แซ่ด!
เกิดความโกลาหลขึ้นในฝูงชน จากคำพูดของกู้หยวนเหิงก็ทำให้ระเบิดได้มากพอแล้ว!
และยังมี ‘ยายของปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน’ อีกคน นี่ก็มากพอให้ผู้คนพูดถึงเป็นเวลาสามวันห้าวันแล้ว
แม้ว่าเยี่ยนอวี๋จะเพิ่งมาถึงเมืองหลวง แต่ทุกอย่างเกี่ยวกับนางได้แพร่กระจายไปในเมืองหลวงตั้งแต่ครึ่งปีที่แล้วแล้ว ผู้คนในเมืองหลวงรู้ดีว่าปราชญ์มหาสำนักหมอหลวงคนใหม่ไม่เพียงแต่อายุน้อยและงดงามเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องราวกับชีหลางแห่งตระกูลกู้ด้วย
แม้ว่าผู้ที่มีสมองจะรู้ว่าปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกู้ชีหลางแน่ แต่การนินทาไม่เคยต้องการสมอง! ดังนั้นจึงมีคนผิวปากแล้ว “โอ้! ไม่คิดเลยว่าคลาดกันไปมาคู่นี้จะสำเร็จด้วย”
“ไม่ต้องคิดแล้ว! ข้าได้ฟังการวิเคราะห์ของป้าๆ มาแล้ว กู้ชีหลางได้ขอให้อดีตฮองเฮาออกพระราชเสาวนีย์ แต่ไม่รอให้ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนพยักหน้า อดีตฮองเฮาก็ถูกปลดจากตำแหน่งเสียแล้ว ต้องเป็นไปไม่ได้แน่อยู่แล้ว”
“โอ้! เช่นนี้ฝ่าบาทให้ความสำคัญกับปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนจริงๆ จึงได้ปลดฮองเฮาคนใหม่ด้วยเหตุนี้ ว่ากันว่าตระกูลกู้นั้นหาที่เปรียบมิได้และได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท แต่เอ๊ะ!…”
ผู้ชมที่เบื่อหน่ายกลุ่มหนึ่งจ้องมองที่เกิดเหตุและเริ่มพูดคุยกัน บางคนถึงกับปีนต้นไม้ใกล้ๆ แล้วแทะเม็ดทานตะวันอย่างมีความสุข
และพวกที่นั่งอยู่สูงเป็นกลุ่มแรกที่เห็นมัน รถม้าอันสวยงามกำลังเข้ามาใกล้ หลังจากนั้นหญิงชราในชุดหวาฝูก็ได้รับการประคองจากสาวใช้ลงมาจากรถม้า มีความรู้สึกเหนือชั้นเล็กน้อย
“จุ๊!”
ผู้ชมจำนวนมากที่อยู่สูงพบว่าถึงแม้หญิงชราจะแต่งกายอย่างสง่างาม แต่มีนิสัยฉูดฉาดมาก มีอายุแล้วยังแต่งหน้าจัดจ้าน ช่างแสบตาเหลือเกิน
แต่ก็มีคนตาแหลมที่เห็นว่าหญิงชราคนนี้มีใบหน้าที่ดูดีและน่าจะงดงามเมื่อตอนยังสาวเช่นกัน แต่อายุปูนนี้แล้วยังแต่งหน้าแต่งตาเช่นนี้อีก ไม่! เหมาะสม! จริงๆ
ตูมมม!
ตูมมม!… ชิวซูเฟินผู้ซึ่งพิงไม้ค้ำยันเดินไปที่ทางเข้าสำนักศึกษา จริงๆ แล้วนอกจากจะเป็นยายของเยี่ยนอวี๋แล้ว นางยังเป็นนักร้องฐานะทาสคนนั้นอีกด้วย
อันที่จริง นางไม่มีสถานะในตระกูลจางเลย แม้แต่สถานะเมียน้อย หากครั้งนี้ไม่ใช่เพราะมีคนจงใจก่อเรื่อง ตอนนี้นางคงยังขัดๆ ถูๆ อยู่ในเรือนหลัง
ความจริงแล้วหลายปีก่อนนางมีโอกาสออกจากตระกูลจาง กระทั่งหลุดจากสถานะทาสด้วยซ้ำ แต่นางพลาดไปและนางเสียใจมาก! แต่นางไม่สามารถหันหลังกลับได้ ดังนั้นนางจึงวางแผนที่จะคว้าโอกาสนี้ไว้ และน่าจะเป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว!
