ไม่ว่าจะเป็นปีกอิงหลงอาวุโสหรือร่างของอิงหลงอาวุโส ล้วน ‘มาจาก’ ต้าซือมิ่งผู้นี้ หากจะว่าบังเอิญล่ะก็เยี่ยนอวี๋ไม่เชื่ออย่างแน่นอน
หลังจากนั้น ต้าซือมิ่งที่ลืมตาสีม่วงกระจกนี้กลับแสดงออกอย่างไร้เสียงและใสซื่อว่า เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเถาชั่วร้ายนี้จะหลอมมาจากร่างอิงหลงอาวุโส
“หึ” เยี่ยนอวี๋หัวเราะเสียงเย็น เห็นได้ชัดว่านางไม่เชื่อ
ต้าซือมิ่งผู้น่าสงสาร แต่เขาก็ไม่ได้อธิบายอะไร เพียงแต่อุ้มเจ้าตัวน้อยที่กำลังผล็อยหลับมาอย่างรู้ตัว “เจ้าไปเถิด”
“เจ้าไหวหรือ” เยี่ยนอวี๋ที่เดิมคิดจะปล่อยลูกน้อยไว้ให้กับเม่ยเอ๋อร์ถามขึ้น
ต้าซือมิ่งผู้น่าสงสารกลายเป็นต้าซือมิ่งผู้ ‘เป็นแบบอย่าง’ เขาจ้องไปที่แม่ของลูกน้อยอย่างมีความหมายลึกซึ้ง แล้วมองลูกน้อยที่ ‘โต’ เพียงนี้แล้วในอ้อมกอด จากนั้นก็ตอบด้วยความเงียบ
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางเข้าใจเสียอย่างนั้น!
ต้องเป็นเพราะตอนเป็นปฐมราชินีเบื่อหน่ายเกินไปแล้วอ่านหนังสือมากไปจึงส่งผลให้เป็นเช่นนี้แน่! ที่สำคัญคือวิหคทมิฬน้อยไม่ได้เรื่อง ให้เขานำตำราผ่อนคลายมา แต่เขากลับนำหนังสือภาพอย่างว่ามาเสียอย่างนั้น!
จริงๆ เลย…
เยี่ยนอวี๋หายตัวไป ‘ทำงาน’ อีกครั้ง! ไม่อยากจะเจอหน้าต้าซือมิ่งอีก กำลังเตรียมปรับลมหายใจแล้ว
…
ในขณะนี้ เฉาหมิงเฉิงก็ได้นำพระบัญชาจากหยวนคังฮ่องเต้ รวมถึงผู้แข็งแกร่งที่มีกลิ่นอายคาดเดาไม่ถูกกลุ่มหนึ่งมายังลั่วสุ่ยผ่านค่ายกลเคลื่อนเวหาพิเศษ
หลังจากนั้นเฉาหมิงเฉิงเพียงแค่นำสี่คนในนั้นมุ่งหน้าไปยังเมืองโยวตู ส่วนคนที่เหลือถูกสั่งให้อยู่ที่เมืองลั่วสุ่ย ซึ่งนั่นก็เป็นพื้นที่ของเมืองโยวตูเช่นกัน
“เหอซง ถ่ายทอดคำสั่งลงไปให้ลิ่นจ่างเอินให้เขาลงมือได้หลังจากนี้หนึ่งวัน” หยวนคังฮ่องเต้ที่ทราบว่าเฉาหมิงเฉิงถึงลั่วสุ่ยอย่างราบรื่นแล้วนั้นได้ถ่ายทอดคำสั่งให้กับลิ่นจ่างเอิน…เซ่าซือมิ่งแห่งตำหนักซือมิ่งอีกครั้ง
ขณะเดียวกับที่เหอซงผู้ดูแลราชสำนักรับคำสั่งนั้น ยังได้กล่าวยินดีล่วงหน้าด้วยว่า “ยินดีกับฝ่าบาทด้วยพ่ะย่ะค่ะ หลังจากนี้หนึ่งวัน เมืองโยวตูก็จะไร้อำนาจยับยั้งราชวงศ์อีกต่อไป ฝ่าบาทจะทรงครองอำนาจนี้ไปอีกหลายรัชสมัย”
หยวนคังฮ่องเต้ได้ยินดังนั้น สีพระพักตร์ก็ไม่ได้ดูเข้มงวดเช่นเดิมอีก แสดงท่าทางอย่างผู้กำชัยชนะพร้อมเอ่ย “ไปเถิด กำจัดเมืองโยวตูสำเร็จแล้วข้าจะใช้กำลังที่เหลือทั้งหมดมากำจัดหรงอี้!” สองคำหลังนี้เห็นได้ชัดว่ามีกลิ่นอายสังหารเจือปนอยู่!
