“…”
ทุกคนเงียบงัน! มีเพียงเสียงซู่ๆ ของน้ำที่ไหลกลับไป ไม่มีเสียงอื่นใดอีก
ถึงแม้ทุกคนจะรู้ว่าต้าซือมิ่งท่านนี้จะแข็งแกร่ง! แข็งแกร่งมาก! เป็นบุรุษที่องค์จักรพรรดิมิอาจสู้ได้ แม้จะรวมพลังกับหลายฝ่ายก็ตาม แต่ว่า…
นอกจากอินสวินอี้แล้ว คนที่เหลือก็ไม่เคยได้เห็นว่าต้าซือมิ่งแข็งแกร่งเพียงใด รู้เพียงแค่เขาแข็งแกร่ง จนถึงบัดนี้… จนถึงเมื่อครู่นี้… พวกเขาเพิ่งรู้ ตำนานก็คือตำนาน! มารดามันเถอะ!
นี่มันช่าง…
“จู่ๆ ก็เข้าใจว่าเหตุใดสาวงามมากมายในเมืองหลวง เพียงเห็นภาพวาดต้าซือมิ่งก็อยากจะแต่งงานกับเขาให้ได้ หากข้าเป็นสตรี ข้าก็อยากแต่งกับต้าซือมิ่ง!”
“ใช่ๆๆ ข้าก็เช่นกัน! หล่อเหลาสุดๆไปเลย แม่เจ้า!”
“ข้าด้วย! ข้า…”
รวมถึงแม่ทัพเช่นชิงอ้ายเฟิง เฉินฉุนเฟิงก็อุทานสิ่งที่ไม่สมตัวตนออกมา พวกเขาไม่คิดเลยว่าต้าซือมิ่งจะแข็งแกร่งเพียงนี้
“พอแล้ว พวกเจ้าคิดเท่านี้ก็พอ อย่าพูดออกมาให้ต้าซือมิ่งขยะแขยง คนอื่นเขามีภรรยาในใจแล้ว แม้พวกเจ้าฝึกบำเพ็ญจนบรรลุ ‘คัมภีร์ดอกทานตะวัน’ เข้าวังเป็นนางฟ้าก็เทียบปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนมิได้หรอก” อินสวินอี้กล่าว
“เอ่อ…”
เฉินฉุนเฟิงและคนอื่นๆ พูดไม่ออก
“อ้ะเนะ!”
เจ้าตัวน้อยเพิ่งตั้งสติขึ้นได้ เขามองท่านพ่อของเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย “อ้ะเนะ! อ้ะเนะเนะ… อ้ะ…” ท่านพ่อเก่งจังเลย! เก่งที่สุดเลย! ว้าว…
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่โห่ร้องดีใจก็ถูไถท่านพ่อของเขาอย่างมิอาจปิดบังความชื่นชมและความกตัญญูต่อท่านพ่อของเขาได้ เขาถูจนเสื้อผ้าของท่านพ่อยับยุ่งไปหมดก็ยังไม่ยอมเลิก ถูจนต้าซือมิ่งพ่นหัวเราะออกมาเบาๆ และลูบหลังของเด็กน้อยเพื่อสงบอารมณ์ของเขาลง “เป็นเด็กดีนะ ต่อไปพ่อจะสอนเจ้าเอง”
“อ้ะ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าส่งเสียงร้องดีใจต่อไป มิอาจสงบอารมณ์ลงได้
ต้าซือมิ่งจึงไม่ฝืนเขาอีก เขาเพียงแค่อุ้มเจ้าตัวน้อยไว้แน่นกว่าเดิม จะได้ไม่ตกลงไปในน้ำเพราะตื่นเต้นดีใจเกินเหตุ หากเป็นเช่นนั้นเกรงว่าเขาคงถูกท่านแม่ของเด็กน้อยคิดบัญชีแน่
“ขอบคุณต้าซือมิ่ง!” อินสวินอี้เพิ่งจะหาจังหวะคุกเข่าลงขอบคุณได้ นอกจากบรรพบุรุษแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาคุกเข่าให้ผู้อื่น “เมืองโยวตู ขอบคุณต้าซือมิ่งที่ช่วยชีวิต”
กองกำลังทหารต่างคุกเข่าและกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ “ขอบคุณต้าซือมิ่งขอรับ!”
