“ทหาร! นำตัวฮองเฮาตระกูลกู้ที่ไร้ประโยชน์นี่ไปที่ตำหนักหันซือซะ และห้ามออกจากตำหนักแม้แต่ก้าวเดียวเป็นเวลาสามเดือน!” หยวนคังฮ่องเต้ที่แปรเปลี่ยนเป็นไร้ปรานีปลดตำแหน่งฮองเฮาของกู้หยวนซูทันที
ดังนั้นแล้ว…
กู้หยวนซูจึงกลายเป็นคนเดียวที่ครองตำแหน่งฮองเฮาเพียงแค่หนึ่งวันในประวัติศาสตร์ต้าซย่า
อื้อ…
กู้หยวนซูที่ถูกบีบกรามจนแตก ทั้งยังไม่สามารถพูดได้อยากจะอ้อนวอนร้องขอชีวิต แต่น่าเสียดายที่หยวนคังฮ่องเต้ไม่แม้แต่จะเหลียวมองนางเลย ยังคงก้าวจากไปปล่อยให้นางเหมือนโดนฟ้าผ่า[1]ตอนกลางวันอยู่ที่เดิมอย่างนั้น
แต่นี่ยังไม่อาจสลายความพิโรธในพระทัยของหยวนคังฮ่องเต้ได้! เขายังอาละวาดไปอีกหนหนึ่ง หลังจากที่กลับไปยังตำหนักหันกวงแล้ว ผู้คนน้อยใหญ่ในราชสำนักต่างเงียบกริบดั่งจักจั่นในหน้าหนาว
ทุกคนรู้ดีว่าหลายเดือนมานี้ฝ่าบาทอารมณ์ไม่ดีนัก มีเพียงวันที่ต้อนรับฮองเฮาเข้าวังมาเป็นกุ้ยเฟยก่อนเท่านั้นที่ดูอารมณ์ดี ทำให้ทุกคนต่างพากันคิดว่าฮองเฮาได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทเป็นอย่างมาก คาดไม่ถึงว่า…
“ยังข้าวใหม่ปลามันได้ไม่ถึงเดือน และเพิ่งจะมีพระราชโองการแต่งตั้งฮองเฮาไปเพียงหนึ่งวันเท่านั้น ฮองเฮากู้ก็กลายเป็นหงส์ปีกหักเสียแล้ว” ผู้คนในพระราชวังต่างพากันถอนหายใจ สำนักเหยาไถเซียนได้ทราบข่าวตกใจยิ่งกว่า!
และแล้ว…เมื่อเฉิงคั่วซื้อใจคนและเข้ามายังวังหันซืออย่างเงียบๆ กลับเห็นกู้หยวนซูในสภาพที่ดีพอสมควร?! ทำให้เขาตกตะลึงไปชั่วขณะ…
“เป็นอะไรไปอย่างนั้นหรือ แม่ทัพเฉิงคงไม่คิดหรอกใช่หรือไม่ว่าเพียงแค่ตำแหน่งฮองเฮาแห่งต้าซย่าน้อยๆ นี้จะทำอะไรข้าได้” พลังการฟื้นตัวของกู้หยวนซูนั้นมากจนน่าตกใจจริงๆ ดวงตาหยาดเยิ้มเหลือบมองเฉิงคั่วครู่หนึ่ง
เฉิงคั่วก้มศีรษะทันที “ไม่ทราบว่าเหนียงเหนียงเรียกกระหม่อมมามีเรื่องอันใดอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ตามที่สัญญากันไว้ หลังจากที่กระหม่อมมาที่นี่แล้วก็ไม่ติดค้างอะไรท่านอีก”
“แน่นอน” กู้หยวนซูที่ตอบเสียงหวาน เอื้อมมือหยิบกล่องผ้าให้กับเฉิงคั่ว “เจ้าเคยมีความสัมพันธ์ต่อสำนักคุนอู๋ นำของสิ่งนี้ไปให้คุนอู๋ แล้วพวกเขาจะขอบคุณเจ้า”
“นี่มัน…” เฉิงคั่วไม่เข้าใจ แต่เขาพบว่าท่าทีของเหนียงเหนียงผู้นี้แปลกประหลาดมากนัก เล็บยาวราวกับเป็นมารปีศาจอย่างไรอย่างนั้น
แต่กู้หยวนซูยังคงไม่มีทีท่าจะอธิบายอะไร “ไปเถิด แม่ทัพเฉิง”
“กระหม่อมขอทูลลา” เฉิงคั่วที่รับกล่องผ้ามาแล้วไม่ซักถามอะไรต่อไป
รอจนเขาออกจากวังหันซือแล้ว สีหน้านางมารของกู้หยวนซูถึงได้ค่อยๆ จางหายไป เหลือเพียงแววตาอำมหิต “เยี่ยนจื่ออวี๋! นังคนชั้นต่ำ! ข้าไม่ให้เจ้าได้ตายดีแน่!”
