เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน – ตอนที่ 235 ปฐมราชินีเยี่ยนแสบนัก

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

ครานี้เอง…

ปฐมราชินีกำลังจะบันดาลโทสะอีกครั้ง!

“อ้ะ!”

ทว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ไม่ได้รับจูบนั้น เขาก็ยื่นมืออวบอ้วนของตนออกไปพอดี เขากอดท่านแม่ที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อมไว้ ก่อนจะ ‘จุ๊บ’ ลงไปที่ท่านแม่ของเขา

เยี่ยนอวี๋ “…”

ความเดือดดาลทั้งหมดถูกเจ้าตัวน้อยตัวนุ่มนิ่งสยบลงไม่น้อย

นางช่าง…

“พวกเราจะรอเจ้ากลับมา” ต้าซือมิ่งยังมองมารดาเด็กน้อยตรงหน้าที่โมโหเป็นฟืนเป็นไฟอย่างไม่กลัวตาย เขากล่าวอย่างมีความนัยว่า “นี่ก็คือ ‘ข้อแลกเปลี่ยน’ ของข้า”

เยี่ยนอวี๋หรี่ตาลง แววตานุ่มลึก

แต่แล้วต้าซือมิ่งยังพูดต่อว่า “ไปเถิด หากอยากจะคิดบัญชีก็ต้องรอเจ้ากลับมา แต่ข้างล่างรอไม่ได้หรอกนะ”

เยี่ยนอวี๋สูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะเหยียบบนหลังเท้าของต้าซือมิ่ง!

ซี้ด…

ต้าซือมิ่งไม่ทันตั้งตัว เขารู้สึกปวดขมับตุบๆ

เมื่อเยี่ยนอวี๋จูบศีรษะโล้นน้อยๆ ของเจ้าตัวน้อยแล้วก็กล่าวลา “เสี่ยวเป่าเป็นเด็กดีนะ”

“อ้ะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยักหน้า

เยี่ยนอวี๋จึงหันหลังเดินจากไปพร้อมกับเหยียบขยี้หลังเท้าของต้าซือมิ่งรอบหนึ่ง! สีหน้าที่เรียบเฉยของเขาบัดนี้จึงค่อยๆ ซีดลง

ทว่านอกจากสูดหายใจเข้าลึกแล้ว ต้าซือมิ่งก็ไม่ได้พูดสิ่งใด แน่นอนว่าเขาทำได้เพียงยอมทนเงียบๆ และส่งมารดาเด็กน้อยจากไป จากนั้นเขาก็ทอดถอนใจ “แสบจริงๆ”

“อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ต้าซือมิ่งท่านนี่นะ” อินสวินอี้ที่อยู่ไม่ไกลก็ถึงกับต้องมากล่าวแสดงความยินดีกับต้าซือมิ่งอย่างชื่นชม “ท่านมันแน่จริงๆ!”

ต้าซือมิ่งที่ถูกเชยชมก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้มิได้กล่าวตอบอะไร แต่ท่าทาง ‘ภาคภูมิ’ ของเขากลับฉายชัดบนใบหน้า

อินสวินอี้จุปาก พูดได้เพียงว่า “หนุ่มสาวเช่นพวกท่านน่ะ เห็นแล้วชวนให้ปวดฟันจริงๆ ไม่รู้จักเขินอายและสงวนตัวกันบ้างเลย”

“เนะ?” ครานี้เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่เข้าใจ

อินสวินอี้กลับดีใจ “ต้าซือมิ่ง บุตรของท่านยอดเยี่ยมจริงๆ ข้าไม่เคยพบเจอเด็กเฉลียวฉลาดเช่นนี้มาก่อน น่าจะแค่สี่ห้าเดือนใช่หรือไม่”

ครานี้เยี่ยนเสี่ยวเป่าเข้าใจแล้ว เขาจึงพิงท่านพ่อของเขาไว้พร้อมกับเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ท่าทางนั้นทั้งภูมิใจและน่ารัก ทำเอาอินสวินอี้ชักอยากมีหลานแล้ว!

