กระบี่ไท่ชางที่จู่โจมมาจากกลางอากาศ บัดนี้มันหมุนตัวอยู่เหนือศีรษะของต้าซือมิ่งแล้ว
การเผชิญหน้ากับความเป็นความตายเช่นนี้ ทำให้ต้าซือมิ่งอดยกมุมปากขึ้นไม่ได้
เยี่ยนอวี๋มองข้ามศีรษะของต้าซือมิ่ง นางมองไปที่เจ้าตัวน้อยที่อยู่บนตักของเขา
“คร่อกฟี้…”
เจ้าตัวน้อยยังคงหลับไม่รู้เรื่อง เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าท่านพ่อและท่านแม่ของเขากำลังต่อสู้กันเพราะเขาแล้ว! ถึงแม้ฝ่ายหนึ่งจะมิได้สู้จริง แต่อีกฝ่ายกลับจริงจัง… ทว่าสภาพแข็งแรงปลอดภัยของเจ้าตัวน้อยก็คลายความกังวลและความโมโหในใจของเยี่ยนอวี๋ลงไม่น้อย นางสงบสติอารมณ์ลงได้อีกครั้ง
จากนั้นนางก็เคลื่อนสายตามองไปที่เหนือศีรษะของต้าซือมิ่งจอมสร้างปัญหา ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าต้องการทำอะไรกันแน่”
ต้าซือมิ่งถอนหายใจเบาๆ เขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและแฝงไปด้วยความระมัดระวังว่า “หากข้าบอกว่าข้าไม่มีเจตนาร้าย เจ้าจะเชื่อหรือไม่”
“…” เยี่ยนอวี๋ไม่ได้พูดอะไร แต่การมาถึงของนางและการโจมตีสุดแรงเมื่อครู่นี้ก็แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า นางไม่เชื่อ!
ต้าซือมิ่งที่จู่ๆ ก็สำนึกผิดในตัวเองชั่วขณะเมื่อครู่นี้ก็ทำได้เพียงถอนหายใจเบาๆ และถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้ “เช่นนั้น ข้าต้องทำอย่างไรเจ้าจึงจะเชื่อว่าข้ามิได้มีเจตนาร้าย”
“คืนเสี่ยวเป่าให้ข้า” เยี่ยนอวี๋กล่าวอย่างสงบนิ่ง
“เจ้าก็จะเชื่อหรือ”
“ข้าจะคิดดู”
“เช่นนั้นข้าคืนเจ้าไม่ได้”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ!?” น้ำเสียงของเยี่ยนอวี๋ที่กว่าจะสงบลงได้เมื่อครู่นี้ บัดนี้ก็เย็นชาขึ้นอีกครั้ง กระบี่ไท่ชางที่สัมผัสถึงความโกรธของนางก็สั่นพลางส่งเสียง วิ้งๆ
ต้าซือมิ่งจอมสร้างปัญหาสัมผัสถึงกลิ่นอายอาฆาตรุนแรง ทว่าเขายังคงพูดต่อไปว่า “เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าเหตุใดข้าจึงนำตัวลูกของเจ้าไป”
“ผีที่ไหนจะไปรู้ว่าเจ้าคิดอะไร เป็นถึงต้าซือมิ่ง กลับลักพาตัวลูกชายข้า เจ้า…” เยี่ยนอวี๋พยายามฝืนใจตนเองไม่ให้ต่อยศีรษะสุนัขของคนผู้นี้ “เจ้าจะเอาอย่างไรถึงจะคืนเสี่ยวเป่าให้ข้า!”
“เสี่ยวเป่าหรือ” หรงอี้ที่ใช่ว่าจะไม่เคยได้ยินชื่อเรียกเช่นนี้เป็นครั้งแรก เขาก็ถามออกไปว่า “นี่คือชื่อเล่นของเขาหรือ”
“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า!” เยี่ยนอวี๋เกรี้ยวกราด!
“เจ้าไม่เคยคิดเลยหรือว่าข้าจะมาหาเขา”
“ข้า…” เยี่ยนอวี๋ที่จู่ๆ ก็คิดบางอย่างขึ้นได้ชะงักเล็กน้อย “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“ข้าและเสี่ยวเป่ามีความสัมพันธ์อย่างไร เจ้ารู้ดีมิใช่หรือ” ต้าซือมิ่งที่พูดเสียงแผ่วเบามาตลอด เขาก็สัมผัสถึงความระแวดระวังของมารดาเด็กน้อยแล้ว!