ทำเอาเหอซงผู้ฝึกฌานธรรมดาตกใจจนเหงื่อตก “พ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมขอทูลลา”
“อืม”
หยวนคังฮ่องเต้ได้หยิบภาพม้วนตรงหน้าออกมา แล้วกางภาพเยี่ยนอวี๋ที่เฉาหมิงเฉิงวาดออกอีกครั้งพลางชื่นชมคนงามไร้ที่ติบนภาพอย่างตั้งใจ
ก่อนที่เหอซงจะออกจากตำหนักหันกวังนั้นก็ได้เห็นฉากนี้เข้า เขาถอนหายใจ “หลังจากที่คุณหนูใหญ่เยี่ยนผู้นี้เข้าเมืองหลวง จะต้องกลายเป็นคนที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานอย่างแน่นอน”
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว เหอซงก็คิดว่าควรจะไปหาพระมาตุลาในอนาคตผู้นั้นที่สำนักศึกษาผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ เพื่อสืบหาความชื่นชอบโปรดปรานของฮองเฮาในอนาคตเสียหน่อยแล้ว
…
ในขณะเดียวกัน
ณ เมืองโยวตู
ผู้คนจากกองกำลังต่างๆ ที่ลงน้ำไปแล้วล้มเหลว ได้ออกมาจากแม่น้ำเย่ว์หมิงแล้ว พวกเขาหาตัวคนสำนักจวินจื่อไม่พบเลยสักคน ทำได้เพียงรายงานตามความเป็นจริงแล้ว
“ไม่พบได้อย่างไร” อินสวินอี้ไม่เข้าใจ “พวกเจ้าหาดีแล้วหรือ”
“ทูลท่านอ๋อง ข้าน้อยและคนอื่นๆ หาดีแล้วขอรับ ข้าน้อยยังใช้พลังสายเลือดสัมผัสไปที่ใต้แม่น้ำ มั่นใจว่าเอ้อร์เหมาลงไปใน ‘รู’ ที่เดิมมีอยู่นั่นจริงๆ แต่ทว่ารูนั้นได้หายไปแล้วขอรับ”
“มีจุดเปิดปิดใช่หรือไม่” อินสวินอี้ถามต่อ
องครักษ์ใหญ่บางคนส่ายศีรษะ “ไม่พบจุดเปิดปิดขอรับ บางทีอาจเป็นเพราะข้าน้อยและคนอื่นๆ อ่อนแอเกินไป จึงไม่สามารถสัมผัสได้ถึงจุดเปิดปิดได้ ขอท่านอ๋องส่งผู้แข็งแกร่งไปตรวจดูอีกครั้งด้วยขอรับ”
“เจ้ารีบไปยังสำนักจวินจื่อเชิญประมุขสำนักจวินจื่อมา” อินสวินอี้รู้สึกว่าเรื่องนี้ยิ่งเริ่มร้ายแรงมากขึ้นแล้ว เกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้น หรือว่า…
หรือว่ากู้หยวนซูเด็กนั่นรู้ตั้งนานแล้วว่า พวกเขาหาจะตัวคนไม่พบแน่นอน ดังนั้นจึงได้ทิ้งคำพูดเหล่านั้นไว้ ให้พวกเขาไม่อาจขัดขืนได้…แต่ก็ไม่เหมือน
อินสวินอี้คิดไม่ตก เฉินฉุนเฟิงคาดเดา “บางทีอาจเป็นเพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ที่ใต้น้ำ”
“ถูกต้อง” เฉิงคั่วเองก็รู้สึกแบบนี้เช่นกัน
แต่ทว่าทุกคนที่ลงไปต่างก็บอกเสียงเดียวกันว่า สถานการณ์ใต้น้ำปกติดี ไม่มีอะไรผิดปกติ น่าจะไม่เกิดภัยน้ำท่วมอีกแล้ว
