เงาสีดำประดุจดาวตก ฟาดลงบนพื้นในทันที
โครมคราม!
เสียงสั่นสะท้านน่าสะพรึงกลัว…
แต่ก็ถือว่าเป็นการบอกทิศทางในการไล่ตามคนให้กับเม่ยเอ๋อร์และคนอื่นๆ เช่นกัน ทั้งสี่คน ฟิ้วๆ ไล่ตามไปทันที
ต้าซือมิ่งบางคนก็ได้โอบกอดสองแม่ลูกมาถึงใจกลางจุดที่สั่นสะเทือนแล้ว
เยี่ยนอวี๋ที่ปัด ‘มือปลาหมึก’ ของต้าซือมิ่งออกทันทีที่ลงถึงพื้น นางปัดฝุ่นควันรอบๆ ลงไปในหลุม พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หนีไปได้อีกแล้ว”
“ไม่แน่” ต้าซือมิ่งที่ค่อยๆ เก็บแขนกลับยังคงนึกถึงเอวนุ่มนิ่มของปฐมราชินีเยี่ยนอยู่ แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้โอบอยู่ดี จะให้โอบเมื่อใดกัน
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ต้าซือมิ่งหรงก็มองไปทางเอวของปฐมราชินีเยี่ยนอย่าง ‘ไม่พอใจ’ แวบหนึ่งก็ได้รับการตักเตือนอันเย็นยะเยือกกลับมา “มองอันใด!”
“มองเอวบางๆ ของภรรยา” ต้าซือมิ่งหรงตอบตามจริง
ดวงตาเยี่ยนอวี๋แข็งทื่อ “ดูท่าแล้วพลังเทพของเจ้ามีมากพอตัวเลย แต่เป็นข้าเองที่ตาถั่ว”
“…ไม่ใช่แน่นอน เพราะข้าเพิ่งจะสัญญากับท่านพ่อตาไว้ กลับเมืองหลวงทั้งทีข้าไม่ควรปล่อยให้เจ้ามาปกป้องข้าหรอกกระมัง” ต้าซือมิ่งบางคนไม่ยอมรับ
“เรียกเสียถนัดปากเชียวนะ เจ้าคงลืมไปว่าข้ายังไม่ตอบตกลง” เยี่ยนอวี๋พลางพูดพลางไม่สนใจต้าซือมิ่งที่สอนไม่จำผู้นี้อีก จากนั้นไปสำรวจเลือดสีดำที่อยู่ในหลุมด้วยตนเอง
เลือดนี้เป็นของผู้ซุ่มโจมตีอย่างแน่นอน แต่นั่นต้องเป็นผู้มีความสามารถแน่ถึงได้เป็นถึงเช่นนี้แล้วยังหนีไปได้ อีกอย่างยังไม่เหลือร่องรอยไว้ด้วย น่าจะใช้ท่าเท้าท่องหนีโลหิต
แต่เยี่ยนอวี๋รู้ว่าต้าซือมิ่งผู้นี้ต้องมีแผนสำรองเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงไม่เป็นกังวลที่ตามคนร้ายไม่ทัน แต่มาสำรวจเลือดนี้แทน เพียงแต่เลือดนี้…
“เป็นอย่างไรบ้าง” ต้าซือมิ่งที่อุ้มลูกน้อยอยู่นั่งลงถาม
เยี่ยนอวี๋ใช้นิ้วมือแตะเลือดขึ้นมาเล็กน้อย “วิญญาณของคนตาย”
“ไม่ใช่คนเป็นจริงๆ ด้วยอย่างนั้นหรือ” ต้าซือมิ่งหรงดึงมืออ้วนป้อมของลูกน้อยที่ยื่นออกไปกลับ “แม่ของเจ้าทำได้ แต่เจ้าทำไม่ได้ ต้องไม่ทำตามไปเสียทุกอย่างนะ”
“อ้ะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าจับมืออ้วนป้อม แต่กลับส่ายหน้ากลมไปมา“อ้ะเนะเนะ…”
“แปลก” เยี่ยนอวี๋ใช้มือข้างหนึ่งลูบศีรษะโล้นของลูกน้อยเป็นเชิงปลอบลูกน้อยที่ดูร้อนรนเล็กน้อย อีกข้างหนึ่งกลับนำนิ้วมือที่มีเลือดอยู่เข้าปาก
ท่าทางเช่นนี้…
ทำเอาต้าซือมิ่งต้องหลับตาลงเล็กน้อย แต่เยี่ยนอวี๋กลับหันไปหาเขา “กลิ่นอายของเจ้า”
“หืม?”