“ขอบคุณต้าซือมิ่งขอรับ!” คนสำนักจวินจื่อที่อยู่บนเขาจวินจื่อต่างก็กล่าวขอบคุณจากระยะไกล พวกเขารู้ดีว่าหากวันนี้ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากต้าซือมิ่ง โยวตูคงสูญสิ้นเพราะอุทกภัยแล้ว
“ลุกขึ้นเถิด” ต้าซือมิ่งที่อุ้มเด็กน้อยไว้กลับไม่สนใจคำขอบคุณเหล่านี้ เขากลับให้ความสนใจสถานการณ์ใต้แม่น้ำมากกว่า พลางคิดว่าคราวนี้มารดาเด็กน้อยน่าจะราบรื่นดีแล้ว
อินสวินอี้และคนอื่นๆ ก็รู้ว่าเรื่องยังไม่จบสิ้น เขาจึงลุกขึ้นและกลับไปที่ตำแหน่งของตนอย่างรวดเร็ว ยังคงจับตามองแม่น้ำเย่วหมิงต่อไป
ส่วนเยี่ยนอวี๋ที่อยู่ใต้น้ำ นางก็สามารถยับยั้งอิงหลงโบราณไว้ได้ภายใต้ความช่วยเหลือของต้าซือมิ่ง ดวงตาแดงฉานของอิงหลงโบราณก็ค่อยๆ หายไป แต่ยังคงตกอยู่ในอาการวิงเวียน
“เสี่ยวอิง ไม่เป็นไรแล้ว” เยี่ยนอวี๋ปลอบลูกน้องเก่าอย่างอ่อนโยน ในขณะเดียวกันก็ลบตราผนึกที่ผนึกไว้ในอนุสติของมัน ถึงแม้ก่อนหน้านี้ตราผนึกนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากก็ตาม แต่ข้อเสียของมันมีมากกว่าข้อดีมากนัก
“แค่ก”
ทหารชั้นยอดสำนักจวินจื่อที่ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาเพิ่งจะได้พักผ่อน เมื่อครู่นี้พวกเขาถูกจู่โจมหนักที่สุด บางคนที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับสูญสิ้นเส้นลมปราณจนเสียชีวิตลง
แต่จวินอั้นหยวนและคนอื่นๆ ที่อยู่ในหัวใจค่ายกลยังคงตั้งสมาธิไว้มั่น พวกเขายังคงเตรียมตัวด้วยความระมัดระวัง แม้แต่วิญญาณอสูรมังกรขาวที่ถูกอัญเชิญมาก็จ้องมองไปที่ตำแหน่งของลูกแก้วชั่วร้ายที่ก่อนหน้านี้ถูกเยี่ยนอวี๋ดึงออกมาอย่างผวา
เพราะยังคงมีหมอกดำอันชั่วร้ายไหลออกมาจากรูนั่นไม่หยุด แม้จะไม่แน่นหนา แต่ก็ชั่วร้ายนัก กลิ่นอายของมันเหมือนกับกลิ่นอายของปีศาจระกาเก้าเศียร
ทำเอาอินหลิวเฟิงอดแขวะไม่ได้ว่า “หากปีศาจระกาเก้าเศียรตัวนั้นไม่ได้สลายไปต่อหน้าพวกเรา ข้าคงคิดว่ามันยังอยู่บนนั้น”
“ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ อาจจะเป็นร่างแยกของมัน” จวินอั้นหยวนแสดงสีหน้าหนักแน่น ถึงอย่างไรก็รู้สึกว่า ‘รู’ นี้อันตรายยิ่งกว่า วิญญาณอสูรที่อยู่ข้างกายเขาก็รู้สึกเช่นเดียวกัน มันจึงแผ่ซ่านรังสีสีขาวเจิดจ้าที่สามารถขจัดความชั่วร้ายได้ออกมาตลอดเวลา
โชคดีที่อิงหลงโบราณที่อยู่ข้างนอกสงบลงอย่างสมบูรณ์แล้ว เยี่ยนอวี๋จึงลืมตาขึ้น ทำให้ทุกคนในโถงโล่งอก
“ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน เป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
“น่าจะไม่กำเริบอีก” เยี่ยนอวี๋ฟื้นคืนสติ เมื่อนางก้มลงมองลูกแก้วชั่วร้ายในมือก็รับรู้ได้ว่าข้างในลูกแก้วชั่วร้ายนอกจากจะมีกลิ่นอายของปีศาจระกาเก้าเศียรแล้ว ยังมีพลังชั่วร้ายอันบริสุทธิ์ที่ไม่ใช่พลังของปีศาจระกาเก้าเศียรอยู่ในนั้น!
