แต่ความจริงปรากฏอยู่ข้างหน้าเขาอย่างชัดเจน เลือดของเขาไม่สามารถผสานรวมกับเลือดของเจ้าตัวน้อยได้
หยดเลือดสะท้อนแสงสีม่วงอ่อนๆ ของเขาไม่สามารถดูดรับหยดเลือดของเจ้าตัวน้อยเข้าไป เรื่องนี้ทำให้เขารับไม่ได้ ถึงแม้เขาจะรู้มาตลอดว่าเลือดของเขาศักดิ์สิทธิ์ดุจเทพ ไม่ว่าสิ่งใดก็มิอาจเจือปนเข้าไปในเลือดของเขาได้ รวมถึงสิ่งมีพิษต่างๆ แต่ว่า…
“นี่มันเลือดของลูกชายข้า!” ต้าซือมิ่งขมวดคิ้ว เขายอมรับความจริงนี้ไม่ได้ “เขาเป็นทายาทของข้า มิใช่สิ่งของอื่น! ไม่ใช่… ”
จากนั้นต้าซือมิ่งที่ไม่ยอมก็ทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่แล้วถึงแม้ว่าหยดเลือดของเขาจะ ‘กลืนกิน’ หยดเลือดของเจ้าตัวน้อยอยู่นานเพียงใดก็ไม่สามารถหลอมรวมหยดเลือดของเขาได้ ทำอย่างไรก็รวมกันมิได้
ต้าซือมิ่ง “…”
เขาจึงเก็บเลือดสองหยดนั้นเข้าไปในถุงอย่างเงียบๆ
‘ครอกฟี้…’
ตลอดการทดลองนี้ เด็กน้อยยังคงหลับไม่รู้เรื่อง เขาไม่รู้เลยว่าท่านพ่อของเขาเผชิญกับปริศนายิ่งใหญ่อันดับสองของชีวิตเข้าเสียแล้ว เรื่องนี้ทำให้ท่านพ่อของเขาตกอยู่ในความสงสัยครั้งใหม่ของชีวิต
สำหรับต้าซือมิ่งแล้ว เขาเพิ่งยอมรับเจ้าก้อนน้อยตัวนี้เป็นบุตรชายของเขา ทว่า… ผลการทดสอบการหลอมรวมโลหิตกลับไม่เป็นดั่งที่เขาคิด
“เป็นไปได้อย่างไร”
ต้าซือมิ่งขมวดคิ้วจนเป็นปม เขายังคงมั่นใจว่านี่คือลูกของเขา! แต่เหตุใดเลือดของเด็กน้อยจึงไม่สามารถผสานรวมกับเลือดของเขาได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาควรนำหลักฐานอะไรมายืนยันว่านี่คือลูกของเขาเล่า
อืม…
“หน้าตาหรือ”
ต้าซือมิ่งมองเจ้าก้อนน้อยที่นอนหลับอยู่บนตักของตนเองใกล้ๆ เขาเห็นหน้าตาของเจ้าก้อนน้อยที่วิจิตรดั่งภาพวาด เกิดมาเหมือนเขาชัดเจน เขาจึงค่อยๆ เรียกความมั่นใจของตนเองกลับมาอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไร เพียงแค่หน้าตาก็บอกได้แล้วว่าเขาและเจ้าตัวน้อยก็เป็นพ่อลูกกันไม่มีผิด
ต้าซือมิ่งหรงยกมือขึ้นลูบศีรษะโล้นน้อยๆ ของเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน ในที่สุดสีหน้าของเขาก็กลับมาเป็นปกติ เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ลูกเอ๋ย ข้าก็คือพ่อของเจ้า”
“คร่อกฟี้…” เจ้าตัวน้อยพึมพำราวกับกำลังตอบท่านพ่อของเขา เขายังกอดมือใหญ่ของท่านพ่อของเขาไว้ ก่อนจะกลิ้งไปนอนทับฝ่ามือของท่านพ่อของเขา
ท่าทีสบายใจ อบอุ่น และนุ่มนวลนี้ เมื่ออยู่ในสายตาของต้าซือมิ่งหรงแล้ว ช่างสงบสุขนัก
เด็กน้อยเช่นนี้… ทำให้ต้าซือมิ่งอดสับสนในตนเองอีกครั้งไม่ได้ “นี่มันลูกของข้าชัดๆ เหตุใดจึงเข้ากับเลือดของข้าไม่ได้เล่า”
ต้าซือมิ่งที่รู้สึกผิดปกติ เขาก็ไม่ยอมเชื่อในความโชคร้าย เขาตัดสินใจลองใหม่อีกครั้ง!