ไม่ใช่การปฏิเสธ แต่เป็นการระวังตัวหรือ
ต้าซือมิ่งที่ทำท่าเหมือนคิดอะไรอยู่ก็ไม่ทันรู้ตัวว่าในชั่วขณะที่กำลังครุ่นคิดนั้น กระบี่ไท่ชางก็ทิ้งดิ่งลงมาแล้ว!
เมื่อเขาตั้งสติได้ วิกฤตอันร้ายแรงก็กำลังจะถึงตัวเขาแล้ว เขาตกใจอยากจะหายตัว แต่กลับพบว่าอากาศรอบทิศถูกผนึกและปิดกั้นไว้หมดแล้ว
หรงอี้อดตะลึงอีกครั้งไม่ได้ ที่แท้ในขณะที่เขาหลอกถามเมื่อครู่นี้ ปฐมราชินีเยี่ยนก็กำลังกระทำบางอย่างลับหลังเช่นกัน นางผนึกอากาศรอบตัวเขาไว้อย่างไร้ร่องรอย เพื่อทำให้เขาไม่สามารถขยับไปไหนได้ จำใจต้องปล่อยให้นางทำตามอำเภอใจ
แต่เดิมเขาคิดว่า พลัง ‘เทวาอัสดง’ เมื่อครู่นี้คงทำให้เยี่ยนอวี๋หมดแรงไปแล้ว เขายังคิดสงสารนางอยู่เลย…
ทว่าในความเป็นจริง เยี่ยนอวี๋ก็หมดแรงตามที่เขาคาดไว้จริงๆ แต่นางยังคงเลือกกระทำเช่นนี้ อีกทั้งนางยังมีผู้ช่วย! ในขณะที่ต้าซือมิ่งถูกขังไว้ นางก็วับหายไปยืนข้างหน้าเขาโดยไม่สนใจผนึกอวกาศ และยื่นแขนออกไปทางเด็กน้อย
สำหรับเยี่ยนอวี๋แล้ว การเป็นฝ่ายรอไม่ใช่วิถีของนาง นางจึงเป็นฝ่ายรุกเข้าหา ต้าซือมิ่งเองก็รู้จักความเก่งกาจของนางดี เขาจึงปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่มีเช่นกัน
ดังนั้น… เมื่อเยี่ยนอวี๋ยื่นมือไปข้างหน้า นางก็พบว่านางจับเด็กน้อยนุ่มนิ่มไม่ได้ นางจับได้เพียงความว่างเปล่า?!
“…”
ต้าซือมิ่งหรงที่แต่เดิมนั่งขัดสมาธิอยู่ต่อหน้าเยี่ยนอวี๋และปล่อยให้เจ้าตัวน้อยนอนบนตักตนเองนั้น ทันทีที่เขาสัมผัสได้ เขาก็สลายกลายเป็นแสงสีม่วงระยิบระยับทันที จากนั้น…
“ข้าอยู่นี่”
เสียงไพเราะดุจเครื่องดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์ของต้าซือมิ่งก็ดังขึ้นข้างหูของเยี่ยนอวี๋ อยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น! ใกล้ขนาดที่กลิ่นอายรดบนใบหน้าเรียบเนียนดั่งเครื่องเคลือบสีขาวของเยี่ยนอวี๋แล้ว
เยี่ยนอวี๋เคร่งขรึมลง นางซัดฝ่ามือไปที่ใบหน้าของต้าซือมิ่งจอมสร้างปัญหา แต่สิ่งที่สาดกระเซ็นออกมามีเพียงแสงสีม่วง
ต้าซือมิ่งหรงที่หายตัวไปอีกครั้ง เขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าเยี่ยนอวี๋ ริมฝีปากเหมือนกับมีรอยยิ้มจางๆ “อย่าสู้เลย ตัวเจ้าบัดนี้ยังมิสามารถทำร้ายข้าได้”
“…” เยี่ยนอวี๋กำหมัดเงียบๆ นางจ้องสารเลวสมควรตายที่กำลังอุ้มเด็กน้อยของนางเขม็ง! เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกอยากฆ่าคนมากๆ