“ดูท่าปีศาจระกานั่นรวบรวมพลังวิญญาณส่วนใหญ่ของมันไว้ในลูกแก้วชั่วร้ายนี้ เพื่อหลอมให้มันเป็นดวงวิญญาณในร่างของมัน มิน่าล่ะ ร่างของมันจึงอ่อนแอเช่นนี้” เยี่ยนอวี๋พึมพำพลางยกมือขึ้นมาปัดเป่ากลิ่นอายของปีศาจระกาทิ้ง
ต๊าก! เสียงไก่ร้องดังขึ้น เป็นสัญญาณล่วงลับของปีศาจระกาเก้าเศียร ทว่าพลังชั่วร้ายที่บริสุทธิ์กว่าในลูกแก้วชั่วร้ายกลับส่งเสียง วิ้ง ขึ้นมาก่อนจะหายไป
หากไม่ใช่เพราะเยี่ยนอวี๋ใช้พลังวิเศษกักขังลูกแก้วชั่วร้ายนี้ไว้ เกรงว่าพลังคลุ้มคลั่งของมันคงทำให้ทุกคนในโถงกลายเป็นแบบอิงหลงเมื่อครู่ได้
“ลูกแก้วชั่วร้ายแดนมืด” แก่นวิญญาณอสูรมังกรขาวที่เงียบมาตลอดก็เอ่ยขึ้น “เกรงว่านี่คือลูกแก้วชั่วร้ายแดนมืดที่แพร่ขยายในระบบมาร!”
“คืออะไรนะ” เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วงามดั่งภาพวาดของตน “เจ้ารู้จักหรือ” ในอดีตครั้นนางผนึกแดนมืดวิญญาณอสูร นางไม่เคยได้ยินลูกแก้วชั่วร้ายแดนมืดอะไรนั่นเลย
“เคยได้ยิน แต่ข้าน้อยมิทราบรายละเอียด หากท่านสนใจ ลองไปหาวิญญาณอสูรสักตัวมาถาม ในโลกปัจจุบันมีคนลงนามทำสัญญามารกับวิญญาณอสูรแล้ว ให้วิญญาณอสูรอัญเชิญวิญญาณอสูรในแดนมืดออกมาได้” แก่นวิญญาณอสูรมังกรขาวกล่าว
เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม ทว่าแก่นวิญญาณอสูรมังกรขาวออกมานานแล้ว ตบะของจวินอั้นหยวนมิสามารถรักษามันไว้ได้นานนัก มันจึงค่อยๆ จางลง “มีวิญญาณอสูรตัวหนึ่งที่ชื่อโอวปาซือ มันน่าจะรู้มากกว่าข้าน้อย”
เมื่อสิ้นเสียง แก่นวิญญาณอสูรมังกรขาวก็สลายไปจนหมดสิ้น ถือว่าให้เบาะแสแก่เยี่ยนอวี๋แล้ว เม่ยเอ๋อร์ยังจำโอวปาซือตัวนั้นได้ “คุณหนูใหญ่ ก่อนหน้านี้ข้าน้อยเหมือนว่าจะเคยสู้กับวิญญาณอสูรที่ชื่อโอวปาซือ”
“เช่นนั้นรึ?”
“ตาเฒ่าตัวร้ายสำนักคุนอู๋คนนั้นที่แซ่… หยางอัญเชิญออกมา” เม่ยเอ๋อร์เกือบจะลืมไปแล้วว่าแซ่อะไร นางกลับจำอสูรวิญญาณตัวนั้นได้ขึ้นใจกว่า
“เข้าใจแล้ว” เยี่ยนอวี๋พยักหน้าลุกขึ้น ก่อนจะแหงนมอง ‘รูสีดำ’ ที่อยู่บนหลังคาอาคาร นางรู้แก่ใจว่ามันคือ ‘ช่องโหว่’ ของผนึก แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดช่องโหว่นี้ นางยังไม่รู้แน่ชัด
จวินอั้นหยวนถามขึ้นว่า “ไม่รู้ว่ารูนี่อุดไว้ได้หรือไม่”
“ข้าไปดูเอง” เยี่ยนอวี๋เหินขึ้นไปดูบนยอด
ทุกคนต่างมองไปที่เยี่ยนอวี๋ ย่อมไม่มีใครสังเกตเห็นกู้หยวนซูที่สลบไปนานแล้ว ยิ่งไม่มีใครสังเกตเห็นแสงสีดำชั้นหนึ่งวาบหายไปรอบกายนาง
ขณะที่กู้หยวนซูเคลื่อนไหว เยี่ยนอวี๋ก็มองไปทันที
แต่แล้ว…
ครืน!