จากนั้น…
หมอกสีม่วงจางๆ ที่ลอยออกมาจากระหว่างคิ้วของต้าซือมิ่ง เขาสร้างหมอกสีม่วงเป็นค่ายกลรูปหัวใจ หากมีใครสังเกตอยู่ข้างๆ ย่อมต้องพบลวดลายบนค่ายกลน้อยๆ นี้ มันมีขนาดพอดีกับหัวใจของมนุษย์ ไม่ผิดพลาดแม้เพียงน้อย ละเอียดอ่อนยิ่งนัก
หลังจากนั้น… ต้าซือมิ่งที่สร้างค่ายกลน้อยๆ นี้เสร็จ เขายังใส่หยดเลือดของตนเองและเด็กน้อยเข้าไปข้างในค่ายกลอย่างระมัดระวัง มันเป็นหัวใจที่สร้างมาจากจิตวิญญาณและเส้นลมปราณศักดิ์สิทธิ์ของเขา เขาคิดไว้ว่าขอเพียงเด็กน้อยคนนี้เป็นลูกของเขาจริงๆ ถึงแม้จะมีตัวแปรประหลาดอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องก็จะยังคงผสานเข้ากันได้
ดังนั้นแล้ว…
“ลูกพ่อ เจ้าต้องสู้นะ อืม… พ่อเองก็จะสู้เช่นกัน”
ต้าซือมิ่งพึมพำพลางดันหยดเลือด ‘ดื้อรั้น’ หยดนั้นเข้าไปในค่ายกลหัวใจที่อยู่บนฝ่ามืออย่างตั้งใจ
ผ่านไปครู่หนึ่ง หยดเลือดน้อยๆ ที่ต้าซือมิ่ง ‘จ้องมองด้วยความรัก’ ในที่สุดมันก็ค่อยๆ สลายไป มีแนวโน้มว่าจะผสานรวมเข้าไปในค่ายกลน้อยๆ นั่น ทำเอาต้าซือมิ่งหายใจอย่างร้อนรน!
สวรรค์รู้ว่านี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่เขากระวนกระวายใจเช่นนี้! เขาไม่อยากพบกับเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรอีกแล้ว แต่แล้ว…
“…”
เลือดของเยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ ‘ดื้อรั้น’ หยดนั้น หลังจากที่มันค่อยๆ สลายไป มันก็รักษาความ ‘ดื้อรั้น’ ไว้ ไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวใดๆ อีก ทำเอาต้าซือมิ่งที่จ้องมองร้อนรนใจนัก ทว่าในความกังวลนี้ ต้าซือมิ่งราชสำนักที่สังเกตอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว เขาก็เห็นอย่างเลือนรางว่ารัศมีของหยดเลือดของเด็กน้อยเหมือนกับจะมีแสงสีม่วงจางๆ สว่างวาบ แม้เป็นแสงสว่างที่เกิดและหายไปอย่างรวดเร็วจนแทบจะมองไม่เห็น แต่ต้าซือมิ่งก็จับได้ เขาก้มลงมองเด็กน้อยที่อยู่บนตักของเขาด้วยสัญชาติญาณทันที “พ่อขอลองเจาะเลือดเจ้าอีกครั้งนะ”
ถึงแม้จะได้คำตอบชัดเจนในใจแล้ว แต่ต้าซือมิ่งหรงที่ถูกทำให้สับสนอยู่หลายหนก็ต้องการสร้างความมั่นใจให้ตนเองมากกว่านี้
แน่นอนว่า นอกจากความต้องการ ‘นม’ อย่างเร่งด่วนแล้ว ต้าซือมิ่งราชสำนักยังได้กลิ่นชะตาลิขิตอันมหัศจรรย์จาก ‘การทดลองความเป็นพ่อลูก’ ที่พิเศษครั้งนี้ได้อย่างรุนแรงด้วย
บางที… เขาอาจจะค้นพบว่าเหตุใดเขาจึง ‘ไม่รู้’ กระบวนการให้กำเนิดลูกคนนี้จากการทดลองนี้ก็เป็นได้
หรงอี้ที่มีความคิดนับไม่ถ้วนผ่านเข้ามาในหัว เขากำลังจะเจาะเลือดอีกหนึ่งหยอดของเด็กน้อยอย่างตั้งใจ แต่แล้ว… ทันใดนั้น!