…
วันต่อมา
กลุ่มเยี่ยนอวี๋ที่เพิ่งมารวมตัวกันแล้วเสร็จได้เดินทางกลับโยวตูแล้ว
ราวกับเป็นเวลาเดียวกันที่ฮองเฮาแห่งเมืองหลวงถูกปลด พวกเขาเองก็ถึงเมืองหลวงแล้วเช่นกัน
แต่เมื่อพวกเขาเข้าไปยังเมืองหลวง…
“มาแล้ว”
ด้านในพื้นที่ลับของสำนักคุนอู๋ในเขตชานเมืองเมืองหลวงมีเสียงสั่นสะท้านก้องออกมา
บุคคลหนึ่งที่มีรูปร่างผอมเพรียว สีหน้าซีดเซียว แต่กลับดูเท่ดุจต้าซือมิ่งบางคน! สวมเสื้อคลุมและหายไปจากพื้นที่ลับของสำนักคุนอู๋ทันที แล้วแอบย่องเข้าไปยังถนนวิหค…ถนนสายหลักของเมืองหลวงที่ทะลุข้ามไปยังประตูทางตอนใต้โดยตรง
ส่วนเยี่ยนอวี๋และคนอื่นๆ อยู่ที่ถนนวิหคแล้วในขณะนี้
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าผู้น่ารักน่าชังในตอนนี้ได้เรียกความสนใจของผู้คนที่เดินผ่านไปมาในถนนสายนี้ จนกระทั่งความเป็นไปได้ที่จะหันศีรษะกลับมาของผู้คนยังสูงมากขึ้นอีกด้วย!
เดิมทีกลุ่มของเยี่ยนอวี๋แต่ละคนก็หน้าตาดูดีทุกคนแล้ว โดยเฉพาะเยี่ยนอวี๋และต้าซือมิ่งบางคนที่อุ้มลูกน้อยอยู่ นั่นเป็นถึงเซียนในหมู่เซียนเชียวนะ ทำเอาผู้คนต่างต้องชะเง้อมองตามตลอดเวลาและไม่แม้แต่จะมองทางอีก
รวมเยี่ยนเสี่ยวเป่าด้วยอีกหนึ่งคน…
อย่างไรก็ตามความเป็นไปได้ของการหันศีรษะกลับมาของผู้คนบนถนนสายนี้นั้นก็ได้ถูกครอบครัวนี้ครอบครองเอาไว้แล้ว ทั้งยังมีหลายคนที่หันไปมองตามคนในถนน ไม่มองทางเลยแม้แต่น้อย! แต่เบียดเข้ามาชมแทน
“ข้าว่าเราไม่ต้องเรียกร้องความสนใจเพียงนี้ได้หรือไม่” คนที่ชอบเป็นจุดสนใจอย่างอินหลิวเฟิงยังรู้สึกหนังศีรษะชาวาบจากการมุงดูของผู้คนทั้งถนน! คนพวกนี้…
นึกภาพประตูบานหนึ่งที่มีผู้คนล้อมรอบอยู่ทั้งถนนออกหรือไม่ ทั้งยิ่งเบียดคนก็ยิ่งมากขึ้น จ้องมองอย่างไม่ละสายตาจำพวกนั้น
เดิมอินหลิวเฟิงคิดว่าเขาที่เข้าเมืองหลวงบ่อยครั้งก็ถือว่าเป็นจุดสนใจมากพอแล้ว แต่ก็ไม่ถึงขั้นเต็มไปด้วยคนมุงดูเช่นนี้! นอกจากนี้ร้านค้าทั้งสองข้างทางยังเต็มไปด้วยผู้คนอีกด้วย
