ปังงง!
สายฟ้าอันน่าสะพรึงกลัวผ่ากลางอากาศจนมีเปลวควันอย่างเห็นได้ชัด กลิ่นเหม็นไหม้ตลบอบอวลไปทั่วอากาศ ทำเอาคนบนฝั่งแม่น้ำเย่ว์หมิงตกใจ
เฉาหมิงเฉิงเองก็ตกใจจนเหงื่อตก เพราะสายฟ้านั้นดูเหมือนผ่าลงเหนือศีรษะของเขาเท่านั้น ทั้งยังเป็นช่วงที่เขาเพิ่งจะกล่าวจบเท่านั้นก็ระเบิดออกทันที
แต่อินสวินอี้ไม่ได้สังเกต แม่น้ำเย่ว์หมิงดูเหมือนสั่นไปครู่หนึ่ง?! นี่มัน…
อินสวินอี้ที่เชื่อว่าตนมองไม่ผิดแน่สีหน้าขรึมลง พร้อมกับหันศีรษะตะโกนว่า “แม่ทัพหนาน!”
“อยู่ที่นี่แล้ว!” หนานเฉิงทง…ผู้บัญชาการค่ายทหารหนานซานแห่งโยวตูขานตอบเสียงดัง
อินสวินอี้ที่คิดถึงความเป็นไปได้อีกหนึ่งอย่างก็ไม่คิดจะเสวนากับเฉาหมิงเฉิงต่อ แต่เปลี่ยนเป็นจบบทสนทนาทันที “ถ่ายทอดคำสั่ง กองทัพน้ำ กองทัพดิน กองทัพไม้ รวมตัวทั้งสามกองทัพ!”
หนานเฉิงทงแม่ทัพอาวุโสตกใจ แล้วรีบตอบกลับทันที “รับทราบขอรับ”
เฉาหมิงเฉิงกริ้วโกรธ “โยวตูอ๋อง! ท่านคิดจะทำอะไร!”
แต่ทว่าหนานเฉิงทงแม่ทัพอาวุโสแห่งเมืองโยวตูนั้นออกเดินทางไวนัก ไม่สนใจเฉาหมิงเฉิงเลยสักนิด แต่ทว่าผู้แข็งแกร่งที่เฉาหมิงเฉิงพามาด้วยทั้งสี่คนก็หายตัวไปทางหนานเฉิงทงแล้วเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าจะห้ามคนเอาไว้
เพียงแต่น่าเสียดาย…
“ไสหัวไปซะ!”
อินสวินอี้ระเบิดพลังขึ้นมากะทันหัน เขาฟาดฝ่ามือลงไปหนึ่งฝ่ามือ วิหคทมิฬสีแดงเพลิงปรากฏขึ้นท่ามกลางอากาศ พร้อมกับห่อตัวหนานเฉิงทงไปโดยตรง
ผู้แข็งแกร่งทั้งสี่จากราชสำนักตามไม่ทัน…
“โยวตูอ๋อง!” เฉาหมิงเฉิงสีหน้าไม่ดี
อินสวินอี้เปลี่ยนจากความโอ้อวดเป็นกล่าวอย่างไม่กริ้วโกรธปนการข่มขู่ “ใต้เท้าเฉา ในเมื่อพูดไว้แล้วว่าพรุ่งนี้ค่อยเดินทาง เจ้าเองก็อย่าได้คิดวุ่นวายกับข้า มิเช่นนั้นจะเป็นขันทีพิเศษอย่างเจ้าที่จะทำให้กษัตริย์เมืองโยวตูองค์ปัจจุบันต้องก่อกบฏ!”