หรงอี้ผู้มีดวงตาสีม่วงเป็นประกายจับมือของนางขึ้น พร้อมกับนำนิ้วมือที่มีเลือดติดอยู่ป้อนเข้าในปากของตนทันที!
“เจ้าทำอะไร!” เยี่ยนอวี๋ที่ดึงมือของตนกลับทันทีรีบหยิบผ้าเช็ดออกมาเช็ดนิ้วมือทันที เพียงรู้สึกแปลกไปทั้งตัว!
ต้าซือมิ่งที่มีสีหน้าปกติกลับกล่าวขึ้นว่า “มีกลิ่นอายของข้าจริง”
“อ้ะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่จะมุดออกจากอ้อมกอดของท่านพ่อชี้ไปทางกองเลือดนั่น “อ้ะเนะเนะ…”
หรงอี้ที่ม้วนลูกน้อยกลับเข้าไปในอกเหมือนเดิมจึงเข้าใจว่าลูกน้อยสังเกตเห็นตั้งนานแล้วว่าเลือดของคนผู้นี้มีกลิ่นอายของเขา “เสี่ยวเป่าเก่งที่สุด เก่งยิ่งกว่าท่านพ่อและท่านแม่อีก”
“เนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าถึงได้สงบลง พร้อมทั้งจ้องมองกองเลือดอย่างไม่ละสายตา และพองแก้มขึ้นอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจเท่าไรนัก เพราะว่าคนร้ายขโมยกลิ่นอายของท่านพ่อไป! ฮือๆๆ…
ต้าซือมิ่งบางคนไม่ลืมที่จะสั่งสอน “ดังนั้นแล้วคราวหน้าหากเสี่ยวเป่าสังเกตเห็นกลิ่นอายของท่านพ่ออีก ต้องไม่พุ่งเข้าหาเหมือนแต่ก่อนแล้ว เช่นนั้นจะเจอคนร้ายได้”
“อ้ะ…” ทันใดนั้นเองเยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ดูสลดลงรีบมุดกลับเข้าไปในอ้อมกอดของท่านพ่อทันที และนอนลงอย่างเชื่อฟัง บ่งบอกว่าเขาเป็นเด็กดี รู้ผิดแล้ว ห้ามพูดอีก
นี่ทำเอาดวงตาของเยี่ยนอวี๋ร้อนผ่าว อยากจะอุ้มลูกน้อยกลับมาเหลือเกิน แต่ก็ไม่อยากเข้าใกล้ต้าซือมิ่งบางคน! ยังคงรู้สึกว่าบริเวณปลายนิ้วมือมีความรู้สึกแปลกๆ อยู่ ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก!
คนเลว!
เยี่ยนอวี๋ที่ยิ่งคิดก็ยิ่งยากตีคนกำหมัดแน่น แต่ต้าซือมิ่งบางคนกลับกล่าวขึ้นว่า “ไปเถิด เขาปรากฏตัวแล้ว”
“ตรงไหน” เยี่ยนอวี๋รีบกล่าวขึ้น
ต้าซือมิ่งบางคนรู้ดีว่าวันนี้ไม่สมควรที่จะกอดภรรยาอีก ทำได้เพียงตอบกลับว่า “ชานเมืองทางตอนเหนือของเมืองหลวง สำนักคุนอู๋”
ฟิ้วๆ!…
เม่ยเอ๋อร์ทั้งสี่คนที่ไล่ตามมา เพิ่งจะลงสู่พื้นก็ได้ยินว่าจะไปที่ชานเมืองทางตอนเหนือของเมืองหลวงแล้ว หลังจากนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียง ‘วิ่ง’ ต่อไป
โชคดีที่ครั้งนี้ไม่มีกลิ่นอายก่อกวนอีก พวกเขาจึงรู้ตำแหน่งแน่ชัดแล้วหายไปปรากฏตัวที่สำนักคุนอู๋ทันที!
…
ในขณะเดียวกัน!
ฟิ้ว!
เงาดำนั่นเพิ่งจะปรากฏตัวที่หน้าประตูสำนักคุนอู๋และกลายร่างเป็นชายร่างผอมในเสื้อคลุมก็ทำเอาผู้พิทักษ์คุนอู๋นายหนึ่งที่เฝ้าประตูสำนักคุนอู๋อยู่ตกใจไปหนหนึ่ง
แค่ก! ชายร่างผอมในเสื้อคลุมกระอักเลือดสีดำออกมา เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บสาหัสจึงไม่สามารถกลับเข้าในสำนักได้ในคราวเดียว ร่างกายกำลังอ่อนยวบ!
