่อท่าน หากเมื่อครู่ข้าน้อยได้ทำผิดไป ข้าน้อยขอยอมรับโทษ” กู้หยวนซูไม่ได้คุกเข่าลงไป แต่ก็คำนับไปทางแม่น้ำเย่ว์หมิงเช่นกัน
แต่น่าเสียดายที่มีเพียงคลื่นแม่น้ำที่ตอบสนองกลับพวกเขา ไม่มีเสียงใดๆ
สถานการณ์ชวนอึดอัด…
กู้หยวนซูและคนอื่นๆ จะยืนขึ้นก็ไม่ใช่ จะโค้งคำนับต่อไปก็ไม่เชิง จะไม่อายได้อย่างไรกัน
แต่อินสวินอี้และคนอื่นๆ กลับทำตัวสบาย และยังสามารถชื่นชมท่าทางอับอายของกองทัพราชสำนักได้อีกด้วย ดีเหมือนกัน
แต่เห็นได้ชัดว่ากู้หยวนซูไม่ยอมให้คนรอบข้างมองดูต่อไป นางจึงหา ‘ข้ออ้าง’ ได้ทันที “ดูท่าแล้วต้าซือมิ่งกำลังยุ่งอยู่สินะ ถึงได้ไม่ตอบกลับพวกข้าเลย พวกข้าขอถอยออกจากแม่น้ำเย่ว์หมิงก่อน เพื่อไม่ให้รบกวนต้าซือมิ่ง”
“ใช่แล้วๆ!” เฉิงคั่วเห็นด้วย และรีบสั่งให้คนไปนำตัวองครักษ์แห่งราชสำนักผู้น่าสงสารทั้งสองคนนั้นกลับขึ้นมาบนฝั่ง
“บ้าทั้งฝูง” เม่ยเอ๋อร์ไม่สนใจพวกขี้ขลาด เดิมทีนางคิดว่าจะสามารถสู้กันอย่างผ่าเผย คาดไม่ถึงว่าคนพวกนี้จะขี้ขลาดอีกแล้ว นางจึงทำได้เพียงเฝ้ามองใต้แม่น้ำต่อไป
นี่ทำให้กู้หยวนซูที่ถอยกลับเป็นคนสุดท้ายและได้ยินนางกล่าว ‘ประเมิน’ ต้องหยุดลงและหันกลับไปมองเม่ยเอ๋อร์ “ข้าสั่งให้เจ้ากลับขึ้นฝั่งซะ มิเช่นนั้นนายของเจ้าคงมิอาจรับมือกับผลลัพธ์นี้ได้”
เม่ยเอ๋อร์ไม่อยากจะมองกู้หยวนซูด้วยซ้ำ เยี่ยนจื่อเสาเองก็ไม่สนใจนาง เพราะทั้งสองรู้สึกว่าใต้แม่น้ำมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น!
“พวกเจ้า…” กู้หยวนซูมิเคยถูกคนเมินเช่นนี้มาก่อน! สีหน้าจึงเปลี่ยนแปลงไป
ทว่านางเองก็ไม่ได้รั้นจะอยู่ที่แม่น้ำเย่ว์หมิงต่อจึงถอยกลับขึ้นฝั่ง และไม่สนใจอินสวินอี้ที่ ‘รอ’ อยู่บนฝั่งแล้ว กล่าวเพียงว่า “ข้าจะรอต้าซือมิ่งอยู่ที่นี่ รอให้ต้าซือมิ่งออกมาแล้วจะกลับไปรายงาน”
“นี่…” แม้เฉิงคั่วจะไม่อยากมีเรื่องกับต้าซือมิ่งผู้นั้นก็ตาม แต่เขาก็รับรู้ถึงโชคชะตาของตน “เซ่าซือมิ่งกู้ เกรงว่าจะไม่ค่อยเหมาะนัก”
“ไม่เหมาะอย่างไรกัน” กู้หยวนซูถามกลับและชี้ให้เห็นว่า “สถานการณ์เช่นนี้ หรือแม่ทัพเฉิงคิดว่าโยวตูอ๋องจะกล้าหลบหนีอย่างนั้นรึ”
“นี่มัน…” เฉิงคั่วขมวดคิ้วมองอินสวินอี้ รู้สึกว่าเซ่าซือมิ่งกู้ผู้นี้งี่เง่านัก โยวตูอ๋องเขาสามารถทนอยู่ภายใต้สายตาคนของฝ่าบาทได้นานเพียงนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ฝ่ายเสียเปรียบ!
