“ว้าว! ว้าววว…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าตะลึง ท่านแม่ของเขางามจังเลย! งามที่สุดเลย! เขาตื่นเต้นจนจับท่านพ่อไว้แน่นและออกอาการดีใจจนเนื้อเต้น หากเขาโตกว่านี้คงกระโดดโลดเต้นไปแล้ว
“เด็กดี”
ต้าซือมิ่งมองดูอย่างมีความสุขเช่นกัน เขาลูบศีรษะโล้นน้อยๆ สงบอารมณ์ของลูก กลัวว่าเด็กน้อยจะตื่นเต้นจนตกลงไปบนพื้นอีก…
“ฮ่า…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่ากอดมือใหญ่ๆ ของท่านพ่อไว้พลางดูท่านแม่คนงามของเขาอย่างดีอกดีใจ น้ำลายของเขายังไหลยืดลงมาจนหยดลงบนมือของต้าซือมิ่งอย่างมิอาจหักห้ามใจได้
ต้าซือมิ่งหรง “…”
เจ้าตัวน้อยนั้นดีทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องความสะอาด…
ซี้ด!
เมื่อเยี่ยนเสี่ยวเป่ารู้ตัวว่าน้ำลายไหล เขาก็รีบปิดปากน้อยๆ ไว้ทันที แก้มชมพูระเรื่อเพราะความตื่นเต้นดีใจของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะความเขินอาย
ต้าซือมิ่งที่ก่อนหน้านี้ยังคิดรังเกียจเด็กน้อย บัดนี้เขาก็โอบเจ้าตัวน้อยเข้ามา ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกมาเช็ดน้ำลายให้เด็กน้อยและเช็ดให้ตนเองด้วย แน่นอนว่าในระหว่างนี้ พ่อลูกคู่นี้ไม่ได้ละสายตาจากเยี่ยนอวี๋เลย เฉกเช่นกับคนอื่นที่จ้องมองเยี่ยนอวี๋คนงามลอยอยู่กลางอากาศดุจนางฟ้า
“งดงามจริงๆ…”
เอ้อร์เหมาจึงกล่าวความในใจออกมาว่า “นายท่าน ท่านว่าหากท่านเร็วกว่านี้เสียหน่อย ฮูหยินน้อยงดงามนางนี้ก็คงเป็นคนของโยวตูเราแล้ว ข้า…”
อินหลิวเฟิงปิดปากเอ้อร์เหมาไว้ทันที เขารู้สึกอยากตายจริงๆ “หุบปาก! เจ้าคนเลว เจ้าคิดว่านายท่านน้อยของเจ้าอายุยืนเกินไปหรือไง”
ให้ตายเถอะ! ต้าซือมิ่งคนนั้นเหลือบมองมาทางนี้แล้ว มารดามันเถอะ!
สายตาคู่นั้นเยือกเย็นนัก…
อินหลิวเฟิงเหงื่อตก เขาทำได้เพียงมองและส่งยิ้มกว้างกลับไปให้เขาอย่างสดใส “ฮ่า ขายหน้าต้าซือมิ่งแล้ว ลูกน้องคนนี้ของข้าไม่ปกตินัก เป็นสัตว์ปีกน่ะ ไม่ค่อยมีปัญญา”
ต้าซือมิ่งมองกลับไปเงียบๆ มิได้พูดอะไร แต่เขาจำได้แม่นว่า ท่านแม่เด็กน้อยดูแลนายท่านน้อยโยวตูคนนี้อย่างดี ก่อนหน้านี้นางอุ้มเด็กน้อยพุ่งออกมาจากใต้น้ำเพื่อมาช่วยชายคนนี้โดยไม่สนใจว่าเขายังอยู่ข้างๆ นอกจากนี้ ยังมีข่าวแพร่สะพัดในโยวตูว่านายท่านน้อยอินคือบิดาของลูกปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนอีกด้วย หึๆ…
“หึ…”
อินหลิวเฟิงที่กำลังหนาวสะท้านอยู่นั้นเหมือนจะรู้สึกได้ว่าต้าซือมิ่งท่านนี้กำลังเข้าใจอะไรเขาผิดไป เหตุใดจึงเหมือนกับว่าเขาได้ยินฝ่ายตรงข้ามแค่นเสียงหัวเราะเย็นชาใส่เขากันนะ
จบกัน! ต้องเป็นเพราะท่าทีก่อนหน้านี้ที่เขาคิดจะลองขอกู่ไหน่ไนแต่งงาน ต้าซือมิ่งผู้มีความสามารถมหัศจรรย์คนนี้รู้แล้วแน่ๆ เขาจึงถูก ‘จดบัญชี’ ไว้แล้ว!
