ตอนที่ 205 นางอีกแล้ว! กู้หยวนซู?
เพราะต้าซือมิ่งแห่งราชสำนักในตอนนี้มีกลิ่นอาย ‘เช่นเดียว’ กันกับเยี่ยนอวี๋ และชั้นป้องกันที่เยี่ยนอวี๋สร้างไว้นั้นต้องไม่ทำอะไรต่อ ‘พลังของตน’ อย่างแน่นอน
ดังนั้นแม้แต่เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็ไม่อาจสังเกตเห็นบิดาของเขาได้ในทันทีเช่นกัน
ทว่าเยี่ยนอวี๋ พลังจิตของนางได้เข้าสู่ห้วงความคิดของอิงหลงอาวุโสไปแล้ว “เสี่ยวอิง จงหลับใหลซะ”
“ขอรับ…ปฐมราชินี” อิงหลงอาวุโสเก็บความรู้สึกของตนทั้งหมดโดยเร็ว
เยี่ยนอวี๋เข้าควบคุมจิตใต้สำนึกของอิงหลงอาวุโสทันที นางสามารถรับรู้ถึงสภาพแวดล้อมทั้งหมดผ่านพลังของผู้ใต้บังคับบัญชา รวมถึงความผิดปกติทุกอย่างในจิตใต้สำนึกด้วย
เพราะอิงหลงอาวุโสได้ทิ้ง ‘สิทธิ์การควบคุมร่างกาย’ แล้ว แม้ว่าพลังเทวญาณของมันในตอนนี้จะแข็งแกร่งกว่าพลังของเยี่ยนอวี๋ที่เพิ่งฟื้นฟูกลับมาส่วนหนึ่งมากก็ตาม แต่มันก็ไม่มีความคิดที่จะต่อต้านเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องทรยศที่ไม่สมควรมีอะไรนั่นด้วย
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เยี่ยนอวี๋สัมผัสได้อย่างราบรื่นว่าค่ายกลต้องห้ามที่สะกดผู้ใต้บังคับบัญชาไว้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ “ใช้ผนึกแดนมืดวิญญาณอสูรที่ข้าสร้างไว้ในอดีตมาควบคุมเสี่ยวอิง มิน่าเสี่ยวอิงถึงไม่สามารถหลุดพ้นได้ ทั้งยังไม่ได้สติมาโดยตลอด”
หลังจากที่ยืมใช้การรับรู้ของอิงหลงอาวุโสแล้ว ทำให้เยี่ยนอวี๋สามารถ ‘มองเห็น’ ค่ายกลที่สะกดอิงหลงอาวุโสได้อย่างชัดเจน มันแบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนแรกคือส่วนที่ถูกสร้างเมื่องสามหมื่นปีที่แล้ว ตอนที่นางเพิ่งจะดับสูญ
ส่วนที่สองคือส่วนมลพิษ ถูกสร้างช้ากว่าส่วนแรกประมาณหนึ่งถึงสองปี และส่วนที่สามคือส่วนกับดัก น่าจะถูกสร้างหลังจากที่สร้างส่วนที่สองสมบูรณ์แล้วประมาณสิบปี
“ทั้งหมดทั้งมวลใช้เวลาไปราวยี่สิบปี” ช่วงเวลานี้อาจจะยาวนานมากสำหรับคนปกติทั่วไป แต่สำหรับผู้ฝึกฌาน โดยเฉพาะเทพนั้น ถือว่าสั้นมาก
ดังนั้นเยี่ยนอวี๋เชื่อว่านี่เป็นแผนการที่เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว เพียงแต่…
“การดับสูญของข้าในตอนนั้นเป็นอุบัติเหตุแน่ๆ เหตุใดคนพวกนี้ดูเหมือนจะทำนายได้กันนะ”
เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วแปลกใจ แต่นางรู้ดีว่าสิ่งที่ควรกังวลในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องนี้ ดังนั้นหลังจากที่นางไตร่ตรองสถานการณ์เบื้องต้นได้แล้ว นางจึงเริ่มสร้างกุญแจสติให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา
ทันใดนั้นเอง…
วิ้ง
คลื่นลูกหนึ่งที่ถึงแม้จะอ่อนแอมาก แต่ก็ดึงดูดความสนใจของเยี่ยนอวี๋ได้ พุ่งออกมาจากค่ายกลต้องห้ามที่สะกดพลังเทวญาณชองอิงหลงอาวุโสไว้?!
