ต้าซือมิ่งเลิกคิ้วเล็กน้อย เขามองไปที่ท่านอ๋องผู้รู้งานอย่างชื่นชม
ทว่า…
“ในอนุสติของนางมีวิญญาณโบราณอาศัยอยู่ตนหนึ่ง” ต้าซือมิ่งกลับมิได้ยื่นเงื่อนไขใดๆ ก็ให้ข้อมูลที่นางอยากรู้แล้ว “แต่ข้าไม่รู้หรอกว่าวิญญาณโบราณตนนี้มีความสัมพันธ์อย่างไรกับนาง”
เยี่ยนอวี๋ที่มองลึกเข้าไปในตาของต้าซือมิ่งมิได้พูดอะไร
อินหลิวเฟิงกลับพูดแทรกขึ้นว่า “เช่นนั้นจะทำอย่างไร ยังจะให้นางลงไปหรือ อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ท่าทีเอาแต่จับจ้องราวกับจะกินต้าซือมิ่งเช่นนั้น คงเคียดแค้นกูไหน่ไนเจ้ามาก หากคนเช่นนี้ตามลงไป นางต้องทำเรื่องไม่ดีแน่”
“ไม่ ข้าต้องการให้นางลงไป” เยี่ยนอวี๋ในตอนนี้มิอาจตัดสินได้ว่าวิญญาณโบราณที่อยู่ในอนุสติของกู้หยวนซูเป็นปีศาจระกาตัวจริงหรือเป็นเพียงร่างแยกของมัน นางจำเป็นต้องตรวจสอบให้มั่นใจ
“กูไหน่ไน…” อินหลิวเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ย “เรื่องนี้เกี่ยวโยงถึงอาณาเขตของโยวตูและชีวิตของเหล่าประชา โปรดไตร่ตรองให้ดี”
“ใช่แล้ว ข้าให้ความร่วมมือทุกเรื่องได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เป็นหลักประกันความสงบสุขให้เหล่าประชาชนโยวตูของข้า ปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นทุกปีทำให้พวกเขาบ้านแตกสาแหรกขาด เราจะทำให้พวกเขาลำบากไปมากกว่านี้มิได้” สำหรับเรื่องนี้แล้ว อินสวินอี้เป็นเจ้านครรัฐโยวตูที่มีจุดยืนชัดเจน
เพียงแต่เมื่อสิ้นเสียงพูด ต้าซือมิ่งที่กำลังป้อนเด็กน้อยก็เอ่ยขึ้นว่า “หากนางไม่อยากช่วยเจ้ารักษาโยวตูไว้ นางมีร้อยแปดพันเก้าวิธีในการแก้ไขปัญหา”
“…อืม” อินสวินอี้มองต้าซือมิ่ง คิดในใจว่า ‘ต้าซือมิ่งท่านนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ยังไม่ทันเกี้ยวพาภรรยาสำเร็จก็รู้จักปกป้องนางแล้ว’
“เรื่องของกู้หยวนซู ข้าจะจัดการเอง ท่านอ๋องจัดการเรื่องภายหลังของโยวตูให้ดีก็พอ พรุ่งนี้หลิวเฟิงลงไปพร้อมข้า เอ้อร์เหมาด้วย ข้าจำเป็นต้องให้พวกเจ้าช่วย” เยี่ยนอวี๋สรุป
อินสวินอี้ไม่มีความเห็นใด เอ้อร์เหมากลับตื่นเต้นดีใจ “ขอรับ คุณหนูใหญ่ เช่นนั้นพาซานเหมาไปด้วยดีหรือไม่ เขามีสายเลือดใกล้เคียงกับข้า ข้ายังมีพี่ใหญ่อีกคนชื่อต้าเหมา เขาก็ไม่เลวนะขอรับ”
“พอแล้ว! หุบปากของเจ้าเสียที! พาเจ้าไปเพียงลำพังก็ทำเอาข้าปวดตับแล้ว ยังจะพาคนอื่นอีกรึ หรือว่าเปลี่ยนตัวเจ้าเป็นซานเหมาแทนดี ข้าว่าซานเหมาก็ไม่เลว สงบปากสงบคำดี” อินหลิวเฟิงไม่พอใจลูกน้องคนนี้ที่คอยคิดแทนเจ้านายจริงๆ!
