หัวใจของเยี่ยนอวี๋สั่นสะท้านพลันนึกขึ้นได้ว่าชาติก่อนที่ ‘นาง‘ ออกเรือนไปกับกู้หยวนเหิงนั้น ตอนที่ท่านพ่อเจ้าน้ำตากำลังส่งตัว ‘นาง‘ ให้กู้หยวนเหิง ก็เคย…ถามเช่นนี้กับกู้หยวนเหิง เขากลั้นน้ำตาเอ่ยถามว่า ‘เจ้าสามารถทำให้เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์สุขสงบไปชั่วชีวิตได้จริงๆ ใช่หรือไม่’
ประโยคเดียวกัน ไม่เปลี่ยนเลยสักคำเดียว
เพราะสำหรับเยี่ยนชิงแล้วไม่ว่าจะเป็นใครที่มาสู่ขอแก้วตาดวงใจของเขา สิ่งที่เขาร้องขอนั้นมีเพียงอย่างเดียวคือสามารถทำให้บุตรสาวที่รักของเขาสุขสงบไปชั่วชีวิตได้ ไร้ทุกข์ไร้กังวลตลอดไป
แต่ว่าครั้งนี้…
เยี่ยนชิงได้รับคำตอบที่แตกต่างออกไป
หรงอี้ที่ถูกถามช้อนตาขึ้นมองดวงตาที่เริ่มแดงและคลอไปด้วยหยาดน้ำตาของท่านพ่อตา แววตาเขาปกคลุมไปด้วยความอ่อนโยนและภาคภูมิ น้ำเสียงหนักแน่นเอ่ยว่า “ขอรับ ข้ารับรอง”
เพียงห้าคำนี้แต่เยี่ยนชิงก็เชื่อแล้ว เพราะเขามองเห็นว่าในดวงตาของเจ้าหนุ่มผู้นี้คือความหนักแน่นเย่อหยิ่ง! เป็นผู้ที่ดูแคลนคำโกหกและไม่จำเป็นต้องโกหก
ดูจากชื่อเสียงที่คนผู้นี้สร้างขึ้นมาในอดีตและความแข็งแกร่งที่เขาแสดงออกมานั้นเขาไม่จำเป็นต้องโกหกจริงๆ ไม่จำเป็นต้องวางแผนใดๆ
เมื่อเทียบกับพระเสาวนีย์แล้ว ความน่าเกรงขามของต้าซือมิ่งจากตำหนักซือมิ่งนั้นสามารถบังคับสู่ขอได้มากกว่าด้วยซ้ำ เพราะเขาคือบุคคลอันดับหนึ่งแห่งต้าซย่า ผู้ที่กระทั่งหยวนคังฮ่องเต้เองก็ยังไม่อาจห้ามปรามได้
“ดี”
เยี่ยนชิงที่จิตใจแจ่มใส แม้มีถ้อยคำอีกนับพันนับหมื่นยังไม่ได้เอ่ยแต่กลับประคองต้าซือมิ่งขึ้นมาแล้ว “ข้าเห็นด้วยกับการแต่งงานในครั้งนี้ ขอเพียงเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ยินดี”
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางที่เงียบไปนั้น ข้างหูยังมีคำตอบที่กู้หยวนเหิงตอบเมื่อชาติก่อนดังก้องไปมา ‘ขอเพียงนางเชื่อฟัง’
หึ ขอเพียงนางเชื่อฟัง
เยี่ยนอวี๋ที่คิดถึงตรงนี้พลันช้อนตาขึ้นมองไปทางหรงอี้ ฝ่ายหลังก็กำลังมองมาทางนางพอดี เมื่อสายตาสองคู่สบประสานเยี่ยนอวี๋ก็อึ้งงันไป
มีชั่ววูบหนึ่ง นางพลันรู้สึกว่าเขามุ่งตรงมาที่นาง ไม่เช่นนั้นหากเป็นชาติก่อนคนที่แม่นางน้อยผู้นั้นพบคือเขา อย่างนั้นทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนไปหรือไม่
แต่ยามนั้นเขาไม่มา หลังจากนางกลับมาเกิดใหม่เขาก็รีบรุดตามมา หรือนี่เป็นเหตุเป็นผลส่งเสริมกัน
หากใช่ล่ะก็…
ไม่รอให้เยี่ยนอวี๋คิดมากไปกว่านี้เยี่ยนชิงก็ตบลงบนบ่าของลูกเขยที่สูงกว่าเขาเล็กน้อย “พูดตามตรงนะ หากเจ้าสารเลวอย่างเจ้ากล้ารังแกเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์อีกล่ะก็เจ้าจะต้องเสียใจ!”