ต้องเป็นเช่นนี้แน่ๆ มิเช่นนั้นต้าซือมิ่งท่านนี้จะโยนความรับผิดชอบอันโหดร้ายนั่นให้เขาทำไม…
อินหลิวเฟิงที่ทึกทักว่าตนเองทายถูกแล้วก็รู้สึกน้ำตาจะไหล ทว่าเขาต้องเข้มแข็งไว้ เพราะวันข้างหน้าเขายังต้องอยู่ส่งท่านพ่อของเขายามไปปรโลก เขาจึงมองไปที่นางฟ้ากู่ไหน่ไนต่อไป
“ลงมาแล้ว! ลงมาแล้ว”
ภาพนางฟ้าขี่เมฆาหลากสีที่คงอยู่เช่นนั้นพักใหญ่ ในที่สุดก็ค่อยๆ จางหายไปต่อหน้าทุกคน
เยี่ยนอวี๋ค่อยๆ ลงมาสู่พื้นดินหลังจากเมฆหลากสีจางหายไป ทว่าถึงแม้นางจะกลับสู่พื้นดินแล้ว ในสายตาของทุกคน นางก็ยังคงเป็นนางฟ้าที่ลอยอยู่กลางอากาศท่านนั้น เพราะฉากเมื่อครู่นี้ยังคงติดตราตรึงอยู่ในใจพวกเขา คงไม่มีวันลืมได้
“คิดไม่ถึงเลย คิดไม่ถึงเลยจริงๆ…” เฉินฉุนเฟิงทอดถอนใจ “ผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงและราชสำนักต่างลือกันว่าปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนอายุน้อยท่านนี้ดีแต่เปลือก คิดว่าสำนักหมอหลวงแต่งเรื่องขึ้นมาเอง ถึงอย่างไรนักปรุงยาในตำนานอายุสิบแปดก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินไปแล้ว! ผู้ใดจะไปคิดว่านี่เป็นเรื่องจริง มิน่าด้วยพระประสงค์ของเชื้อพระวงศ์ องค์จักรพรรดิจึงมีราชโองการเป็นการส่วนตัว”
“เป็นเพราะสำนักคุนอู๋ คนสำนักคุนอู๋คอยปลุกปั่นว่าปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนท่านนี้ก็มีดีแค่รูปโฉม เจิ้งสู่แห่งสำนักหมอหลวงจึงถือโอกาสยกฐานะของตนเอง” ชิงอ้ายเฟิงผู้นำทัพสำนักชิงเหลียนครั้งนี้กล่าวกระทบกระแทกสำนักคุนอู๋
จะว่าไปแล้วก็เป็นจริงตามนั้น อวกาศชิงเหลียนศาสตราเวทในตำนานของสำนักชิงเหลียน ถูกบรรพบุรุษสำนักคุนอู๋ยืมไปจนถึงบัดนี้ยังไม่ได้คืน บัดนี้ยังไม่รู้ว่าอยู่แห่งหนใด สำนักคุนอู๋บอกเพียงว่าต้องรอให้ผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเขาฟื้นจึงจะคุยกันได้
ตามข่าวที่ชิงอ้ายเฟิงสืบมา อวกาศชิงเหลียนนั่นคงไม่มีแล้ว ที่สำนักคุนอู๋ปิดบังไว้ไม่ยอมบอกก็เพราะไม่อยากชดใช้ให้! น่าเจ็บใจจริงๆ!
