เมื่อจวินอั้นหยวนตั้งสติขึ้นได้ เขาครึ่งเชื่อครึ่งสงสัย แต่เมื่อเขาสัมผัสถึงกลิ่นอายต้นกำเนิดวิญญาณธาตุน้ำอันบริสุทธิ์ในยันต์นั้นแล้ว เขาก็รู้พลังของยันต์ใบนั้นอย่างไร้ข้อสงสัย!
“ท่าน… ท่านยังเป็นอาจารย์เขียนยันต์ในตำนานด้วยรึ!” จวินอั้นหยวนที่เรียกขานนางด้วยคำสุภาพ เขาก็มั่นใจว่าปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนท่านนี้เป็นบุคคลในตำนานเหมือนต้าซือมิ่ง ถึงแม้ในด้านตบะแล้ว ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนยังสู้ต้าซือมิ่งมิได้ แต่วิธีการอันลึกลับมากมายของนางก็ถือว่าเทียบเคียงกับต้าซือมิ่งได้แล้ว!
มิน่าบุคคลเช่นต้าซือมิ่งท่านนั้นจึงยอมสยบภายใต้อำนาจปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน นางไม่เพียงงดงาม ยังเพียบพร้อมไปด้วยความสามารถ!
จวินอั้นหยวนกำลังทอดถอนใจ อินหลิวเฟิงก็เข้ามาตบไหล่เบาๆ เขากล่าวด้วยน้ำใสใจจริงว่า “นี่เป็นเพียงความสามารถอันน้อยนิดของกูไหน่ไนเท่านั้น ไม่มีค่าที่จะกล่าวถึงแม้แต่น้อย”
จวินอั้นหยวน “…”
ผู้มีอายุมากโขเช่นเขาเหมือนเพิ่งได้เปิดโลกอีกครั้ง
“จะว่าไปแล้ว ใต้น้ำสงบดีจริงๆ” อินหลิวเฟิงที่เย้าแหย่ท่านลุงเสร็จ เขาก็อดทอดถอนใจกับสถานการณ์ใต้น้ำเย่ว์หมิงในยามนี้มิได้ “หลายเดือนก่อนที่ข้ามา สภาพแย่กว่านี้มากนัก”
“ใช่” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ จวินอั้นหยวนก็นึกซาบซึ้งต้าซือมิ่งในใจ “บัดนี้ต้าซือมิ่งผนึกกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากในแม่น้ำไว้แล้ว ครานั้นเขาร่วมมือกับท่านปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนใช่หรือไม่”
“…ถือว่าใช่” เยี่ยนอวี๋พยักหน้า
ครั้นจวินอั้นหยวนจะถามรายละเอียดเพื่อเก็บข้อมูลไว้ ทว่ากู้หยวนซูที่ถูก “เมินเฉย” มาครู่หนึ่ง กลับพูดแทรกขึ้นอย่างไม่ยอมอยู่เฉย นางยังพูดด้วยน้ำเสียงไม่เกรงใจว่า “พวกเจ้าปรึกษากันนานเช่นนี้แล้ว มีแผนรับมือหรือยัง ควรบอกข้าได้แล้วหรือไม่”
เนื่องจากการสนทนาของพวกเขาปิดกั้นคนข้างนอกไว้ และด้วยความระวังตัวของปีศาจระกาเก้าเศียร กู้หยวนซูย่อมไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น นางจึงเริ่มอยู่นิ่งไม่ไหวแล้ว
ทว่าเยี่ยนอวี๋กลับมิได้ตอบนาง จวินอั้นหยวนและคนอื่นๆ ก็ไม่ปริปากบอกนาง บรรยากาศพลันอึดอัด โดยเฉพาะกู้หยวนซูที่อึดอัด ไม่มีผู้ใดสนใจนางเลย
“เจ้า…” กู้หยวนซูที่ทำตนเองอับอายสีหน้าพลันเปลี่ยน นางทำได้เพียงมองอินหลิวเฟิง “คนขี้ขลาด” คนนั้นและถามว่า “ข้าถามเจ้าน่ะ อินหลิวเฟิง”
“ขออภัย ข้าไม่รู้จักท่าน” อินหลิวเฟิงกางพัดและสะบัดพัดอย่างสง่าพลางคิดทอดถอนใจว่าในอดีตเขาเคยคิดว่าเซ่าซือมิ่งกู้ท่านนี้ก็งดงามดี เหตุใดบัดนี้จึงคิดว่าตนเองในอดีตตาบอดไปนะ
“เจ้า…”