ตูม!
แสงกระบี่ที่เฉือนม่านพลังรอบกระท่อมจนขาด มันทำลายพลังปิดกั้นการมองเห็นทั้งหมดอย่างรวดเร็ว ทำให้เยี่ยนอวี๋ที่แต่เดิมถูกสกัดกั้นไว้มองเห็นกระท่อมตรงหน้าอย่างชัดเจน
เสียงม่านพลังทรุดดัง ครืน ทำให้ต้าซือมิ่งหรงที่เพิ่งเจาะเลือดหยดหนึ่งของเด็กน้อยออกมาพลันรู้สึกผิดจนเกือบจะทำหยดเลือดที่อยู่บนฝ่ามือตกลงบนพื้น
เยี่ยนอวี๋ที่ทำลายม่านพลังกระท่อมด้วยพลังรุนแรงแล้ว เมื่อนางแหวกม่านป้องกันออกก็เห็นต้าซือมิ่งเจ้าคนบัดซบนั่นกำลังเจาะเลือดของเสี่ยวเป่าอีกครั้ง…
“…”
ต้าซือมิ่งหรงที่กำลังรู้สึกผิดอย่างไม่มีที่มาที่ไปนั้นก็อยากจะบอกว่า เขาอธิบายให้ฟังได้
“!”
ทว่าเยี่ยนอวี๋ที่เห็น ‘ความจริง’ ก็อยากจะฆ่าคนอย่างเดียว!
แต่เยี่ยนอวี๋ฆ่าไม่ได้ เพราะว่าถึงแม้ม่านปิดกั้นการมองเห็นของม่านพลังจะถูกทำลายแล้ว แต่ม่านพลังยังคงอยู่ นางยังเข้าไปไม่ได้ ทำได้เพียงจ้องต้าซือมิ่งเขม็ง ก่อนจะพูดชัดถ้อยชัดคำว่า “กล้าแตะต้องลูกข้าอีกแม้เพียงปลายนิ้ว ข้า…”
“เข้าใจผิดแล้ว!” ต้าซือมิ่งรีบพูดขัดขึ้น เขากำลังคิดว่าจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไรดี
เสียดายที่เยี่ยนอวี๋ไม่ได้ให้โอกาสเขา
“เทวาอัสดง!”
เยี่ยนอวี๋ระเบิดพลังอันแข็งแกร่งจากส่วนลึกของจิตวิญญาณของนางอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน นางปลดปล่อยพลังสร้างโลกออกมา เมื่อนางเห็นเด็กน้อยหัวแก้วหัวแหวนของนางถูกคนอื่นทำร้าย นางก็ระเบิดพลังขึ้นมาทันที ตั้งแต่เกิดใหม่มา นี่เป็นครั้งแรกที่นางเดือดดาลเช่นนี้ ความโกรธกริ้วของเทพีสร้างโลกเมื่อผสานกับพลังกระบี่ไท่ชางแล้ว ช่างน่าสะพรึงกลัว…
“ซี้ด”
เมื่อต้าซือมิ่งที่แสวงหาความตายรับรู้ถึงอันตราย เขาปวดศีรษะจนกุมขมับ เขาไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดเรื่องจึงบานปลายจนถึงขั้นมิอาจไกล่เกลี่ยเช่นนี้ได้
เมื่อคิดย้อนกลับไปแล้วก็เหมือนว่าเป็นเพราะเขาทำตนเองทั้งนั้น หากไม่ใช่เพราะครั้งแรกที่เขาเจอเด็กน้อยแล้วพลั้งมือทำเด็กน้อยตกลงไปในโคลน ทุกอย่างก็น่าจะไม่วุ่นวายเช่นนี้ แต่เขาก็… ไม่ได้ตั้งแต่ใจจริงๆ นี่…
อุ้มลูกครั้งแรกก็พลั้งมือเสียแล้ว
ความขมขื่นแล่นผ่านในใจ ต้าซือมิ่งยอมล้มเลิกค่ายกลน้อยแต่โดยดี เขารออยู่ที่เดิมไม่กล้าหนีไปไหนอีก