ชิงอ้ายเฟิงไม่อยากกล่าวถึงอีก เขาประสานมือคารวะเยี่ยนอวี๋ที่ลงสู่พื้นดินแล้ว “ข้าน้อยชิงอ้ายเฟิง ผู้ดูแลหอราชทัณฑ์สำนักชิงเหลียน ได้รับบัญชาองค์จักรพรรดิให้มาโยวตู ก่อนหน้านี้ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ ข้าน้อยละอายใจยิ่งนัก”
“ข้าน้อยเฉินฉุนเฟิง เซ่าซือมิ่งแห่งตำหนักซือมิ่ง อยู่ใต้บังคับบัญชาต้าซือมิ่ง ข้าน้อยเต็มใจน้อมรับคำสั่งปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัย” เฉินฉุนเฟิงเองก็รายงานตัวด้วยความเต็มใจ
ผู้คนที่เหลือต่าง ‘รายงานตัว’ ต่อเยี่ยนอวี๋ ถึงแม้พวกเขาจะได้รับบัญชาองค์จักรพรรดิให้มาคอยฟังคำสั่งของกู้หยวนซู แต่เรื่องนี้ย่อมไม่เป็นอุปสรรคต่อการรายงานตัวต่อหน้าปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน
ถึงแม้บัญชาขององค์จักรพรรดิคือการจับกุมปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนและโยวตูอ๋อง ทว่าสถานการณ์ของทั้งสองต่างกัน โยวตูอ๋องนั้นเข้าหาได้ยาก และพวกเขาไม่คิดจะเข้าหาแน่นอน ทว่าปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนท่านนี้…
ตราบใดที่เป็นจิ้งจอกเฒ่าย่อมตรึกตรองได้ด้วยตนเอง บทจะเปลี่ยนฝ่ายก็เปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว ทำเอาเม่ยเอ๋อร์อดแขวะไม่ได้ว่า “นกสองหัว” จนจิ้งจอกเฒ่าเหล่านั้นหน้าชาไปหมด
“…”
กู้หยวนซูที่กำลังตะลึงงัน นางย่อมได้ครองตำแหน่งผู้อับอายที่สุดในนั้นไปโดยปริยาย ไม่มีผู้ใดสู้นางได้
ถึงแม้ทุกคนจะไม่ได้พูดอะไร แต่กู้หยวนซูก็รู้ว่าทุกคนกำลังเยาะเย้ยนาง และนางในวันนี้ก็กลายเป็นตัวตลกไปแล้ว!
โดยทั่วไปแล้ว การท้าประลองโดยการเรียกสวรรค์ประจักษ์เป็นการประลองฝีมือที่มีมาตรฐาน ยุติธรรมและมีอำนาจสูงสุดในแวดวงนักฝึกฌาน ทว่าเยี่ยนอวี๋ทำให้ทุกอย่างกลับตาลปัตร… ในเมื่อตัวนางเองเป็นถึงปฐมราชินีผู้สร้างโลก! แม้สวรรค์จะโง่เขลาก็คงไม่มาเป็นพยานให้กู้หยวนซู ทว่าเรื่องที่สวรรค์ปรีดาจนเสียสตินั่นน่ะเป็นเรื่องจริง เพราะสวรรค์ถึงกับวิ่งเต้นพร้อม ‘ชูดอกไม้กู่ร้องอย่างดีใจ’ รอบตัวเยี่ยนอวี๋
กู้หยวนซูจึงกลายเป็นตัวตลกอย่างสมบูรณ์ หากไม่ใช่เพราะปีศาจระกาเก้าเศียรเตือนสตินางไว้ นางคงรู้สึกอับอายตราบสิ้นดินฟ้าไปแล้ว
‘แค่ก’ กู้หยวนซูที่ถูกปีศาจระกา ‘ปลุก’ นางยังคงรักษามาดไว้ “ดูท่าสวรรค์จะชื่นชอบแม่นางเยี่ยนเป็นพิเศษ เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด การประลองของเจ้าและข้าจบเพียงเท่านี้ ส่วนเรื่องแก้ไขปัญหาอุทกภัย ข้ายินยอมฟังคำสั่งของเจ้า”
“ศิษย์พี่ใหญ่ใจกว้างนัก!” คนสำนักเหยาไถเซียนผ่อนคลายสถานการณ์อันน่าอับอายลง ก่อนจะกล่าวเยินยอนาง
“มาแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างสันติเถิด” เฉินฉุนเฟิงกล่าว “เช่นนั้นได้โปรดท่านปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนจัดการ พวกข้ากลับค่ายพำนักรอฟังคำบัญชา”
เยี่ยนอวี๋กวาดตามองกู้หยวนซู ถึงแม้จะไม่พอใจผลลัพธ์ของวันนี้ แต่ก็ไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น “ในเมื่อทุกท่านไม่มีความเห็นอื่นใด พรุ่งนี้จงฟังและปฏิบัติตามคำสั่ง อย่าสร้างปัญหาอื่นใดอีก”
“น้อมรับคำสั่งขอรับ!”