“ไม่ว่าอย่างไรทุกอย่างต้องรอให้ต้าซือมิ่งออกมาก่อนค่อยว่ากัน ต้าซือมิ่งทรงพลังนักต้องไม่เกิดเรื่องแน่ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องออกมาแน่นอน” เฉินฉุนเฟิงมั่นใจในเรื่องนี้
เฉิงคั่ว ชิงอ้ายเฟิงก็เห็นด้วยเช่นกัน แต่พวกเขาจำต้องกล่าวให้แน่ชัด “โยวตูอ๋อง ถึงแม้พวกข้าจะรอคำสั่งจากต้าซือมิ่งก็ตาม แต่หากมีคำสั่งจากฝ่าบาทพวกข้าเองก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้”
“ข้าเข้าใจ ช่วงเวลานี้ก็จะไม่ทำให้ทุกท่านลำบาก และขอบคุณทุกท่านที่ยังคงเฝ้าอยู่เพื่อเมืองโยวตู ข้าซาบซึ้งใจมากนัก” อินสวินอี้กล่าวพร้อมกับคำนับให้กับทุกคน
“ท่านอ๋องมิจำเป็นต้องทำเช่นนี้ พวกข้าเพียงแค่เห็นแก่ต้าซือมิ่งเท่านั้น” ถึงแม้ชิงอ้ายเฟิงจะรู้สึกว่าอินสวินอี้คนนี้ไม่เลวนักก็ตาม แต่น่าเสียดาย เมื่อเทียบกับแผนการและความทะเยอทะยานของฝ่าบาทในปัจจุบันแล้ว ไม่มีทางยอมปล่อยท่านอ๋องที่แสนโดดเด่นเช่นนี้ไปแน่นอน
อินสวินอี้เองก็เข้าใจสถานการณ์ของเมืองโยวตูดี และไม่ได้กระชับมิตรกับคนพวกนี้ด้วย เพียงแค่กล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ “ข้าเข้าใจดี ขอแค่ต้าซือมิ่งและปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนปลอดภัยราบรื่นทุกอย่างด้วยเถิด”
“แน่นอน”
เฉินฉุนเฟิงและคนอื่นๆ มั่นใจ หลักๆ คือมั่นใจในตัวต้าซือมิ่ง
เพียงแต่…
พวกเขาคาดคิดไม่ถึงเลยว่า ต้าซือมิ่งที่พวกเขามั่นใจเพียงนั้นกำลังแกล้งป่วยอยู่ในขณะนี้ แต่กลับกันปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนที่พวกเขาไม่ได้ให้ความสนใจนักกำลังทำการใหญ่อยู่
เยี่ยนอวี๋ที่กำลังรวมพลังวิเศษเข้ากับร่างกายของอิงหลงอาวุโสอยู่นั้น รอบตัวนางเปล่งประกายไปด้วยแสงหลากสี นางกำลังใช้ลำแสงเหล่านี้เป็นเส้นด้าย ‘เย็บ’ ปีกของลูกน้องกลับเข้าร่าง
ถึงแม้ปมเย็บจะธรรมดา…
“อะแฮ่ม”
ต้าซือมิ่งหรงที่สังเกตการณ์ ‘ทักษะการเย็บ’ ของมารดาของลูกน้อยแล้ว พูดได้เพียงว่า ปฐมราชินีจับเข็มด้ายน้อยครั้งนัก เย็บได้ธรรมดาเช่นนี้ก็ไม่อาจโทษนางได้
“เจ้าถอยไป!” เยี่ยนอวี๋ที่กำลังยุ่งอยู่ไม่ให้ต้าซือมิ่งดู นางรู้ดีว่าเย็บได้ไม่ดี แต่นางทำสุดความสามารถแล้ว แต่เจ้าคนคนนี้กลับมองไม่พอ แต่ยังส่งเสียงแบบนั้นออกมาเรื่อยๆ อีก! น่ารำคาญ!
