เยี่ยนจื่อเสามาหาต้าซือมิ่งด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวเช่นกัน เขามิได้ทักทายก่อนเปิดม่านด้วยซ้ำ แสดงให้เห็นถึงอารมณ์คุกรุ่นที่พร้อมปะทุของตนเอง เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะเห็นภาพตรงหน้าเช่นนี้
ทะ… ทำไม… เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของเขาจึงถะ… ถอด… เสื้อของตะ… ต้าซือมิ่ง หรือว่าตะ… ต้าซือมิ่งท่านนี้ มะ… ไม่ได้กะ… กล่าวเพ้อเจ้อจริงๆ?
“…”
เยี่ยนจื่อเสาอ้ำอึ้ง ไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรดี
เยี่ยนอวี๋เองก็ตะลึงเช่นกัน นางจะไปรู้ได้อย่างไรว่าพี่รองของนางจะเข้ามา ปัญหาคือนางกลับไม่รู้สึกตัวเลย นางช่าง… ช่าง… นางอึดอัดจะตายอยู่แล้ว
ต้าซือมิ่งดันหัวเราะขึ้นเบาๆ “ทำให้พี่เขยขบขันแล้ว ดูท่าต้องคุยเรื่องงานแต่งแล้ว ไม่เช่นนั้นเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์มา อืม… จะไม่สะดวก”
“หลีกไป!”
เยี่ยนอวี๋ผลักชายผู้นั้นออก
“ฝันไปเถอะ!”
เยี่ยนจื่อเสาตั้งสติขึ้นได้ ถึงแม้เขายังพยายามปรับสามทัศน์ของเขาอยู่ แต่นี่ก็ไม่เป็นปัญหาต่อการปกป้องน้องสาว ยิ่งไม่ควรปล่อยให้ผู้ชายคาบไปได้ง่ายๆ
ต้าซือมิ่งหรงที่ถูกผลักออกอุ้มลูกนอนตะแคงบนเตียง เผยให้เห็นแผ่นอกของเขาอย่างโจ่งแจ้ง ผมบางส่วนปิดแผ่นอกของเขาไว้ สีที่ตัดกันชัดเจนทำให้เห็นผมของเขามีสีดำดั่งหมึก ผิวขาวดุจหยก สง่างามไร้ที่ติ “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ ดูเจ้าสิ สัมผัสตัวข้าแล้วก็ไม่รับผิดชอบ”
“ข้า…” เยี่ยนอวี๋ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
เยี่ยนจื่อเสาปวดศีรษะ เขารู้สึกคิดไม่ตก ใจสับสน แต่เขาก็ออกมายืนข้างหน้าน้องสาวตามสัญชาตญาณแล้ว จากนั้นจึงสงบสติลงพูดว่า “ต้าซือมิ่ง ท่านลุกขึ้นก่อน”
อย่าว่าเช่นนั้นเช่นนี้เลย รูปร่างของต้าซือมิ่งท่านนี้งดงามนัก มิแปลกใจที่เขาเป็นอันดับหนึ่งของสี่สุภาพบุรุษแห่งต้าซย่า ไม่กล่าวถึงความสามารถ เพียงแค่หน้าตาก็ไม่มีชายใดบนโลกเทียบเคียงได้แล้ว
ทว่านั่นก็แค่เปลือกนอก เยี่ยนจื่อเสาคิดว่าภายในสำคัญที่สุด! ต้าซือมิ่งเกี้ยวพาเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของเขาสำเร็จแล้วก็ทิ้งขว้าง ทำเอาเสี่ยวอวี่เอ๋อร์แบกรับความลำบากมากมาย เลวจริงๆ!
ใช่แล้ว!
เลว!
