วงกลมระลอกคลื่นสีม่วงแผ่กระจายไปทั่วทุกทิศโดยมีต้าซือมิ่งเป็นศูนย์กลาง ทำเอาเม่ยเอ๋อร์ถอยหลังกลับอย่างเงียบๆ ยกเว้นเยี่ยนอวี๋ เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกดึงห่างออกไปเป็นกังวล “อ้ะเนะ!”
แต่ทว่ารอบๆ ต้าซือมิ่งนั้นมีใบอู๋ถงที่คล้ายเพลิงและดอกไม้ปรากฏออกมาทีละใบๆ และหายไปในระลอกคลื่นสีม่วงนั้น จากนั้นเปล่งประกายแสงระยิบระยับเหมือนแก้วหลากสี
ฉากสีแดงสีม่วงที่ปรากฏออกมากะทันหันเช่นนี้ ทำเอาเยี่ยนอวี๋ตะลึงงันไปเล็กน้อย หลังจากนั้นนางถึงได้สัมผัสได้ว่าด้านใน ‘ภาพม้วน’ ที่ครอบคลุมนางไว้นี้มีพลังดั้งเดิมที่บริสุทธิ์มากอยู่
นี่มัน…
เยี่ยนอวี๋ที่ดวงตาเป็นประกายเดาได้แล้วว่า ก่อนหน้านี้ต้าซือมิ่งคนนี้ได้รักษาตัวอยู่ที่สำนักชางอู๋จริงๆ เพราะพลังดั้งเดิมที่เขาปล่อยออกมาในตอนนี้ ส่วนใหญ่มาจากผลอู๋ถงของสำนักชางอู๋
“เป็นอย่างนี้นี่เอง” เยี่ยนอวี๋เข้าใจแล้ว และเพราะว่าเขานำ ‘พลังดั้งเดิม’ จากผลอู๋ถงไป ผลอู๋ถงถึงได้งอกขึ้นมาอย่างราบรื่น มิเช่นนั้นตามความสามารถของพลังดั้งเดิมแล้ว จะทำให้ผลอู๋ถงหยุดอยู่ในสภาพเดิมไม่เปลี่ยน
ดังนั้นชาติที่แล้วต้าซือมิ่งคนนี้น่าจะไม่ได้ไปที่สำนักชางอู๋จึงทำให้ผลอู๋ถงไม่งอกขึ้นมาเสียที ส่งผลให้สำนักชางอู๋ไม่ได้รับความช่วยเหลือเลยตอนที่พบเจอศัตรู
ชาตินี้ ไม่รู้เพราะเหตุใด ต้าซือมิ่งผู้นี้ถึงได้ไปยังสำนักชางอู๋ ทั้งยัง…
อืม…อย่างไรก็ตามเขาได้นำพลังดั้งเดิมในผลอู๋ถงไปหลอม ทำให้ผลอู๋ถงงอกขึ้นมาใหม่ และเขาเองก็รักษาตัวสำเร็จ ทั้งยังมีทักษะการรักษาตัวเพิ่มขึ้นอีกด้วย
แต่เยี่ยนอวี๋ยังคงสับสนอยู่ในใจ ‘แล้วเหตุใดชาติที่แล้วคนคนนี้ถึงได้ไม่ไปที่เมืองชางอู๋กัน’ แล้วก็…หากชาติที่แล้วคนผู้นี้ไม่ได้ไปที่สำนักชางอู๋ แล้วเยี่ยนจื่ออวี๋เจ้าเด็กนี่ตั้งท้องลูกของใครกัน
“ว้าว” เจ้าตัวน้อยที่ไม่รู้ว่าท่านแม่คิดอะไรอยู่ เขาจึงได้มองท่านพ่อคนงามด้วยท่าทางน่ารักแสนประหลาดใจ “ว้าว!” ท่านพ่อช่างงดงามเสียจริง…
เสียงอันนุ่มนวลน่าหลงใหลนี้ดึงดูดความสนใจของเยี่ยนอวี๋ได้ในทันที ทั้งยังทำให้นางโล่งใจ อย่างน้อยเจ้าก้อนนั่นก็ไม่ใช่เสี่ยวเป่าจริงๆ
ในเมื่อไม่ใช่เด็กที่ ‘นาง’ ตั้งท้องเอง พ่อแท้ๆ ก็ย่อมไม่ใช่ต้าซือมิ่งผู้นี้ด้วย เช่นนั้นก็ต่างกันอย่างสิ้นเชิง และไม่มีทางเป็น ‘ท้อง’ เดียวกันแน่นอน
แม้นจะรู้ว่าผ่านไปนานแล้ว และตอนนี้ก็ไม่เหมือนกันแล้ว แต่ทุกครั้งที่นึกถึงเจ้าก้อนเลือดเนื้อที่ตกลงมามีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นชาติก่อนของลูกน้อยนั้น เยี่ยนอวี๋ก็ไม่อาจยอมรับได้