สัญชาติญาณบอกเขาว่า หากเขายังคิดหนีในยามนี้ ต่อไป… เอ่อ เกรงว่าคงไม่มีต่อไปแล้ว ดูเขาสิทำเอามารดาของเด็กน้อยถึงกับปล่อยท่าไม้ตายออกมาแล้ว
“เทวาอัสดง…” หรงอี้มองไปรอบตัวที่กำลังทรุดตัวและพังทลายอย่างต่อเนื่อง เขารู้ได้ว่าเมื่อปฐมราชินีหยวนชูแห่งยุครุ่งเรืองใช้ท่าไม้ตายนี้แล้ว จะสร้างความเสียหายอันร้ายแรงเพียงใด
เทวาอัสดงคือท่าไม้ตายอันดับหนึ่งของปฐมราชินีหยวนชูแห่งตำหนักไท่ชาง! ชื่อเสียงขจรในศึกสงครามสังหารเหล่าทวยเทพ มันกวาดล้างสิบสองเทพร้ายในอดีตกาล จนถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของเหล่าทวยเทพว่า ปฐมราชินีหยวนชูพิโรธ บังเกิดมหาสงครามวันสิ้นโลก คืนความสงบแก่แปดพิภพ
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เทวาอัสดงเป็นที่เลื่องลือในสวรรค์เก้าชั้นฟ้า อสูรเทพและปีศาจน้อยใหญ่ต่างเกรงกลัว เห็นได้ชัดว่าฤทธิ์เดชของกระบี่เล่มนี้น่ากลัวเพียงใด
บัดนี้…
ตูม!
ด้วยพลังวิญญาณที่ฟื้นตัวเพียงหนึ่งส่วนและพลังร่างกายเพียงครึ่งหนึ่ง พลัง ‘เทวาอัสดง’ ที่เยี่ยนอวี๋ปล่อยออกมายังคงปรากฏร่องรอยความรุ่งโรจน์แห่งอดีตกาล
ม่านพลังบริเวณกระท่อมพังทลายสิ้นเชิง… ม่านพลังนี้มิใช่ม่านพลังที่ต้าซือมิ่งเพิ่งสร้าง แต่เป็นม่านพลังที่เขาใช้ประโยชน์จากรอยแตกร้าวของอวกาศอันมั่นคงที่แต่เดิมมีอยู่แล้วสร้างเป็นสถานฝึกวิชาเฉพาะขึ้นมา ม่านพลังนี้จึงเป็นโลกใบเล็กๆ อันมั่นคงที่แม้แต่นักอัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ในตำนานมากมายก็มิสามารถทำลายได้! แต่บัดนี้มันแตกสลายหมดแล้ว
มิหนำซ้ำ สิ่งที่ทำให้ต้าซือมิ่งที่กำลังมองอย่างตะลึงงันมากที่สุดคือ การทำลายล้างนี้ถูกควบคุมไว้อย่างดี “ถึงแม้จะโมโหมาก นางก็ไม่ได้ทำให้อวกาศที่อยู่นอกเหนือจากโลกใบเล็กนี้ถูกทำลายแม้เพียงน้อย อีกทั้ง…”
คลื่นอวกาศที่กำลังแตกสลายอย่างน่าสะพรึงกำลังถาโถมไปที่รอบตัวต้าซือมิ่งก่อนจะสลายไป มิได้ทำให้เขาบาดเจ็บแม้แต่น้อย ที่เป็นเช่นนี้ย่อมไม่ใช่เป็นเพราะปฐมราชินีเยี่ยนต้องการไว้ ‘ชีวิตอันไร้ค่า’ ของเขา แต่เพราะบนตักของเขายังมีเด็กน้อยอยู่
“ลูกพ่อ ครั้งนี้พ่อต้องพึ่งเจ้าแล้วล่ะ” ต้าซือมิ่งจอมก่อกวนได้แต่ถอนหายใจ
ในครานี้เอง เยี่ยนอวี๋ก็ลงมายืนอยู่ข้างหลังเขาแล้ว…
วิ้ง!