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่ได้รู้สึกอะไร เขาตื่นเต้นสุดขีด! แสดงถึงคำว่า ‘คนยิ่งเยอะยิ่งคึก’ ได้อย่างสมบูรณ์
ในส่วนของผู้คนที่สัญจรไปมานั้น นอกจากจ้องมองดูพวกเขาแล้วก็ไม่ได้ทำอะไร และนึกไม่ถึงด้วยว่าจะทำอะไร อย่างเช่นโยนดอกไม้หรือผ้าเช็ดหน้าพรรค์นั้น เพราะคนบ้านนี้ช่างงดงามมากจริงๆ!
ถึงขนาดที่มุงดูเสร็จแล้วยังคงเวียนศีรษะ ไม่สามารถดึงสติกลับมาได้ในทันที ยังคงมัวเมาอยู่กับความงดงามของครอบครัวนี้อยู่ กู่ไม่กลับแล้ว!
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่อินหลิวเฟิงก็ยังรู้สึกหวาดระแวงอยู่ดี! รู้สึกว่าคนพวกนี้จะพุ่งเข้ามาอย่างไรอย่างนั้น หากเป็นเช่นนั้นเขาคงรับมือไม่ไหวแน่ ปรากฏว่า…
“ไม่ใช่สิ!”
เม่ยเอ๋อร์กวาดสายตาไปหนหนึ่ง รู้สึกบรรยากาศเปลี่ยนแปลงไป ผู้คนรอบๆ ราวกับถูกสะกดไว้อย่างไรอย่างนั้น
เยี่ยนจื่อเสา อินหลิวเฟิงและเอ้อร์เหมาก็หยุดฝีเท้าลงพร้อมกัน พร้อมทั้งกวาดสายตาจ้องมองรอบๆ เห็นได้ชัดว่าท่าทีของชาวบ้านรอบๆ กำลังค่อยๆ ทยอยหยุดจนหยุดลงในที่สุด
“วิชาควบคุมอวกาศ!”
อินหลิวเฟิงสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย คาดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาเพิ่งจะเข้ามายังเมืองหลวงก็เจอกับการซุ่มโจมตีที่หนักเพียงนี้เสียแล้ว! ช่างประเมินพวกเขาสูงเกินไปจริงๆ
“อ้ะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่พบว่าสถานการณ์ผิดแปลกไปเช่นกันรีบมุดเข้าไปในอ้อมกอดของบิดาทันที “อ้ะเนะเนะ?”
หรงอี้ลูบศีรษะของลูกน้อยเบาๆ พร้อมกับกอดเขาไว้ในอ้อมกอดอย่างดี ดวงตาสีม่วงมองไปทางระเบียงของอาคารที่อยู่ไกลออกไป นั่นคือสิ่งปลูกสร้างที่สูงที่สุดของถนนวิหค
ส่วนเยี่ยนอวี๋ นางกวาดตามองไปยังฝูงชนแล้ว
ฟิ้ววว!