“ช่างเถอะ นายท่านพาข้าไปเถอะขอรับ” เอ้อร์เหมาตัดสินใจแทนเจ้านาย
อินหลิวเฟิง “…”
“คนเดียวก็พอ” เยี่ยนอวี๋ก็มิได้คิดอะไรมาก
เอ้อร์เหมากลับพยักหน้าอย่างดีอกดีใจ “ขอรับ คุณหนูใหญ่โปรดวางใจ ข้าน้อยไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน!”
“ใครบอกว่าจะพาเจ้าไป” อินหลิวเฟิงมองค้อน
“ซานเหมายุ่งอยู่น่ะ นายท่านน้อยอย่าคิดถึงเขาเลย”
“ไสหัวไป!”
อินหลิวเฟิงอยากจะต่อยลูกน้องจริงๆ ทว่าเอ้อร์เหมาวิ่งแจ้นไปแล้ว
อินสวินอี้โล่งใจนัก เขารู้สึกว่าตนเองเลือกบ่าวใช้ถูกต้องแล้ว จากนั้นเขาก็จากไปอย่างมีความสุข
หลังจากนั้นทุกอย่างก็สงบสุขดี จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น ผู้คนแต่ละสำนักมารวมตัวกันที่ริมแม่น้ำเย่ว์หมิงในเมืองโยวตูอีกครั้ง พวกเขาต่างรอปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนจัดทัพ
“แจกให้ทุกคน” เยี่ยนอวี๋เดินออกมาจากค่ายกระโจม นางส่งกระดาษที่มีภาพต่างกันปึกหนึ่งให้เม่ยเอ๋อร์แจกให้อินสวินอี้ เฉิงคั่ว เฉินฉุนเฟิง ชิงอ้ายเฟิงและคนอื่นๆ
กู้หยวนซูและเหลียงเฉิงคุนผู้นำทัพสำนักคุนอู๋ไม่ได้รับกระดาษอย่างน่าแปลก ทั้งสองไม่พอใจ “เหตุใดเราสองคนจึงไม่มี ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนไม่รู้จักแยกแยะเลยนี่”
“ใช่” เยี่ยนอวี๋พยักหน้ายอมรับ
กู้หยวนซูและเหลียงเฉิงคุน “…”
พวกเขาไม่เคยเจอคน ‘เปิดเผย’ เช่นนี้มาก่อน! ย่อมรู้สึกจุกจนไร้คำพูดและไม่สามารถทำอะไรได้
“คนที่ได้รับแผนภาพจะเห็นว่าแผนภาพที่แต่ละคนได้รับไม่เหมือนกัน ข้าต้องการให้พวกเจ้านำคนของตนเองจัดทัพตามภาพที่พวกเจ้าได้รับ” เยี่ยนอวี๋อธิบาย
เหล่าคนที่ได้รับแผนภาพต่างดูภาพอันซับซ้อนในมือของตนอย่างตั้งใจทันที สำหรับเฉินฉุนเฟิงผู้ฉลาดรอบรู้ในเรื่องค่ายกลเฟิงสุ่ยแล้วจึงไม่ใช่เรื่องยากนัก
แต่เฉิงคั่ว ชิงอ้ายเฟิง และอินสวินอี้กลับดูไม่รู้เรื่อง ทว่าข้างกายพวกเขาก็มีคนที่ดูเป็น เมื่อเป็นดังนั้นทุกคนจึงกล่าว “ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนโปรดวางใจ”
“อืม” เยี่ยนอวี๋พยักหน้า “คนที่ถูกขานเรียกต่อจากนี้ตามข้าลงไปใต้น้ำ”
จากนั้น อินหลิวเฟิง เอ้อร์เหมา กู้หยวนซู และจวินฮวน รวมถึงจวินอั้นหยวนก็ถูกเยี่ยนอวี๋เรียกชื่อ ทว่าคนของสำนักคุนอู๋ไม่ถูกเรียกเลย
“ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน ท่านปัจเจกนิยมเกินไปแล้ว!” ผู้นำทัพสำนักคุนอู๋ไม่พอใจ
แต่แล้วเยี่ยนอวี๋ที่ถูกตำหนิก็พูดว่า “จริงที่ข้าไม่พอใจสำนักคุนอู๋ของพวกเจ้าเป็นพิเศษ ฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ต้องการพวกเจ้า พวกเจ้ากลับเมืองหลวงก่อนย่อมได้”