หรงอี้ที่กดพลังเทพทั้งหมดเอาไว้แล้วรับฝ่ามือนี้ของท่านพ่อตาพลางเอ่ยตอบอย่างจริงจัง “ต่อไปเรื่องในบ้านให้เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เป็นผู้ตัดสินใจ”
“เจ้าเด็กนี่” เยี่ยนชิงตบบ่าลูกเขยต่อไปรู้สึกว่าเขาช่างเป็นลูกเขยรู้ความดีจริงๆ รู้ความกว่าเขาในปีนั้นเสียอีก น่าเสียดาย…ช่างเถอะ ไม่ต้องเอ่ยถึงดีกว่า
“อ้ะเน้ะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เห็นว่าท่านตาตีท่านพ่อไปหลายครั้งพยายามดิ้นเข้ามาและกอดมือใหญ่ของท่านตาเอาไว้ ”อ้ะเน้ะเนะ!” พอได้แล้วขอรับ!
“เจ้านี่มันเจ้าไส้ศึกตัวน้อย!” เยี่ยนชิงถือโอกาสอุ้มหลานชายเข้ามาบีบแก้ม บีบเสียจนเจ้าก้อนน้อยร้องออกมา ทั้งยังเอ่ยประท้วงด้วยคำใหม่ว่า “…ตา เลว”
“หึ!” เยี่ยนชิงแกล้งแค่นเสียง “ตาเป็นคนสารเลว หยิกเจ้า! หยิกเจ้าเสียเลย”
“อ้า! อ้า…” เจ้าก้อนน้อยถูกจั๊กจี้เสียจนหัวเราะออกมายื่นมือป้อมไปทางท่านพ่อของเขาไม่หยุด “พ่อ! อ้ะเน้ะเนะ…” พ่อ! ถึงตาท่านช่วยเสี่ยวเป่าบ้างแล้ว!
หรงอี้ไม่อาจไม่ช่วยเสี่ยวเป่าและไม่อาจล่วงเกินท่านพ่อตาด้วย เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “เสี่ยวเป่าคงหิวแล้ว ท่านพ่อตาส่งเขาให้ข้าเถิด”
“อ้า!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ารีบลูบท้องน้อยๆ ของตัวเองทันทีเพื่อบอกว่าท่านพ่อพูดถูกแล้ว
แน่นอนว่าเยี่ยนชิงไม่ได้คิดอะไรมากมายถึงเพียงนั้น เพียงแต่เขาไม่ได้ส่งหลานชายไปให้ลูกเขย คิดจะส่งให้ชุ่ยชุ่ย “เรื่องป้อนข้าวเสี่ยวเป่า ให้ชุ่ยชุ่ยทำดีกว่า”
ชุ่ยชุ่ยที่ถูกเรียกชื่อรีบก้าวเข้ามาด้านหน้าเตรียมจะรับคุณชายน้อยมา แต่ว่า…
“อ้า!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าส่งเสียงประท้วงคำหนึ่ง ยื่นมือสุดชีวิตไปทางท่านพ่อของเขา
ชุ่ยชุ่ยคิดอยากจะปลอบคุณชายน้อย เพียงแต่…
“ข้าทำเอง” ต้าซือมิ่งหรงที่รับเสี่ยวเป่ามาตบหลังอ่อนนุ่มของเจ้าก้อนน้อยเบาๆ “อยากกินอะไร”
“ซี๊ด…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่น้ำลายใกล้จะไหลออกมาแล้วนั้น “อ้ะเน้ะเนะ” สั่งอาหารหลายอย่างออกมาในรวดเดียว
บิดาแท้ๆ อย่างหรงอี้นั้นก็พยักหน้า “อืม พ่อจะทำให้เจ้า”
“อ้ะเน้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ารีบกอดท่านพ่อแน่นทันทีพลางยิ้มตาหยีเจิดจ้า
“เจ้าทำอาหารเป็นด้วยหรือ?” ลูกพี่ใหญ่เยี่ยนชิงไม่เชื่อ
เยี่ยนเสี่ยวเป่ารีบเล่าให้เขาฟัง “อ้ะเน้ะเนะ! อ้ะเน้ะเนะ…”
“พูดอะไรรึ?” เยี่ยนชิงฟังไม่เข้าใจ
เยี่ยนจื่อเสาเอ่ยอธิบายจากด้านข้างอีกครั้ง “บอกว่าอาหารที่ท่านพ่อของเขาทำนั้นอร่อยมาก ท่านต้องเชื่อเขา อร่อยมาก อร่อยมากจริงๆ”
“ทำไมเจ้าถึงฟังเข้าใจทุกอย่างเลยเล่า” ที่เยี่ยนชิงสนใจคือเรื่องนี้ต่างหาก
เยี่ยนจื่อเสาโบกมือสื่อว่า “เทียบกันแล้วข้าสงสัยยิ่งกว่าว่าน้องเขยเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเสี่ยวเป่าอยากกินอะไร”
“อ้ะเน้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยักหน้า รู้สึกว่าท่านพ่อของเขารู้จริง!