เฮ้อ!

หากต้าซือมิ่งไม่เข้ามายุ่ง เขาคงได้หลานมาแล้ว น่าเสียดาย น่าเสียดายจริงๆ…

“ไปจัดทัพ” ต้าซือมิ่งโอบตัวเด็กน้อยไว้ก่อนจะโบกมือให้อินสวินอี้ไปทำธุระของตน

อินสวินอี้ย่อมรู้หนักเบาดี เขาเพียงแค่มา ‘เย้าแหย่’ สองสามคำก่อนจะลาไป

เพียงแต่คนอื่นกลับยังนิ่งงัน จะให้พวกเขาไม่ตะลึงได้อย่างไร! ภาพเช่นนั้น… เทพธิดาจูบเทพบุตร… ใครเคยเห็นภาพเช่นนี้บ้างเล่า แล้วจะไม่ให้พวกเขาตะลึงได้อย่างไรกัน

อินสวินอี้จำเป็นต้องสงบอารมณ์และปลุกทุกคนให้ตื่น “แม่ทัพเฉิน เซ่าซือเฉิน และสหายเต๋าทั้งหลาย พวกเราตั้งสติก่อน การใหญ่รอเราอยู่”

“เอ้อ! ใช่ๆ”

เหล่าแม่ทัพเพิ่งตั้งสติได้ พวกเขายังคงรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

ทางฝั่งเยี่ยนอวี๋รวบรวมคนที่จะลงใต้น้ำแล้ว

เมื่อกู้หยวนซูตั้งสติได้ นางก็กวาดตามองเยี่ยนอวี๋ นัยน์ตาแสดงความเคียดแค้นมิอาจปิดบังไว้ได้ ทว่านางก็ได้แต่มองเท่านั้น เพราะแม้แต่คิดจะเข้าใกล้เยี่ยนอวี๋ยังเป็นเรื่องยาก เพราะทั้งอินหลิวเฟิง เอ้อร์เหมา เม่ยเอ๋อร์ เยี่ยนจื่อเสา จวินฮวน และจวินอั้นหยวนต่างล้อมตัวเยี่ยนอวี๋ไว้ โดยเฉพาะจวินอั้นหยวน เขาเป็นถึงผู้แข็งแกร่งในตำนานที่มีพลังจิตใจเหนือขั้นถอดจิตครึ่งหนึ่งแล้ว!

เป็นที่รู้กันดีว่า คนที่ถูกขนานนามเป็นผู้แข็งแกร่งในตำนานได้โดยทั่วไปแล้วล้วนเป็นนักอัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ มิเช่นนั้นจะถูกขนานนามเป็นเพียงผู้แข็งแกร่งขั้นถอดจิต เพราะถึงอย่างไรนักฝึกฌานมิสามารถเรียกอสูรในตำนานออกมาได้ มีเพียงนักอัญเชิญศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่ทำเช่นนั้นได้

ในต้าซย่าก็เป็นเช่นนั้น หลังจากฝึกเพียรบรรลุขั้นถอดจิตแล้วจะถูกแบ่งเป็นแขนง นักฝึกฌานทั่วไปต้องฝึกฝนต่อไปตามระบบของการฝึกฌาน ซึ่งต้องฝึกบำเพ็ญตนจากขั้นถอดจิตจนกลายเป็นเทพ แต่นักอัญเชิญศักดิ์สิทธิ์กลับต่างออกไป พลังจิตใจของนักอัญเชิญศักดิ์สิทธิ์โดยพื้นฐานแล้วมีโอกาสเรียกอสูรวิญญาณในตำนานออกมาได้ อย่าว่าแต่นักฝึกฌานไร้เทียมทาน แม้แต่นักฝึกฌานที่ฝึกบำเพ็ญจนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพก็มิใช่คู่ต่อสู้ของนักอัญเชิญศักดิ์สิทธิ์

กู้หยวนซูได้แต่ทอดถอนใจเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ “น่าเสียดายจริงๆ หากผู้พิทักษ์ในตำนานระดับกลางสองนายที่องค์จักรพรรดิมอบให้ข้าไม่เป็นอะไรไป ตอนนี้ข้าคงมิต้องเกรงกลัวนังคนชั่วไร้ยางอายคนนี้!”