“ผู้พิทักษ์วิญญาณ!” ผู้พิทักษ์สำนักคุนอู๋เพิ่งจะได้สติ เพียงแต่น่าเสียดาย…
ไม่รอให้ผู้พิทักษ์สำนักคุนอู๋คนนี้ออกมานำ ‘คน’ เข้าไป แสงสีม่วงสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าชายร่างผอมในเสื้อคลุมนี้ทันที และตามมาด้วยเสียงเด็กทารกที่ไม่เข้ากับสถานการณ์เท่าไรนัก “เนะ!”
ปังงง!
ชายร่างผอมในเสื้อคลุมที่กำลังอ่อนแอพลันสลายตัวในทันที เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามจะหลบหนี จากนั้น…
“จะไปไหน!”
เม่ยเอ๋อร์ที่ตามหลังมาระเบิดสนามรบอสุรีออกมาพร้อมพลังเสียงทันที!
ก๊ากๆๆ!
หึๆ…
เสียงร้องไห้ของภูตผีและเสียงเห่าหอนของหมาป่ากลืนกินหมอกดำทั้งหมด และทำให้ชายร่างผอมในเสื้อคลุมนั่นกลับคืนสู่สภาพเดิมในทันที
นี่ยังไม่หมด…
ปังงง!
เม่ยเอ๋อร์ที่ฟันดาบลงไปทำให้เงาร่างที่กำลังปรากฏเป็นร่างมนุษย์นั้นทรุดลงกับพื้นทันที
“โซ่เพลิงสวรรค์!”
อินหลิวเฟิงที่ตามมาติดๆ ยื่นมือออกไปโซ่สีแดงเพลิงสายหนึ่งก็รัดตัวคนที่อยู่บนพื้นไว้อย่างแน่นหนาทันที
เอ้อร์เหมารีบเข้าไปเสริมด้วยฝ่าเท้าหนึ่ง “ดูซิว่าเจ้าจะหนีไปไหนได้อีก!”
แต่ทว่าฝ่าเท้าที่เขาเตะออกไปนั้น…
“ระวัง!” เยี่ยนอวี๋รีบเอ่ยเตือนทันที! เพราะนางสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแปลกประหลาดจากอีกฝ่ายได้ แต่กลิ่นอายนี้…ไม่รอให้นางได้ไตร่ตรองใดๆ
ปังงง!
ชายร่างผอมในเสื้อคลุมที่ระเบิดตัวออกกะทันหันพลันลุกเป็นไฟพร้อมกับโซ่เพลิงสวรรค์ที่รัดตัวเขาไว้ ทำให้เอ้อร์เหมาที่อยู่ใกล้สุดกระเด็นออกไปไกล
หากมิใช่ว่าเยี่ยนอวี๋เอ่ยเตือนจนเอ้อร์เหมารีบชักเท้ากลับ เช่นนั้นเขาคงต้องสูญเสียขาข้างนั้นไปแล้วแน่ๆ แต่ก็ยังทำให้เอ้อร์เหมาที่ถูกระเบิดกระเด็นไปไกลตกใจกลัวเช่นกัน “อันตรายมาก!”
พลังป้องกันของเยี่ยนอวี๋และคนอื่นๆ ต่างก็ออกมาป้องกันพวกเขาในทันที เพราะนี่เป็นการระเบิดพลังจิตวิญญาณ! ‘คน’ ในเสื้อคลุมที่ถูกรัดตัวไว้และดูเหมือนสลบไปแล้วกลับระเบิดตนเองอย่างเหี้ยมโหดเสียอย่างนั้น
“โหดจริงๆ…” อินหลิวเฟิงนอกจากสงสารโซ่เพลิงสวรรค์ของตนแล้ว ก็ทำได้เพียงถอนหายใจเท่านั้น เป็นคนโหดเหี้ยมจริงๆ! เพราะการระเบิดพลังจิตวิญญาณนี้เท่ากับจิตวิญญาณแหลกสลายเลยนะนั่น!