และความเป็นจริง ต้าซือมิ่งก็ตอบถูกจริงๆ “ซุปปลา นมแพะ โจ๊กเนื้อ โจ๊กข้นปลา โจ๊กข้นผัก”
“คิก” เยี่ยนเสี่ยวเป่ายิ้มหยาดเยิ้ม เป็นการบอกว่าท่านพ่อนั้นพูดถูกแล้ว
เยี่ยนอวี๋อดเอ่ยขึ้นไม่ได้ว่า “นี่ล้วนเป็นของที่เสี่ยวเป่าชอบกินที่สุด” นางไม่ต้องคิดยังรู้เลยว่าเสี่ยวเป่าต้องอยากกินของพวกนี้ เจ้าผีน้อยจอมตะกละนี่
“อ้ะเน้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ายังคงมีความสุขต่อไปรู้สึกว่าท่านพ่อและท่านแม่ของเขานั้นเข้าใจเขามากที่สุดแล้ว!
เยี่ยนจื่อเสาจึงเข้าใจในตอนนี้ นี่เป็นกิจวัตรของต้าซือมิ่ง อย่างไรเสียเตรียมอาหารที่เสี่ยวเป่าชอบมาหลายอย่างอย่างไรก็ไม่ผิด แล้วก็ไม่ผิดจริงๆ เสียด้วย
เยี่ยนชิงเองก็เข้าใจแล้ว แต่เขาก็ยังสงสัยอยู่ดี “ลูกเขย เจ้าทำเป็นจริงๆ หรือ อร่อยไหม?”
“อ้ะเน้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างองอาจ
เยี่ยนจื่อเสาเองก็รีบคว้าโอกาสให้ต้าซือมิ่งได้แสดงฝีมือเอาไว้ “ท่านพ่อก็ให้น้องเขยทำให้ท่านด้วยชุดหนึ่ง ท่านก็รู้แล้ว”
“พูดถึงตรงนี้ จื่อเสาเจ้าหายดีแล้วหรือ” ในที่สุดเยี่ยนชิงก็เป็นห่วงเป็นใยลูกชายที่ ‘เก็บมาเลี้ยง’ แล้ว
เยี่ยนจื่อเสาซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหลออกมา “ท่านพ่อ ท่านยังจำได้หรือว่าข้าลำบากน่ะ?”
“เหลวไหล พ่ออย่างข้าไม่ได้ถูกลบความทรงจำทิ้งเสียหน่อย! บอกมาซิว่าเจ้าหายดีได้อย่างไร ข้าดูพลังตบะของเจ้าเหมือนจะไม่เหมือนเดิมเท่าไหร่ นี่เลื่อนขั้นแล้วหรือ” เยี่ยนชิงตบไหล่ลูกชาย ยังรู้สึกอยู่ตลอดว่าไม่อาจมองเห็นพลังตบะของลูกชายได้ ผิดปกติ
เยี่ยนหงชวนกลับตระหนักรู้ได้พร้อมเอ่ยออกมาอย่างตกตะลึง “กายเนื้อเจ้าถึงขั้นปฐมภูมิ พลังวิญญาณถึงขั้นถอดจิตแล้ว?”