“เซ่าซือกู้เงียบเถิด เจ้าเพียงแค่ปฏิบัติตามคำสั่งในภารกิจครั้งนี้ หวังว่าเจ้าจะสำรวมกิริยา” จวินอั้นหยวนไม่อยากสร้างปัญหาอื่นใด จึงกล่าวเกลี้ยกล่อมนาง
อันที่จริงกู้หยวนซูรู้ดีแก่ใจนัก เพียงแค่นางไม่พอใจที่คนกลุ่มนี้คอยติดตามเยี่ยนอวี๋ สำหรับนางแล้วภารกิจครั้งนี้นางเป็นผู้รับบัญชาขององค์จักรพรรดิ นางควรเป็นผู้บัญชาผู้อื่น
ทว่าบัดนี้…
กู้หยวนซูสูดหายใจเข้าลึกหลายเฮือก ในที่สุดก็สงบอารมณ์ลงได้และนางก็ยอมถามเยี่ยนอวี๋อย่างสันติว่า “แม่นางเยี่ยน ในเมื่อเจ้าให้ข้าลงมา ก็ควรต้องการความช่วยเหลือจากข้า เหตุใดไม่บอกกล่าว”
เยี่ยนอวี๋ตอบอย่างหมดความอดทนว่า “หากมีอันใดข้าจะเรียกใช้เจ้าเอง” ซึ่งหมายความว่า หากไม่ได้เรียกเจ้าก็หมายถึงยังไม่มีเรื่องอันใด หยุดพล่ามเสียที
กู้หยวนซู “…”
ความดาลเดือดที่นางสงบลงได้แล้วก็ค่อยๆ เดือดขึ้นอีกครั้ง!
“ใจเย็นๆ! นางจงใจทำให้เจ้าโมโห” เมื่อปีศาจระกาเก้าเศียร “ได้ยิน” ถึงตรงนี้ก็ตัดสินได้ว่า “เกรงว่าที่ต้าซือมิ่งให้นางทำเช่นนี้ จุดประสงค์ก็เพื่อบีบคั้นให้ข้าออกมา หากเป็นเช่นนี้จริง เจ้าตกอยู่ในอันตรายแล้ว”
กู้หยวนซูได้ยินดังนั้น นางก็ตระหนึกถึงเรื่องสำคัญ “ท่านหมายความว่า ต้าซือมิ่งสัมผัสถึงการมีอยู่ของท่านได้ รู้ว่าอุทกภัยโยวตูเกี่ยวข้องกับข้ารึ!”
“ใช่แล้ว อย่างน้อยก็สงสัย”
“…”
กู้หยวนซูเหงื่อตก!
ถึงแม้เรื่องอุทกภัยโยวตู นางเป็นเพียงผู้ปฏิบัติตามคำบัญชาหรือก็คือปฏิบัติงานแทนองค์จักรพรรดิ แต่นี่เป็น “การแลกเปลี่ยน” โดยลับ จะถูกเปิดโปงมิได้
หากว่า…
“ต้าซือมิ่งได้หลักฐาน แม้ว่าองค์จักรพรรดิจะเห็นใจข้า แต่ก็คงให้ข้าเป็นแพะรับบาปอยู่ดี!” กู้หยวนซูกลับตระหนักในเรื่องนี้ได้ นางค่อยๆ นิ่งขรึมลง
“ถือว่ายังมีสมอง” เมื่อปีศาจระกาเก้าเศียรเห็นว่ากู้หยวนซูยังพอมีทางเยียวยา เขาก็รู้สึกโล่งใจ “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าจักรพรรดิหยวนคังไม่ใช่ผู้ที่จะลืมความทะเยอทะยานของตนเพียงเพราะความใคร่ เจ้าก็ควรรู้ว่าในยามนี้เจ้าตกอยู่ในอันตรายเพียงใด”
“…เจ้าค่ะ” กู้หยวนซูสงบลงทันที “ขอบคุณท่านปราชญ์ที่เตือน แต่ข้ายังคงคิดว่าหากถือโอกาสนี้ฝังเยี่ยนจื่ออวี๋นังคนชั่วไว้ที่นี่ได้จะดีกว่า มิเช่นนั้นย่อมมีปัญหาไม่รู้จบ”
“ข้าจะลองคิดดู” ปีศาจระกาเก้าเศียรตอบพอเป็นพิธี เพราะมันเห็นว่าภัยคุกคามที่แท้จริงคือต้าซือมิ่ง มิใช่ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนท่านนี้ ถึงแม้ในตัวฝ่ายหลังจะเงื่อนงำบางอย่างก็ตาม
นอกจากนี้ ปีศาจระกาเก้าเศียรยังมีอีกหนึ่งความคิด มันกำลังครุ่นคิดว่ากลควบคุมที่มันสร้างไว้ในตัวเยี่ยนจื่ออวี๋ไม่มีทางล้มเหลว มีความเป็นไปได้มากว่ามันถูกระงับไว้! ดังนั้นมันอาจจะยังใช้งานกลควบคุมชุดนั้นให้ดึงความสามารถของสตรีนางนี้มาใช้ให้หมด นั่นจึงจะเป็นการใช้ประโยชน์ได้คุ้มค่าที่สุด!
