ตอนที่ 209 สุดยอด!
วิ้ง!
เยี่ยนอวี๋แผ่พลังเทพอันแรงกล้าออกมาตามสัญชาตญาณ ห้วงอากาศโบราณทั้งมวลถูกกระตุ้นจนปลดปล่อยแสงสว่างเจิดจ้า แม้กระทั่งบนแม่น้ำเย่ว์หมิงก็เกิดปรากฏการณ์แสงสีรุ้งแปลกประหลาด
ปฏิกิริยาราวกับ ‘ระเบิดลง’ เช่นนี้ทำเอาต้าซือมิ่งที่มีเจตนาดีแทบจะกุมขมับ แต่เขาก็รู้ดีว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะการกระทำก่อนหน้านี้ของตนทั้งนั้น
ในชั่วขณะที่เยี่ยนอวี๋ ‘ระเบิดลง’ เขาก็ส่งสารอธิบายว่า “ใจเย็น ข้ามิได้มีเจตนาร้าย อย่างน้อยเรื่องของโยวตู เราก็อยู่ฝ่ายเดียวกัน”
เยี่ยนอวี๋มิได้ตอบ แต่นางยังคงตื่นตัวตลอดเวลา ทว่าในชั่วขณะที่นาง ‘ระเบิดลง’ นั้น นางก็รับรู้ได้อย่างชัดเจนแล้วว่า ต้าซือมิ่งที่มาจากราชสำนักคนนี้ไม่มีเจตนาร้าย เพียงแต่ว่านางมีอคติต่อคนคนนี้ อีกทั้งนางก็ยังไม่มั่นใจว่าหลังจากแก้ไขปัญหาอุทกภัยโยวตูแล้ว คนคนนี้จะยังคงมี ‘เจตนาดี’ หรือไม่ อีกอย่าง จนถึงบัดนี้นางก็ยังไม่เข้าใจว่าคนคนนี้ต้องการทำอะไรกันแน่
ทว่าปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้ เยี่ยนอวี๋มิได้ต้องการตรวจสอบและก็มิได้มีเวลาตรวจสอบให้แน่ชัดในยามนี้ นางจึงกลับไปหมกมุ่นกับเรื่องที่อยู่ตรงหน้าต่อไปอย่างรวดเร็ว และยังคอยเฝ้าระวังต้าซือมิ่งอยู่ตลอดเวลาด้วย
ภายใต้การควบคุมของเยี่ยนอวี๋ กระบี่ไท่ชางส่งเสียงร้อง วิ้งๆ มันทำให้ภาพไท่จี๋แห่งหยวนชูแข็งแกร่งขึ้นมาก ภาพไท่จี๋แห่งศักราชหยวนชูถูกฝังลึกเข้าไปในจิตวิญญาณของมังกรโบราณราวกับหนอนที่ชอนไชเข้าไปในร่างกาย
ไม่เพียงเท่านี้ ภาพไท่จี๋แห่งศักราชหยวนชูที่ส่งเสียงร้อง วิ้งๆ อย่างแข็งแกร่งยังกวาดล้างและทำลายล้างพลังต้องห้ามที่แพร่กระจายอยู่ในร่างของมังกรโบราณอย่างรวดเร็ว
เพียงชั่วขณะหนึ่ง พลังค่ายกลลักษณะคล้ายเส้นไหมสีดำมืดมิดที่เกิดจากค่ายกลต้องห้ามก็ถูกภาพไท่จี๋ทำลายล้างจนหมดสิ้น! ไม่เหลือแม้เพียงน้อย ทว่าเท่านี้ยังไม่จบ…
ตู้ม!