“หา?” เยี่ยนชิงตาค้าง ขนาดเขายังเป็นเพียงขั้นสุวรรณชาดเองนะ!
“วาสนาไม่เลวเลยนะ” เยี่ยนหงชวนยิ้มตาหยีมองเหลนชาย “นอกจากฮองเฮาผู้นั้นที่ถูกขนานนามว่าเป็นตำนานของคนรุ่นเยาว์ เป็นอันดับหนึ่งแห่งต้าซย่าแล้ว เจ้าเองก็เป็นระดับตำนานแล้วเช่นกัน”
“ฮี่ ต้องขอบคุณน้องสาวกับน้องเขย ไม่อย่างนั้นข้าจะรอดหรือไม่ก็ยังไม่แน่” เยี่ยนจื่อเสาเกาศีรษะอมยิ้ม “แต่ว่ากู้หยวนซูผู้นั้นก็เป็นระดับตำนานแล้วเช่นกันหรือ”
“ไม่เช่นนั้นจะได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮาหรือ” เยี่ยนหงชวนยิ้มเย็น “อาศัยฐานะของนาง หากไม่ใช่เพราะพรสวรรค์ล้ำเลิศ ท่านผู้นั้นมีหรือจะยอมปล่อยตำแหน่งฮองเฮาง่ายๆ อย่างมากก็เป็นเพียงกุ้ยเฟยเท่านั้น”
“ใช่แล้ว” เยี่ยนอวี๋พยักหน้า ชาติที่แล้วกู้หยวนซูเป็นเพียงกุ้ยเฟยจริงๆ หลายเรื่องเริ่มเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
เยี่ยนหงชวนเอ่ยต่อ “มีพระเสาวนีย์น่ารังเกียจนี่ พวกเจ้าจะรั้งอยู่ชางอู๋นานนักก็คงไม่ได้ หากจะเข้าวังหลวงก็ต้องระวังฮองเฮาองค์นี้ให้มาก ล้วนเอ่ยว่าก้นผึ้งมีเข็ม ที่มีพิษร้ายที่สุดคือใจของสตรี[1]”
“ฮ่องเต้นั่นก็ไม่ใช่คนดีอะไรล้วนอำมหิตทั้งคู่!” เยี่ยนจื่อเสานึกถึงเรื่องโยวตูขึ้นมาก็รู้สึกว่าสองคนนี้ช่างเป็นพวกศีลเสมอกันเสียจริง
เยี่ยนชิงใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่อย่างนั้นให้พ่อไปเมืองหลวงกับพวกเจ้าดีไหม”
“ท่านพ่อตาไม่จำเป็นต้องกังวลไป เขยจะปกป้องเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ให้ดี” ต้าซือมิ่งบางคนรีบออกมาเอ่ยจากด้านข้างทันที
เยี่ยนอวี๋เองก็ไม่สนับสนุนให้ท่านพ่อเจ้าน้ำตาของนางเข้าเมืองหลวงตอนนี้ เพราะอย่างไร…
“ไปที่ปรมาจารย์วิญญาณก่อน” เยี่ยนอวี๋เองก็อยากให้ท่านพ่อเจ้าน้ำตาของนางได้เพิ่มพูนตบะไม่อาจให้ตบะน้อยกว่าผู้อื่นได้
เยี่ยนชิงไม่เข้าใจเลยสักนิด แต่ไม่ว่าลูกสาวสุดที่รักอยากไปไหนย่อมไม่มีปัญหาแน่นอน ดังนั้นเขาจึงพยักหน้า “ได้ อยากไปก็ไป ตอนนี้ปรมาจารย์วิญญาณเติบโตได้เป็นอย่างดีทีเดียว”
แต่ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยนชิงหรือเยี่ยนหงชวน กระทั่งผู้อาวุโสที่คอยเฝ้าอยู่ในเขตหวงห้ามของปรมาจารย์วิญญาณอย่างหยางชีซานเอง หลังจากได้เห็นหัวใจของหงส์เพลิงแล้ว อวัยวะภายในล้วนร้อนระอุ!
แต่นี่ยังไม่หมด…
ยังไม่ใช่ทั้งหมด!