“เจ้า…” สีหน้าเฉาหมิงเฉิงเปลี่ยนสีเขียวเป็นดำ
เฉินฉุนเฟิงกลับกล่าวว่า “ใต้เท้าเฉา ไม่แปลกที่ท่านจะปฏิบัติตามคำสั่ง โยวตูอ๋องเองก็เพียงแค่เฝ้าแม่น้ำเย่ว์หมิงตามคำสั่งของต้าซือมิ่งเท่านั้น เพราะแม่น้ำเย่ว์หมิงในตอนนี้มีการเคลื่อนไหว คงไม่ผิดที่โยวตูอ๋องจะร้อนใจหรอกกระมัง”
“ใช่ขอรับ!” ชิงอ้ายเฟิงเองก็กัดฟันเห็นด้วย “ใต้เท้าเฉา ฝ่าบาททรงมีกลยุทธ์มากมายไม่มีผู้ใดอาจเทียบได้ แต่น้ำท่วมเมืองโยวตูนั้นเปลี่ยนแปลงนับครั้งไม่ถ้วน ขณะที่โยวตูอ๋องต่อต้านพระบัญชานั้นก็เพื่อมั่นใจว่าต้าซือมิ่งและปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนจะปลอดภัย จึงทำการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยคงไม่เป็นไรหรอกกระมัง”
เฉิงคั่วได้ยินดังนั้นก็ไม่อาจพูดแทรกได้ เพราะเขาเป็นคนของฝ่าบาท กุมอำนาจทหารของราชสำนัก ต้องไม่พูดแทนเมืองโยวตูและต้าซือมิ่งในตอนนี้เป็นอันขาด
แต่เฉาหมิงเฉิงที่สีหน้าดำเขียวถึงขีดสุด แม้นเขามีใจอยากจะขัดขวางอินสวินอี้ก็ตาม แต่เขาก็ต้องนึกถึงคุณหนูใหญ่เยี่ยนที่ฝ่าบาทนึกถึงตลอดเวลาด้วย ดังนั้น…
“ก็ใช่! ในเมื่อเซ่าซือเฉินและหัวหน้าสำนักชิงเหลียนรู้สึกว่าไม่มีปัญหาอันใด ข้าเองก็ไม่อาจขัดขวางได้ แต่ทว่าเมื่อตะวันขึ้นในวันรุ่งขึ้น โยวตูอ๋อง! ท่านต้องตามข้ากลับเมืองหลวง” เฉาหมิงเฉิงเปลี่ยนคำพูด
“ตามที่เจ้าต้องการ” อินสวินอี้ตอบกลับเงียบขรึม แต่สายตายังคงอยู่ที่แม่น้ำเย่ว์หมิง นัยน์ตาประกายด้วยแสงสีแดง ความรู้สึกของเขาครั้งนี้ไม่ดีจริงๆ!
ความจริงก็ยืนยันแล้วว่า ความรู้สึกแรกของอินสวินอี้นั้นแม่นยำมาก! จากที่เขาสังเกตมาเห็นได้ชัดว่าแม่น้ำเย่ว์หมิงมีระลอกคลื่นที่ผิดปกติจริง เป็นระลอกคลื่นที่สงบนิ่งมากเกินไป
นี่ทำให้เฉินฉุนเฟิงที่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกันรู้สึกกังวล เพราะระลอกคลื่นเหล่านี้ช่างลึกลับเหลือเกิน ทั้งยังไวมากอีกด้วย เพียงพริบตาเดียวก็เต็มไปทั่วทั้งแม่น้ำแล้ว!
“นี่…นี่มันคืออะไร” เฉิงคั่วมึนงง
อินสวินอี้ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่เขารู้ว่าแม่น้ำเย่ว์หมิงไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน! ดังนั้นเขาจึงตะโกน “หนานเฉิงทง! เร่งมือเดี๋ยวนี้! เร็วเข้า…”
ชิ้งงง!
ชิ้งๆ…!
ราวกับว่าเพื่อยืนยันความไม่สบายใจของอินสวินอี้ มีอักษรโบราณลอยขึ้นจากแม่น้ำเย่ว์หมิง
ระลอกคลื่นที่สงบนิ่งมากเหล่านั้น กลายเป็นอักษรโบราณทีละนิดๆ แต่ด้านใต้อักษรเป็นฉากมืดไร้แสงสะท้อนของดวงดาวและดวงจันทร์ที่ทำให้ผู้คนไม่สามารถมองทะลุได้!
นี่ไม่ใช่สภาพที่แม่น้ำในตอนค่ำควรจะมี! ดังนั้นกองกำลังเมืองโยวตูหลายนายที่อยู่ด้านหน้าจึงขว้างหอกของพวกเขาลงไป เพื่อทดสอบดูว่าคืออะไรกันแน่
หอกทุกเล่มตรงหน้าทุกคนได้กลายเป็นควันสีดำทันทีที่ตกลงไปในแม่น้ำ!