ขณะเดียวกัน บริเวณชายฝั่งของแม่น้ำเย่ว์หมิง คลื่นพลังงานที่ดูเหมือนมีและไม่มีกำลังค่อยๆ พุ่งออกมาจากจิตใต้สำนึกของกู้หยวนซูอย่างระมัดระวังด้วยเช่นกัน
“ท่านปราชญ์ ดูเหมือนท่านจะระวังมากกว่าแต่ก่อนไม่น้อย” กู้หยวนซูเพิ่งเคย ‘เห็น’ ท่านปราชญ์ที่ระมัดระวังเช่นนี้เป็นครั้งแรก ทำให้นางรู้สึกสนใจในระดับความแข็งแกร่งของต้าซือมิ่งบางคนมากขึ้น
‘เพราะว่าค่ายกลที่ข้าสร้างไว้ใต้แม่น้ำมีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ข้าสงสัยว่าต้าซือมิ่งผู้นั้นได้เข้าไปในค่ายกลแล้ว’ น้ำเสียงแปลกประหลาดเจือความเคร่งขรึมระหว่างการอธิบาย
“อะไรนะ!” กู้หยวนซูตกใจสุดขีด “ต้าซือมิ่ง…เขาแข็งแกร่งถึงขั้นสามารถทำลายผนึกของปฐมราชินีราชวงศ์หยวนแล้วหรือ! เขา…”
‘อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไป ให้ข้าดูก่อน’ หลังจากที่น้ำเสียงแปลกประหลาดกล่าวจบ ความสนใจส่วนใหญ่ของมันก็อยู่ที่…ค่ายกลต้องห้ามตรงหน้าเยี่ยนอวี๋
“เป็นนางอย่างนั้นหรือ!” เยี่ยนอวี๋สัมผัสได้ทันทีว่าการเคลื่อนไหวอันชั่วร้ายที่ออกมาจากค่ายกลนั้นเป็นกลิ่นอายเดียวกันกับตอนที่นางหลุดออกจากสามภพ!
“กู้หยวนซูหรือ” เยี่ยนอวี๋หรี่ตาลงเล็กน้อย ดูเหมือนน่าสนใจ แต่ความจริงแล้วกำลัง ‘จ้องมอง’ ค่ายกลต้องห้ามตรงหน้านี้ด้วยแรงสังหารเต็มเปี่ยม นางคาดไม่ถึงจริงๆ…
เจ้าของกลิ่นอายชั่วร้ายนี้แข็งแกร่งถึงขั้นไม่เพียงแต่สามารถทำร้ายเยี่ยนจื่ออวี๋สาวน้อยคนนั้นเท่านั้น แต่ยังสามารถทำร้ายลูกน้องของนางได้อีกด้วย
…
ขณะเดียวกัน น้ำเสียงแปลกประหลาดในจิตใต้สำนึกของกู้หยวนซูได้พึมพำออกมาอย่างไม่รู้ตัวว่า ‘น่าแปลก ทุกอย่างล้วนดูปกติดี แต่ข้ามีความรู้สึกที่ไม่ดีนัก ราวกับมีคนกำลังจ้องมองข้าอยู่ปานนั้น’
“หมายความว่าอย่างไร” กู้หยวนซูไม่เข้าใจ
แต่น้ำเสียงนั้นไม่ได้ตอบกลับนาง แต่กลับพึมพำต่อไปราวกับฝันอยู่ว่า ‘รอบๆ ก็ไม่มีกลิ่นอายของต้าซือมิ่งผู้นั้น แต่ก็ดูเหมือนการรับรู้ของข้าถูกจำกัดไว้อย่างไรอย่างนั้น มีวิญญาณที่แข็งแกร่งดวงหนึ่งกำลังจ้องมองข้าอยู่…น่าแปลก…เกิดอะไรขึ้นกันแน่…’
ความสับสนในใจทำให้น้ำเสียงนี้ปล่อยพลังที่มากกว่าเดิมออกมา แต่ทว่าภายใต้การควบคุมของเยี่ยนอวี๋นั้น ทำให้มันไม่สามารถรับรู้ใดๆ ได้ทั้งสิ้นอย่างแน่นอน ผ่านไปครู่หนึ่ง…
ตอนที่ 206 ในที่สุดก็ได้พบ!
ท่าน ‘ปราชญ์’ ผู้มีลางสังหรณ์ไม่ดีนัก ถอยกลับไปทันที!