ส่วนต้าซือมิ่งที่อุ้มลูกอยู่นั้น เขาก็ทำตัวเหมือนกับว่าไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย เขายังลูบหลังของเด็กน้อยเบาๆ กล่อมให้เด็กน้อยที่มีทีท่าจะตื่นให้หลับต่อไป
ท่าทางอ่อนโยนราวกับถือสมบัติไว้นั้น ทำให้แววตาเยี่ยนอวี๋ยิ่งเยือกเย็น นางคิดถึงคำว่า ‘พ่อ’ ที่เด็กน้อยเรียกก่อนจะถูกแย่งไปขึ้นได้
เจ้าคนสารเลวที่คิดร้ายคนนี้ใช้วิธีเช่นนี้หลอกล่อเด็กน้อยไปนี่เอง?!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เยี่ยนอวี๋ก็มิอาจสงบอารมณ์ไว้ได้แล้ว ทว่า…
“รับไปสิ”
ต้าซือมิ่งหรงที่กล่อมเด็กน้อยเสร็จแล้วจู่ๆ ก็ยื่นเด็กน้อยออกไปให้นาง เขา ‘คืน’ เจ้าตัวน้อยให้ปฐมราชินีเยี่ยนเองแล้ว
เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้ว รู้สึกมีพิรุธ แต่มือของนางก็ไม่อยู่นิ่งเฉย นางยื่นมือออกไปรับเด็กน้อยทันที
ต้าซือมิ่งหรงที่ก่อกวนมาตลอด ครั้งนี้เขาไม่ได้ก่อกวนแล้ว เขายื่นเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมอกตนเองให้มารดาของเขาอย่างระมัดระวังจริงๆ
แต่แล้ว
“อ้ะ!”
เจ้าตัวน้อยที่กำลังหลับอยู่ก็สัมผัสได้ว่าท่านพ่อรูปงามของเขาจะทิ้งเขาไปอีกแล้ว ทำเอาเขาร้อนรนจนจับมือของท่านพ่อไว้แน่น เขาเกาะแขนของท่านพ่อไว้ไม่ยอมปล่อย
เยี่ยนอวี๋ “…”
ลูกถูกหลอกล่อไปแล้วจริงๆ!
ต้าซือมิ่งหรง “…”
สมแล้วที่เป็นลูกพ่อ
เขาที่กำลังรู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจอยู่นั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เจ้าตัวน้อยเก่งอีกแล้ว เพราะในตอนนี้เจ้าตัวน้อยไม่เพียงสัมผัสถึงกลิ่นอายของท่านพ่อได้ เขายังสัมผัสถึงกลิ่นอายของท่านแม่ได้ด้วย ดังนั้นถึงแม้เยี่ยนเสี่ยวเป่าจะหลับไปแต่ยังจับท่านพ่อรูปงามของเขาไว้แน่นแล้ว เขาก็ไม่ลืมที่จะใช้มืออวบอ้วนของตนเองช้อนมือนุ่มนิ่มของท่านแม่ของเขาขึ้นมากอดไว้เช่นกัน
เยี่ยนอวี๋ที่ไม่ทันตั้งตัวก็ถูกเด็กน้อยจับมือไว้ได้ทันที มือของนางจึงถูกเจ้าตัวน้อยกอดไว้พร้อมกับแขนของต้าซือมิ่ง
เยี่ยนอวี๋ “…”
สมองนางว่างเปล่า
ต้าซือมิ่งหรง “…”
แม้ปฐมราชินีเป็นสตรีหมัดเหล็ก แต่มือของนางก็ยังนุ่มบอบบางราวกับไม่มีกระดูก
เสียดายทันทีที่ต้าซือมิ่งแตะมือของนาง ปฐมราชินีเยี่ยนก็ดึงมือออกด้วยสัญชาติญาณแล้ว!
