“หน้าไม่อายจริงๆ!” กู้หยวนซูอยากจะพ่นคำหยาบที่อยู่ในใจเป็นหมื่นล้านคำ แต่นางต้องควบคุมตนเองให้สุขุมไว้ ถึงอย่างไรนางก็เป็นถึงเซ่าซือมิ่งที่อายุน้อยที่สุดในตำหนักซือมิ่ง อีกทั้งยังเป็นยอดสตรีแห่งราชวงศ์ต้าซย่า
สตรีหน้าไม่อายคนนี้ต้องรู้จักชื่อเสียงของกู้หยวนซูแน่นอนจึงเอาแต่มองนางตั้งแต่แรก ในใจคงกำลังคิดว่าจะเหยียบนางให้จมดินอย่างไร แต่ต้องเสียใจด้วยนะ ไม่ว่าจะใช้กลอุบายชั่วร้ายเพียงใด สตรีที่มีบุตรแล้วก็ไม่มีทางได้ใจต้าซือมิ่งไปหรอก ไม่มีทาง!
ส่วน… ส่วนต้าซือมิ่งที่เอาแต่มองสตรีนางนี้ เรื่องนั้น… เขาต้องถูกล่อลวงแน่ๆ!
เมื่อคิดได้ดังนี้ กู้หยวนซูก็หายวับไปขวางหน้าต้าซือมิ่งทันที นางไม่ได้เข้าใกล้ต้าซือมิ่งมากนัก แต่ก็บดบังสายตาของต้าซือมิ่งได้พอดิบพอดี และการขวางหน้าของนางเช่นนี้…
“อ้ะ!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าร้องประท้วงทันที “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ!…” ออกไป! อย่ามาบังท่านพ่อรูปงามของข้า…
กู้หยวนซูที่ฟังไม่รู้เรื่องย่อมไม่หลีกไปไหน แน่นอนว่าหากนางฟัง ‘ภาษาเด็ก’ รู้เรื่อง นางก็ไม่ยอมหลีกแน่นอน มิหนำซ้ำบัดนี้จุดสนใจของนางก็ไม่ได้อยู่บนตัวของเด็กน้อยด้วย นางสนใจเพียงเยี่ยนอวี๋ผู้เดียว
เยี่ยนอวี๋สร้างแรงกดดันให้กู้หยวนซูมากเกินไป มากจนถึงแม้เยี่ยนอวี๋จะอุ้มลูกไว้ ถึงแม้นางจะเป็นแม่คนแล้วก็ยังทำให้กู้หยวนซูต้องระวังตัว เนื่องจากกู้หยวนซูที่ถูกขนานนามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งต้าซย่านั้น นางรู้ตัวแล้วว่าหน้าตาของตนสู้เยี่ยนอวี๋ไม่ได้ เพราะว่าความงามของเยี่ยนอวี๋เป็นความงามที่ไม่ว่านางจะหาที่ติอย่างไรก็หาไม่เจอ
อันที่จริงเหล่าผู้คนในค่ายราชสำนักเองก็ตะลึง พวกเขาถึงกับอุทานจากก้นบึ้งหัวใจ “สตรีนางนี้… งดงามนัก”
ถึงแม้ว่าเฉิงคั่วเป็นคนที่เคยเจอเยี่ยนอวี๋เป็นครั้งที่สองแล้ว เขาก็ยังตะลึงในความงามของนาง แต่อย่างน้อยเขาก็ตั้งสติได้เร็วกว่าคนอื่น จากนั้นเขาก็คิดบางอย่างขึ้นได้
“เฉิงคั่วคารวะต้าซือมิ่งขอรับ!” เฉิงคั่วคุกเข่าลงบนพื้นทันที เสียงขานเรียกของเขาไม่หนักแน่นนัก ก่อนจะรู้ตัวว่าตนได้เจอต้าซือมิ่งตัวจริงแล้ว!
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เฉิงคั่วรู้อยู่แล้วว่าต้าซือมิ่งอยู่ที่นี่ ทว่าต้าซือมิ่งผู้ทำตัวลึกลับประหนึ่งเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหางท่านนี้โดยทั่วไปแล้วจะไม่ปรากฏต่อหน้าผู้คน
“ต้าซือมิ่ง!”
“คารวะต้าซือมิ่ง!”