พลังอันยิ่งใหญ่ของภาพไท่จี๋ศักราชหยวนชูยังคงบุกโจมตีเข้าไปในค่ายกลต้องห้ามนั้น มันทะลวงเข้าไปราวกับข้ามผ่าน ‘ดินแดนไร้มนุษย์’ ทำลายหลักศิลาค่ายกลจนพังทลายไม่น้อย
กรรร…
มังกรศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ แข็งแกร่งและน่าเกรงขามองค์หนึ่งสยายปีกออกจากค่ายกลต้องห้ามราวกับหลุดออกมาจากกรง ทำเอาปีกแห่งมังกรอันมโหฬารอันเป็นสัญลักษณ์ของพลังมังกรโบราณกระพือปีกทำท่าพร้อมจะโบยบิน
“อ้ะ!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าตะลึง…
ต้าซือมิ่งเองก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ถึงแม้เขาจะรู้ว่ากระบี่ไท่ชางเอื้อต่อการ ‘ทำงาน’ ของมารดาของเขา ทว่าประสิทธิภาพเช่นนี้ก็อยู่เหนือความคาดหมายของเขามาก
“ถึงแม้ว่ากระบี่ไท่ชางจะเห็นนางเป็นเจ้านาย ยินยอมรับใช้นาง แต่ดูเหมือนว่านางรู้จักกระบี่ไท่ชางดีเกินไป?” ต้าซือมิ่งราชสำนักครุ่นคิดพลางขมวดคิ้ว เขารู้สึกตงิดใจอย่างไรบอกไม่ถูก
อันที่จริงตั้งแต่ที่กระบี่ไท่ชางปรากฏ เขาก็รู้สึกประหลาดแล้ว มัน ‘เชื่อฟัง’ เจ้านายคนใหม่มากเกินไป แต่เดิมเขาคิดว่านี่เป็นความประสงค์ของปฐมราชินีหยวนชู ในเมื่อมารดาของเด็กน้อยได้รับมรดกจากปฐมราชินีแล้ว กระบี่ไท่ชางย่อม ‘เชื่อฟัง’ ทว่าการเชื่อฟังของกระบี่ไท่ชางดูเหมือนจะมีอะไรมากกว่านั้น…
ต้าซือมิ่งที่ตกอยู่ในห้วงความคิดพลันมองออกไป เขาอยากจะทำความเข้าใจความสัมพันธ์ของกระบี่ไท่ชางและมารดาของเด็กน้อยอีกครั้ง แต่กลับถูกท่าทางตบมืออย่างตื่นเต้นดีใจของเจ้าตัวน้อยเบี่ยงเบนความสนใจไป
“อ้ะ! อ้ะเนะเนะ ฮ่า…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ทั้ง ‘มีความสุข’ และหัวเราะ เขามองปีกที่สยายพร้อมจะบินอย่างดีอกดีใจเหมือนยามที่เขาเจอท่านพ่อรูปงามของเขา เด็กน้อยที่มองปีกแห่งมังกรขนาดยักษ์อันงดงามนั้น ในสายตาของเขาแล้วมีเพียงความเลื่อมใสและความรู้สึกมหัศจรรย์ใจ
ท่าทางของเจ้าตัวน้อยนั่นทำเอาต้าซือมิ่งหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างไม่รู้ตัว ทว่า… จู่ๆ ต้าซือมิ่งก็กระจ่างในทันที
‘เลื่อมใส’
ต้าซือมิ่งราชสำนักมองไปที่กระบี่ไท่ชาง ในที่สุดเขาก็พบจุดต่างแล้ว มันไม่เพียงเชื่อฟังมารดาของเด็กน้อย มันยังเลื่อมใสในตัวนาง อีกทั้งยังเป็นความเลื่อมใสที่อยู่เหนือความรู้สึกอื่นใดด้วย
เช่นนี้แล้ว…
“ปฐมราชินีกลับชาติมาเกิดหรือ”
ต้าซือมิ่งราชสำนักกระตุกยิ้มมุมปาก เห็นได้ชัดว่าสายตาที่เขามองไปที่สตรีนางนั้นสดใสขึ้นมาก มิหนำซ้ำยังเกิดความสนใจในตัวนางขึ้นมาโดยที่เขาไม่รู้ตัวด้วย
ส่วนเยี่ยนอวี๋ที่ถูก ‘มอง’ ก็ไม่รู้สึกตัวเลย เพราะว่านางพบว่าพลังของภาพไท่จี๋ที่ทะลวงเข้าไปในค่ายกลต้องห้ามถูกขัดขวางไว้แล้ว!