แต่เยี่ยนอวี๋กลับรู้ว่า อีกฝ่ายคงกลัวว่าพวกเขาจะตามสืบถึงความลับที่ยิ่งใหญ่ได้! มิเช่นนั้นคงไม่ทำถึงเพียงนี้ หลังจากการระเบิดนี้จบลง
เยี่ยนอวี๋ก็มองไปทางประตูสำนักคุนอู๋!
และในขณะนั้นเอง…
ผู้พิทักษ์สำนักคุนอู๋นายนั้นยืนอยู่ตรงบริเวณคานของประตูคุนอู๋ สีหน้าย่ำแย่ถึงขีดสุด “พวกเจ้าเป็นใครกัน! ถึงได้กล้าทำเรื่องโหดร้ายที่หน้าประตูสำนักคุนอู๋ได้!”
ต้องทราบก่อนว่าการกระทำของกลุ่มเยี่ยนอวี๋ดูเหมือนจะทำอะไรไปมากมาย แต่ความจริงแล้วเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ขณะที่ผู้พิทักษ์คนนี้ได้สติ คนในเสื้อคลุมก็ถูกจับตัวไว้แล้ว!
ตามมาด้วย ไม่ทันรอให้เขาได้คิดหาวิธีช่วยคน คนในเสื้อคลุมก็ระเบิดตนเองเสียแล้ว!
บัดนี้…
“พวกเจ้าช่างกล้านัก!”
ผู้พิทักษ์คุนอู๋ที่หน้าถอดสีแทบจะกระอักเลือดออกมา ร้อยกว่าปีที่เขาเป็นผู้พิทักษ์มานี่เป็นครั้งแรกที่พบเจอสถานการณ์ที่…ลงมือยากมากเพียงนี้
และแล้ว วันนี้ก็เป็นวันที่ถูกกำหนดให้เป็นวันที่เขาต้องปรับเปลี่ยนมุมมองใหม่อีกครั้ง
เพราะเยี่ยนอวี๋ได้ออกคำสั่งลงไปแล้ว “เม่ยเอ๋อร์ ลงมือซะ”
“เจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่!” เม่ยเอ๋อร์ตอบรับแล้วเหวี่ยงดาบไปทางผู้พิทักษ์คุนอู๋นายนั้นโดยตรง
“สารเลว!” ผู้พิทักษ์คุนอู๋ที่เครียดจนศีรษะแทบระเบิดคาดไม่ถึงว่า คนพวกนี้นอกจากจะฆ่าคนต่อหน้าเขาไม่ว่า ยังคิดจะฆ่าเขาอีกด้วย! และยังฆ่าตรงหน้าประตูคุนอู๋ของเขาด้วย!
มารดามันเถอะ…
จริงๆ เลย
“ตายซะ!”
ดาบของเม่ยเอ๋อร์เปล่งเสียงเพลงน่าสะพรึงกลัวออกมาฟาดลงบนศีรษะของผู้พิทักษ์คุนอู๋ ทำให้การต่อต้านของฝ่ายหลังแหลกสลายไปในทันที รวมไปถึงการป้องกันกายเนื้อและการป้องกันทางพลังจิตของเขาด้วย
นี่ยังไม่นับ…
โครมมม!
เยี่ยนจื่อเสาที่ลงมือกะทันหัน! เขาทะลวงฝ่ามือเข้าไปในตำแหน่งหัวใจของผู้พิทักษ์คุนอู๋ด้วยมือเดียว และทำลายจุดลมปราณทุกจุดของอีกฝ่าย กำจัดชีวิตไปหนึ่งชีวิต
“เจ้า!” เม่ยเอ๋อร์หน้าดำหน้าแดง นางถูกตัดหน้าไปอีกแล้ว ทั้งยังถูกเยี่ยนจื่อเสาตัดหน้าไปทั้งสองหนด้วย!
แต่เยี่ยนจื่อเสาที่ตัดหน้ายังเอ่ยถามหน้าซื่อว่า “เม่ยเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นอะไรนะ”
“หึ!” เม่ยเอ๋อร์แบกดาบกลับไปยังข้างกายเยี่ยนอวี๋ ในใจเศร้ายิ่งนัก! หากคนคนนี้ไม่ใช่พี่รองของคุณหนูใหญ่ เมื่อครู่นี้นางต้องฟาดเขาด้วยดาบเป็นแน่!
ส่วนเยี่ยนอวี๋ นางได้ก้าวเข้าไปในประตูสำนักคุนอู๋เรียบร้อยแล้ว
ครืนน!
สำนักคุนอู๋กำลังสั่นไหว…