คนราชสำนักทุกคนที่ถูกเฉิงคั่วดึงสติกลับมาต่างคุกเข่ากันเป็นพัลวัน จากนั้นพวกเขาก็เงียบเป็นเป่าสากราวกับหวาดผวาสุดขีด ทำเอาเม่ยเอ๋อร์และเยี่ยนจื่อเสาระวังตัวขึ้นมาทันที “เขาก็คือต้าซือมิ่งหรือ”
“ใช่แล้ว” อินหลิวเฟิงยืนยัน ใจเต้นตุ๊มๆต้อมๆ เพราะต้าซือมิ่งหรงในบัดนี้ยืนอยู่ฝั่งกองทัพฝ่ายศัตรู! ถึงแม้ ‘กองทัพ’ ที่ตั้งขึ้นนี้เป็นเพราะกู้หยวนซูรวบรวมมาก็ตาม
ทว่าอินหลิวเฟิงยังคงเป็นกังวล เพราะต้าซือมิ่งมาช่วยแก้ไขปัญหาอุกทกภัยก็เป็นบุญมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้ามาพัวพันกับสงครามอำนาจระหว่างราชสำนักและโยวตู ไม่เพียงแต่ต้าซือมิ่ง อันที่จริงคุณหนูใหญ่เยี่ยนก็ไม่จำเป็นต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง
เมื่อคิดได้ดังนั้น อินหลิวเฟิงยังคงอยู่ข้างหลังเยี่ยนอวี๋ เขาพูดเสียงเบาว่า “กูไหน่ไน อันที่จริงเจ้าไม่ต้องอยู่ที่นี่ก็ได้ นี่เป็นสถานการณ์เฉพาะ ไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาน้ำท่วม”
“ใช่แล้ว คุณหนูใหญ่เยี่ยนไปยืนข้างๆ ก่อนก็ได้ขอรับ คนของเราเองก็มาแล้ว” ถึงแม้เอ้อร์เหมาคิดว่าว่าที่ฮูหยินน้อยจะมีคุณธรรมสูงส่ง แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ “พี่เม่ยเอ๋อร์ พี่พาคุณหนูใหญ่ของพี่ออกจากที่นี่ก่อนดีกว่าขอรับ”
“ข้าไม่เป็นไร เม่ยเอ๋อร์พาเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์และเสี่ยวเป่าไปก่อน” เยี่ยนจื่อเสาที่รู้ว่าตนไม่ได้เปิดเผยหน้า เขาจึงคิดว่าหากเขาจะอยู่ช่วยเหลือก็คงมิได้สร้างผลกระทบอย่างไรต่อสำนักและครอบครัว
ทว่าอินหลิวเฟิงปฏิเสธว่า “น้ำใจของศิษย์พี่รองข้ารับไว้แล้ว แต่เจ้าก็เห็นแล้วว่าคนของข้ามาแล้ว เจ้าพากูไหน่ไนไปเถิด”
ข้างหลังของอินหลิวเฟิงและลูกน้องของเขาก็มีผู้แข็งแกร่งจำนวนมากมารวมตัวกันแล้ว พวกเขาต่างรับรู้ถึงความผิดปกติทางเหนือ ผู้แข็งแกร่งโยวตูจึงทยอยเร่งเดินทางมาจากค่ายหนานซาน
เพียงแต่ว่ารอบเมืองโยวตูในยามนี้เต็มไปด้วยกองกำลังของราชสำนักแล้ว ดังนั้นกองกำลังหลักทั้งหมดของโยวตูจึงไม่กล้ามาปกป้องอินหลิวเฟิง เพราะพวกเขาต้องปกป้องประชาชนด้วย
ทว่าเมืองโยวตูที่มีอินสวินอี้เป็นผู้นำก็พบว่า จุดประสงค์ของกองกำลังราชสำนักคือแม่น้ำเย่ว์หมิง พวกเขามิได้สนใจค่ายใหญ่หนานซาน และก็มิได้โจมตีสำนักจวินจื่อ ประชาชนส่วนใหญ่ในตอนนี้ก็อยู่ในสำนักจวินจื่อ
“ประหลาดชอบกล” อินสวินอี้รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ “เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่รู้ว่าข้าอยู่นอกเมือง หรือว่าพวกเขาคิดว่าจับหลิวเฟิงได้ ข้าก็จะยอมแพ้?”