“ไม่ไป” ต้าซือมิ่งหรงที่ไล่ไม่ไปกล่าว “ข้าอยากดู”
เยี่ยนอวี๋ “…”
“แต่คุณหนูใหญ่ของเราไม่อยากให้ท่านดู!” เม่ยเอ๋อร์ที่ปกป้องเจ้านายสุดความสามารถได้ช่วยเยี่ยนอวี๋แก้สถานการณ์ไว้ได้ นางกันต้าซือมิ่งไว้แล้ว แต่ฝ่ายหลังสูงกว่านางมากนักจึง ‘ไม่สามารถกัน’ สายตานั้นได้
เม่ยเอ๋อร์ทำได้เพียงไล่คนแล้ว “ยังไม่ถอยกลับไปอีก!”
“ไม่ถอย” ต้าซือมิ่งที่สีหน้าซีดเซียวอยู่กับที่ไม่ขยับ
เม่ยเอ๋อร์ทนแล้วทนอีกก็ยังต้องทนต่อไป! ใครบอกให้คนคนนี้อ่อนแอถึงเพียงนี้เพียงเพื่อช่วยคุณหนูใหญ่ของนางเล่า หากนางจะตีเขาตอนนี้ก็ออกจะทำไม่ลงเสียหน่อย
แต่ทว่าเยี่ยนอวี๋ไม่ได้สนใจแล้ว “แล้วแต่เขาเถิด”
“หึ!” เม่ยเอ๋อร์แค่นเสียงไปเสียงหนึ่ง ทั้งยังจ้องมองต้าซือมิ่งต่อไป
แต่เยี่ยนอวี๋หาได้ลดละ ‘ความพยายาม’ นางเพียงแค่เย็บต่อไปอย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่สนใจต้าซือมิ่งผู้น่ารำคาญอีก จนกระทั่งก่อนที่จะเสร็จภารกิจถึงได้อัญเชิญร่างผนึกมา
แมงมุมมนุษย์ที่แปลงกายแล้วปรากฏตัวอยู่ข้างกายเยี่ยนอวี๋อีกครั้ง “อึก…อึก…”
“ประเดี๋ยวต้องการให้เจ้าช่วยเหลือเสี่ยวอิง อย่าปล่อยให้พลังที่ขัดขวางมันเข้ามาได้ เจ้าทำได้หรือไม่” เยี่ยนอวี๋ค่อยๆ กล่าว เพื่อให้เวลาคิดทบทวนแก่ร่างผนึก
ในฐานะร่างวิญญาณที่สร้างขึ้นจากผนึกแล้ว แม้นแมงมุมมนุษย์จะไม่สามารถเปิดผนึกได้ด้วยตนเอง แต่มันก็มีพลังควบคุมพร้อมสำหรับทั้งผนึกได้เช่นกัน พลังของอิงหลงอาวุโสจะเข้ามา หากมันไม่ร่วมมือด้วย เยี่ยนอวี๋เองก็ลำบาก
“…อึก” แมงมุมมนุษย์ที่คิดทบทวนไปครู่หนึ่งพยักหน้า แสดงออกว่าเข้าใจในความหมายของเยี่ยนอวี๋แล้ว ทั้งยัง ‘อึก’ ไปสองสามครั้งบ่งบอกว่ามันรู้จัก ‘เสี่ยวอิง’
“เจ้ารู้จักมันอย่างนั้นหรือ” เยี่ยนอวี๋ตกใจเล็กน้อย เพราะตั้งแต่ที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของนางมาถึงที่นี่สติก็ไม่ครบถ้วนแล้ว ฉะนั้นทั้งสองน่าจะไม่เคยพูดคุยกันมาก่อน