เมื่อคิดได้ดังนี้…
ปีศาจระกาเก้าเศียรก็แผ่จิตสำนักอันชั่วร้ายจางๆ ออกไปสำรวจเยี่ยนอวี๋!
“หืม?”
เยี่ยนอวี๋ที่สัมผัสได้ในทันที นางก็ตรวจจับจิตสำนักอันชั่วร้ายที่ปลอดหล่อยออกมาและตามมันกลับไปอย่างเงียบๆ
ปีศาจระกาเก้าเศียรไม่รู้ว่าในขณะที่มันคิดร้ายและละโมบนั้น ตัวมันเองก็เผยจุดอ่อนออกมา มันยังคงสำรวจรอบตัวเยี่ยนอวี๋อย่างละเอียด
ทว่ามันก็ไม่พบอะไร “ไม่มีทาง”
ปีศาจระกาเก้าเศียรพึมพำ มันปล่อยพลังจิตเหนือสำนักชั่วร้ายออกมามากกว่าเดิม
เยี่ยนอวี๋ดีใจ
จิตเหนือสำนึกอันแข็งแกร่งของนางแทรกเข้าไปในจิตเหนือสำนึกชั่วร้ายของปีศาจระกาอย่างเงียบๆแล้ว นางจึงสรุปได้ว่า… ปีศาจระกาในอนุสติของกูหยวนซูเป็นปีศาจระกาตัวจริง ทว่ามันไม่แข็งแกร่งมากนัก อย่างน้อยก็อ่อนแอกว่าที่นางคาดคิดไว้มาก
ในระหว่างการสำรวจ “ไปมา” เช่นนี้ อินหลิวเฟิงที่มีตบะไม่สูงมากนักก็รับรู้บางอย่างขึ้นได้ “เหตุใดข้ารู้สึกขนลุกอีกแล้วนะ เหมือนกับมีพลังชั่วร้ายเลย”
เอ้อร์เหมาที่มิได้พูดอะไรมาตลอดทาง เขาก็คลุมเสื้อคลุมให้นายท่านน้อยของตน ก่อนจะพูดขึ้นว่า “นายท่าน ท่านเกาะแต่สตรีกิน ร่างกายจึงอ่อนแอ สวมเสื้อผ้าหนาหน่อยนะขอรับ”
อินหลิวเฟิงโมโหหน้าดำหน้าแดง…
“ไม่หรอก เอ้อร์เหมา นายท่านน้อยของเจ้าพูดถูกแล้ว” จวินอั้นหยวนเองก็พบความผิดปกติบางอย่างได้ ปีศาจระกาเก้าเศียรจึงเรียกคืนจิตเหนือสำนึกชั่วร้ายกลับมาทันที
เยี่ยนอวี๋รู้สึกเสียดายเล็กน้อย อันที่จริงนางอยากถือโอกาสสร้างสัญลักษณ์ลึกลับไว้ในจิตเหนือสำนึกชั่วร้ายของปีศาจระกาเก้าเศียรเพื่อสะดวกต่อการทำงาน แต่น่าเสียดายที่ทุกคนตื่นตัวกันมาก
“เป็นเพราะหลุมดำที่อยู่ข้างหน้า!” เยี่ยนจื่อเสาพบว่ามีหลุมดำอยู่ข้างหน้าไม่ไกลออกไป
“อืม เราลงไปจากทางนั้นกัน” เยี่ยนอวี๋กล่าว
เม่ยเอ๋อร์จึงหายตัวไปข้างหน้าหลุมดำเป็นคนแรก ส่วนคนที่เหลือทยอยตามกันไป การเคลื่อนไหวนี้สร้างรอยริ้วยาวในแม่น้ำ
เมื่อเทียบกับเยี่ยนอวี๋ลงมาเพียงผู้เดียวแล้ว ความเร็วครั้งนี้ของพวกเขาถือว่าช้าไปมาก แต่ครั้งนี้พวกเขามีจำนวนคนถึงร้อยกว่านาย ย่อมช้าเป็นธรรมดา ทว่า…
“ระวัง!” จวินอั้นหยวนคว้าเม่ยเอ๋อร์ที่กำลังจะกระโดดลงไปในหลุมดำไว้ทันที “หลุมนี้อันตรายนัก ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมานี้ โยวตูข้าไม่เคยมีผู้ใดเข้าไปได้ แม่นางอย่าบุ่มบ่าม”