“อ้ะ!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่รู้ว่าท่านแม่กำลังมองตัวเองอยู่นั้น เขาก็ได้ ‘สละเวลา’ เงยหน้าและส่งยิ้มให้กับท่านแม่ของเขาไปหนหนึ่ง ดวงตาเป็นประกายดุจหินอัคนีสีดำ ทั้งน่ารักน่าชังและงดงาม
ทำเอาเยี่ยนอวี๋ดวงตาค่อยๆ โค้งลง สายตาอบอุ่น “เสี่ยวเป่างดงามจริงๆ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจ้าตัวน้อยก็รีบเงยหน้าอ้วนป้อมขึ้น แล้วชี้ไปยังท่านพ่อของเขา พร้อมด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ…” เสี่ยวเป่าเหมือนท่านพ่อคนงาม! งดงาม! งดงาม! งดงาม…
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางที่เข้าใจลูกน้อยทั้งหมด มองไปทางต้าซือมิ่งที่อยู่ตรงหน้าที่ลืมตาขึ้นมาพอดี ดวงตาสีม่วงใสราวกับกระจกเคลือบนั้น ทำให้ใบหน้าของเขาดูเงาวาว ขาวซีดและผอมแห้ง มีความงามพิศวงที่น่าประหลาดใจมาก
เยี่ยนอวี๋ “…”
เอาเถอะ ลูกน้อยตาดีมาก ท่านพ่อของเขาคนนี้งดงามจริง ในวันข้างหน้าเพียงแค่ลูกน้อยเติบโตไปอย่างปกติ คาดว่าคงงดงามเช่นนี้เหมือนกัน และอาจจะงามกว่านี้ด้วย
“งามหรือไม่”
“งาม”
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางที่ถูก ‘หลอก’ ถามโดยไม่รู้ตัว จึงตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ต้าซือมิ่งเผยรอยยิ้มออกมา
ดังนั้นเยี่ยนอวี๋จึงมองเห็นเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ดวงตาประดุจกระจกเคลือบคู่นี้ กระเพื่อมเป็นระลอกคลื่นคล้ายดาบราวกับว่าจะดึงดูดนางเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น
แต่ทว่า…
ขณะที่ต้าซือมิ่งที่ได้ใจเล็กน้อยกำลังคิดจะลองโอบกอดปฐมราชินีเยี่ยนอยู่นั้น เขาก็ถูก ‘ตี’ หลังมืออีกครั้ง และถูกปฏิเสธด้วยความรุนแรงอีกครั้ง
“งามแล้วเจ้าไม่คิดจะกอดหน่อยหรือ” ต้าซือมิ่งแสดงความเสียใจออกมา
เยี่ยนอวี๋ “…”
หากนางความจำเสื่อมล่ะก็คงจะคิดว่าเขาคือลูกของนางแล้ว
“อ้ะ! อ้ะ…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ได้ยินเช่นนี้ก็ส่งเสียงดังขออุ้มให้อุ้มแล้ว! ท่านพ่อหรือท่านแม่อุ้มก็ได้ ขอแค่รีบพาเขา ‘ออกจาก’ พี่เม่ยเอ๋อร์เสียที อู้ๆ
แน่นอนว่าเยี่ยนอวี๋เดินนำหน้าไปอุ้มลูกน้อยก่อน เจ้าตัวน้อยที่ถูกปลดปล่อยแล้วรีบกอดท่านแม่ของเขาไว้แน่น จากนั้นหันศีรษะไปทางเม่ยเอ๋อร์ “อ้ะเนะเนะ…” พี่เม่ยเอ๋อร์อุ้มเสี่ยวเป่าแน่นเกินไป…
จากนั้นเม่ยเอ๋อร์ที่เข้าใจผิดไปทั้งหมดก็กล่าวว่า “คุณชายน้อยไม่จำเป็นต้องขอบคุณเจ้าค่ะ นี่เป็นสิ่งที่ข้าต้องทำอยู่แล้ว”
เยี่ยนเสี่ยวเป่า “…”