เหล่าคนสำนักคุนอู๋ “…”
ศัตรูที่เปิดเผยตนเช่นนี้ พวกเขาอยากจะโต้กลับนัก แต่เสียดายที่นางกุมอำนาจทั้งหมดไว้
“นอกจากนี้ ต้าซือมิ่งและโยวตูอ๋องคอยสังเกตการณ์ในโยวตู ทั้งสองโปรดคอยระวังด้านหลัง เตรียมรับมือหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน” เยี่ยนอวี๋จัดแจงส่วนสุดท้าย
“อ้ะเนะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ตั้งใจฟังตลอดเวลา เขาก็เกิดคำถาม “อ้ะเนะเนะ…?” ท่านพ่อรูปงามต้องอยู่กับท่านแม่และเสี่ยวเป่ามิใช่หรือ ทำไมทิ้งท่านพ่อไว้ล่ะ
ต้าซือมิ่งที่อุ้มบุตรไว้อยู่นั้นก็รู้สึกภาคภูมิอีกครั้ง เจ้าตัวน้อยนี่ฉลาดเป็นกรดจริงๆ แม้แต่การวางแผนของท่านแม่เขาก็ฟังรู้เรื่องหมด ยังรู้ว่าต้องช่วยหาโอกาสให้ท่านพ่อด้วย
เยี่ยนอวี๋ที่เข้าใจเด็กน้อย นางก็เดินไปข้างหน้าเด็กน้อย หรือก็คือข้างหน้าของต้าซือมิ่ง นางเกลี้ยกล่อมเด็กน้อยว่า “ครั้งนี้เสี่ยวเป่าไม่ไปนะ เจ้าอยู่กับท่านพ่อของเจ้า”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเบิกตาพร้อมส่ายหน้า “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ…” ไม่! เสี่ยวเป่าจะไปกับท่านแม่ ท่านพ่อก็ต้องไปด้วย!
“ไม่ดื้อนะเสี่ยวเป่า” เยี่ยนอวี๋ยกมือขึ้นมาลูบศีรษะโล้นน้อยๆของเขา พยายามเกลี้ยกล่อมต่อไปว่า “ครั้งนี้แม่พาเสี่ยวเป่าไปด้วยไม่ได้จริงๆ อีกอย่างเสี่ยวเป่าก็ชอบท่านพ่อมากมิใช่หรือ”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ายื่นมือไปกอดมือของท่านแม่ไว้ ก่อนจะทำท่ามุดเขาไปในอ้อมอก “อ้ะเนะเนะ!…”
เมื่อเยี่ยนอวี๋เห็นท่าทางเช่นนี้ ย่อมเดาได้ว่าเจ้าตัวน้อยกำลังบอกว่า เขาต้องการทั้งท่านพ่อและท่านแม่
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางมองไปที่ต้าซือมิ่ง “เจ้าว่าอย่างไร”
“ข้าก็อยากไป” ต้าซือมิ่งที่ถูก ‘บังคับ’ ให้พูด อันที่จริงเขาก็อยากไปด้วย
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางไม่เชื่อว่าเขาจะไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่นางให้เขาอยู่ข้างบนคืออะไร นี่ควรจะเป็นความเห็นพ้องตรงกัน หลังจากที่พวกเขาเห็นฉากๆ นั้นแล้ว นอกเสียจากว่าเขาไม่อยากให้ความร่วมมือ
ต้าซือมิ่งเข้าใจเรื่องนี้ดี อีกทั้งเขายังรู้แต่แรกว่าเขาต้องอยู่ที่นี่ ทว่าในเมื่อเด็กน้อยช่วยหาโอกาสให้เขาแล้ว เขาเป็นพ่อที่ดี ย่อมต้องฟังเด็กน้อย
“อ้ะเนะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เห็นดีเห็นงามกับท่านพ่อ เขาก็มองไปที่ท่านแม่อย่างดีอกดีใจ “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ!” ท่านพ่อรูปงามไปด้วย! ท่านแม่พาพวกข้าไปด้วยเถอะ!