“มิเป็นไร กลิ่นอายชั่วร้ายในนั้นถูกต้าซือมิ่งชำระล้างไปแล้ว บัดนี้ไม่เป็นอันตรายแล้วล่ะ” เยี่ยนอวี๋พูดพลางกระโดดเข้าไปในหลุมดำ
“คุณหนูใหญ่!” เม่ยเอ๋อร์รีบตามลงไปทันที
จวินอั้นหยวนชะงักครู่หนึ่ง ครั้นตั้งสติได้ก็รีบตามลงไป
“ที่ตรงนี้!” ปีศาจระกาเก้าเศียรใช้กระแสจิตสื่อสารกับกู้หยวนซู “ม่านพลังของปฐมราชินีหยวนชู ถูกต้าซือมิ่งนั่นทำลายแล้วจริงๆ ด้วย เข้าออกได้อิสระแล้ว”
“ต้าซือมิ่งเตรียมการทุกอย่างไว้แล้ว เพียงแค่ให้นังคนชั่วนี่ลงมาทำทีเป็นความสำเร็จของตน ไม่รู้ว่าเหตุใดต้าซือมิ่งจึงทำเช่นนี้” กู้หยวนซูทั้งริษยาและคั่งแค้น
ปีศาจระกาเก้าเศียรมิได้ตอบ มันกำลังส่งจิตสัมผัสไปรอบตัว มันต้องการตรวจสอบให้รู้แน่ชัดว่าต้าซือมิ่งท่านนั้นใช้วิธีอะไรทำลายม่านพลังนี้ ครานั้นมันใช้ความพยายามอยู่นานก็ทำได้เพียงแทรกซึมเข้าไป มิอาจทำลายทิ้งได้
“แปลกจริง เหตุใดม่านพลังนี้เหมือนจะเปิดให้คนเข้ามาได้เอง” ปีศาจระกาเก้าเศียรเกิดความสงสัยในสัมผัสของตน แต่สิ่งที่ทำให้มันตะลึงยิ่งกว่าคือ…
“บรรพบุรุษอิงหลงฟื้นคืนสติแล้ว?!” ปีศาจระกาเก้าเศียรอุทานอย่างตกตะลึง ทำเอากู้หยวนซูสะดุ้งตกใจ “ท่านปราชญ์?”
ปีศาจระกาเก้าเศียรกลับไม่มีจิตใจสนใจกู้หยวนซู “เป็นไปได้อย่างไร เหตุใด… บรรพบุรุษอิงหลงที่หมดสติมาเกือบจะสามหมื่นปี บรรพบุรุษอิงหลงที่ตายและกลายเป็นวิญญาณชั่วร้ายไปแล้ว เหตุใดมันยังฟื้นคืนสติได้ นี่มัน… เรื่องเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้น! ไม่มีทางเกิดขึ้น! ต้าซือมิ่งนั่นทำอะไรลงไปกันแน่ เขาถึงกับสามารถทำให้อสูรเทพแห่งภูเขาและท้องทะเลที่ตายไปแล้วฟื้นคืนชีพได้!? หรือว่า… “
ปีศาจระกาเก้าเศียรที่คิดบางสิ่งขึ้นได้ก็ตะลึงงัน “หรือว่าเขาไม่เพียงครอบครองกระบี่ไท่ชาง เขายังได้รับพลังของปฐมราชินีหยวนชูด้วย?! แต่นี่ก็ไม่สามารถทำให้บรรพบุรุษอิงหลงฟื้นตัวได้นี่!”
นี่มัน…
ปีศาจระกาเก้าเศียรที่พยายามครุ่นคิดอย่างไรก็หาคำตอบมิได้ มันจึงเร่งเร้าให้กู้หยวนซูไปสำรวจ ต้องทำให้มันรู้เรื่องให้ได้!
ก่อนหน้านี้กลิ่นอายของมันถูกจับได้เร็วเกินไป มันจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างนั้น
ปีศาจระกาเก้าเศียรที่เพิ่งเข้าใกล้ปีกของอิงหลงก็พบว่า…
“ภาพไท่จี๋ศักราชหยวนชู!”
ปีศาจระกาเก้าเศียรตระหนก!
เพราะว่า…