แรงดึงดูดรุนแรงไหลออกมาจากรูสีดำนั่น เป้าหมายมันคือเยี่ยนอวี๋
เม่ยเอ๋อร์ที่ระวังตัวเป็นพิเศษก็ซัดหมัดไปที่รูสีดำ “ออกไปซะ!”
“ดาบจวินจื่อ!” ดาบของจวินอั้นหยวนเองก็พุ่งเข้าไปที่รูสีดำนั่นทันที ทว่าการโจมตีเหล่านี้ก็ช้าเกินไป…
อีกเพียงคืบเดียวเยี่ยนอวี๋ก็จะถูกดูดกลืนไปแล้ว มือข้างหนึ่งของนางก็ถูกดึงเข้าไปในรูแล้ว
น่าเสียดาย ความสามารถของรูสีดำก็มีเพียงเท่านี้ มันมิอาจดูดกลืนเยี่ยนอวี๋เข้าไปได้ เพราะแสงสีม่วงหม่นอันศักดิ์สิทธิ์บนตัวนางปกคลุมตัวนางและทั้งห้องโถงไว้แล้ว
“กูไหน่ไหน…” อินหลิวเฟิงถอนหายใจโล่งอก “เจ้าทำข้าตกใจหมดแล้ว”
เยี่ยนอวี๋เลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะชักมือออกมาจากในรู จากนั้นก็ใช้จิตเหนือสำนึกสำรวจข้างในนั้น นางได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวเล็กน้อย กลับไม่สามารถจับได้แน่ชัด
“กูไหน่ไน เจ้าลงมาก่อนเถอะ” อินหลิวเฟิงไม่วางใจ เขากลัวว่ากูไหน่ไนจะถูกดูดเข้าไปจริงๆ “รอต้าซือมิ่งลงมา พวกเจ้าค่อยเข้าไปตรวจสอบพร้อมกัน จะได้ไม่ถูกดูด…”
อินหลิวเฟิงที่ยังไม่ทันพูดว่า ‘เข้าไป’ สองคำนี้ออกมา เขาก็ถูกขัดจังหวะขึ้น อีกทั้งปากอัปมงคลของเขายัง ‘ทำนาย’ ถูกต้องด้วย เพราะว่าจู่ๆ กู้หยวนซูก็ลุกนั่งขึ้น “ลูกแก้วชั่วร้าย! แผลงฤทธิ์”
เลือดสีดำที่นางอาเจียนออกมาก่อนหน้านี้ก็สลายไปเป็นหมอกดำทันที! ลูกแก้วชั่วร้ายในมือของเยี่ยนอวี๋ก็คลุ้มคลั่ง ถึงแม้มันจะถูกหน่วงเหนี่ยวด้วยพลังวิเศษของเยี่ยนอวี๋ แต่หมอกดำแดนมืดวิญญาณอสูรที่มันนำพามาก็ดูดกลืนทุกคนรวมถึงเยี่ยนอวี๋แล้ว
ครืน!
รอยแยกของตาค่ายกลที่แต่เดิมเยี่ยนอวี๋เปิดไว้ก็เคลื่อนปิดลงอย่างรวดเร็ว! กู้หยวนซูกลับหายวับออกมาจากตาค่ายกลได้ก่อนจะร่วงลงต่อหน้าศิษย์สำนักจวินจื่ออย่างทุลักทุเล “เร็วเข้า… เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
“อ้ะเนะ!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เพิ่งดีอกดีใจมองลงไปใต้น้ำแทบจะขณะเดียวกัน เขาร้อนรนขึ้นทันที “อ้ะเนะเนะ…”
ต้าซือมิ่งที่รับรู้ได้เช่นกันก็อุ้มเด็กน้อยหายวับลงไปใต้น้ำแล้ว