“ไม่ใช่เช่นนั้นหรือ” องครักษ์ใหญ่จวนอ๋องถามกลับ
อินสวินอี้ “…”
อินสวินอี้ที่เงียบไปครู่หนึ่งก็ออกคำสั่งว่า “ส่งทหารเข้าเมืองปกป้องนายท่านน้อยของพวกเจ้า ห้ามให้เขาบาดเจ็บแม้แต่น้อย!”
“ขอรับ ท่านอ๋อง!” องครักษ์ใหญ่จวนอ๋องรับทราบในทันที ก่อนจะสั่งลูกน้องต่อไป
ในขณะที่กองกำลังราชสำนักรวมตัวกันริมแม่น้ำเย่ว์หมิงจากทั่วสารทิศ กองกำลังโยวตูก็ตามกันมาถึงแล้ว คนที่นำกองทัพมายังเป็นอินสวินอี้เอง เขายังคงรู้สึกประหลาดชอบกล
“ถึงแม้ข้าจะให้ความสำคัญกับหลิวเฟิงเจ้าหมอนั่นมาโดยตลอด แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ฝั่งราชสำนักจะมิสนใจข้าและไปจับนายท่านน้อยโยวตูหลิวเฟิงคนนี้ก่อน จักรพรรดิหยวนคังมิใช่คนใสซื่อเช่นนั้น”
อินสวินอี้ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกมิชอบมาพากล! นอกเสียจากว่ากองกำลังราชสำนักมาแก้ไขอุทกภัย มาเพียงเพื่อต้องการแก้ไขอุทกภัยจริงๆ แต่…
อินสวินอี้ที่แต่เดิมไม่เคยคิดจะเชื่อแม้แต่น้อย บัดนี้เขาก็เริ่มสงสัยขึ้นมา เนื่องจากเหล่าสายตรวจของกองกำลังโยวตูมารายงานว่า “ท่านอ๋อง กองกำลังราชสำนักนำทัพโดยนักบวชจำนวนมากของตำหนักซือมิ่ง และในทหารเหล่านี้มีนักรบธาตุน้ำสามส่วน”
“สามส่วน!?” อินสวินอี้ตกใจสุดขีด “หรือว่ามาช่วยแก้ปัญหาอุทกภัยจริงๆ”
“เป็นไปไม่ได้!” เหล่าแม่ทัพกองกำลังโยวตูไม่เชื่อ
อินสวินอี้กลับโบกมือพูดว่า “พวกเจ้าอย่าเพิ่งนำทัพเข้าไป ข้าขอไปดูลาดเลาก่อน”
“แต่ว่า…”
“มิต้องพูดมาก ข้าตัดสินใจแล้ว” อินสวินอี้ไม่ต้องการให้สามัญชนโยวตูต้องเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติแล้วมาเผชิญกับสงครามอีก ศึกสงครามมีแต่จะทำให้ประชาชนลำบาก
กองกำลังโยวตูน้อยใหญ่มิอาจห้ามปรามเขาไว้ได้ จึงได้แต่ฟังคำสั่ง
…
ในขณะเดียวกัน สถานการณ์ริมแม่น้ำเย่ว์หมิงก็เกิดการเปลี่ยนแปลง
“อ้ะ!”