ดังนั้น เฉิงคั่วจึงต้องกล่าวว่า “พระบัญชาจากฝ่าบาท…”
“ในเมื่อต้าซือมิ่งอยู่ที่นี่ก็ย่อมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” กู้หยวนซูขัดคำพูดของเฉิงคั่ว “สถานการณ์ตรงหน้านี้ต่างจากที่ข้าคาดไว้แต่แรก ในเมื่อต้าซือมิ่งอยู่ที่นี่ก็ย่อมต้องฟังคำสั่งของต้าซือมิ่ง และหากต้าซือมิ่งไม่สั่งการใดๆ ข้าย่อมต้องรอคำสั่งอยู่ที่นี่!”
ได้ยินดังนั้น…
…………..
ตอนที่ 202 “ภรรยา” อย่าหนี!
แม้นสีหน้าเฉิงคั่วจะไม่เปลี่ยน แต่ในใจกลับหมดหนทาง เขามาเพราะพระบัญชาจากฝ่าบาท ตามหลักแล้วต้องทำตามพระบัญชา! ทว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงเลย
ใครจะคิดว่าต้าซือมิ่งที่ประดุจมังกรที่เห็นแต่หัวไม่เห็นหางนี้จะอยู่ในเมืองโยวตู ทั้งยังดูเหมือนกำลังแก้ปัญหาอุทกภัยด้วย? เช่นนั้นตามลำดับก่อนหลังของราชวงค์แล้ว พวกเขาต้องฟังคำสั่งของต้าซือมิ่งจริงๆ
อย่างไรก็ตามแม้ฝ่าบาทจะอยู่ที่นี่! เพียงแค่ต้าซือมิ่งออกคำสั่ง ฝ่าบาทก็ต้องฟังเช่นกัน…
“…ก็ได้”
เฉิงคั่วตอบตกลงอย่างลำบากใจพร้อมออกคำสั่งให้ลูกน้องไปตั้งค่ายบนชายฝั่งแม่น้ำ ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่ากลับไปต้องได้รับโทษเป็นแน่ ทั้งยังมีสิทธิ์ที่จะถูกถอนจากตำแหน่งแม่ทัพด้วย
แต่ทว่าต้าซือมิ่งผู้นั้นเป็นผู้ที่แม้แต่ฝ่าบาทก็ยังจำต้อง ‘ก้มหัว’ ให้ แล้วเขาจะทำอย่างไรได้เล่า มังกรตัวจริงยังต้องยอมให้ นับประสาอะไรกับ ‘ไส้เดือนตัวน้อย’ อย่างเขา
…
“ท่านอ๋อง นี่มันเกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ” เหล่าองครักษ์จวนอ๋องรู้สึกไม่ดีต่อผู้มาเยือนของราชสำนักที่จู่ๆ ก็ประนีประนอมเหล่านี้ “ต้องมีอะไรแน่ๆ!”