“นี่มัน…มันคือ…”
ชิงอ้ายเฟิงกำลังจะถามว่านี่คืออะไร ก็มีกำแพงอักษรโบราณสีเขียวเข้ม ‘ผุดขึ้น’ จากแม่น้ำเย่ว์หมิง แทนที่คลื่นมหึมาก่อนหน้านั้น ค่อยๆ กลายเป็นกำแพงอักษรโบราณสีดำบริสุทธิ์
“…”
ทั้งกองทัพราชสำนักที่ค่อยๆ ถอยหลังกลับ กองทัพตำหนักซือมิ่ง ศิษย์สำนักชิงเหลียนต่างก็ตกใจกับฉากนี้! แม้แต่กองทัพเหล็กของเมืองโยวตูเองก็พากันชักกระบี่ออกมาเช่นกัน
ส่วนอินสวินอี้นั้นเขาเดาได้แล้วว่าคืออะไร “ทุกกองทัพโปรดระวัง! นี่เป็นสิ่งมีชีวิต!” นี่ต้องเป็นสัตว์ประหลาดที่ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนพูดถึงเป็นแน่ สัตว์ประหลาดที่อยู่ใต้ดินเมืองโยวตู ที่มีแม่น้ำเย่ว์หมิงเป็นลำตัวแน่ๆ
“โยวตูอ๋อง! ท่านรู้ว่ามันคืออะไรอย่างนั้นหรือ” เฉินฉุนเฟิงถามอย่างตกใจ เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายและกลิ่นอายอันน่าหวาดกลัวจากฉากดำที่สูงขึ้นเรื่อยๆ นี้ได้
เกรงว่า…
เกรงว่านี่จะน่ากลัวกว่าน้ำท่วมเสียอีก!
ดังนั้น…
ชิ้งงง!
แสงกระบี่หนึ่งลอยมาจากสำนักจวินจื่อ
ประมุขสำนักจวินจื่อ…จวินอั้นเทียนมาแล้ว
ชิ้งงง!
ศิษย์สำนักจวินจื่อที่อยู่บนฝั่งแม่น้ำเย่ว์หมิงพากันชักกระบี่ออกมา!
และเขตทางตอนใต้ของเมืองโยวตู กองทัพคำรามทั้งสามก็ได้รวมตัวกันแล้วเดินทางมาที่นี่
“…”
บนฝั่งของแม่น้ำเย่ว์หมิงกลับเงียบสุดขีด ทุกคนต่างกลั้นหายใจไว้ และจ้องไปที่ฉากมืดที่สูงขึ้นเรื่อยๆ นั่น รอให้ ‘มัน’ เผยธาตุแท้ออกมา
แต่ทว่ารอจนทั้งสามกองทัพรวมตัวกันเสร็จสิ้น หนานเฉิงทงกลับมาข้างกายอินสวินอี้แล้ว ฉากมืดนี้ก็ยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับจะพุ่งสูงเทียมฟ้า แทบจะสูงกว่าฟ้าด้วยซ้ำ
แต่ในกระบวนการทั้งหมดนี้ แม่น้ำเย่ว์หมิงเงียบมาก เงียบจนไม่มีแม้แต่เสียงหยดน้ำเลย ราวกับว่าแม่น้ำเย่ว์หมิงไม่ใช่แม่น้ำ ด้านในไม่มีน้ำเลยอย่างไรอย่างนั้น
แต่ทว่าผู้คนในที่นี้ที่มีประสบการณ์มากมายแล้วนั้นรู้ดีว่าน้ำในแม่น้ำเย่ว์หมิงนั้นไม่น้อยเลย! ดังนั้นพวกเขารู้ดีว่าการที่มันเงียบมากเท่าไรก็ยิ่งอันตรายมากเท่านั้น
…อึก
ผู้คนมากมายที่จิตใจไม่มั่นคง ต่างก็กลืนน้ำลายเพื่อบรรเทาความกดดัน ทันใดนั้นเอง…
ชิ้งงง!
เมื่อเสียงน้ำดังขึ้น และฉากมืดนั้นได้ ‘หยุดลง’ ก็มีคนมากมายที่ตกใจจนล้มลงกับพื้นไปและอ้าปากกว้างที่สุดแต่กลับหายใจไร้เสียง “…”
ชิ้งงง!
ชิ้งๆ…!
ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดของกองทัพโยวตูต่างก็ส่งตัวทหารยอดฝีมือออกมา ตั้งทัพไว้ก่อนแล้ว ส่งพลังทั้งหมดไว้สูงสุด เพียงแต่น่าเสียดาย…
วิ้งงง!
เถาวัลย์ขนาดใหญ่ที่ข้ามแม่น้ำเย่ว์หมิงมาก มันสั่นคลอนเล็กน้อย กลิ่นอายจากอักษรโบราณก็สะท้านออกมาทำให้กองทัพโยวตูในตรงนั้นกระอักเลือดทันที
สีหน้าอินสวินอี้แปรเปลี่ยน ร่างกายทั้งหมดถูกเผาไหม้ด้วยเปลวเพลิงกระหน่ำ ประมุขสำนักจวินจื่อที่ลอยกลางอากาศมาก็ฉายแสงสีเงินออกมาทั่วทั้งตัว ราวกับกระบี่ยักษ์ที่ออกมาจากตัวเขา
ดูเหมือนในขณะเดียวกัน…
วิ้งงง!