“ขออำลา”
เหล่าคนราชสำนักที่มาด้วยความอยากรู้อยากเห็น จากไปด้วยความตื่นเต้น ก็ถือว่ามิได้มาเสียเปล่า
ส่วนกู้หยวนซู ถึงแม้นางจะรู้สึกไม่ยุติธรรม แต่เพราะการเร่งเร้าของปีศาจระกา นางจำใจต้องจากไปอีกครั้ง ก่อนจากไปนางยังอดชายตามองต้าซือมิ่งมิได้
จากนั้นนางก็ต้องตะลึงอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าต้าซือมิ่งกำลังป้อนอาหารให้ทารกน้อย
“อ้ะ…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่กำลังอ้าปากให้กว้างมากที่สุด เพื่อรออาหารป้อนเข้าปากเขา ต้าซือมิ่งที่เพิ่งตักอาหารเสร็จ เขายังคงใช้วิชาควบคุมอุณหภูมิเพื่อลดอุณหภูมิลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงป้อนอาหารเข้าไปในปากของเจ้าตัวน้อย เพื่อไม่ให้เด็กน้อยถูกลวกจนร้องไห้
ปากน้อยๆ ของเยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เคี้ยวหงับๆ เมื่อได้อาหารเลิศรสเข้าไปในปาก เขาก็ยิ้มตาหยีทันที จากนั้นก็อ้าปากต่อ เขาทานอาหารอย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่สนใจอย่างอื่น ถึงอย่างไรเขาก็เชยชมท่านแม่รูปงามของเขาเสร็จแล้ว ตอนนี้เขาจึงจดจ่อกับการทานอาหารมาก ราวกับกลัวว่าใครจะมาแย่งเขาอย่างไรอย่างนั้น
“…”
กู้หยวนซูรู้สึกหมดคำพูด นางจากไปอย่างทุกข์ทรมานพร้อมอาการปวดตา ปวดใจ และปวดศีรษะ นางเดินไปเพียงไม่กี่ก้าวยังกระอักเลือดออกมา ทำเอาคนสำนักเหยาไถเซียนตกใจ
เยี่ยนอวี๋มองกู้หยวนซูตลอดเวลา นัยน์ตาประกายแสงวิบวับ ปีศาจระกาเก้าเศียรนั่นต้องสิงอยู่ในร่างของนางแน่นอน! แต่เดิมนางคิดว่าปีศาจระกาก็คือกู้หยวนซู ทว่าตอนนี้ดูแล้วราวกับจะไม่เป็นเช่นนั้น
“มองอะไรอยู่หรือ” ต้าซือมิ่งป้อนอาหารให้เด็กน้อยพลางสังเกตมารดาเด็กน้อย “มองวิญญาณโบราณหรือ”
เมื่อเยี่ยนอวี๋ได้ยินดังนั้น นางก็ไม่สนใจกู้หยวนซูที่จากไปไกลคนนั้นอีก นางมองไปที่ต้าซือมิ่งที่กำลังป้อนอาหารให้เด็กน้อย “เจ้ารู้รึ”
“หึ“ หรงอี้ยิ้มบางๆ “เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”
“บอกมา” เยี่ยนอวี๋นั่งลงข้างหน้าสองพ่อลูกทันที “นางเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเจ้า เจ้าต้องรู้แน่นอนว่าปีศาจระกาในร่างนางเป็นปีศาจแบบไหน”
“ประเด็นแรก ข้าไร้ญาติมิตร ตำหนักซือมิ่งเป็นตำหนักซือมิ่งของจักพรรดิหยวนคัง ประเด็นที่สอง ข้ารู้ว่านางเป็นอย่างไรก็จริง แต่อยากให้ข้าบอกเจ้างั้นหรือ ก็ใช่ว่าจะไม่ได้”
“ต้องการอะไร” เยี่ยนอวี๋ถามตรงๆ
ต้าซือมิ่งยิ้มบางๆ อีกครั้ง “เจ้าคิดว่าข้าขาดอะไร”
“ขาดภรรยา” อินสวินอี้ที่อยู่ข้างๆ ตอบเงียบๆ