เยี่ยนจื่อเสาที่ปรับสามทัศน์ของตนเข้าที่และสงบลงแล้ว เขาก็ดึงเสื้อผ้าของต้าซือมิ่งบอกให้เขาสวมใส่ให้เรียบร้อย
ต้าซือมิ่งที่ถูกขุดขึ้นมาก็ยอมเชื่อฟังแต่โดยดี เขาสวมใส่เสื้อผ้าด้วยท่วงท่าสง่างาม ถึงแม้เขายังอุ้มเจ้าตัวน้อยไว้ตลอดเวลาก็ตาม ท่าทางของเขายังคงสง่างามงด ทำเอาเยี่ยนจื่อเสาจำเป็นต้องบังน้องสาวไว้อย่างมิดชิดกว่าเดิม จะปล่อยให้น้องสาวถูกฝ่ายตรงข้ามยั่วยวนไปมิได้
“นั่งเถิด” เมื่อต้าซือมิ่งสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขาก็เชิญสองพี่น้องนั่งลงบริเวณมุมหนึ่งในกระโจม ก่อนจะเริ่มใช้ถ่านวิเศษจุดไฟ ดูเหมือนกำลังจะต้มชาให้ทั้งสองดื่ม
“อย่าลำบากเลย!” เยี่ยนจื่อเสารีบห้าม เจ้าหมอนี่แม้แต่ต้มชายังดูสง่าเฉิดฉายเปล่งประกายดึงดูดสตรีอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้ ช่าง…
“ไม่หรอก ข้าสะดวกดี พี่เขยรองมีอะไรก็พูดเถิด มิต้องเกรงใจ”
“ช้าก่อน ท่านอย่าเรียกข้าว่าพี่เขยรอง”
“…ก็ถูก ยังไม่แต่งงาน”
“ไม่ได้หมายความเช่นนั้น! แต่ก็ใช่ ไม่สิ…” เยี่ยนจื่อเสาสับสัน จู่ๆ ก็รู้สึกว่าตนควรหลับสักตื่นก่อนค่อยมา สมองของเขาในตอนนี้มึนงงไปหมดแล้ว
เยี่ยนอวี๋ถามอย่างเย็นชาว่า “เจ้าอยากขอข้าแต่งงานหรือ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หรงอี้ก็เลิกคิ้วขึ้น เขามองไปที่มารดาเด็กน้อยที่สงบสติอารมณ์ลงได้แล้ว นัยน์ตาแสดงความจำใจเล็กน้อย แต่น้ำเสียงกลับเป็นปกติว่า “หรือว่าเจ้าขอข้าแต่งงานก็ได้ ข้าได้ทั้งนั้น สิ่งสำคัญคือต้องมีสถานะให้ข้า”
เยี่ยนจื่อเสาตะลึงสุดขีด!
โชคดีที่เขายังไม่จิบชา มิเช่นนี้น้ำชาคงพุ่งออกจากปากเขาแน่ เขาไม่คิดเลยว่า ต้าซือมิ่งจะเป็นต้าซือมิ่งเช่นนี้! นี่… นี่มัน…
เยี่ยนอวี๋ตกใจ นัยน์ตาของนางปรากฏความตะลึงอย่างมิอาจปิดบังไว้ได้ นางถึงกับถามว่า “เจ้าจริงจังหรือ”
“แน่นอน” มือของหรงอี้หยุดนิ่ง ดวงตาสีม่วงของเขามองไปที่เยี่ยนอวี๋เงียบๆ “เสี่ยวเป่าต้องการครอบครัวที่สมบูรณ์ มีพ่อมีแม่ ไม่ควรเป็นลูกนอกสมรสอย่างที่ใครๆ ลือกัน บุตรชายของตัวข้าหรงอี้ ใต้หล้าต้องรับรู้และนับถือเขาดั่งทวยเทพ”
เยี่ยนจื่อเสาสงบสติลงทันที เมื่อได้ยินเช่นนี้เขาก็รู้ว่าต้าซือมิ่งมิใช่ชายเลี้ยงชีพด้วยการเกาะสตรีกินแล้ว ในที่สุดก็มีมาดความเป็นต้าซือมิ่ง มิเช่นนั้นเยี่ยนจื่อเสาคงคิดว่าเขาเป็นต้าซือมิ่งตัวปลอมหรือไม่ก็หลอกลวงคนแล้ว
คำพูดเหล่านี้ของต้าซือมิ่งก็ทำให้เยี่ยนอวี๋ตกอยู่ในห้วงความคิดเช่นกัน สำหรับนางแล้ว นางไม่เห็นปัญหาเหล่านี้ในสายตาด้วยซ้ำ ในโลกทัศน์ของนางมีเพียงสวรรค์เก้าชั้นฟ้า สี่สมุทรแปดพิภพ มิใช่เรื่องเล็กน้อยเช่นข่าวลือในต้าซย่าแห่งนี้
แต่เมื่อเกี่ยวข้องกับเยี่ยนเสี่ยวเป่า…