เขาที่ดวงตาหมุนติ้ว ไม่สามารถสื่อสารกับพี่เม่ยเอ๋อร์ได้อีกต่อไป
“เฮ้อออ…”
ต้าซือมิ่งที่ถูกทอดทิ้งอยู่ตรงโน้น จำต้องลุกขึ้นด้วยตัวเอง จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาเสียงดัง ทำให้ดึงดูดความสนใจจากเจ้าตัวน้อยได้
“อ้ะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่น้อยใจโบกมือไปทางท่านพ่อของเขา จากนั้นก็กอดคอของท่านแม่ไว้แน่น เร่งให้ท่านแม่อุ้มเขาไปทางท่านพ่อไวๆ
เยี่ยนอวี๋ทำตามความต้องการของลูกน้อย แต่หลังจากที่เจ้าตัวน้อยเข้าใกล้ท่านพ่อของเขาแล้วนั้น กลับไม่ได้ขอให้อุ้มแต่อย่างใด เพียงแต่เงยหน้ายื่นมืออ้วนป้อมไปทางท่านพ่อของเขาเท่านั้น
เยี่ยนอวี๋ยังไม่เข้าใจในความหมายของลูกน้อย ต้าซือมิ่งจึงย่อตัวลง ทำให้นางถอยหลังกลับไปอย่างคุ้นเคย แต่เจ้าตัวน้อยกลับพุ่งเข้าไปข้างหน้า นางจึงจำต้องหยุดฝีเท้าเอาไว้ ป้องกันไม่ให้ลูกน้อยตกลงไป
กลิ่นอายของต้าซือมิ่งที่เข้ามาใกล้อีกครั้งแทรกซึมไปในลมหายใจของเยี่ยนอวี๋อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเยี่ยนเสี่ยวเป่าในอ้อมกอดของนางก็ได้กอดคอบิดาไว้แล้ว พร้อมกับขยับไปหาท่านพ่อของเขา “อ้ะเนะ…อ้ะเนะเนะ…”
“พ่อไม่เป็นอะไร” ต้าซือมิ่งที่เข้าใจว่าลูกน้อย ‘เป็นห่วง’ ตนนั้นยกมือขึ้นลูบๆ ศีรษะโล้นน้อยๆ ของลูกน้อย “ขอบใจเสี่ยวเป่าที่เป็นห่วงพ่อนะ”
“อ้ะเนะ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าจึงได้ปล่อยมือลง และไม่ขอให้ท่านพ่อของเขาอุ้มอีก ราวกับว่าเขารู้ว่าท่านพ่อของเขาบาดเจ็บ ไม่สามารถอุ้มเขาได้ ทั้งยังพยายามออกเสียง “…พ่อ” ออกมาด้วย
หลังจากนั้น ไม่รอให้ท่านพ่อหรือท่านแม่ของเขาได้สติ เจ้าตัวน้อยบางคนก็ดีใจขึ้นมากะทันหัน และดีดตัวขึ้นลงเล็กน้อย “อ้ะเนะ!” เสี่ยวเป่าเยี่ยมจริงๆ! เรียกถูกแล้ว!
“จ๋า” หรงอี้ตอบด้วยรอยยิ้ม และยกมือขึ้นลูกศีรษะโล้นของลูกน้อยอีกครั้ง พร้อมกับกล่าวชม “เสี่ยวเป่าเยี่ยมที่สุด เรียกพ่อได้น่าฟังมาก แถมยังเรียกถูกด้วย”
“ก๊าก…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่หัวเราะเสียงแปลกๆ ใบหน้าสีชมพูนุ่มนิ่มแหงนขึ้นหัวเราะ เรียกได้ว่าไร้ฟัน แต่หัวเราะจนเห็นแค่เหงือกฟันไม่เห็นดวงตา
เยี่ยนอวี๋ที่เห็นสองพ่อลูกเล่นกันจึงอดไม่ได้ที่จะหึง! เสี่ยวเป่าเรียกพ่อเป็นแล้ว แต่ยังเรียก ‘แม่’ ไม่เป็นเลย ต้องเป็นเพราะต้าซือมิ่งผู้นี้สอนลูกน้อยเรียก ‘พ่อ’ ตั้งนานแล้วแน่ๆ
“บาดแผลของเจ้าถือว่าหายดีแล้วหรือ” เยี่ยนอวี๋ที่แทรก ‘บทสนทนา’ ของสองพ่อลูกคิดในใจ นางไม่ได้ใจแคบแต่อย่างใด นางเพียงแค่…เอาเถอะ นางใจแคบจริงๆ นั่นแหละ…นางอิจฉา