แต่กลับทำให้เยี่ยนอวี๋ที่สังเกตการณ์อยู่รู้สึกเบื่อหน่าย “นึกว่าจะก่อเรื่องเสียอีก คาดไม่ถึงเลยว่าจะระวังตัวถึงเพียงนี้…ก็ดีเหมือนกันลดภาระดี”
เยี่ยนอวี๋ไม่กังวลเรื่องอื่น เพียงแค่กลัวว่าอีกฝ่ายจะก่อเรื่อง ทำให้นางไม่สามารถสร้างกุญแจเสริมให้กับลูกน้องได้สำเร็จ ดังนั้นที่อีกฝ่าย ‘รู้ตัว’ เช่นนี้ก็ถือเป็นการลดภาระให้แก่นางเช่นกัน
แต่ทว่านี่ก็ได้เตือนสติเยี่ยนอวี๋เช่นกัน ทำให้นางระมัดระวังเป็นพิเศษในการวาดภาพไท่จี๋ที่มีกลิ่นอายดั้งเดิมยิ่งกว่าออกมา พร้อมทั้งเข้าไปยังจิตใต้สำนึกของอิงหลงอาวุโสอย่างรวดเร็ว
วิ้ง!
ภาพไท่จี๋ที่ไร้รูปทรง ทว่าเต็มไปด้วยการเคลื่อนไหว ไม่นานก็ได้ยึดปีกอิงหลงขนาดยักษ์เป็นจุดศูนย์กลางและแผ่กลิ่นอายไปทั่วทุกทิศ
กลิ่นอายเช่นนี้…
ทำให้ต้าซือมิ่งแห่งราชสำนักที่เข้าใกล้พื้นที่แห่งนี้แล้วตกตะลึง “ภาพไท่จี๋หยวนชู นางกำลังทำอะไรอยู่”
“อ้ะเนะ!”
ต้าซือมิ่งที่ตกตะลึงปล่อยกลิ่นอายของตนออกมาอย่างไม่รู้ตัวจึงทำให้เจ้าตัวน้อยที่อ่อนไหวจับสัมผัสได้ “อ้ะเนะเนะ?”
ท่านพ่อคนงามของข้าหรือ
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เดิมทีกำลังมองปีกขนาดยักษ์อันสวยงามนี้อยู่อย่างใจจดใจจ่อ บัดนี้ได้หันศีรษะกลับไปยังด้านหลังแล้วลุกขึ้นนั่งอย่างกระฉับกระเฉงราวกับเสือดาวน้อย แล้วมองไปทางต้าซือมิ่งบางคนด้วยสายตาแป๋วแหวว
มีชั่วขณะหนึ่งที่เขาถึงขั้นขยับขาน้อยๆ จะไปก้าวออกไปแล้ว!
แต่ทว่าเขาก็เก็บความคิดนี้เอาไว้ เพราะเขานึกถึงคำตักเตือนของท่านแม่ ดังนั้นเขาจึงได้หันศีรษะไปทางท่านแม่คนงาม “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ?…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าลองปลุกท่านแม่คนงาม พร้อมทั้งบอกนางให้ทราบว่า ‘ท่านพ่อคนงามมาแล้ว’ แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะความสนใจของเยี่ยนอวี๋นั้นได้อยู่ในจิตใต้สำนึกของอิงหลงอาวุโสทั้งหมดแล้ว
เพราะเยี่ยนอวี๋พบว่า ระดับของการถูกสึกกร่อนและการถูกควบคุมของลูกน้องของนางตนนี้ เหนือความคาดหมายของนางไปมากนัก “เทวญาณทั้งหมดถูกรบกวน เหลือเพียงรอยประทับที่ข้าให้ไว้แต่ก่อน จึงได้ฝืนรักษาไว้ได้ หากข้ามาช้าอีกสองสามปี เกรงว่ารอยประทับนี้ก็คงถูก ‘ลบล้าง’ ไปด้วยแล้ว”
ถึงแม้จะมองออกว่าค่ายกลต้องห้ามนี้ไม่เพียงแต่ชั่วร้าย แต่ยังมีเล่ห์เหลี่ยมมากด้วย รู้จักใช้พลังผนึกของนาง เยี่ยนอวี๋รู้อยู่แล้วว่าสถานการณ์ของลูกน้องต้องไม่ดีแน่ แต่ที่แย่ถึงเพียงนี้ก็เหนือความคาดหมายของนางเช่นเดียวกัน
“โชคดี” เยี่ยนอวี๋พูดได้เพียงว่า โชคนี้ที่นางมาถึงแล้ว! โชคดีที่ลูกน้องของนางยังตอบรับนางอย่างรวดเร็วแม้จะเหลือสติอยู่เพียงน้อยนิดก็ตาม และยังเชื่อใจนางโดยไม่คิดอะไรเลย
