“…”
เยี่ยนอวี๋อ้ำอึ้ง นางเดือดดาลจนแทบจะระเบิดแล้ว!
ต้าซือมิ่งยังดึงดันพูดว่า “เจ้าเกี้ยวพาข้าแล้วทิ้งขว้างไม่พอ ยังลบความทรงของข้าทิ้ง ตอนนี้ยังไม่ยอมรับ พี่รองช่วยตัดสินให้ที”
เยี่ยนจื่อเสา “…”
ข้ามาทำอะไรที่นี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน ทั้งหมดนี้มันเรื่องบ้าอะไรกัน
เยี่ยนจื่อเสางุนงงไปหมด เม่ยเอ๋อร์กลับพูดขึ้นว่า “ตัดสินอะไร คุณหนูใหญ่ทำอะไรก็ถูกต้อง เพราะเจ้ามันเลว คุณหนูใหญ่จึงทิ้งเจ้าต่างหาก!”
คำพูดนี้ทำให้ต้าซือมิ่งมองเม่ยเอ๋อร์อย่างตั้งใจ เขารู้สึกชื่นชมตรรกะของนางคนนี้มากนัก ครั้นเมื่อเขากำลังจะบอกว่าตนเห็นด้วย แต่เยี่ยนอวี๋กลับไม่ปล่อยโอกาสให้เขาได้เอ่ยสิ่งใดแล้ว “หุบปาก!”
“ขอรับ” ต้าซือมิ่งกลับไปกางกระโจมต่อราวกับเป็นผู้ครองเรือนที่ดี เยี่ยนอวี๋เห็นดังนั้นก็หัวเสีย ไอ้คนสารเลว คงไล่ไปไหนไม่ได้แล้ว เขาเป็นพ่อของเสี่ยวเป่า จะทุบตีก็ทุบตีให้ตายไม่ได้
เยี่ยนอวี๋จึงทำได้เพียงหลับตาข้างเดียว กลับไปนั่งสมาธิ นาง… ไม่เคยพบเจอคนเช่นนี้จริงๆ!
เยี่ยนจื่อเสาก็เช่นกัน เขาไม่คิดเลยว่าต้าซือมิ่งผู้ที่ดูเป็นคนมีความสามารถเช่นนี้จะเป็น… คนเช่นนี้ ทำ… ไม่รู้จักละอายใจบ้างเลย
ทว่าเม่ยเอ๋อร์กลับคิดต่าง นางรู้สึกดีใจมาก เพราะนางคิดว่าถึงแม้ต้าซือมิ่งจะเก่งกาจ แต่คุณหนูใหญ่เก่งกว่าเขา คุณหนูใหญ่ลบความทรงจำของต้าซือมิ่งคนนี้ได้ด้วย!
ในขณะที่ต่างคนต่างคิดกันไปคนละทิศทางภายใต้บรรยากาศชวนอึดอัด อินสวินอี้ก็เดินเข้ามาพอดี เมื่อเขามาถึง เยี่ยนอวี๋ก็ลากเขาไปคุยธุระราวกับได้รับอิสระทันที
“…”
ต้าซือมิ่งที่กางกระโจมเสร็จแล้วก็ยิ้มออกมาเบาๆ เขายื่นมือไปลูบใบหน้าน้อยๆ ของเด็กน้อย ฝ่ายหลังพึมพำออกมาเบาๆ และยังจับนิ้วของท่าพ่อของเขาไว้ด้วยความคล่องแคล่ว ต้าซือมิ่งที่ถูก ‘จับ’ ก็หัวเราะขึ้นมาเล็กน้อย
…
อินสวินอี้ที่เพิ่งเบี่ยงเบนความสนใจจากจิตนาการมากมายในหัวเมื่อครู่นี้มาอยู่บนกระดาษแผ่นหนึ่ง สีหน้าของเขาก็ค่อยๆ เคร่งขรึม “ท่านหมายความว่าทั้งอาณาจักรโยวตูในบัดนี้ถูกปีศาจเหล่านี้รุกรานหรือ”
อินหลิวเฟิงเองก็กำลังมองภาพที่เยี่ยนอวี๋วาดออกมา เขารู้สึกตกใจ แววตาเคร่งขรึมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาถึงกับสงสัยว่าอาจจะเป็นแผนการชั่วร้ายของราชสำนักก็เป็นได้!