“ไม่แน่ อย่างไรก็ตามต้าซือมิ่งเองก็เป็นผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือ ไม่ว่าใครก็ต้องไว้หน้ากันบ้าง นับประสาอะไรกับแม่ทัพและกองทหารชั้นผู้น้อยพวกนี้” นักบวชอาวุโสที่คอยติดตามข้างกายอินสวินอี้กล่าวตรงไปตรงมา
“ที่ท่านพูดก็มีเหตุผล แต่ทว่าต้องคอยสังเกตคนพวกนี้ไว้ตลอด ห้ามละสายตาเป็นอันขาด โดยเฉพาะแม่หนูของตระกูลกู้คนนั้น” อินสวินอี้ไม่ค่อยสนใจในตัวเฉิงคั่วนัก แต่กลับสนใจในตัวกู้หยวนซูเป็นพิเศษ
“ท่านอ๋อง ท่านสนใจในตัวนางอย่างนั้นรึ”
“อืม…หืม?” อินสวินอี้สีหน้าไม่ดีและเริ่มเฆี่ยนตีองครักษ์บางคน
องครักษ์ที่เหลือมองดู ‘องครักษ์ใหญ่’ ที่ถูกตีจนศีรษะนูนขึ้นมาหลายจุดด้วยความสงสาร นั่นเป็นองครักษ์ข้างกายของท่านอ๋องซึ่งเหมือนกับองครักษ์ข้างกายของคุณชายที่ล้วนมีคำว่า ‘เหมา’ เช่นเดียวกัน
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องเชื้อสายหรือไม่ องครักษ์ที่มีคำว่า ‘เหมา’ พวกนี้ล้วนสมองไม่ดีนัก มักถูกทดสอบบนเส้นทางแห่งความตาย เช่นเดียวกับเชื้อสายและมักจะถูกถ่ายทอดมาได้อย่าง ‘ยอดเยี่ยม’ เสียด้วย
แน่นอนว่าเมื่อเทียบองครักษ์ใหญ่และองครักษ์รองแล้วด้อยกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น…
อย่างน้อย ‘องครักษ์ใหญ่’ บางคนที่ถูกตีเสร็จแล้ว เขาก็ยังได้นั่งอยู่ข้างๆ “ท่านอ๋อง ครั้งหน้าท่านลงมือเบาหน่อยเถิด!”
“ทำไม เจ้ามีปัญหารึ”
“ไม่กล้าพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยไม่ใช่เอ้อร์เหมาเจ้าเด็กนั่นเสียหน่อย ข้าน้อยมีความเป็นมืออาชีพสูง ไม่กล้าขัดคำสั่งหรอกพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าองครักษ์จวนอ๋องที่มีนามว่าต้าเหมาพลางทำแผลให้กับตัวเองพลางพึมพำ (เสียงดัง)
อินสวินอี้ “…”
เอาล่ะ เทียบกับเอ้อร์เหมาที่เขาโยนให้กับลูกชายนั้น คนนี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้วจริงๆ
อินสวินอี้ที่พบจุดสมดุลในจิตใจแล้วจึงสงบลง “นักบวชอาวุโส ต้องวานให้ท่านนำคนของท่านคอยจับตาดูแม่หนูตระกูลกู้คนนั้นไว้ให้ที”
“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว” นักบวชอาวุโสพยักหน้า เขารู้ว่าเซ่าซือมิ่งกู้ผู้นี้มีความสามารถและครอบครองร่างกาสวรรค์ประทานอันหายาก เกรงว่าการตั้งค่ายนั้นจะเป็นเรื่องเท็จ แต่เรื่องแผนการแอบแฝงนั่นต่างหากที่เป็นเรื่องจริง!