เยี่ยนอวี๋ที่รู้สึกโชคดีมากก็ได้กระตุ้นภาพไท่จี๋อย่างใจจดใจจ่อ! และกำจัดพลังต้องห้ามที่กัดกร่อนลูกน้องของนางเหล่านั้นได้สำเร็จ พร้อมทั้งสร้างกุญแจป้องกันตนเองให้ใหม่ทั้งหมด
ดังนั้นนางจึงไม่ได้ยินเสียงร้อง ‘อ้ะเนะเน’ ของลูกน้อย…
ทว่าเยี่ยนอวี๋ได้ร่ายเกราะคุ้มกันให้กับเจ้าตัวน้อยไว้ตั้งนานแล้ว ดังนั้นหากเจ้าตัวน้อยหลุดออกจากเกราะคุ้มกันก็จะสามารถเรียกสตินางได้ แต่เจ้าตัวน้อยนั้นก็เชื่อฟังมาก เขาไม่ได้วิ่ง ยังคงส่งเสียง ‘อ้ะเนะเนะ’ อย่างต่อเนื่อง
“อ้ะเนะเนะ? อ้ะเนะเนะ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ยังคงร้องขอความเห็นจากท่านแม่คนงามอยู่ หลังจากที่รอคำตอบไม่ไหว เขาจึงได้ร้อง ‘อ้ะเนะเนะ’ ต่อไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ยังคงไม่ได้การตอบกลับ เขาเริ่มร้อนใจแล้ว หลังจากที่เกาศีรษะโล้นน้อยๆ ของตนแล้วก็ไม่สามารถหยุดความคิดที่อยากจะวิ่งออกไป ‘รอบนอก’ ได้อีกครั้ง
หลังจากนั้น เขาที่วิ่งออกไประยะหนึ่งก็หยุดลงด้วยความโกรธ “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่จำได้ว่าตนสัญญาว่าจะไม่ไปไหนมั่วซั่ว ไม่ทำให้คนอื่นเป็นห่วงอีกก็จับแก้มน้อยๆ อันอวบอ้วนของตน “อ้ะเนะเนะ!” เสี่ยวเป่าจะทำอย่างไรดี!
เสี่ยวเป่าอยากไปหาพ่อพ่อ!
แต่เสี่ยวเป่าไปไม่ได้!
แต่เสี่ยวเป่าอยากไปมาก!
แต่เสียวเป่าก็ไปไม่ได้…
เสี่ยวเป่าที่ร้อนใจจนหมุนตัวไปมา เขาร้อนใจจนศีรษะแทบจะชุ่มเหงื่อแล้ว
ทว่าโชคดีที่ก่อนที่เจ้าคนใจร้อนบางคนจะ ‘เป็นบ้า’ ขึ้นมา บิดาของเขาก็ได้ปรากฏตัวออกมาแล้ว
ต้าซือมิ่งแห่งราชสำนักมาหาเยี่ยนอวี๋ตามความรู้สึกได้สำเร็จ เขาปรากฏตัวอย่างไร้เสียง ไร้การเคลื่อนไหวและไร้กลิ่นอายใดๆ
“เนะ!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าเงยศีรษะอย่างสัมผัสได้!
ต้าซือมิ่งบางคนที่เพิ่งจะวางเท้าทั้งสองลงพื้นก็ได้สบเข้ากับดวงตาสีดำดุจอัคนี สวยงามดุจจักรวาลของลูกน้อยแล้ว ทำให้เขาลืมตัวไปเล็กน้อย
เยี่ยนเสี่ยวเป่ายิ่งตะลึงงัน!
เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวน้อยคาดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะสามารถเห็นท่านพ่อคนงามได้อย่าง ‘ชัดเจน’ เพียงนี้ เขาไม่ได้พบมานานแล้ว นี่จึงทำให้เขาดีใจจนรีบอ้าปาก เตรียมที่จะส่งเสียงร้องและพร้อมที่จะออกไปแล้ว!
หลังจากนั้น…
ชู่ว์
ต้าซือมิ่งยกนิ้วมือเรียวยาวทาบบนริมฝีปากและหันไปทางเจ้าตัวน้อยเป็นสัญญาณบอกให้เงียบ เขาเดินมาตรงหน้าของเจ้าตัวน้อย และนั่งลงอย่างเป็นธรรมชาติ
“อ้ะ!…”