“ถึงแม้ทั้งสองคนนั้นยังอยู่ นางก็ไม่ให้พวกเขาลงมาหรอก” ปีศาจระกาเก้าเศียรกล่าว

กู้หยวนซู “…”

“หากไม่ใช่เพราะนังคนชั่วนั่นยั่วยวนต้าซือมิ่ง ต้าซือมิ่งคงไม่ถูกนางจูงจมูกเช่นนี้!” กู้หยวนซูยิ่งคิดยิ่งโมโห โดยเฉพาะจูบนั่น ทำให้นางดาลเดือดจนแทบจะระเบิด! หากปีศาจระกาเก้าเศียรมิได้ยั้งนางไว้ นางคงทำอะไรเสียสติไปแล้ว

“พอแล้ว หากต้าซือมิ่งเป็นคนหลงมารยาเช่นนั้น เจ้าคงพัฒนาไปไกลตั้งแต่แรกแล้ว!” ปีศาจระกาเก้าเศียรหมดความอดทน “เรื่องสำคัญในยามนี้คือมองเบื้องลึกของนังหนูน้อยคนนี้ให้ออก”

“นางจะมีเบื้องลึกอะไร คงมีแต่เรื่องยั่วยวนต้าซือมิ่ง! จะว่าไปแล้วนางวางแผนเข้าหาต้าซือมิ่งตั้งแต่แรกแล้วแน่ๆ มิเช่นนั้นจะมีทุกอย่างเช่นทุกวันนี้หรือ” กู้หยวนซูคิดว่าต้องเป็นเช่นนั้น

ปีศาจระกาเก้าเศียรไม่พูดอะไร ถึงแม้วาจาเช่นนี้ของกู้หยวนซูจะดูไร้สมองนัก ทว่ากลับเป็นเหตุผลที่อธิบายได้ว่าเหตุใดตัวตายตัวแทนของมันจึงพ่ายแพ้และเหตุใดสตรีนางนี้จึงแข็งแกร่งได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว

ใต้หล้านี้มีเพียงต้าซือมิ่งที่มีพลังลึกลับระดับนี้จริงๆ

“ท่านปราชญ์ เราฝังนางไว้ใต้แม่น้ำได้หรือไม่!” บัดนี้กู้หยวนซูอยากจะจัดการนังคนชั่วเกะกะสายตาคนนี้ทิ้งเพียงอย่างเดียว

“มิได้ มีแต่จะแหวกหญ้าให้งูตื่น” ปีศาจระกาเก้าเศียรปฏิเสธ

กู้หยวนซูกลับไม่ยอม “ท่านปราชญ์ อย่าหาว่าข้าพล่ามเลย ความงามและกิริยาของนาง เกรงว่าองค์จักรพรรดิก็ถูกยั่วยวนได้ ท่านก็รู้ดีว่าจักรพรรดิหยวนคังเป็นราชามากตัณหาที่แท้จริง!”

“ข้ารู้ดีกว่าเจ้า” ปีศาจระกาเก้าเศียรพึมพำ “พลิกแพลงไปตามสถานการณ์ อย่าเป็นศัตรูกับต้าซือมิ่งนั่นง่ายๆ อีกทั้งข้าไม่คิดว่าคนเช่นต้าซือมิ่งจะยอมอดทนต่อสตรีคุ้มดีคุ้มร้ายเช่นนี้ได้ ฉะนั้นหากเขาชอบสตรีนางนี้จริงๆ ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องไม่ดีเสมอไป”

“ท่านปราชญ์!”