“ถึงแม้วันใดวันหนึ่งเจ้าจะขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดอีกครั้ง และจะไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวถึงเสี่ยวเป่า แต่ขณะที่เจ้าไม่ได้ยิน แต่เสี่ยวเป่ากลับได้ยินเข้าล่ะ? ข้าไม่อยากให้เสี่ยวเป่ากลายเป็นขี้ปากของคนอื่น ไม่ได้แม้เพียงน้อยนิด” หรงอี้พูดขึ้นต่อ
เยี่ยนอวี๋มองไปที่เขา เห็นดวงตาสีม่วงสุกใสไร้มลทินดวงนั้น นางสัมผัสถึงความจริงใจและความภาคภูมิเปี่ยมล้นจากข้างใน
“ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล” แม้เยี่ยนจื่อเสาจะไม่เข้าใจว่า ‘ขึ้นสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง’ คืออะไร ทว่าเขาก็เห็นด้วยกับต้าซือมิ่งในเรื่องที่ไม่ให้เสี่ยวเป่ากลายเป็นขี้ปากผู้อื่น
เยี่ยนอวี๋ผู้เยือกเย็นพูดขึ้นว่า “เจ้าป่าวประกาศว่าเจ้าเป็นพ่อของเขาได้ แต่ไม่จำเป็นต้องแต่งงาน”
ต้าซือมิ่งอดกุมขมับไม่ได้ เขาไม่ควรเร่งเร้าเช่นนี้ “ก็ใช่ว่าจะมิได้ แต่ผลลัพธ์ไม่ดีเท่าแต่งงานกัน หากเจ้าไม่เชื่อ ก็ลองดูก่อนได้”
“ข้าจะลองคิดและลองดู แต่ตอนนี้เจ้าคืนเสี่ยวเป่าให้ข้าก่อน” เยี่ยนอวี๋ชี้ไปที่เจ้าตัวน้อย นางอยากพาเด็กน้อยกลับไปนอนแล้ว
ต้าซือมิ่งที่มิอาจปฏิเสธได้ทำได้เพียงคืนเสี่ยวเป่าให้นาง เด็กน้อยทำ ‘ภารกิจ’ สำเร็จแล้ว เขาทำให้ท่านพ่อและท่านแม่ของตนใกล้ชิดกันมากขึ้นแล้ว
เยี่ยนจื่อเสาคิดว่าบัดนี้คงมิอาจคุยเปิดอกอย่างลูกผู้ชายได้แล้ว เขาจึงพาน้องสาวที่อุ้มเสี่ยวเป่าจากไป เขาต้องกลับไปคิดให้รอบคอบ หรือไม่ก็ควรรอหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้วค่อยมาคุยพร้อมพี่ใหญ่!
…
วันต่อมา
เยี่ยนเสี่ยวเป่าตื่นเพราะกลิ่นหอมของอาหาร ท้องร้องจ๊อกๆ จนตื่นขึ้นมา “เนะ?”
“เสี่ยวเป่า” อันที่จริงหลังจากกลับถึงกระโจมเยี่ยนอวี๋ก็นอนไม่หลับอีกเลย นางลูบเด็กน้อยที่เพิ่งตื่นนอน “ได้กลิ่นหอมๆ หิวแล้วหรือจ๊ะ” นางเองก็ได้กลิ่นอาหารที่ต้าซือมิ่งคนนั้นกำลังทำแล้วเช่นกัน
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะขยี้ตา ทำท่าจะไปหาท่านพ่อของเขา
เยี่ยนอวี๋ที่รู้ว่าเด็กน้อยต้องการไปหาท่านพ่อ นางก็หยิกแก้มน้อยๆ ของลูกเบาๆ “ท่านพ่อของเจ้ากำลังทำอาหารให้เจ้าอยู่ข้างนอกน่ะ”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่านอนจนแก้มแดงระเรื่อ เขาฉีกยิ้มออกมาทันที “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ…” ท่านพ่อรูปงามไม่ไปไหนจริงๆ ด้วย! ทำอาหารให้เสี่ยวเป่ากินอีกจริงๆ ด้วย ดีใจจัง…
“เจ้านี่นะ” เยี่ยนอวี๋ลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าให้เด็กน้อย อดจิ้มหน้าผากเด็กน้อยเบาๆไม่ได้ เมื่อคืนก็เป็นเพราะเจ้าตัวดื้อคนนี้ทำลายภาพพจน์ของนางเสียหมด
