สามเดือนต่อมา
เมืองหลวงตี้ชิว
“ข่าวด่วน! ข่าวด่วน!ข่าวใหม่เมืองหลวง บุตรีคนโตตระกูลกู้แห่งสำนักเหยาไถเซียน! เดิมคือเซ่าซือกู้แห่งตำหนักซือมิ่ง จะแต่งเข้าราชสำนักกลายเป็นราชินีคนใหม่แล้ว! ผ่านไปผ่านมาอย่าได้พลาด รับข่าวใหม่เมืองหลวงสักฉบับไหมจ๊ะ! อยากเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของเมืองหลวง เจ้าควรมีมัน!”
ฟิ้ว!
ชาวบ้านในเมืองหลวงได้ยินเช่นนี้ต่างก็รีบวิ่งเข้าไป “ข้าขอหนึ่งฉบับ!”
“ข้าด้วย! เร็วเข้า!”
“คาดไม่ถึงเลยว่าเซ่าซือกู้จะแต่งเข้าราชสำนัก กลายเป็นผู้หญิงของฝ่าบาทได้ สวรรค์! นางเป็นหญิงในฝันข้าเชียวนะ ข้าหัวใจแตกสลายแล้ว สวรรค์เอ๋ยยย…”
“ข่าวด่วน! ข่าวด่วน!เรื่องแปลกในต้าซย่า ข่าวเด็ดจะมาแล้ว! ที่น่าตกใจคือ ชีหลางตระกูลกู้แห่งสำนักเหยาไถเซียนตกหลุมรักอย่างสุดซึ้งจึงไปสู่ขอที่สำนักชางอู๋ ต้องการสู่ขอปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนที่เป็นหญิงงามอาภัพ แล้วจะจัดพิธีแต่งงานผี!”
“ให้ตายเถอะ!”
“มารดามันเถอะ! เอามาให้ข้าหนึ่งฉบับ นี่มันเป็นความรักแบบไหนกันเชียว! ข้าจะดู! ให้ข้าหนึ่งฉบับ!” ชาวบ้านเมืองหลวงต่างก็ทิ้งข่าวใหม่แห่งเมืองหลวง และรีบไปซื้อเรื่องแปลกในต้าซย่าทันที
“อย่ารีบร้อนไปๆ มีให้ทุกคนแน่นอน!” คนขายหนังสือเรื่องแปลกในต้าซย่ายิ้มร่าจนเห็นฟันเหลืองๆ นั่นเปล่งประกาย พูดในใจเรื่องชาวบ้านนี่มันอยู่ในเลือดคนเราจริงๆ ใครๆ ก็ชอบ
ฮองเฮาในต้าซย่าอะไรนั่นจะสู้ความรักของทวยเทพได้หรือ
ดังนั้นฮองเฮาองค์ใหม่…กู้หยวนซู จึงเป็นคนที่สองที่จะเป็นที่พูดถึงในเมืองหลวงเท่านั้น
แต่ทว่าสำนักเหยาไถเซียนดังแล้วจริงๆ!
“สำนักเหยาไถเซียนเลี้ยงดูลูกสาวที่ดีคนหนึ่ง” หยางเฟิ่งหยวนอัครเสนาบดีรู้สึกอับอายมาก
เฉิงคั่วที่คุกเข่าตรงหน้าหยางเฟิ่งหยวนกล่าว “ท่านปู่จะถอนหายใจไปทำไมกัน นายน้อยมีพรสวรรค์อยากมาก สามารถอัญเชิญวิญญาณอสูรในตำนานอย่างซีหวังหมู่ได้”
“แต่ก็ช้าไปก้าวหนึ่ง” หยางเฟิ่งหยวนถอนหายใจ หากเป็นปกติ ช้าไปก้าวหนึ่งก็ไม่เป็นไร แต่สำนักคุนอู๋ เพราะสงครามกับชางอู๋ครั้งนั้น ชื่อเสียงไม่ดีอย่างที่เป็นมาก่อนและต้องการข่าวที่น่าตื่นเต้น
แต่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้…
ท้ายที่สุดแล้ว เซ่าเหิงเจ้าเด็กนั่นก็ไม่อาจทนต่อไปได้
แต่ทว่าเฉิงคั่วที่ได้ยินอะไรมากลับถามขึ้น “ได้ยินมาว่าที่นายน้อยจะช้ากว่าก้าวหนึ่งนั้น เกี่ยวข้องกับนายน้อยอินอย่างนั้นหรือ”
“ใช่แล้ว ไอ้คนชั่วนั่นวางยาเซ่าเหิง!” หยางเฟิ่งหยวนคิดถึงตรงนี้ คิดอยากฆ่าโยวตูอ๋องที่ถูกกักบริเวณอยู่ในเมืองหลวงหลายครั้ง แต่ฝ่ายหลังก็เป็นคนมีฝีมือ ดังนั้นเขาจึงได้รับการว่าจ้างจากสำนักศึกษาผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ให้ไปเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่นั่นชั่วคราว
สำนักศึกษาผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งต้าซย่ามาโดยตลอด แม้นจะเป็นเหล่าอัจฉริยะทั้งเจ็ดสำนักก็ตาม ต่างก็เคยศึกษาที่สำนักศึกษานี้มาก่อน ทั้งยังมีชื่อเสียงในการฝึกฌานอย่างมากด้วย
“เช่นนั้นลูกชายข้า…” ในที่สุดเฉิงคั่วก็ได้เปลี่ยนหัวข้อมายังลูกชายของตัวเองแล้ว “เขาไม่ติดต่อกับทางบ้านมาครึ่งปีแล้ว ข้าเป็นห่วงเขานัก”
หยางเฟิ่งหยวนถอนหายใจอีกครั้ง “ไม่ปกปิดเจ้าแล้ว ศิษย์สำนักที่อยู่ในต้าฮวงพร้อมกับลิ่งหลางนั้น ล้วนไม่มีข่าวคราวกลับมาเลย สำนักข้าสงสัยว่าพวกเขาคงพบเจอเรื่องไม่ดีเข้าแล้ว”
“อะไรนะ!” เฉิงคั่วที่เหมือนถูกสายฟ้าฟาดสีหน้าไม่ดี “ข้ามีลูกชายแค่คนเดียวเท่านั้น”
“ขออภัย” หยางเฟิ่งหยวนเองก็เสียใจมาก “ต้าฮวงนั้นอันตรายอยู่แล้ว เซ่าเหิงเองก็ถูกวางยาที่นั่น ต้องโทษสำนักข้าที่ไม่เตรียมพร้อมและไม่ระวังตัว”
“…” เฉิงคั่วสนทนาต่อไปไม่ได้อีก เขาคาดไม่ถึงเลยว่าหลายปีมานี้! เขาทำตัวเป็นวัวเป็นม้าให้กับสำนักคุนอู๋ แต่กลับได้รับผลลัพธ์ที่ลูกชายเพียงคนเดียวตายไม่พบศพเสียอย่างนั้น?
“แม่ทัพเฉิง…”
“ขออภัย ข้าขอตัวกลับตำหนักก่อน ไว้พบกันใหม่” เฉิงคั่วไม่อาจทำตัวเป็นงูกับหยางเฟิ่งหยวนได้อีกต่อไป หลังจากเดินออกจากจวนอัครเสนาบดีเขาแทบจะกระอักเลือดออกมา! ลูกเอ๋ย…
เฉิงคั่วไม่อาจหายใจได้ ในขณะนั้นเองคนเดินเท้าที่ไม่มีตาคนหนึ่งชนเข้ากับเขา! เขาโกรธจนอยากจะฆ่าคน แต่ในมือกลับมีกระดาษยัดเข้ามาแผ่นหนึ่ง
“เรียนแม่ทัพเฉิง ข้ารู้การตายที่แท้จริงของลิ่งหลาง หากต้องการทราบรายละเอียด พบกันที่สำนักเหยาไถเซียน”
…นี่เป็นสิ่งที่เขียนไว้บนกระดาษ
ส่วน ‘ข้า’ ในที่นี้ เห็นได้ชัดว่าต้องเป็นฮองเฮาองค์ใหม่…กู้หยวนซูแน่นอน
หัวใจของเฉิงคั่วราวกับกระจก รู้ว่าสำนักเหยาไถเซียนส่งหมายมา เพียงแค่อยากให้เขาช่วยสำนักเหยาไถเซียนเท่านั้น แต่เขาอยากรู้การตายที่แท้จริงของลูกชายคนเดียวของเขาจริงๆ!
ดังนั้น เฉิงคั่วจึงไปที่สำนักเหยาไถเซียน
…
ขณะเดียวกัน
ณ สำนักเหยาไถเซียน
“นางตายแล้ว?”
กู้หยวนหมิงที่เพิ่งออกมาไม่เชื่อข่าวลือนี้ “นางไม่มีทางตายแน่นอน!” นางเพิ่งได้รับมรดกจากปฐมราชินีหยวนชู จะตายไปง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร!
“นี่ไม่สำคัญ” กู้หยวนซูที่ออกจากวังด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้นดูเฉยเมย “ที่สำคัญคือ นางจะต้องแต่งงานกับน้องเจ็ด ไม่ว่านางจะเป็นหรือจะตายก็ตาม”
“ถือสิทธิ์อะไร” กู้หยวนหมิงไม่เข้าใจ
และกู้หยวนเหิงที่ได้ยินอยู่ข้างๆ จึงทนไม่ไหว “พี่ใหญ่…ท่านหมายความว่าอะไร หรือว่าท่านคิดจะแย่งน้องจื่ออวี๋ไปจากข้าอย่างนั้นหรือ นั่นเป็นภรรยาของน้องท่านนะ!”
“หุบปาก!” กู้หยวนหมิงหน้าซีด บนใบหน้าที่ราวกับหยกของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ “พวกเจ้าถามความเห็นจากเยี่ยนจื่ออวี๋แล้วหรือ”
“ไม่สำคัญ ข้าสั่งลงไป นางและสำนักชางอู๋ต้องตกลงสถานเดียว” กู้หยวนซูเย็นชา เผยให้เห็นความชั่วร้ายที่เยือกเย็นผ่านเครื่องแต่งกายของนาง
“ใช่แล้ว! ขอบพระทัยเหนียงเหนียง” กู้หยวนเหิงโล่งใจจนต้องขอบใจพี่สาวของเขา “ข้าและจื่ออวี๋คือพรหมลิขิตของกัน ไม่ว่าอย่างไร…ย่อมต้องเป็นสามีภรรยากันแน่นอน”
“เจ้าพูดถูก พวกเจ้าเป็นพรหมลิขิตกันจริงๆ นางต้องเป็นภรรยาของเจ้าแน่” กู้หยวนซูพยักหน้าอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “ข้าสั่งลงไปแล้ว ทางสำนักชางอู๋เองก็น่าจะได้รับแล้ว สำนักชางอู๋ต้องเข้าวังเพื่อเจรจาเรื่องสู่ขอ น้องเจ็ดเจ้าเตรียมตัวให้พร้อม”
“เหนียงเหนียงโปรดวางพระทัย!” กู้หยวนเหิงตื่นเต้น
“พวกเจ้าบ้าไปแล้วหรือ!” กู้หยวนหมิงจ้องม้องพี่สาวและน้องชายของตน ไม่อาจเข้าใจได้ว่าพวกเขาคิดจะทำอะไรกันแน่
ในที่สุดกู้ปิ่งคุน…ประมุขสำนักเหยาไถเซียนก็ได้พูดขึ้น “ต้าหลาง เจ้าจะยุ่งกับเรื่องนี้ทำไมเล่า กลับไปเก็บตัวต่อไป พิธีแต่งตั้งเจ็ดสำนักใกล้จะถึงแล้ว พี่สาวของเจ้าแต่งเข้าราชสำนักแล้ว ไม่สามารถไปแทนสำนักเหยาไถเซียนของเราได้ เจ้าต้องเป็นคนไปแทน”
“ท่านพ่อ ท่านเองก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของพี่หญิงและชีหลางหรือ” กู้หยวนหมิงอยากจะพูดจริงๆ ว่าเยี่ยนจื่ออวี๋ได้รับสืบทอดมรดกจากปฐมราชินีหยวนชูนะ! พวกเจ้าไม่ควรไปยุ่งกับนาง
แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่เยี่ยนจื่ออวี๋ยังไม่ได้เผยตัวตนของนางออกมา ในฐานะเพื่อน ไม่ควรเปิดเผยก่อน เขาเก็บอาการไว้อยู่
“ในความเป็นจริง พ่อได้วางแผนพิธีการสู่ขอไว้แล้ว การสู่ขอของสำนักเหยาไถเซียนของเราควรจะถึงสำนักชางอู๋ ทุกอย่างเรียบร้อย” กู้หยวนเหิงจ้องมองพี่ใหญ่ด้วยความตัดเตือน
กู้หยวนหมิง “…”
เขาหมดคำจะพูดจริงๆ!
แต่กู้ปิ่งคุนก็ได้กล่าวขึ้นอีกครั้ง “ต้าหลาง เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้ เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่หญิงและชีหลางเถอะ”
กู้หยวนหมิงตบพร้อมกับลุกขึ้น “เดิมข้าเองก็ไม่อยากยุ่งด้วยหรอก! แต่ท่านพ่อไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ดูทำร้ายตนเองไปหน่อยหรือ ไม่พูดถึงเรื่องอื่น เพียงแค่สำนักคุนอู๋เพิ่งจะสู้กับสำนักชางอู๋ไป แล้วผลสรุปเป็นอย่างไรเล่า
แต่ตอนนี้ท่านกลับเห็นด้วยกับพี่หญิงและชีหลางให้ไปกดดันสำนักชางอู๋ หรือว่าท่านคิดว่าสำนักเหยาไถเซียนของเราแข็งแกร่งกว่าสำนักคุนอู๋แล้ว! เพียงแค่เรามีฮองเฮาอย่างนั้นหรือ”
“พอแล้ว!” กู้ปิ่งคุนกริ้วโกรธ “ถอยไปซะ!”
“ท่านพ่อ…”
“ถอยไปซะ!” กู้ปิ่งคุนกวักมือเรียกให้คนสนิทนำตัวลูกชายคนโตของเขาลงไป พร้อมกับหันไปพูดกับลูกสาวคนโตว่า “เจ้าอย่าถือโทษต้าหลางเลย เขาจิตใจดีเกินไป ในตาไม่อาจมีทรายได้เลยแม้แต่นิด”
“เป็นคนเช่นนี้ ไม่เหมาะที่จะเป็นนายน้อยเลย” กู้หยวนซูตัดสินเย็นชา
กู้ปิ่งคุนกลับกล่าวขึ้น “ตอนนี้ก็ยังไม่ได้แต่งตั้ง เรื่องภายในของสำนักเจ้าเองก็อย่าได้เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย ข้ารู้ดี เจ้าเพียงแค่มัดใจฝ่าบาทให้ได้เป็นพอ”
“ข้าทราบดี” กู้หยวนซูตอบเย็นชา ถึงแม้จะไม่ได้ชื่นชอบหยวนคังฮ่องเต้ก็ตาม แต่นางรู้ดีว่ามีเพียงหยวนคังฮ่องเต้เท่านั้นที่สามารถให้ในสิ่งที่นางต้องการได้
เพียงแต่…
กึก!
เมื่อนึกถึงเยี่ยนอวี๋ กู้หยวนซูก็อดไม่ได้ที่จะฉีกเล็บของตนเอง หากไม่ใช่ว่านางไม่ร่วมมือแต่โดยดี! ทั้งยังยั่วสวาทต้าซือมิ่งอีก ทุกอย่างควรเป็นไปตามชาติก่อน นางควรอยู่อย่างสูงส่ง และนังคนชั้นต่ำนั่นควรคุกเข่าขอร้องนาง
หึ!
นังคนชั้นต่ำ!
คนชั้นต่ำก็ควรจะเดินทางเหมือนชาติก่อน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ กู้หยวนซูก็เร่งเร้า “ท่านพ่อต้องจับสำนักชางอู๋ไว้ให้ได้ โดยเฉพาะเยี่ยนจื่ออวี๋นั่น นางต้องแต่งงานกับชีหลาง มิเช่นนั้นต้องเกิดเรื่องไม่ดีแน่”
“วางใจเถิด” กู้ปิ่งคุนมั่นใจในเรื่องนี้ “เด็กนั่นมีตำแหน่งปราชญ์มหาสำนักปลอม เข้าเมืองหลวงไปต้องมีเบื้องหลังอยู่แล้ว หากสำนักชางอู๋ไม่โง่เขลาย่อมต้องมาหาสำนักเหยาไถเซียนแน่นอน”
“เจ้าค่ะ” กู้หยวนซูถึงได้ลุกขึ้น เตรียมตัวไปพบเฉิงคั่ว
กู้หยวนเหิงกลับถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “แล้วซูซู…”
“คนไร้ประโยชน์คนหนึ่ง เจ้าไม่ต้องระลึกถึงหรอก” กู้หยวนซูกล่าวจบก็เดินจากไปพร้อมชุดสีแดงไป
กู้หยวนเหิงไม่กล้าถามถึงเยี่ยนซูซูอีกต่อไป แม้นจะเสียดายบ้างเล็กน้อย แต่เมื่อคิดถึงว่าจะสามารถสู่ขอเยี่ยนจื่ออวี๋ได้นั้น เขาก็ไม่คิดถึงคนพรรค์นั้นอีกเลย
อย่างที่ทุกคนทราบ…
ณ โยวตู
ใต้แม่น้ำเย่ว์หมิง
เยี่ยนอวี๋กำลังมองต้าซือมิ่งบางคนที่กำลังเลี้ยงลูกน้อยอย่างจริงจังอยู่ พร้อมกับถามขึ้น “เจ้าต้องการอะไรกันแน่”