แต่แมงมุมมนุษย์กลับตอบกลับด้วยเสียง ‘อึกอึก’ มันเคยลองชำระล้างให้กับเสี่ยวอิง แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะตอนที่เสี่ยวอิงมาถึงมีจิตวิญญาณไม่ครบ และถูกคนดึงดูดไปส่วนหนึ่ง การรับรู้จึงแปรปรวนอย่างมาก
“ข้าเข้าใจแล้ว” เยี่ยนอวี๋รู้ดีว่าจิตวิญญาณของผู้ใต้บังคับบัญชาที่ถูกดึงดูดไปนั้น ถูกใส่เข้าไปใน ‘ไข่’ ใบนั้นแล้ว น่าเสียดายตอนที่นางเพิ่งพบกับผู้ใต้บังคับบัญชา ยังไม่สามารถรับรู้ได้ว่าจิตวิญญาณของมันไม่ครบ
คิดไปคิดมาน่าจะเพราะหลังจากผ่านมาหลายปี ส่วนที่ผู้ใต้บังคับบัญชาถูกดึงดูดไปนั้นได้ฟื้นฟูด้วยตัวเองแล้ว ดังนั้นนางจึงสัมผัสไม่ได้
บัดนี้…
เยี่ยนอวี๋ที่เย็บเข็มสุดท้ายเสร็จก็ได้สั่งให้แมงมุมมนุษย์ไปเรียกอิงหลงอาวุโสออกมา “ไปเถิด ไปเรียกเสี่ยวอิงมาให้ข้าที ข้าจะฟื้นฟูมันให้สมบูรณ์”
แมงมุมมนุษย์หายตัวไปในทันที จากนั้น ‘มัน’ ที่กลายร่างขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือก็ไปปรากฏตัวอยู่หน้าปีกขนาดยักษ์ที่สร้างมาจากอิงหลงอาวุโสนี้แล้ว
อิงหลงอาวุโสตกใจเป็นธรรมดา มันมองแมงมุมมนุษย์ตัวนี้อย่างตั้งใจ “เจ้า…”
“อึก” แมงมุมมนุษย์ที่ส่งเสียงอสูรออกมา ได้ปล่อยแสงหลากสีไปทางอิงหลงอาวุโสแล้ว ไม่ได้สาธยายกับอิงหลงอาวุโสต่อไป เพราะมันพูดไม่ได้อยู่แล้ว
ดังนั้นผู้คนในสำนักจวินจื่อที่ตกใจเช่นเดียวกันก็รีบชักกระบี่ออกมา! แม้นว่าพวกเขาจะไม่ได้กลิ่นอายอันตรายจากตัวแมงมุมแปลกประหลาดตัวนี้ก็ตาม แต่ ‘สัตว์ประหลาด’ นี้ปรากฏตัวออกมากะทันหัน ทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะระวังตัว
โชคดีที่อิงหลงอาวุโสได้สติกลับมาแล้วจึงได้กล่าวว่า “ไม่ต้องตกใจไป มันเป็นวิญญาณผนึก ข้าไปประเดี๋ยวก็กลับมา”
“ศิษย์พี่…” ผู้แข็งแกร่งสำนักจวินจื่อที่อยากจะถามอะไรบางอย่าง ไม่มีโอกาสได้ถามแล้ว
ปีกขนาดยักษ์ของอิงหลงอาวุโสได้ถูก ‘ขนย้าย’ ไปแล้ว!
ในขณะเดียวกัน…
ชิ้งงง!