ขณะนี้เองก็มีคันศรสีดำล้วนดอกหนึ่งก็พุ่งออกมาจากกลุ่มคนที่เยี่ยนอวี๋กำลังจ้องมองอยู่! รวดเร็วมากและพุ่งตรงมาที่กลางหน้าผากของนางโดยตรง
เยี่ยนอวี๋หรี่ตาลง…
ชิ้งงง!
เม่ยเอ๋อร์ที่ชักดาบใหญ่ออกมาขวางคันศรธนูไว้ได้ทัน ความเร็วนั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก! ทั้งยังแม่นยำมากอีกด้วย ดาบนั้นฟันลงไปจนศรธนูแยกจากกันเป็นสองท่อนในทันที
จากนั้น…หลังจากสิ้นเสียง แครก ศรธนูก็แยกออกจากกัน มันกลับกลายเป็นไฟสังหารสองลูกที่รุนแรงมากขึ้น ลูกหนึ่งพุ่งไปทางเยี่ยนอวี๋ อีกลูกหนึ่งเพ่งไปทางเยี่ยนเสี่ยวเป่าที่อยู่ในอ้อมกอดของต้าซือมิ่งบางคน
“อ้ะ!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าหวาดกลัวจนปิดศีรษะโล้นเอาไว้!
“ไสหัวไปซะ!”
เยี่ยนจื่อเสาที่แขนทั้งสองข้างเปล่งประกายด้วยแสงสีขาวอันทรงพลัง เสริมกำลังให้กับเม่ยเอ๋อร์กันศรธนูทั้งสองออกไปโดยตรง
แต่ทว่าศรธนูนั่นกลับยังไม่ถูกเยี่ยนจื่อเสาสลายพลัง มันยังคงกัดกร่อนพลังงานจิตวิญญาณของผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ที่เยี่ยนจื่อเสาแผ่ซ่านออกมา กลิ่นอายไม่ได้ลดลงมามากนัก
มองดูจนเอ้อร์เหมาตื่นเต้น “ให้ตายเถอะ! นี่คือศรรัดใจในตำนานอย่างนั้นหรือ เหตุใดจึงดูไม่ยอมจำนน หากไล่ฆ่าคนไม่สำเร็จเช่นนั้นเล่า”
“ใช่” อินหลิวเฟิงสีหน้าย่ำแย่ คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายถึงขั้นเรียกใช้ศรรัดใจสุดขอบฟ้า…ซึ่งเป็นธนูในตำนานออกมาใช้ ได้ยินมาว่าของสิ่งนี้หายสาบสูญไปแล้วมิใช่หรือ!
หลังจากนั้น…นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น…
วี๊ดดด!
สัตว์ประหลาดสีดำที่มีรูปร่างหงส์แดงบินออกมาจากระเบียงอาคารที่ต้าซือมิ่งบางคนเพ่งมองอยู่ในขณะนี้ และตรงมาเพื่อสังหารกลุ่มเยี่ยนอวี๋โดยเฉพาะ
ที่น่ากลัวคือ ร่างหงส์แดงสีดำนี้ดูเหมือนเพิ่งจะบินออกมา แต่กลับปรากฏขึ้นตรงหน้ากลุ่มเยี่ยนอวี๋ในทันที พร้อมกับกางกรงเล็บทั้งสองข้างออกพุ่งไปทางต้าซือมิ่ง
“พลังแห่งเทพ!”
ดวงตาของเยี่ยนอวี๋หรี่ลง สามารถสัมผัสได้ถึงพลังพิเศษบริสุทธิ์แท้จริงของหงส์แดงนี้ได้จากพลังสีดำรูปร่างหงส์แดงนี้ ดังนั้นเมื่อกรงเล็บของมันปรากฏขึ้น พลังป้องกันของเยี่ยนจื่อเสาก็แหลกสลายในทันที
“ถอย!”
สายเกินไป!
ทันทีที่พบว่าพลังสีดำรูปร่างหงส์แดงนี้มีพลังศักดิ์สิทธิ์ เยี่ยนอวี๋ก็ดึงหรงอี้สองพ่อลูกมาข้างกายทันที! พลังของปฐมราชินียอดเยี่ยมจริงๆ…
ซี๊ดดด!