“มิได้” เยี่ยนอวี๋ปวดศีรษะ “เสี่ยวเป่าไม่ดื้อนะ แม่จะรีบกลับมา”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าดูออกว่าเยี่ยนอวี๋จริงจังมาก เขาจึงทำหน้ามุ่ยใส่และยังคงจับมือของท่านแม่ไว้แน่น ถึงอย่างไรเขาก็ยังเด็ก ไม่ค่อยได้อยู่ห่างท่านแม่
อีกทั้งเด็กตัวน้อยๆ เช่นเขายังรับรู้ได้อย่างเฉียบแหลมว่า การจากไปครั้งนี้ของท่านแม่ต่างจากการจากไปเพียงครู่หนึ่งที่ผ่านมา เขาจึงยืนกรานจะไปด้วยให้ได้
สองแม่ลูกตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก…
“หนึ่งวัน หลังจากหนึ่งวันหากเจ้ายังไม่ขึ้นมา พวกข้าจะลงไป” ต้าซือมิ่งจึงจำใจเอ่ยปาก ก่อนจะอุ้มเด็กน้อยให้ดีอีกครั้ง ซุกเขาไว้ที่ซอกคอพร้อมลูบปลอบประโลมเขา
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่กระฟัดกระเฟียดถูไถท่านพ่อของเขาไปมา สุดท้ายก็ยอมประนีประนอม
เยี่ยนอวี๋โล่งใจ ไม่เช่นนั้นหากสบสายตาเช่นนี้ต่อไป นางต้องยอมแพ้แน่ๆ
“วันเดียวก็พอแล้ว” เยี่ยนอวี๋ตั้งตัวขึ้นตรง ยังคงไม่ละสายตาจากเด็กน้อย “เสี่ยวเป่าไม่ดื้อนะ แม่จะรีบกลับมา อย่าโกรธเลยดีหรือไม่จ๊ะ”
“อ้ะเนะ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่จับมือตนเองไว้ เขาก็ยื่นศีรษะโล้นน้อยๆ ของตนไปหาท่านแม่ ราวกับจะเข้าไปในอ้อมกอดของท่านแม่ แต่เขามิได้ยื่นมือออกไป
เยี่ยนอวี๋เข้าใจความหมายของเด็กน้อย นางจึงเขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อยเตรียมจะจูบศีรษะของเจ้าตัวน้อย เพื่อปลอบประโลมความอาลัยของเจ้าตัวน้อยที่มีต่อนาง
แต่แล้ว…
ครั้นเยี่ยนอวี๋เพิ่งเขย่งเท้าขึ้น ต้าซือมิ่งก็โน้มตัวไปเล็กน้อย เขาย้ายใบหน้าของตนไปอยู่ตำแหน่งของศีรษะโล้นน้อยๆ ของเด็กน้อย ที่สำคัญคือท่าทางกวนประสาทเช่นนี้ของเขาเกิดขึ้นรวดเร็วมาก แม้แต่เยี่ยนอวี๋ก็ไม่ทันตั้งตัวได้ นางจึงจูบลงไปที่ใบหน้าของต้าซือมิ่ง…