วิ้ง!
อำนาจแห่งความชั่วร้ายและทรงพลังในค่ายกลกำลังตื่นขึ้น…
ดวงตาสีม่วงอันลุ่มลึกของเยี่ยนอวี๋สาดมองเข้าไปในค่ายกลทันที นางอยากรู้เหลือเกินว่าคืออสูรตัวใดที่บังอาจเข้ามาสร้างปัญหาซ้ำยังมายุ่งกับลูกน้องของนาง
ในขณะเดียวกัน…
ตอนที่ 210 ‘ภรรยา’ ดูดีจังเลย!
ณ บริเวณแม่น้ำเย่ว์หมิงมีหมอกปกคลุมไปทั่ว! แม่น้ำเย่ว์หมิงที่ปั่นป่วนถูกเมฆหมอกปกคลุมอย่างแน่นหนา
ผ่านไปเพียงไม่นาน ทั้งเมืองโยวตูก็ถูกปกคลุมไว้หมดแล้ว
“อะไรกันอีกล่ะนี่”
เยี่ยนจื่อเสาแสดงสีหน้าเคร่งเครียด เขารู้สึกว่าสถานการณ์ในใต้น้ำเย่ว์หมิงซับซ้อนเกินไปแล้ว
“กลิ่นอายความชั่วร้าย!” เม่ยเอ๋อร์สูดอากาศรอบๆ นัยน์ตาเปล่งประกายแสงสีแดง “เป็นกลิ่นอายชั่วร้ายที่ทรงพลังนัก”
“ชั่วร้ายมากจริงๆ” นักบวชโยวตูที่อยู่ห่างจากทั้งสองคนไม่ไกลนักก็เห็นด้วยกับคำพูดของเม่ยเอ๋อร์ “อีกทั้งยังเก่าแก่มาก เกรงว่านี่คือต้นตอที่ทำให้แม่น้ำเย่ว์หมิงประสบภัยน้ำท่วมทุกปี”
ทว่าไม่ว่าเม่ยเอ่อร์หรือนักบวชโยวตู พวกเขาในบัดนี้ไม่รู้เลยว่าหมอกหนากลุ่มนี้ไม่เพียงปกคลุมเมืองโยวตู มันยังปกคลุมพื้นที่ต้องห้ามกว่าครึ่งของโยวตู แม้กระทั่งเมืองหลวงตี้ชิวก็ถูกปกคลุมไว้แล้ว!
“…ข้ารู้สึกหนาวจังเลย” อินหลิวเฟิงที่กลับมาที่เดิมแล้ว ถึงแม้เขาเองก็ไม่รู้ขอบเขตที่หมอกหนาปกคลุม แต่เขาก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบตามสัญชาติญาณ
“นายท่านน้อย ก็เพราะว่าเสื้อของท่านเปียกอย่างไรเล่า” เอ้อร์เหมากล่าวอย่างตรงไปตรงมา “เปียกมานานแล้ว ท่านก็ไม่อบแห้งเสียที ข้าน้อยเห็นแล้วยังรู้สึกหนาวแทนท่านเลยขอรับ”
อินหลิวเฟิง “…”
เขาค่อยๆ ใช้พลังฌานตบะ ‘อบ’ เสื้อผ้าจนแห้ง ก่อนจะค่อยๆ เบี่ยงเบนความสนใจของตนเองไปรอบทิศเพื่อมิให้ตนเองโมโหตาย!