“เจ้าลองตรองดูสิ หากต้าซือมิ่งเขาปักใจต่อนางจริง จักรพรรดิหยวนคังก็เช่นกัน จะเกิดอะไรขึ้น” ปีศาจระกาเก้าเศียรยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้มีโอกาสให้ลงมือมากมาย

“แต่ว่า…”

“กู้หยวนซู! เจ้าอย่าลืมความตั้งใจเดิมของเจ้า ที่ข้ายินยอมอยู่เคียงข้างเจ้า เติบโตไปพร้อมเจ้า ล้วนเป็นเพราะเจ้ามีใจไม่ยอมคน มีใจสู้เพื่ออยู่เหนือผู้อื่น เจ้าจะทิ้งความตั้งใจเดิมของตนเพียงเพื่อชายคนหนึ่งที่ไม่แม้แต่จะชายตามองเจ้ารึ”

“ข้า…”

“เจ้าสงบสติอารมณ์แล้วลองคิดดูเถิด” ปีศาจระกาเก้าเศียรไม่พูดสิ่งใดอีก

กู้หยวนซูก็เงียบ ถึงแม้นางยังคงไม่ยอม! ไม่ยอมมากด้วย แต่นางก็ไม่อยากทำให้ท่านปราชญ์ในอนุสติของนางโมโหได้

ในขณะที่กู้หยวนซูและปีศาจระกาเก้าเศียรกำลังถกเถียงกันอย่าง ‘ดุเดือด’ เยี่ยนอวี๋ก็คอยสังเกตนางอย่างลับๆ นางพบว่ากู้หยวนซูมีอาการเหมือนจะเหม่อลอย อันที่จริงคงกำลังสื่อสารกับปีศาจระกาในอนุสติของนางอยู่

“หน้าตาสงบนิ่งนัก” เยี่ยนอวี๋ตากระตุก นางรู้ว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ปีศาจระกาตัวนั้นคงระวังตัวมากขึ้น มันคงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอีก

อินหลิวเฟิงเองก็คอยสังเกตกู้หยวนซูเช่นกัน เมื่อเห็นนางยอมเชื่อฟังแต่โดยดีก็คิดว่า “นางคงกลัวท่านลุง อีกอย่างโชคดีที่ต้าซือมิ่งกำจัดทาสรับใช้ราชสำนักสองคนของนางไปแล้ว มิเช่นนั้นคงลำบากไม่น้อย”

เยี่ยนจื่อเสาที่ถูกปกป้องไว้ในครานั้นก็จำเป็นต้องพูดขึ้นว่า “ต้าซือมิ่งช่วยข้าไว้ทัน มิเช่นนั้นหากเจอวิญญาณอสูรในตำนานที่พวกมันอัญเชิญมา ข้าคงรับมือไม่ไหว”

“ข้าสู้ได้!” เม่ยเอ๋อร์เอ่ยทันที

เยี่ยนอวี๋เข้าใจก็ถามขึ้นว่า “เขาช่วยศิษย์พี่รองไว้ด้วยหรือ”

“อืม” เยี่ยนจื่อเสากล่าวตามความเป็นจริง

เยี่ยนอวี๋เงียบไปครู่หนึ่ง “เขาเป็นคนจริงใจดีนี่”

“แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เจ้าอย่าใจอ่อน เขาก็ยังนิสัยเสียอยู่ดี!” เยี่ยนจื่อเสาไม่อยากให้น้องสาวเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อต้าซือมิ่งเพียงเพราะเรื่องนี้

“ข้าหมายถึงเรื่องการแก้ไขปัญหาอุทกภัยน่ะ” เยี่ยนอวี๋กล่าว ทว่านางในบัดนี้มิอาจยืนยันได้ว่าการกระทำของต้าซือมิ่งเป็นเพราะต้องการแก้ไขปัญหาอุทกภัยของโยวตูจริงๆ

อย่างไรก็ตาม อย่างที่เสี่ยวอิงกล่าวไว้ เขาพิลึกคนจะตาย!