“!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าเกือบจะร่วงลงบนพื้น
หรงอี้รีบประคองเสี่ยวเป่าไว้ทันที เขาไม่ยอมให้เด็กน้อยตกพื้นอีกแล้ว พลั้งมือเพียงครั้งเดียวก็เป็นความผิดพลาดมากพอแล้ว
ทว่าแม้ต้าซือมิ่งหรงจะมีไหวพริบดีเพียงใด ปฐมราชินีเยี่ยนก็เร็วไม่แพ้กัน ทั้งสองยื่นมือออกไปประคองตำแหน่งเดียวกัน ถึงอย่างไรเจ้าตัวน้อยก็ตัวเล็กเพียงเท่านี้ จะให้ ‘จับไว้’ ก็คงไม่ง่ายนัก
จากนั้น…
แปะ
เมื่อมือของเยี่ยนอวี๋แปะลงบนหลังมือของต้าซือมิ่ง ความมหัศจรรย์ที่มิอาจบรรยายได้ก็บังเกิด ต้าซือมิ่งหรี่ตาลงเล็กน้อย
เยี่ยนอวี๋ “…”
“น่าจับหรือเปล่า” เสียงไพเราะดั่งเครื่องดนตรีบรรเลงของต้าซือมิ่งดังขึ้น เขามองปฐมราชินีเยี่ยนที่อยู่ตรงหน้าอย่างสนใจ จากนั้นเขาก็แหย่โดนรังผึ้งเข้าอีกแล้ว
เยี่ยนอวี๋แย่งลูกน้อยกลับไปแทบจะชั่วขณะเดียวกันกับที่สิ้นเสียงพูดของเขา ก่อนจะซัดฝ่ามือเข้าที่กลางหน้าอกของเขา นางเคลื่อนไหวด้วยความคล่องแคล่วและรุนแรง!
จากนั้นต้าซือมิ่งหรงที่ถูกโจมตีจนถอยหลังไปสองก้าวก็ยกมือขึ้นคลึงหน้าอกตนเอง เขามองปฐมราชินีเยี่ยนด้วยความเสียใจ ส่วนเยี่ยนอวี๋เองนางก็ไม่คิดว่าจะซัดฝ่ามือโดนเขาจริงๆ นางเลิกคิ้วขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะพบแววตาแฝงความขุ่นเคืองและคาดเดาไม่ได้ของต้าซือมิ่งที่อยู่ตรงหน้าคนนี้
“…” เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม ก่อนจะถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัว เพราะว่าสายตาของต้าซือมิ่งพิกลคนนี้ทำให้นางขนลุกอย่างไรไม่รู้
ความรู้สึกนี้ยังทำให้เยี่ยนอวี๋รู้สึกประหลาดนัก สัญชาติญาณบอกให้นางถอยหลังเพื่อเตรียมท่าตั้งรับแล้ว “เรื่องอื่นข้าขอไม่พูด ข้าถามเจ้า เหตุใดต้องหลอกล่อลูกชายของข้าให้เรียกเจ้าว่า ‘พ่อ’ แล้วยังเจาะเลือดเขาด้วย!”
เพียงแค่สองเรื่องนี้! เยี่ยนอวี๋มิอาจทนได้ ทำเกินไปแล้ว!
เรื่องอื่นช่างปะไร นางยังคุยกับสารเลวคนนี้ได้ แต่การหลอกล่อและรังแกลูกน้อยของนาง นางไม่มีทางอภัยให้ได้! นาง…
ต้าซือมิ่งได้ยินดังนั้น เขาก็ขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจ “เจ้ามองไม่ออกเลยหรือ” เป็นไปไม่ได้ เขาหน้าตาออกจะเหมือนเด็กน้อยเช่นนี้ ปฐมราชินีเยี่ยนไม่รู้สึกเลยหรือ
อืม… น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ
ต้าซือมิ่งหรงที่พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมา ดวงตาสีม่วงนิ่งขรึมของเขาเปล่งประกายแสงพร่างพรายพุ่งเข้าไปในดวงตาสีดำขลับไร้ขอบเขตของเยี่ยนอวี๋
การ ‘บุกรุก’ กะทันหันเช่นนี้ทำให้เยี่ยนอวี๋ระวังตัวขึ้นมาทันที นัยน์ตาของนางปรากฏแสงสีม่วง กระบี่ไท่ชางที่อยู่ข้างๆ ก็สั่นและส่งเสียง วิ้งๆ อีกครั้ง
ต้าซือมิ่งยิ้มมุมปาก กำลังจะบอกใบ้มารดาน้อยปกป้องลูกที่ประหม่าเกินเหตุท่านนี้ แต่แล้ว…
สวบ
สวบๆ…
คลื่นความเคลื่อนไหวแปลกประหลาดแหวกว่ายและมุดเข้ามารอบตัวของ ‘พ่อแม่ลูก’ ราวกับฝูงงูบุกรุก มันเข้ามาขัดจังหวะต้าซือมิ่ง
ตูม!