เยี่ยนอวี๋นำหัวใจของหงส์เพลิงมาสถิตบนกิ่งเล็กของต้นอู๋ถง นางนั่งลงขัดสมาธิลงที่ด้านหน้าของต้นอู๋ถงเริ่มท่องคาถาอัญเชิญที่เก่าแก่ที่สุดของตำหนักไท่ชาง “ไท่ชางก่อ หยวนชูสั่ง สัตว์ร้ายสี่สมุทร กลับสู่ภูเขาทะเล”
เมื่อคำสั่งนี้เอ่ยออกไป..
วิ้ง!
มรรคาสวรรค์สั่นคลอน!
ปฐพีสั่นสะเทือน!
วี้ดดด
หงส์เพลิงที่ถูกควักหัวใจจนตาย!
ราวกับถูกกฎเกณฑ์รวบรวมมา วิญญาณลงมาเยือนสำนักชางอู๋ตามคำสั่ง!
วี้ดดด!
วิญญาณเสี้ยวหนึ่งของหงส์เพลิงที่เดิมถูกเรียกทิ้งไว้ที่นี่พลันแข็งแกร่งขึ้นมาทันที!
ฟิ้ว ฟิ้ว
พลังฟื้นคืนชีพของต้นไม้เทพอู๋ถงไหลไปรวมกันที่วิญญาณหงส์เพลิงไม่หยุด กระตุ้นหัวใจหงส์เพลิงดวงนั้นทำให้วิญญาณหงส์เพลิงพลันเป็นรูปเป็นร่างขึ้นอย่างรวดเร็ว
ภาพเช่นนี้…
เยี่ยนหงชวนและคนอื่นๆ ย่อมต้องมองจนตาค้าง!
พวกเขาไม่ว่าใครก็ล้วนไม่อาจจินตนาการได้ว่านี่เป็นความสามารถเทพเซียนอะไร
นี่ นี่เหมือนกับว่าบนพื้นที่สำนักชางอู๋ของพวกเขากำลังจะให้กำเนิดหงส์เพลิง! หงส์เพลิงที่เป็นสัตว์เทพในตำนานนั่น!
นี่ นี่มัน…ไม่จริงใช่หรือไม่
เยี่ยนหงชวนไม่อาจเชื่อได้ ตัวเขารู้ดีที่สุดว่าโลกมนุษย์ในตอนนี้ไร้ซึ่งสัตว์เทพไปนานแล้ว
แต่ว่า…
วี้ด
แสงที่เจิดจ้า เสียงร้องของหงส์เพลิงที่กำลังปรากฏรูปร่างขึ้นไม่หยุดกำลังจะทำให้ประโยคที่ว่าโลกมนุษย์ในตอนนี้ไร้ซึ่งสัตว์เทพไปนานแล้วกลายเป็นอดีต เพราะว่า…
วิ้ง!
ด้วยพลังเทพของเยี่ยนอวี๋ ความช่วยเหลือของต้นอู๋ถงและหัวใจของหงส์เพลิงที่ก่อกำเนิดใหม่อีกครั้ง หงส์เพลิงที่ไม่นับว่าใหญ่มากแต่สมจริงราวกับมีชีวิต ไม่ใช่สิ…มีชีวิตขึ้นมาแล้วจริงๆ!
หงส์เพลิงตัวเป็นๆ กำลังอาบเปลวเพลิงถือกำเนิดอีกครั้ง
ในสำนักชางอู๋เต็มไปด้วยเสียงร้องของหงส์เพลิง
ทั้งต้าซย่าล้วนสั่นสะเทือน!
วี้ดดด
————————————-
[1]青竹蛇儿口,黄蜂尾上针。两般由是可,最毒妇人心 หมายถึง ปากของงูเขียว ก้นของผึ้ง สองสิ่งนี้แตกต่าง แต่สิ่งที่มีพิษร้ายที่สุดคือใจสตรี เดิมมีความหมายถึงคนที่มีสายตาตื้นเขินชอบช่วยเหลือคนชั่วก่อความวุ่นวาย แต่ปัจจุบันมักหยิบแค่สองประโยคหลังมาใช้และใช้ในความหมายที่ว่า สิ่งที่มีพิษร้ายมากที่สุดคือจิตใจของสตรี