ความจริงแล้วกู้หยวนซูมีแผนการแอบแฝงจริง หลังจากที่นางเดินเข้าไปยังกระโจมค่ายก็รีบสื่อสารกับพลังบางอย่างในร่างกายทันที “ท่านปราชญ์ ท่านคิดเห็นอย่างไร”
น้ำเสียงแหบห้าวหยาบกระด้างเสียงหนึ่งค่อยๆ ดังขึ้นในจิตใต้สำนึกของกู้หยวนชู ‘การตัดสินใจของเจ้าดีมาก ต้าซือมิ่งผู้นั้นแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว หากเจ้าเรียกใช้พลังของข้าต่อหน้าเขาย่อมต้องถูกจับได้แน่’
“เก่งกาจขึ้นอีกแล้วหรือ!” กู้หยวนซูตะลึง นางรู้ดีว่าต้าซือมิ่งปกติก็เก่งกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว แล้วเขาที่แข็งแกร่งมากขึ้นต้องเก่งมากเพียงใดกัน
“อืม คาดไม่ถึงว่าบาดแผลที่หยวนคังฮ่องเต้สร้างไว้กับเขาไม่เพียงถูกเขาฟื้นฟูเท่านั้น แต่ยังแข็งแกร่งขึ้นด้วยสิ่งนี้อีกด้วย!” น้ำเสียงของสิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวกู้หยวนซูวิตกกังวลต่อพลังของต้าซือมิ่งบางคนอย่างเห็นได้ชัด
แต่ทว่า ไม่นานเสียงนี้ก็คิดวิธีขึ้นได้ “บัดนี้ เจ้าจงเปิดจิตของเจ้า ข้าจะช่วยให้เจ้าได้สื่อสารกับหยวนคังฮ่องเต้ของเมืองหลวง ให้เขาส่งกำลังเสริมมาเพิ่มอีก สถานการณ์ตรงนี้ผิดปกตินัก”
“ทำเช่นนี้จะไม่ถูกต้าซือมิ่งจับได้หรือ” กู้หยวนซูเป็นกังวล “เขาอยู่ที่นี่”
“ไม่หรอก ข้าสัมผัสได้ว่าเขาอยู่ห่างจากผิวแม่น้ำมาก หากมิใช่การเคลื่อนไหวที่รุนแรงนัก เขาย่อมไม่สามารถสัมผัสได้แน่นอนและคงไม่ตรวจสอบอย่างละเอียดด้วย เพราะเขาน่าจะยุ่งมาก”
กู้หยวนซูถึงได้โล่งใจ เพียงแต่ว่า…
ต้าซือมิ่งบางคนที่ถูกตัดสินว่าไม่สามารถสัมผัสได้นั้น ขณะที่กู้หยวนซูถูก ‘ควบคุม’ ด้วยพลังวิญญาณบางอย่างนั้น เขาก็ได้ลืมตามองไปยังผิวน้ำแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหว!
“กลิ่นอายโบราณ” ต้าซือมิ่งแห่งราชสำนักกล่าวด้วยน้ำเสียงบางเบา แต่ไม่นานเขาก็ละสายตา เพราะเขาได้ยินถึงการเคลื่อนไหวของเจ้าก้อนมอมแมมที่เขาให้ความสนใจมากกว่าแล้ว
“อ้ะเนะเนะ?” เจ้าตัวน้อยที่ถูกเยี่ยนอวี๋อุ้มไว้ สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายจากท่านพ่อคนงามอีกครั้ง เขารีบโผล่ขึ้นไปยังต้นคอของท่านแม่ทันที แล้วเบิกตากว้างมองไปยังด้านหลังมอง…มอง…มอง…
“เร็วเพียงนี้เลยหรือ” เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วเป็นปมสัมผัสได้ถึงต้าซือมิ่งผู้ไม่มีจุดหมายชัดเจน ครั้งนี้ตามมาไวนัก แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ
ทว่าเห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่เยี่ยนเสี่ยวเป่าต้องการ หลังจากที่เขายืนยันแล้วว่ากลิ่นอายที่ใกล้เข้ามานี้เป็นของท่านพ่อคนงามจริงๆ เขาก็ดีใจจนกระทืบเท้าทันที “อ้ะเนะเนะ!”
ชู่ววว์ เยี่ยนอวี๋ปิดปากน้อยๆ ของลูกน้อยเอาไว้ “ครั้งนี้เราไม่จับเขาต้องมีเรื่องแน่”
“อู้อี้…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าอยากบอกว่าไม่มีทาง!
วิ้ง!
ลำแสงสีม่วงค่อยๆ สาดส่องเข้ามาในเวลานี้…
………….