…
ท่ามกลางหมอกหนาเหล่านี้ ไม่มีผู้ใดพบว่ามีแสงสลัวไร้เสียงกำลังไหลออกมาจากค่ายทหารของกู้หยวนซู และมันก็หลอมรวมเข้าไปในหมอกหนาอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกัน พลังมืดที่มองไม่เห็นก็ไหลออกมาจากค่ายกลต้องห้ามที่เยี่ยนอวี๋สำรวจ มันส่งเสียงขู่คำรามพร้อมเข้าขย้ำราวกับสุนัขบ้า
วิ้ง!
กระบี่ไท่ชางร้องเตือน!
“ระวัง!”
ต้าซือมิ่งที่สัมผัสได้ก็เตือนเยี่ยนอวี๋ทันที ถึงแม้ทุกอย่างจะเกิดขึ้นภายในปีกแห่งมังกร แต่เขาก็สัมผัสถึงอันตราย
วิ้ง
แสงเงาสีสันสดใสราวกับสายรุ้งของเยี่ยนอวี๋กลับคว้ากระบี่ไท่ชางไว้ในมือก่อนจะหายวับเข้าไปในปีกแห่งมังกร
ในขณะเดียวกัน…
ฉับ!
พลังมืดที่มิอาจมองเห็นที่จู่โจมเยี่ยนอวี๋และมังกรก็ถูกเยี่ยนอวี๋ฟันด้วยกระบี่จนแยกเป็นสองท่อน ไม่เพียงเท่านี้…
“เจ้าปีศาจ! เปิดเผยตัวซะ”
เยี่ยนอวี๋ที่แปลงตัวเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าก็ร่ายมนต์คุมพลังมืดที่แผ่ซ่านออกมาไว้ได้ก่อนจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของมันราวกับกระจกวิเศษทันที
หวีดดด…
ปีศาจลักษณะคล้ายระกามีเก้าศีรษะราวกับเกิดผิดรูปปรากฏต่อหน้าเยี่ยนอวี๋ นางชะงัก “ตัวอะไรกัน”
ตูม! ปีศาจรูปร่างไก่ตัวนั้นกลับสลายตัวหายวับในทันใด เหลือเพียงเสียงร้องอันคลุ้มคลั่งราวกับเสียสติและบันดาลโทสะ…
เยี่ยนอวี๋ชะงักงัน “นี่คือไก่จริงๆ หรือนี่”
เรื่องนี้อยู่เหมือความคาดหมายของเยี่ยนอวี๋มากนัก ถึงแม้ว่านางจะเคยต่อสู้กับปีศาจระกามาก่อน ทว่าปีศาจระกาหน้าตาอัปลักษณ์เช่นนี้ นางเพิ่งเคยพบเจอครั้งแรกจริงๆ หากเกิดเป็นมังกรเก้าศีรษะ แม้จะมีรูปลักษณ์อัปลักษณ์ แต่อย่างน้อยก็ยังน่าเกรงขาม
ทว่า… เจ้าระกาเก้าเศียรนี่สิ เยี่ยนอวี๋รู้สึกเสียสายตานัก นางต้องกลับไปมองเด็กน้อยเพื่อบำรุงสายตาเสียหน่อยแล้ว หากไม่ใช่เพราะยังมี ‘สติ’ หลงเหลืออยู่ เยี่ยนอวี๋คงกลับไปดูเด็กน้อยก่อนแล้ว
“เฮ้อ”
หลังจากเยี่ยนอวี๋ตั้งสติ นางก็พุ่งความสนใจไปที่ค่ายกลต้องห้ามที่ ‘เพาะพันธุ์’ ปีศาจระกาออกมา นางมั่นใจว่าปีศาจระกาตัวนั้นคือผู้สร้างค่ายกลนี้ และตัวเมื่อครู่นี้เป็นร่างแยกของมัน