ภาพม้วนขุนเขาและท้องทะเลที่สัมผัสได้ถึงความชั่วร้ายปรากฏขึ้นอีกครั้ง
มันเหมือนดั่งดวงดาวที่ฉายแสงยามค่ำคืน ส่องสว่างไปทั่วเมืองโยวตู กระจายกลิ่นอายโบราณที่แข็งแกร่งและลึกลับ ทำให้กองทัพเมืองโยวตูกลับมามีสมาธิอีกครั้ง
ทำให้อินสวินอี้ตกใจจนตะโกนขึ้น “ทุกกองทัพรวมมือกับภาพม้วน! กำจัดสัตว์ประหลาดและปกป้องเมืองโยวตู!”
“ขอรับ…”
กองทัพเมืองโยวตูที่แม้นว่าจะบาดเจ็บ แต่ก็ไม่มีใครยอมแพ้ต่างรวมพลังส่งไปยังภาพม้วนขุนเขาและท้องทะเลที่อยู่บนท้องฟ้า “ปกป้องเมืองโยวตู!”
“ปกป้องเมืองโยวตู! ปกป้องเมืองโยวตู…”
คำขวัญที่ตะโกนออกไปพร้อมกัน! สั่นสะท้านไปทั่วทั้งเมืองโยวตู ทั้งยังเป็นกำลังใจให้กับกองทัพเมืองโยวตูด้วย ทำให้กองทัพราชสำนักที่มองดูอยู่รู้สึกขนลุกด้วย
ทันใดนั้นเอง…
ชิ้งงง!
เถาวัลย์ยักษ์ที่ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า กลับทะยานขึ้นไปสู่ภาพม้วนที่อยู่บนท้องฟ้า! ไม่หวาดกลัวในกลิ่นอายลึกลับที่ภาพม้วนนั่นแผ่ซ่านออกมาเลย
เอื๊อก!
วิหคทมิฬยักษ์ที่อินสวินอี้อัญเชิญมา ฉีกไปทางเถาวัลย์ขนาดยักษ์ในขณะนี้กลายเป็นเพลิงดอกไม้ไฟเต็มท้องฟ้า
“กระบี่ จงมา!”
จวินอั้นเทียนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายกระบี่ เรียกกระบี่ยักษ์ทะลุผ่านเมืองทั้งเมืองมาแทงเข้าไปยังเถาวัลย์ขนาดใหญ่นี้
ปังงง!
แคว่ก!
แก่นวิญญาณอสูรวิหคทมิฬในตำนาน!
รวมถึงจวินจื่อเจี้ยน…ที่ชื่อขนานนามสามารถฆ่าตำนานได้ของสำนักจวินจื่อ!
ขณะนั้นเอง…ปล่อยพลังของพวกมันออกมาให้โลกรู้ว่ามันแข็งแกร่งมากเพียงใด! ท้องฟ้าถูกแยกออกเป็นรอยต่อและรอยกระบี่เส้นหนึ่ง
ทันใดนั้นเอง…
ปังงง!
เถาวัลย์ขนาดใหญ่นี้สั่นสะท้านพร้อมกันครั้งหนึ่ง ทำให้การโจมตีเหล่านี้ถูกทำลายจนหมด แสงยันต์ที่เปล่งประกายออกมาจากเรือนร่างของมัน ราวกับเป็นหลุมดำลึกล้ำที่แทบจะสามารถกลืนกินการโจมตีทั้งหมดได้
ดังนั้นไม่ว่าอินสวินอี้และจวินอั้นเทียนจะใช้พลังทั้งหมดที่มีก็ตาม แต่เถาวัลย์ขนาดใหญ่นี้ก็ยังไม่ถูกขัดขวาง! มันฟาดลงไปบนภาพม้วนอย่างรุนแรง ดูท่าแล้วคิดจะทุบตีภาพม้วนให้แหลกสลายอย่างไรอย่างนั้น
“ให้ตายเถอะ!”
สีหน้าอินสวินอี้ซีดเผือด และลอยขึ้นกลางอากาศ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการเขย่าเถาวัลย์นั่นด้วยพลังกายของเขา แต่ทว่ามันกลับไม่ให้โอกาสเขาได้ลงมือเลย!
เถาวัลย์ขนาดใหญ่ที่ดูแล้วขยับช้ามาก แต่ความจริงไวอย่างกับโกหกได้พุ่งเข้าไปทางภาพม้วนขุนเขาและท้องทะเลอย่างรุนแรง ปังงง!
ทันใดนั้นเอง…
…