เยี่ยนอวี๋ไม่อยากคิดถึงเรื่องต้าซือมิ่งอีก นางจดจ่อไปที่ใต้น้ำ และถามขึ้นว่า “นายท่านจวินต้องใช้เวลานานเพียงใดในการอัญเชิญอสูรศักดิ์สิทธิ์ในตำนานออกมา”

“หนึ่งจิบชา” จวินอั้นหยวนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี “ข้าอัญเชิญมังกรขาวมาได้”

เยี่ยนอวี๋เพิ่งเข้าใจว่าเหตุใดโยวตูอ๋องจึงส่งจวินอั้นหยวนมา “ธาตุน้ำ ดีมาก”

“น่าละอายใจที่ต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน” จวินอั้นหยวนผายมือออกอย่างช่วยมิได้ “หลายสิบปีผ่านไปข้ายังคงไม่พัฒนา ดูท่าชาตินี้ข้าคงเป็นได้เพียงตำนานระดับกลางแล้ว”

โดยทั่วไปแล้ว นักอัญเชิญศักดิ์สิทธิ์สามารถอัญเชิญอสูรในตำนานอันแข็งแกร่งออกมาได้ภายในเวลาหนึ่งจิบชา และในขณะทำพิธีอัญเชิญ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถโจมตีพวกเขาได้ แต่หากเป็นตำนานในระดับกลางมิสามารถทำเช่นนั้นได้ พวกเขาต้องมีคนคอยปกป้อง และโดยทั่วไปแล้วอาจจะไม่สามารถอัญเชิญสำเร็จได้ภายในครั้งเดียว ดังนั้นนักอัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ในตำนานระดับกลางยังมีความสามารถห่างไกลจากนักอัญเชิญวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในตำนานมากนัก

แต่แล้ว…

“นี่ไม่ใช่ปัญหา” เยี่ยนอวี๋หยิบยันต์สองสามใบออกมาจากถุงวิเศษ นางยื่นให้จวินอั้นหยวน “ใช้มันเป็นพิธีอัญเชิญวิญญาณของเจ้า ส่วนที่เหลือเหมือนเดิม เจ้าจะอัญเชิญอสูรมังกรขาวออกมาได้ภายในเวลาสามลมหายใจ”

จวินอั้นหยวนรับยันต์จากเยี่ยนอวี๋มาอย่างตะลึง เขายังไม่ทันตั้งสติได้ ก็เอ่ยอย่างเลื่อนลอยว่า “อัญเชิญอสูรมังกรขาวออกมาได้ภายในสามลมหายใจ”

เอ่อ…

ให้ตายเถอะ!

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

Status: Ongoing
แม้จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่นางก็ยังคงเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งของสวรรค์ชั้นเจ็ด ผู้มีความสามารถแกร่งเกินผู้ใดไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้ชายอะไรนั่นน่ะ กินได้หรืออย่างไร ข้าไม่เห็นจะอยากได้”เยี่ยนจื่ออวี๋ แม้มีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประมุขสำนักชางอู๋แห่งแคว้นแต่กลับไร้พลังแต่กำเนิด แถมยังทำเรื่องงามหน้าอย่างการปีนขึ้นเตียงผู้ชาย!เพราะเรื่องฉาวโฉ่เกินทนทำให้หญิงสาวหายหน้าไปกว่าครึ่งปี แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งสำนักชางอู๋ก็ถึงคราวสั่นสะเทือนจากหญิงสาวที่ไม่อาจฝึกพลังกลายเป็นปรมาจารย์มากสามารถ พลังสูงส่งเกินใครโอสถใดที่ว่ายาก นางกระดิกนิ้วเดียวก็สำเร็จสมบูรณ์ วิชาใดที่ฝึกไม่ได้นางล้วนทำได้จากหญิงสาวที่ทุกคนต่างเมินหน้าหนีกลายเป็นผู้สูงส่งที่ทุกคนต้องการประจบประแจงชายหนุ่มทั่วหล้าล้วนอยากเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้าตัวเล็กกันทั้งนั้น!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท