“อ้ะเน้ะ!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่ารีบเออออทันที
อย่าเห็นว่าเขาเป็นแค่เด็กเพราะเจ้าเด็กเจ้าเล่ห์ผู้นี้ฟังรู้เรื่อง เขาจำได้เสมอว่ากู้หยวนเหิงเจ้าคนเลวนั่นเป็นเจ้าคนชั่วช้าที่อยากจะมาเป็นท่านพ่อของเขา
ดังนั้นเขาจะฟ้อง เด็กน้อยใช้มืออ้วนป้อมดึงเสื้อของท่านพ่อพร้อมบอกเล่าออกมาด้วยความโกรธ “อ้ะเน้ะเนะ! อ้ะเน้ะเนะ”
“พ่อรู้” ต้าซือมิ่งสื่อว่าเข้าใจทุกอย่าง “อย่างเขาก็ยังกล้าฝันจะเป็นพ่อของเจ้า อายุยืนเกินไปจริงๆ”
“อ้ะเน้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างคนมีศัตรูร่วมกันทั้งยังร้อง “อ้ะเน้ะเนะ” ด้วยความโกรธด้วย ท่านพ่ออัดเขาเลย!
ต้าซือมิ่งหรงเองก็เข้าใจ “เจ้าต้องช่วยพ่อยืนยันฐานะก่อนแล้วค่อยไปอัดเขา”
“เน้ะ?” คราวนี้เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่เข้าใจแล้ว
ต้าซือมิ่งหรงสอนเจ้าก้อนน้อยทีละขั้นตอน “พอเจอกับท่านตาของเจ้าแล้วต้องช่วยพ่อพูดมากหน่อยรู้ไหม”
“อ้ะเน้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตบหัวโล้นน้อยๆ ของตนสื่อว่าไม่มีปัญหา!
เยี่ยนจื่อเสา “…”
เยี่ยนอวี๋ “…”
อินหลิวเฟิง “…”
และผู้ชมสามคนที่สามทัศนะถูกทำลายนั้น “…” พวกเขา พวกเขาไม่อาจคิดเชื่อมโยงคนตรงหน้ากับต้าซือมิ่งผู้เป็นตำนานได้เลยจริงๆ
ไหนเล่าผู้เปี่ยมด้วยไอเซียนสูงส่ง!
ไหนเล่าผู้หลุดจากโลกโลกีย์!
ไหนเล่าผู้สูงส่งเหนือสวรรค์ชั้นฟ้า?
“เพราะงั้นข้าถึงได้บอกว่าข่าวลือบ้าบอพวกนี้ฆ่าคนให้ตายได้ ใครเชื่อก็โง่แล้ว” อินหลิวเฟิงสบถออกมาเงียบๆ กลับวางกำหนดการเรียบร้อยแล้ว “กูไหน่ไน งั้นท่านกลับไปที่สำนักชางอู๋ก่อน เดี๋ยวข้าจะรอท่านที่นี่แล้วค่อยเข้าเมืองหลวงพร้อมกันดีไหม”
“แล้วพ่อของเจ้า…” เยี่ยนอวี๋ค่อนข้างกังวลใจกับเรื่องอินสวินอี้
แต่ไม่รอให้อินหลิวเฟิงตอบกลับ ต้าซือมิ่งกลับพูดขึ้นมาแล้ว “เขาไม่ตายง่ายๆ หรอกคงจะถูกพาตัวไปที่สำนักนักอัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ของวัง น่าจะทนได้อีกหลายเดือน”
“…” จวินอั้นเทียนเชื่อแล้วจริงๆ ว่าต้าซือมิ่งผู้นี้กับต้าซือมิ่งในตำนานคือคนเดียวกัน
ถึงแม้ว่าอินหลิวเฟิงจะเป็นห่วงบิดาแท้ๆ มาก แต่เขาก็ไม่อาจให้กูไหน่ไนพับเรื่องของตัวเองมาช่วยเหลือตน เขาย่อมต้องพูดว่า “ถูกแล้ว ท่านพ่อของข้ามีความอดทนเป็นอย่างมาก! แต่ว่าพวกเราก็ต้องรีบหน่อยเพราะข้ากลัวว่าฮ่องเต้ใจดำผู้นั้นจะใช้ลูกไม้ต่ำช้าอะไรออกมาอีก”
“อืม” ความจริงแล้วเยี่ยนอวี๋ไม่ได้สนใจเรื่องพระเสาวนีย์อะไรนั่นอยู่แล้วเพราะอย่างไรนางก็คงไม่ยอมแต่งงานกับผู้อื่นเพียงเพราะพระเสาวนีย์ฉบับเดียวแน่ แต่นางเป็นห่วงบิดาเจ้าน้ำตาของนางมากกว่า
เยี่ยนจื่อเสาเองก็เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงออกความเห็นว่า “พวกเรารีบกลับกันหน่อยเถิด”
เยี่ยนอวี๋พยักหน้า เพียงแต่…
เมื่อครู่นางเหลือบไปเห็นต้าซือมิ่งบางคนที่อุ้มเจ้าก้อนน้อยกำลังสลักค่ายกลเคลื่อนเวหาแล้ว
เยี่ยนอวี๋เดินเข้าไปดึงเขาออกมา “ข้าทำเอง” พลังเทพของคนผู้นี้กำลังถดถอย ไม่รู้สถานการณ์ของตนเองบ้างเลยหรือไร?
ต้าซือมิ่งที่ทำตัวตามน้ำยืดกายขึ้นมุมปากก็ยกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติรู้สึกว่าภรรยากำลังทำเพื่อเขาและอยากจะซึมซับความรู้สึกนี้เสียหน่อยจึงอุ้มเจ้าก้อนน้อยยืนอยู่ด้านข้างอย่างเชื่อฟัง
จวินอั้นเทียนที่มองอยู่ตรงนี้แม้ไม่อยากรบกวนแต่ก็จำต้องพูดขึ้นว่า “ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน ต้าซือมิ่ง ห้วงอากาศทั้งโยวตูยังไม่ค่อยเสถียรนักเกรงว่าจะไม่สามารถใช้ค่ายกลเคลื่อนเวหาได้”
“ไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไร”
เยี่ยนอวี๋กับต้าซือมิ่งกล่าวขึ้นพร้อมกัน
เยี่ยนอวี๋ชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาของต้าซือมิ่งบางคนก็โค้งขึ้นมาแล้ว
จวินอั้นเทียน “…”
เอาเถอะเขาไม่เตือนแล้ว ทั้งสองท่านคงมีแผนการอยู่แล้ว
อินหลิวเฟิงเองก็ไม่เอ่ยโน้มน้าวเพียงถามว่า “ว่าไปแล้วต้าซือมิ่งท่านเตรียมตัวพร้อมแล้วหรือยัง?”
“หืม?” ต้าซือมิ่งที่กำลังมองภรรยาพลางคิดว่าพวกเขาช่างใจตรงกันเสียจริงไม่ได้ตอบอินหลิวเฟิงในทันที
อินหลิวเฟิงเองก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรเพียงเอ่ยเตือนว่า “ไปพบพ่อตานี่ พ่อตาในอนาคตของท่านน่ะเป็นคนหัวแข็งคนหนึ่งเลยนะ”
“อย่าพูดเหลวไหล! เอาแต่กุเรื่องไร้สาระ” เยี่ยนจื่อเสารีบตัดบทคำพูดของอินหลิวเฟิงในทันที “จะว่าไปแล้วก่อนหน้านี้เจ้าเองก็เคยอยากจะสู่ขอเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เหมือนกันไม่ใช่หรือ ตอนนี้ตัดใจแล้วหรือ”
อินหลิวเฟิงพลันอยากร้องไห้ขึ้นมาเพิ่งรู้ว่าพี่รองเยี่ยนจื่อเสาเป็นคนร้ายกาจเช่นนี้ สามารถทำให้คนตายอย่างอนาถได้ “ข้าผิดไปแล้ว พี่รอง ไม่สิ พี่รองเสา ข้าน้อยผิดไปแล้ว ต้าซือมิ่ง ข้าน้อยผิดไปแล้ว ตอนนั้นล้วนเป็นเพราะอายุยังน้อยไม่ประสา ลุ่มหลงในความงามไป”
“หึ” เยี่ยนจื่อเสาหัวเราะตามมารยาท แต่กลับยกมือขึ้นตบไหล่ของนายน้อยอิน “พยายามเข้านะ ข้าว่าเจ้าไม่เลวเลย”
อินหลิวเฟิง “…”
เขาอยากร้องไห้แล้วจริงๆ
กลับเป็นเอ้อร์เหมาที่แสดงท่าทีแล้ว “นายน้อยท่านดูสิ ขนาดท่านรองยังสนับสนุนท่านเลย ท่านห้ามขี้ขลาดเด็ดขาด! ข้าน้อยจะช่วยเหลือท่านอย่างสุดความสามารถแน่นอน!”
อินหลิวเฟิง “…”
เขาเตรียมไปกระอักเลือดก่อน
โดยเฉพาะเมื่อรู้สึกถึงสายตาเย็นยะเยือกที่ตวัดมาของต้าซือมิ่งเขาก็ยิ่งอยากกระอักเลือดกว่าเดิม
แต่ละคนล้วนล้วนอยากฆ่าเขาให้ตายรายวัน
โชคดีที่เยี่ยนอวี๋คล่องแคล่วจึงเอ่ยเรียกทุกคนแล้ว “เข้ามา ไปได้แล้ว”
อินหลิวเฟิงรีบน้อมส่งท่านเทพทันที “นายท่านทุกท่าน รีบตามกูไหน่ไนเดินทางไปดีๆ นะ”
“อ้ะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเองก็โบกมือป้อมให้กับอินหลิวเฟิงราวกับเป็นนายท่านตัวน้อยก็ไม่ปาน ช่างมีมาดเหลือล้น
เยี่ยนจื่อเสากลับตบไหล่อินหลิวเฟิงอีกครั้ง “พ่อของข้าเองก็ชอบเจ้ามาก พยายามเข้านะ! เจ้าหนุ่ม”
“ซี้ด…”
อินหลิวเฟิงรีบพูดว่า “พี่ชาย! ข้าเรียกท่านว่าพี่ยังไม่พออีกหรือ ต้าซือมิ่ง ท่านอย่าไปฟังเขานะ พี่รองเสาเขาอาจจะจำคนผิด คนที่มีใจให้กูไหน่ไนไม่ใช่ข้านะ เป็นชุนซิ่นจวินต่างหากเล่า”
จะตายห้ามตายคนเดียว อินหลิวเฟิงจึงลากกู้เหยวนหมิงลงน้ำครำอย่างไร้ไมตรีพร้อมสาบานอย่างจริงจังว่า “จริงๆ นะ เป็นชุนซิ่นจวิน เป็นเขานั่นแหละ!”
เยี่ยนจื่อเสา “…”
นายน้อยท่านนี้ใช้ได้เลยทีเดียว
“ไปเถอะ”
เยี่ยนอวี๋ไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระของคนเหล่านี้ต่อแล้ว นางดึงต้าซือมิ่งซึ่งอุ้มเจ้าก้อนน้อยที่อยู่ใกล้ที่สุดเข้ามาในค่ายกล เม่ยเอ๋อร์ก็รีบดึงเยี่ยนจื่อเสาเดินเข้าไปอย่างคล่องแคล่ว คณะเดินทางสลายตัวในทันที
“อ้ะเน้ะเนะ…”
เสียงร้องอ่อนเยาว์ดังขึ้นจากที่ไกลออกไปก้องกังวานอยู่ในเขตค่ายกล แต่ทั้งครอบครัวกลับหายวับไปจากโยวตูแล้ว เพียงพริบตาเดียวก็มาถึงสวนแห่งหนึ่งในหอเจ้าสำนักที่สำนักชางอู๋แล้ว
“อ้ะเน้ะ!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่จ้องมองเห็นทิวทัศน์เปลี่ยนไปก็ตื่นเต้นขึ้นมา “อ้ะเน้ะเนะ!” เสี่ยวเป่าอยากเล่น!
“ไม่เล่นแล้ว ไปพบท่านตากันนะ” ต้าซือมิ่งที่ลูบหัวของเจ้าก้อนน้อยรู้สึกหวั่นๆ ประเด็นคือภรรยายังไม่ยอมพยักหน้าตกลง ดังนั้นความเห็นของท่านพ่อตาจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
“อ้า!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เข้าใจถึงหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของตนแววตาเปล่งประกายเบิกตากว้างหันไปรอบๆ เพื่อมองหาท่านตาของตน ดูเหมือนเตรียมจะช่วยพูดให้ท่านพ่อแล้ว
เยี่ยนจื่อเสานวดหัวคิ้วขณะที่คิดจะออกไปดูสักหน่อย ชุ่ยชุ่ยและชือหมินหมิ่นไก่อ่อนตระกูลชือที่สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวด้านนี้และรีบรุดมาก็ส่งเสียงดีอกดีใจออกมาแล้ว
“คุณหนูใหญ่?!”
“อาจารย์?!”
เดิมสองคนนี้คิดว่าสำนักเหยาไถเซียนมีคนหน้าไม่อายบุกรุกเข้ามาในเรือนส่วนตัวของเยี่ยนอวี๋ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นตัวเยี่ยนอวี๋เองเสียนี่ พวกเขาประหลาดใจไปหมดแล้ว
“คุณหนูใหญ่!” ชุ่ยชุ่ยตาแดงก่ำไปก่อนแล้ว “คุณหนูใหญ่แย่แล้วเจ้าค่ะ กู้จ่างสื่อผู้นั้นเขาใช้อำนาจรังแกคน กำลังจะบังคับให้ท่านเจ้าสำนักรับปากยกท่านให้แต่งงานกับเขา ช่างหน้าไม่อายเสียจริง!”
“ไม่รีบ” เยี่ยนอวี๋เอ่ยปลอบใจสาวใช้คำหนึ่ง ตัวนางก็เดินออกไปด้านนอกแล้ว นางรู้ว่าทุกคนล้วนอยู่ตำหนักใหญ่
ต้าซือมิ่งเองก็รีบตามนางไป ตอนนี้เองชุ่ยชุ่ยจึงพบว่าในกลุ่มนั้นมีคนเพิ่มมาคนหนึ่งแถมยังอุ้มนายน้อยเอาไว้อีกด้วย?
ชุ่ยชุ่ยอดมองอีกหน่อยไม่ได้จากนั้นนางก็ตกตะลึงไป นาง นาง…
“พี่เม่ยเอ๋อร์ นี่ผู้ใดหรือ?” ชุ่ยชุ่ยรีบคว้าชายเสื้อของเม่ยเอ๋อร์เอาไว้ “หน้าเหมือนนายน้อยมากเลย นี่…” คงไม่ใช่ท่านเขยที่สถานะไม่ชัดเจนผู้นั้นหรอกกระมัง
แม้ว่าเม่ยเอ๋อร์จะเป็นคนเย็นชาแต่กลับต้องเอ่ยว่า “เป็นบิดาแท้ๆ ของนายน้อยน่ะ”
ชุ่ยชุ่ย “…”
ชุ่ยชุ่ยที่ดวงตาเต็มไปด้วยความมึนงงคล้ายกับยังไม่เข้าใจนัก คุณหนูของนางออกจากบ้านไปรอบหนึ่งก็พาบิดาของนายน้อยกลับมาเป็นตัวเป็นตนเช่นนี้
แต่เพียงไม่นานนางก็ดีใจขึ้นมา “อย่างนั้นกู้จ่างสื่อผู้นั้นก็สู่ขอไม่สำเร็จแล้วสิก็คุณหนูมีเจ้าของแล้วนี่นา!”
ตรรกะเช่นนี้…
“ใช่แล้ว” ต้าซือมิ่งบางคนเอ่ยยืนยัน
“ดียิ่งนัก!” ชุ่ยชุ่ยดีใจ เดิมคิดว่าไม่ว่าคุณหนูใหญ่จะแต่งให้ใครก็ล้วนดีกว่าแต่งกับกู้จ่างสื่อนั่น! หากไม่ใช่เพราะนางไม่รวดเร็วเช่นคนอื่นล่ะก็ตอนนี้นางคงวิ่งไปตรงหน้าเยี่ยนชิงเพื่อแจ้งข่าวนี้แล้ว
อีกทั้งที่ตำหนักใหญ่เองเยี่ยนชิงที่สุดท้ายก็ไม่อาจทนได้ก็มาด้วยตนเองแล้ว เพราะผู้ดูแลของสำนักเหยาไถเซียนก็พูดเองว่า “พวกข้าสำนักเหยาไถเซียนยกย่องปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนถึงได้ให้เกียรติสำนักชางอู๋ของพวกเจ้า อย่าให้หน้าแล้วไม่เอา”
“ช่างหัวเกียรติของเจ้าสิ! ข้าบอกให้ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!” เยี่ยนชิงที่เดิมคิดว่าจะมาแอบฟังอยู่ด้านข้างทนฟังต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ!
เยี่ยนหงชวนเองก็ไม่ได้ห้ามปราม เขาให้หน้าอีกฝ่ายมากแล้ว ไม่คิดเลยว่าฝ่ายตรงข้ามจะโอหังไร้ยางอายได้ถึงเพียงนี้ อย่างนั้นก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว ปล่อยเจ้าหลานเฒ่าของเขาออกโรงก็พอ…
“เฮอะ! ในที่สุดเจ้าสำนักเยี่ยนก็ยอมออกมาจากการ – กักตน – แล้ว!” ผู้ดูแลสำนักเหยาไถเซียนที่พอจะเดาเรื่องราวได้เอ่ยอย่างมีเลศนัย “ข้าน้อยยังคิดว่าเจ้าสำนักเยี่ยนจะกักตนไปจนถึงพิธีแต่งตั้งเจ็ดสำนักเสียอีก”
“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า!” เยี่ยนชิงจ้องมองกลุ่มคนที่มาจากเมืองหลวงด้วยความเย็นชา “สำนักของข้าไม่ต้อนรับพวกเจ้า ไสหัวไป!”
“เจ้าสำนักเยี่ยน ข้าน้อยขอเตือนท่าน…”
“ไม่ต้องมาเตือน! ต่อให้ผู้ชายทั้งใต้หล้านี้ตายไปจนหมด ลูกสาวแสนล้ำค่าของข้าก็จะไม่มีทางแต่งงานกับกู้ชีหลางอย่างแน่นอน เจ้าสุนัขนั่นเลิกหวังไปได้เลยว่าจะได้แต่งงานกับลูกสาวสุดที่รักของข้า อัญเชิญพระเสาวนีย์มาก็ไม่มีประโยชน์!” เยี่ยนชิงกล่าวจบก็เรียกคนมาส่งแขกในทันที
“เจ้าสำนักเยี่ยนคิดจะก่อกบฏหรือไร!” ขันทีราชสำนักย้อนถามอย่างเฉียบคม
เยี่ยนชิงหัวเราะ “สามเดือนก่อนประมุขสูงสุดท่านหนึ่งของสำนักคุนอู๋ ผู้คุมกฎสองท่านของสำนัก ทหารกล้ากลุ่มหนึ่งของสำนักก็ถามเจ้าสำนักเช่นข้าแบบเดียวกันนี้ อีกทั้งก่อนหน้านี้ใต้เท้าเฉาเองก็ถามข้า วันนี้เปลี่ยนมาเป็นสำนักเหยาไถเซียนและฮองเฮาองค์ใหม่ถามบ้างอย่างนั้นรึ”
“เจ้า…” ผู้ดูแลสำนักเหยาไถเซียนไม่คิดเลยจริงๆ ว่าเยี่ยนชิงจะก้าวร้าวเช่นนี้ เขาจำต้องเอ่ยว่า “ก็เพราะเจ้าล่วงเกินคนมากมายเช่นนี้ ยังไม่รู้จักเก็บปากเก็บคำอีก!”
เมื่อประโยคนี้เอ่ยออกไป…
“เฮอะ”
เสียงหนึ่งดังลอยเข้ามาในตำหนักใหญ่
หลังจากนั้น…
“ตัวข้าต้าซือมิ่งกลับไม่รู้เลยว่า ทั้งใต้หล้าอันกว้างใหญ่นี้ พ่อตาของข้าต้าซือมิ่งเป็นผู้ที่ใครๆ ก็สามารถล่วงเกินได้”