“อืม รวมถึงเมืองหลวงตี้ชิวก็ถูกรุกราน” เยี่ยนอวี๋เคาะนิ้วเรียวยาวบนโต๊ะด้วยท่าทีสงบ “ดังนั้น บัดนี้ข้ายังคงสงสัยว่าราชสำนักมีส่วนร่วมในเรื่องนี้หรือไม่”
อินสวินอี้พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้ว ดูจากเรื่องนี้แล้ว ความเป็นไปได้ที่องค์จักรพรรดิจะลงมือนั้นมีน้อยนัก เพราะโยวตูที่เขาต้องการคือเมืองโยวตูที่เจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่ง แต่ก็มิอาจปฏิเสธได้ว่า เขาคอยผสมโรงในเรื่องนี้”
“อืม” เยี่ยนอวี๋พยักหน้า “ข้าจึงมีแผนให้คนตำหนักซือมิ่งอยู่รอบนอก ส่วนคนสำคัญยังต้องให้ท่านเป็นผู้จัดการโยกย้าย”
“ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนโปรดวางใจ คนของสำนักจวินจื่อและจวนอ๋องของข้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว ท่านต้องการจำนวนคนเท่าไร อย่าได้เกรงใจ”
“รอบนอกราวสามพันนาย ต้องมีวิชาขั้นปฐมภูมิ และต้องการกองกำลังชั้นยอดร้อยนาย อย่างน้อยต้องมีวิชาขั้นสุวรรณชาด เพื่อลงไปใต้น้ำพร้อมข้า” เยี่ยนอวี๋กล่าวจัดแจงอย่างมีแผนการ
“ได้ ข้าไปจัดการเดี๋ยวนี้” อินสวินอี้มีคนในใจอยู่แล้ว เขาจึงเรียกผู้พิทักษ์อาวุโสท่านหนึ่งมา สั่งให้เขาไปหาจวินอั้นหยวนรวบรวมคนให้ได้ก่อนเวลาเที่ยง
“ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนมีคำสั่งอื่นอีกหรือไม่”
“ตอนนี้ยังไม่มี ท่านอ๋องกลับจวนไปพักผ่อนก่อนเถิด พรุ่งนี้ต้องเจอศึกหนัก”
อินสวินอี้เห็นด้วย เขาจึงอำลา เขายังไปทักทายต้าซือมิ่งก่อนกลับ เพราะเมื่อครู่เขาจากไปด้วยธุระเร่งด่วน ยังไม่ทันได้ ‘ทักทาย’ เลย
“กูไหน่ไน ข้าขอปรึกษา…” หลังจากที่ท่านพ่อจากไปแล้ว อินหลิวเฟิงก็ปรึกษากับเยี่ยนอวี๋อย่างลับๆ จากนั้นจึงพาเอ้อร์เหมาจากไป
หลังจากที่ทุกคนจากไปอีกครั้ง เยี่ยนจื่อเสา เม่ยเอ๋อร์ก็กลับไปพักผ่อนแล้ว เยี่ยนอวี๋กลับนอนไม่หลับ เพราะปกตินางนอนกับเด็กน้อย แต่วันนี้เด็กน้อยไม่อยู่ นางจึงรู้สึกไม่ชิน เยี่ยนอวี๋พลิกตัวไปมาก่อนจะส่งกระแสจิตสัมผัสไปที่ลูกของนาง นางได้ยินเสียงกรนเบาๆ ของเด็กน้อยราวกับเสียงแมวอย่างแจ่มชัด เพียงแต่ว่า… ในเสียงลมหายใจของเด็กน้อยยังมีเสียงลมหายใจสม่ำเสมอและทอดยาวอีกเสียงหนึ่ง ซึ่งก็คือเสียงของต้าซือมิ่ง
“…” เยี่ยนอวี๋เริ่มรู้สึกหงุดหงิด นางลุกพรวดไปหาต้าซือมิ่ง เขามีสิทธิอะไรมากอดเด็กน้อยและนอนหลับสบายได้เช่นนั้น ในขณะที่นางนอนไม่หลับ!