บนตัวของเจ้าตัวดื้อยังติดกลิ่นอายของท่านพ่อมาด้วย ทำเอาเยี่ยนอวี๋มิอาจนอนหลับอย่างสงบได้…
“ฮี่ๆ…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่ายิ้มตาหยี เขามีความสุขล้นหลาม ในที่สุดเขาก็มีชีวิตอยู่อย่างไม่ต้องตามหาท่าพ่อรูปงามและท่านพ่อรูปงามของเขาก็จะอยู่กับเขาไปตลอดแล้ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจ้าตัวน้อยก็ดีใจทำท่าจะกลิ้งออกไปอีกครั้ง
“ไม่หายไปไหนหรอกน่า จะรีบไปทำไม” เมื่อเยี่ยนอวี๋สวมเสื้อผ้าเสร็จจึงอุ้มเด็กน้อยที่ใจร้อนออกจากกระโจม และพวกเขาก็เห็นต้าซือมิ่งกำลังทำอาหารต้อนรับแสงยามเช้า
ภาพนั้น… งดงามจนกู้หยวนซูตาแทบบอด
หลังจากที่กู้หยวนซูสงบสติอารมณ์และครุ่นคิดมาตลอดคืน นางก็ไม่คลุ้มคลั่งเหมือนเมื่อวานแล้ว นางไม่คิดเลยว่าเมื่อนางตื่นขึ้นมา นางจะเห็นต้าซือมิ่งที่นางนับถือดั่งทวยเทพกำลังทำอาหาร ความรู้สึกนั้นราวกับถูกสาดด้วยน้ำเย็นที่มีใบมีดในฤดูหนาว
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ดีอกดีใจดันส่งเสียงเรียกอย่างชัดถ้อยชัดคำ “พ่อ!”
เมื่อวานยังออกเสียง ‘พ่อ’ ไม่ได้ เรียกอย่างไรก็เพี้ยน แต่วันนี้หลังจากนอนไปหนึ่งตื่น เสี่ยวเป่าก็ออกเสียงได้ถูกต้องแล้ว เขาดีใจจนยื่นมืออวบอ้วนของตนไปที่ท่านพ่อ แสดงท่าทีขอคำชื่นชมและอ้อมกอดจากท่านพ่อ
ต้าซือมิ่งที่ได้ยินดังนั้นก็เผยยิ้มบางๆ ออกมา “อื้ม”
เยี่ยนอวี๋อุ้มเด็กน้อยเข้าไปด้วยความรู้สึกไม่สบายใจนัก เมื่อเด็กน้อยเข้าไปในอ้อมอกของท่านพ่อ นางจึงกวาดตามองไปที่แขกไม่ได้รับเชิญคนหนึ่ง ทว่าเม่ยเอ๋อร์ก็ไล่กู้หยวนซูตั้งแต่แรกแล้ว “ไสหัวไป!”
“เจ้าน่ะสิไสหัวไป! ข้ามีธุระสำคัญ” กู้หยวนซูกล่าวด้วยสีหน้าโมโห ก่อนจะเคลื่อนสายตาจากต้าซือมิ่งไปมองเยี่ยนอวี๋ “เยี่ยนจื่ออวี๋! ข้ามาหาเจ้า”
“หืม?” เยี่ยนอวี๋มองกู้หยวนซูด้วยความสนใจเล็กน้อย
กู้หยวนซูสูดหายใจเข้าลึกเพื่อดับความเดือดดาลในใจลง นางกล่าวอย่างสงบนิ่งว่า “ใช่แล้ว เมื่อวานเจ้าบอกว่า ทุกคนต้องฟังคำสั่งของเจ้า ข้าไม่ยอม!”
“เจ้าไม่ต้องอยู่ก็ได้” เยี่ยนอวี๋ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เจ้า…”
กู้หยวนซูสูดหายใจเข้าลึกพลางคิดว่านางไม่ควรเสียภาพพจน์ต่อหน้าต้าซือมิ่ง นางจึงฝืนยิ้มออกมาพูดว่า “ข้าได้รับบัญชาจากองค์จักรพรรดิ ไม่ใช่เจ้าบอกว่าอย่างไรก็ต้องทำอย่างนั้น หากเจ้าต้องการให้ข้าฟังคำสั่งเจ้า ก็ใช่ว่าจะไม่ได้”
กู้หยวนซูที่แต่เดิมคิดว่าอยากหยุดจังหวะพูดตรงนี้ไว้ครู่หนึ่งเพื่อวางอำนาจ แต่แล้วนางก็กลัวว่าจะถูกทำให้สะอึกอีกครั้ง นางจึงรีบพูดต่อไปว่า “ขอเพียงเจ้ารับคำท้าของข้า! เอาชนะข้าให้ได้! ทำให้ข้ายอมแพ้อย่างเต็มใจ ข้าย่อมยินยอมฟังคำสั่งของเจ้า”