กรงเล็บแหลมคมของหงส์แดงข่วนไปทางใบหน้าของเยี่ยนอวี๋ด้วยความรวดเร็วทันที
“ไสหัวไปซะ”
เสียงพิณอันไพเราะดังสะท้อนออกจากจากทางด้านหลังของเยี่ยนอวี๋ ในขณะนั้นเอง! ได้ปลดปล่อยพลังกดดันของหงส์แดงอันไร้เทียมทานออกมา พร้อมกับปรากฏอยู่ตรงหน้าเยี่ยนอวี๋ก่อตัวเป็นเพลิงไฟลูกหนึ่ง
นี่ยังไม่นับ…
“แยก”
ต้าซือมิ่งหรงที่เดินมาจากด้านหลังของเยี่ยนอวี๋ ทันทีที่เขาก้าวเดินออกมาก็ราวกับสัตว์เทพโบราณอันเหี้ยมโหดทั้งหมดได้ก้าวออกมาจากยุคโบราณเข้าสู่ความเป็นจริงอย่างไรอย่างนั้น
วี๊ด! วี๊ดดด…
พลังกดดันของหงส์แดงที่ทรงพลัง! ยิ่งไปกว่านั้นคือบริสุทธิ์ เก่าแก่และสง่างาม ราวกับฉุดกระชากพลังสีดำรูปร่างหงส์แดงนี้ลงมาสั่นสะท้านมันจนกลายเป็นเถ้าถ่านในชั่วพริบตา
นี่ยังไม่หมด…
“กลับไป”
ต้าซือมิ่งสะบัดแขนเสื้อไปหนึ่งหน! เขาเป็นเหมือนเทพที่ลงมาจุติ นำศรธนูที่แยกจากกันรวมเป็นหนึ่งเดียวเหมือนเก่า พร้อมยิงกลับไปยังจุดเดิมที่ธนูยิงออกมา
ศรรัดใจสุดขอบฟ้าอะไรกัน!
กลับไปแว้งกัดเจ้าของของมันเสียเถอะ…
เผด็จการเช่นนี้แหละ!
แข็งแกร่งเช่นนี้แหละ!
ทำเอามือธนูที่แฝงตัวในฝูงชนต้องกลายร่างเป็นเงาดำหายไปในทันที วิชาควบคุมอวกาศในที่เกิดเหตุก็ค่อยๆ สลายไปในขณะเดียวกัน
หลังจากนั้น…
“ไป”
ต้าซือมิ่งหรงที่โอบกอดคนข้างๆ ไว้ในอ้อมกอดด้วยแขนข้างเดียวได้เหยียบศรธนูสีดำนั่นจนกลายเป็นแสงสีม่วงแวววาว พร้อมกับพุ่งไปทางเงาสีดำที่หายวับไปนั้นโดยตรง
กล่าวได้ว่า…
ไม่ว่าเงาสีดำนั่นจะหายตัวได้ไวมากเพียงใด!
ฟิ้ววว!
ก็ไม่ไวเท่าต้าซือมิ่งบางคนหรอก
ยิ่งไปกว่านั้น…
“ลงมา”
ต้าซือมิ่งหรงที่กระตุ้นจิตวิญญาณแล้วยังคงจับกลิ่นอายของอีกฝ่ายไว้ได้ จิตวิญญาณหนึ่งสะท้านเข้าสู่อนุสติของอีกฝ่ายโดยตรง โหดมาก! ก้องกังวานไปด้วยเสียงแห่งเทพ
ตามมาด้วย…
—————————————-
[1] ฟ้าผ่าตอนกลางวัน เป็นสำนวน หมายถึง มีเรื่องที่ไม่คาดฝันทำให้ตกใจอย่างมาก เหมือนกับฟ้าฝ่าตอนกลางวันแสกๆ