กระโจมสองหลังห่างกันไม่ไกลนัก เยี่ยนอวี๋เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว จากนั้นนางก็เปิดม่านประตูกระโจมขึ้นด้วยความ ‘ฉุนเฉียว’ สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือเจ้าตัวน้อยกำลังนอนหลับปุ๋ยกับเจ้าตัวใหญ่
หรงอี้ที่ถอดชุดคลุมสีดำของต้าซือมิ่งออก สวมเพียงชุดชั้นในและกางเกงขายาวสีขาว เผยให้เห็นรูปร่างที่เพรียวบางและมีสัดส่วน โดยเฉพาะขาที่ยาวจนไม่มีที่วางคู่นั้น สะดุดตาเป็นพิเศษ
เขาในยามนี้กำลังนอนตะแคงข้าง ประจันหน้าเยี่ยนอวี๋พอดี อ้อมอกเขายังมีเจ้าตัวน้อยอยู่ข้างใน เมื่อเทียบกันแล้ว สัดส่วนของเด็กน้อยและขาอันเรียวยาวของเขาก็ต่างกันมาก! ย่อมทำให้เป็นที่สะดุดตาเป็นธรรมดา
เยี่ยนอวี๋ที่มาด้วยความ ‘ฉุนเฉียว’ ก็ชะงักเล็กน้อย อาจจะเป็นเพราะตะลึงกับขายาวคู่นั้น นางคิดว่าตนเองไม่เคยเจอขายาวเช่นนี้มาก่อน ทว่าเมื่อละสายตาออกไปแล้ว นางก็มองไปที่เด็กน้อยทันที
เด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมอกในยามนี้ขดตัวอยู่บริเวณหน้าอกของต้าซือมิ่ง เขาหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว มือที่จับไปทั่วของเขาทำให้เยี่ยนอวี๋เห็นแผ่นอกวับๆ แวมๆ ของต้าซือมิ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ผิวของเขาเนียนขาวกว่าชุดชั้นในสีขาว ราวกับจะเรืองแสง ภายใต้เสื้อผ้าที่ปกปิดวับๆ แวมๆ เช่นนี้ ยิ่งเป็นสร้างเสน่ห์อันน่าดึงดูดอย่างยากที่จะปฏิเสธได้
“…” เยี่ยนอวี๋ผงะอีกครั้ง นางไม่เคยเห็นผู้ใดใส่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อยเช่นนี้มาก่อน ในฐานะที่เป็นปฐมราชินี จะมีผู้ใดบังอาจสวมใส่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อยต่อหน้านางเล่า วอนหาเรื่องตายชัดๆ
จากนั้นนางก็ผงะจริงจังอีกครั้ง เพราะว่านางเห็นดวงตาสีม่วงแสดงความงัวเงียคู่นั้นลืมขึ้นมาแล้ว ราวกับมีเวทย์มนต์ไร้เทียมทาน สามารถกลืนกินสรรพสิ่งที่สัมผัสและจ้องมองมัน
“เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์?” ต้าซือมิ่งลืมตาสะลึมสะลือ เขาไม่คิดว่าปฐมราชินีเยี่ยนจะบุกเข้ามาหาเขากลางดึกเช่นนี้ ทว่าเมื่อตั้งใจดูแล้วก็เห็นว่าเป็นนางจริงๆ ด้วย
เจ้าปลาน้อย[1]ตัวนี้ ในที่สุดก็กินเบ็ดแล้วสินะ เยี่ยมไปเลย
ต้าซือมิ่งที่ตบหลังของเด็กน้อยเบาๆ อย่างเกียจคร้าน เขาก็ยื่นมือไปตบพื้นที่ว่างข้างๆ “นอนด้วยกันหรือไม่”
เมื่อเยี่ยนอวี๋ตั้งสติได้ นางก็ตากระตุก ก่อนจะเม้มปากพูดว่า “คืนเสี่ยวเป่าให้ข้า”
ต้าซือมิ่งกางแขนข้างหนึ่งออก อีกข้างหนึ่งก่ายบนหน้าผาก เขาหลุบตาลงเล็กน้อยและกล่าวอย่างมีเมตตาว่า “เจ้ามาอุ้มไปสิ”
เยี่ยนอวี๋กวาดตามองเขา นางเห็นความอ่อนล้าบนใบหน้างามดั่งหยกใบนั้น ทำให้นางคิดถึงภารกิจอันหนักหน่วงที่นางมอบให้เขาทำก่อนหน้านี้ นางจึงเดินขึ้นหน้าไปไม่ได้พูดอะไรอาจจะเป็นเพราะต้าซือมิ่งถอดชุดคลุมออก กลิ่นอายของเขาตลบอบอวลในกระโจม ราวกับกลิ่นธูปหอมโชยสะอาดสดชื่นและบริสุทธิ์ไร้มลทิน ทำให้เยี่ยนอวี๋อดหดจมูกลงไม่ได้
ต้าซือมิ่งที่ค่อยๆ หลับตาลงอีกครั้ง เขาก็นิ่งไปราวกับหลับไปอีกครั้งอย่างสงบ ทำให้เยี่ยนอวี๋เหลือบมองเขาอีกครา ก่อนจะเอื้อมมือไปอุ้มเด็กน้อย
“อือ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเหมือนจะรู้สึกตัว เขางึมงำเล็กน้อย มือข้างหนึ่งของเขาทำท่าคว้าอากาศสองสามที อีกมือหนึ่งยังคงจับเสื้อของท่านพ่อของเขาไว้แน่น
เยี่ยนอวี๋ช้อนตัวเด็กน้อยขึ้นมาอย่างเบามือ มิได้สัมผัสโดนตัวต้าซือมิ่ง และเพราะว่านางไม่คุ้นชินกับกลิ่นคนแปลกหน้านัก นางจึงเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว ครั้นเมื่อนางกำลังอุ้มเด็กน้อยขึ้นมานั้น
“เนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่คว้าไปเรื่อยจนคว้าโดนมือของท่านแม่ เขาก็กอดมือของท่านแม่ไว้ ‘ทันที’ !