“มันจริงๆ ด้วย” เยี่ยนอวี๋ไม่พอใจนัก เพราะว่าศัตรูหน้าตาอัปลักษณ์เกินไป ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามมีความสามารถก็จริง แต่นางยังคงไม่พอใจเท่าไรอยู่ดี นางถึงกับต้องจินตนาการถึงหน้าเด็กน้อยจิ้มลิ้มของนางพลางสำรวจผังค่ายกลของค่ายกลต้องห้าม นางรู้ว่ายามนี้เป็นเวลาทำลายค่ายกลที่ดีที่สุด
ในขณะเดียวกัน กู้หยวนซูที่กระอักเลือดอีกครั้งก็กำลังกลืนยาช่วยชีวิตและยาชุบวิญญาณแล้ว ส่วนคนที่ถูกนางเรียกว่า ‘ท่านปราชญ์’ ท่านนั้นก็คือปีศาจระกาเก้าเศียรที่ถูกเยี่ยนอวี๋กำราบจนกลับคืนสู่ร่างเดิมนั่นเอง
‘ระกาเก้าเศียร’ ท่านนั้นยังส่งสารให้กู้หยวนซู ‘เร็วเข้า! ให้จักรพรรดิหยวนคังส่งกำลังเสริมมา หากผู้แข็งแกร่งประจำเมืองหลวงของตำหนักซือมิ่ง สำนักคุนอู๋ สำนักเหยาไถเซียนและสำนักชิงเหลียนมาได้ทั้งหมดจะเป็นการดีที่สุด’
“เกิดเรื่องแล้วหรือ” กู้หยวนซูยังไม่ทันแก้อาการปวดศีรษะได้ นางรู้สึกเพียงตะลึงงัน นางสัมผัสได้ว่าท่านปราชญ์ที่อยู่ในร่างวิญญาณนี้กำลังตระหนก ท่านปราชญ์ถึงกับตระหนกเลยหรือ!?
“ใช่! พลังของต้าซือมิ่งท่านนั้นอยู่เหนือความคาดหมายของข้ามาก อีกทั้งเขายังควบคุมภาพไท่จี๋หยวนชูไว้ และยังครอบครองกระบี่ไท่ชาง! เขาสามารถใช้พลังกระบี่ไท่ชางได้!” ปีศาจระกาเก้าเศียรที่กำลังตระหนกอย่างเห็นได้ชัดโบ้ยความผิดทั้งหมดไปที่ต้าซือมิ่งทันที
แน่นอนว่าอันที่จริงเขาเองก็คิดว่าคนที่สู้กับเขาเมื่อครู่นี้คือต้าซือมิ่งราชสำนัก ถึงอย่างไรเยี่ยนอวี๋ก็ใช้ร่างวิญญาณของผู้ใต้บังคับบัญชาคนเก่าตลอดเวลา และครั้นนางใช้ร่างเดิมโจมตี ปีศาจระกายังไม่ทันได้เห็นอะไรก็ถูกฟาดฟันเสียแล้ว
เขาจึงไม่รู้เลยว่าคนที่โจมตีเขาจนกลับคืนร่างเดิมนั้นไม่ใช่ต้าซือมิ่ง แต่คือเยี่ยนอวี๋ ปฐมราชินีหยวนชูแห่งตำหนักไท่ชาง
ทว่าจักรพรรดิหยวนคังส่งกำลังเสริมอันน่าสะพรึงมาที่โยวตูตั้งแต่แรกแล้ว! ผู้แข็งแกร่งจำนวนไม่น้อยของตำหนักซือมิ่ง สำนักคุนอู๋ สำนักเหยาไถเซียน สำนักชิงเหลียนถูกส่งมาโยวตูแล้ว แต่ต้าซือมิ่งราชสำนักที่ถูกโบ้ยความผิดให้กลับยังไม่รู้ตัว… ถึงแม้จะรู้ เขาก็คงไม่สนใจ เพราะเขากำลังมองมารดาของเด็กน้อยหรือก็คือผู้ ‘โบ้ยความผิด’ อย่างสนอกสนใจ เขากำลังรอให้นางตื่น!
ส่วนเยี่ยนอวี๋…
“หืม?”