“อ้ะเนะเนะ…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ส่งเสียงร้องไม่พอใจไปทางกู้หยวนซูไม่หยุดปากก็ดึงดูดความสนใจของกู้หยวนซูไป
ทว่าครั้นกู้หยวนซูเห็นเด็กน้อย นางมิได้คิดโยงไปถึงเรื่องใดๆ เพราะว่านางได้ยินเรื่องตัวตนที่แท้จริงของเยี่ยนอวี๋มาแล้ว นางจึงรู้ว่าบุตรชายของเยี่ยนอวี๋เป็นลูกในสายเลือดของน้องเจ็ด
“หึ” กู้หยวนซูยิ้มเย็นชาในใจ นางไม่คิดเลยว่าทุกอย่างจะบังเอิญเช่นนี้ ทว่า… กู้หยวนซูที่รับรู้ถึงการมาถึงของกองกำลังขนาดใหญ่ นางก็ออกคำสั่งอย่างไม่ไว้หน้าว่า “ทุกท่าน ยืนนิ่งกันอยู่ทำไม ยังไม่รีบจับตัวคนเหล่านี้อีก! หรือว่าต้องรอให้ต้าซือมิ่งท่านเอ่ยปากเอง พวกเจ้าจึงลงมือ”
คนราชสำนักที่อันที่จริงก็กำลังรอคำบัญชาจากต้าซือมิ่งอยู่จริงๆ พวกเขาก็เพิ่งกล้าลุกขึ้นยืน “เซ่าซือมิ่งกู้พูดถูก พวกข้าจองหอง คิดจะฟังคำบัญชาจากปากท่านเทพ”
“ขออภัย พวกข้าโง่เขลานัก” เฉิงคั่วก็เพิ่งนึกขึ้นได้ ว่ากันว่าวาจาของต้าซือมิ่งเป็นดั่งพระประสงค์ของเทพเจ้า มิอาจเอื้อนเอ่ยได้ง่ายดาย เมื่อเอ่ยสิ่งใดแล้ว สถานการณ์จะพลิกผัน
ผู้แข็งแกร่งที่คิดถึงเรื่องเล่าขานเช่นกันต่างพยักหน้า “ใช่ๆๆ…”
ความโง่เขลาของพวกเขาทำเอากู้หยวนซูโมโหจนแทบจะระเบิด! แต่นางจะแสดงอาการมิได้ นางทำได้เพียงรักษากิริยาไว้ก่อนจะตวาดขึ้นว่า “รู้ก็ดี! ยังไม่รีบ…”
กู้หยวนซูมิอาจพูดคำพูดต่อจากนั้นได้อีก นางรู้สึกเพียงว่ารอบตัวของนางแข็งเกร็งไปหมด ราวกับถูกพลังอันทรงพลังผนึกทั้งหมด รวมทั้งเสียง กระทั่งลมหายใจ!
คนที่สกัดนางไว้ย่อมคือต้าซือมิ่ง ในที่สุดเขาก็ตั้งสติได้แล้ว
หลังจากครุ่นคิดอยู่หนึ่งจิบชา ต้าซือมิ่งก็ยอมแพ้แล้ว เพราะว่าเขาได้ยินเสียงร้อง ‘อ้ะเนะเนะ’ ที่กระวนกระวายมากขึ้นเรื่อยๆ เด็กน้อยคงร้อนใจมากจนทนไม่ไหวแล้ว
“อ้ะ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าโมโหจะตายอยู่แล้ว! เพราะว่านอกจากท่านพ่อรูปงามถูกบังไว้นานมากแล้ว ท่านพ่อรูปงามของเขาก็ยังไม่มาอุ้มเขาอีก! และยังอยู่กลุ่มเดียวกันกับคนร้ายด้วย!
“อ้ะ!”
“อ้ะเนะเนะ! อ้ะ…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่แต่เดิมยังไม่เชื่อ ตอนนี้เขารู้สึกยิ่งโมโห ทว่าความโมโหทั้งหมดของเขาถูก ‘แช่แข็ง’ อย่างรวดเร็ว เพราะว่าต้าซือมิ่งปลีกตัวออกมาส่งยิ้มให้เขาแล้ว
หลังจากที่ปิดปากกู้หยวนซูแล้ว สิ่งแรกที่ต้าซือมิ่งทำก็คือเอี้ยวตัวเดินออกมามองเจ้าก้อนน้อย แม้ตัวของเขาจะเล็ก แต่เขามีพลังเสียงมหาศาลนัก แล้วยังใจร้อนอีกด้วย ต้าซือมิ่งยิ้มมุมปากอย่างไม่รู้ตัว
เยี่ยนเสี่ยวเป่า “…”
อ่าว! ลูกเข้าใจท่านพ่อผิดไปเอง ในเมื่อท่านพ่อรูปงามไม่ได้อยู่ฝ่ายคนร้าย เช่นนั้น…
เยี่ยนเสี่ยวเป่ายื่นแขนอวบอ้วนของตนออกไปหาท่านพ่อ “อ้ะอ้ะเนะ!” ท่านพ่อรีบมาอุ้มเสี่ยวเป่าสิ!
ต้าซือมิ่งเข้าใจท่าทางของเขา แต่เขากลับหันหลังกลับไป ถึงอย่างไรเขาก็ต้องไล่ทุกคนกลับไปเสียก่อน เพื่อไม่ให้มาวุ่นวายแถวนี้
แต่แล้วเมื่อเขาหันกลับไป เจ้าตัวน้อยก็ร้องเรียกอย่างร้อนรนขึ้นมาทันที!
“อ้ะ!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าคิดว่าท่านพ่อของเขาไม่เข้าใจ…
ที่สำคัญคือ…