แค่ก…
เจ้าตัวน้อยเป็นคนคล่องแคล่วมาตลอด แม้แต่เวลาหลับก็เช่นกัน
มือของเยี่ยนอวี๋จึงสัมผัสแผ่นอกของต้าซือมิ่งอย่างไม่ทันตั้งตัว
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางตะลึงงัน
ต้าซือมิ่งที่จู่ๆ ก็ถูกสัมผัสตัว เขาก็ลืมตาขึ้น และยังเบิกกว้างราวกับตกใจมาก! ไม่ใช่ตาสะลึมสะลืออย่างเมื่อครู่นี้
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางตะลึงกว่าเดิม
เยี่ยนเสี่ยวเป่าผู้ ‘ก่อเรื่อง’ ไม่รู้เรื่องเลย เขากลับยังหัวเราะคิกคักเพราะนอกจากเขาจะจับท่านพ่อไว้ได้ในขณะนอนหลับแล้ว ยังมีท่านแม่อยู่ข้างๆ ด้วย
มันเป็นเสียงแปลกประหลาดที่ดังขึ้นขณะเขาหลับ…
อาจจะเป็นเพราะเสี่ยวเป่า ‘จอมพลัง’ มีความสุขเกินเหตุ เขายังพยายามจับมือของท่านแม่ของเขายัดเข้าไปในอ้อมอกของท่านพ่อ เยี่ยนอวี๋ไม่ทันตั้งสติได้ นางได้แต่มองดูตนเอง ‘ลูบไล้’ ต้าซือมิ่งครั้งแล้วครั้งเล่า
ต้าซือมิ่งท่านนั้นก็ปล่อยให้นาง ‘ลูบเปล่า’ เช่นนี้มิได้ เขาถือโอกาสจับมือบอบบางไร้กระดูกของเยี่ยนอวี๋ก่อนจะฉุดนางที่กำลังตะลึงสุดขีดขึ้นมาบนตั่ง จากนั้นก็จับนางพลิกลงโดยไม่รอให้นางตั้งสติได้ด้วยซ้ำ
ส่วนลูกของพวกเขาก็ยังถูกทะนุถนอมอยู่ในอ้อมอกของต้าซือมิ่งอย่างดี แต่มืออีกข้างหนึ่งของเขากดข้อมือของปฐมราชินีเยี่ยนไว้แล้ว ใบหน้างดงามดุจหินหยกสลักใบนั้นก็ค่อยๆ เข้าใกล้ใบหน้าของปฐมราชินีเยี่ยน
“เจ้า…”
เยี่ยนอวี๋รีบผลักเขาออกทันที ก่อนจะลุกนั่งขึ้น
ในขณะเดียวกัน…
พรึ่บ!
ม่านประตูกระโจมของต้าซือมิ่งถูกเปิดออก ‘พี่เขยรอง’ ก็ก้าวเข้ามาพอดี
เยี่ยนจื่อเสาครุ่นคิดวนไปวนมาและนอนไม่หลับตลอดคืน เขาจึงคิดว่าควรมาหาต้าซือมิ่งเพื่อเปิดอก ‘คุย’ อย่างลูกผู้ชาย
แต่แล้ว…
—————————————-
[1] ปลาน้อย คือความหมายของชื่อของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์