“ไม่เป็นอะไรมาก แต่ครึ่งปีนี้อย่าเรียกใช้พลังวิเศษจะดีกว่า” หรงอี้ที่ลูบศีรษะลูกน้อยอยู่ตอบจริงจัง ทั้งยังกล่าวต่อไปอีกว่า “เจ้าไม่ต้องรีบร้อนไป ตอนนี้เราเริ่มสอนเสี่ยวเป่าเรียก ‘แม่’ ดีกว่า เขาฉลาดเพียงนี้ ไม่นานย่อมต้องเรียกเจ้าได้เป็นแน่”
“ข้าไม่ได้รีบร้อนเสียหน่อย” เยี่ยนอวี๋คัดค้าน
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าจึงได้มองท่านแม่
เยี่ยนอวี๋จุมพิตลูกน้อยในอ้อมกอด แล้วค่อยๆ แก้คำพูด “ท่านแม่ไม่กดดันเสี่ยวเป่า ถึงแม้ท่านแม่อยากได้ยินเสี่ยวเป่าเรียก ‘แม่’ มากก็ตาม”
“หึ…”
ต้าซือมิ่งหัวเราะเบาๆ “ดังนั้นเสี่ยวเป่าต้องพยายาม และเรียก ‘แม่’ ให้ได้ไวๆ ท่านแม่ได้ยินต้องดีใจมากแน่ๆ”
“อ้ะ!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างจริงจัง! แสดงออกว่าเขาจะพยายามฝึกเรียก ‘แม่’ ให้จงได้
เยี่ยนอวี๋ที่เดิมยังถูก ‘หัวเราะ’ จุมพิตไปยังลูกน้อยที่ตัวนุ่มนิ่ม “เสี่ยวเป่าอย่าได้กดดันไป ค่อยๆ ฝึก นานแค่ไหนแม่ก็จะรอ”
“อ้ะเนะ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่า ‘อ้ะเนะเนะ’ สื่อสารกับท่านแม่ของเขาต่อไป ต้าซือมิ่งบางคนต้อง ‘แปล’ สองสามประโยค ‘สามพ่อแม่ลูก’ พูดคุยกันอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย
อย่างไรก็ตามเม่ยเอ๋อร์ก็แทรกเข้าไปไม่ได้แล้ว และนางก็ไม่ได้คิดจะแทรกเข้าไปด้วย เพียงแค่ถอยไปมองเยี่ยนจื่อเสาต่อ เมื่อเห็นว่าเขามั่นคงดีแล้ว ถึงได้พยักหน้าได้และรู้ว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นอีกแล้ว
จากนั้นเม่ยเอ๋อร์ก็ได้หันไปมองทางอินหลิวเฟิง จวินฮวนและเอ้อร์เหมาบ้าง ทั้งสามคนนี้ผู้ที่ฝึกฌานตบะได้สูงสุดคือจวินฮวน แต่เขายังไม่บรรลุขั้นวิญญาณปฐมภูมิ ดูแล้วคงต้องใช้เวลาอีกหลายวัน
แต่ทว่ายังคงมีเวลาอยู่ เพราะเยี่ยนอวี๋ยังไม่สามารถใช้พลังของตนเองในการเปิดผนึกที่ถูกเสริมเพิ่มอีกนี้และกลับไปยังโลกมนุษย์ได้
“มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นคือ ฟื้นฟูเสี่ยวอิงก่อน” เยี่ยนอวี๋ที่พูดไปพูดมาพูดถึงเรื่องนี้แล้ว คิดว่านางสามารถฟื้นตัวให้ลูกน้องได้ในนี้ จากนั้นค่อยใช้พลังจากร่างกายของมันเปิดผนึกอีกครั้ง
และเยี่ยนอวี๋ที่คิดได้ก็ลงมือทำเลยนั้นได้หยิบของวิเศษออกจากถุงวิเศษของนางแล้ว นางหยิบร่างของอิงหลงอาวุโสออกมา รวมถึงปีกอิงหลงด้วย
“ครบแล้วหรือเจ้าคะ!” เม่ยเอ๋อร์สงสัย นางไม่รู้เรื่องร่างกายของอิงหลงเลย ดังนั้นนางจึงประหลาดใจเล็กน้อย
เยี่ยนอวี๋มองไปทางต้าซือมิ่งอย่างมีความหมายลึกซึ้ง…