ดังนั้นชิวซูเฟินจึงพูดอีกครั้งว่า “กู้ชีหลางเป็นเด็กที่ข้าเฝ้าดูมาตั้งแต่ยังน้อย นิสัยใจคอดีมาก และยังเป็นคู่หมั้นหมายวัยเยาว์กับจื่ออวี๋อีกด้วย ข้าไม่รู้ว่าหลังจากที่เจ้าถูกนำไปที่สำนักชางอู๋แล้วได้รับการเลี้ยงดูสั่งสอนมาอย่างไรกันแน่!
ตอนนี้เย่อหยิ่งไม่ยอมแต่งให้กับกู้ชีหลางที่เป็นคู่หมายในยามเยาว์เสียแล้ว ทั้งยังไม่ลังเลเลยที่จะปล่อยให้ลูกของเขาถูกตราหน้าว่าให้เป็นเด็กไม่มีพ่อ!”
ทันทีที่คำกล่าวนี้ออกมา…
ต้าซือมิ่งบางคนก็ได้เดินออกมาจากสำนักศึกษา ดวงตาของเขามืดมนราวกับขุมนรก และร่างกายของเขาเผยให้เห็นถึงความโหดร้ายเล็กน้อยที่ไม่เคยมีมาก่อน! ถ้าไม่ใช่เพราะเยี่ยนอวี๋รั้งเขาไว้ เกรงว่า…
เยี่ยนอวี๋พูด “ข้าเอง”
เยี่ยนจื่อเสาเองก็ออกมาเช่นกัน จ้องเขม็งไปที่คนที่น่าจะเป็นยายของเขา และทันใดนั้นก็เข้าใจว่าทำไมท่านพ่อถึงไม่อยากพูดถึงบ้านฝั่งท่านแม่แล้ว!
ยายแบบนี้! จะนับไปเพื่ออะไร!
ส่วนเยี่ยนอวี๋ นางมองไปที่ ‘ยาย’ คนนั้นผ่านกู้หยวนเหิง ดวงตาของนางเย็นชาและกดดัน “ท่านจะบอกว่าท่านเคยสั่งสอนข้าอย่างนั้นหรือ”
ชิวซูเฟินตะลึง! เห็นได้ชัดว่านางจำเยี่ยนอวี๋ไม่ได้ เพราะเยี่ยนอวี๋หน้าตาไม่เหมือนกับบิดามารดา แต่นางสวยกว่า สวยจนที่ชิวซูเฟินรู้สึกแสบตา “แน่นอน! ก่อนอายุสี่ปี เจ้าถูกเลี้ยงดูโดยข้า มาวันนี้แม้แต่ยายก็ไม่เรียก! เจ้า…เจ้านิสัยเสียจริงๆ! พ่อแม่ของเจ้าเลี้ยงดูเจ้ามาอย่างไรกัน แม้แต่บรรพบุรุษก็ไม่รู้ ก็ไม่แปลก…แม่เจ้าตายเร็ว พ่อเจ้าก็เป็นคนดื้อรั้นจะเลี้ยงหญิงสาวคนหนึ่งได้อย่างไร ไม่แปลกใจเลยที่เขาเลี้ยงเจ้าให้เป็นคนไร้ค่าและไร้หัวใจเช่นนี้!”
“ไร้สาระ! น้องสาวของข้าเกิดในสำนักชางอู๋ เติบโตในสำนักชางอู๋ จะถูกเลี้ยงดูมาจากอสรพิษอย่างท่านได้อย่างไร ท่าน…” เยี่ยนจื่อเสาที่โกรธจนตัวสั่นอยากจะก้าวไปข้างหน้าแล้วจับอสรพิษคนนี้โยนออกไปนอกโลกซะ
เขาไม่เคยคิดมาก่อน! ว่าจะมีคนที่สามารถพูดอะไรที่เลวร้ายและทำลายชื่อเสียงของน้องสาวตัวน้อยของเขาได้มากขนาดนี้และนั่นกลับออกมาจากปากของ ‘ยาย’ ของเขาได้ เขาโกรธจนแทบระเบิด
แต่เขาก็ถูกเยี่ยนอวี๋รั้งไว้…
ส่วนเยี่ยนอวี๋นางยังคงสงบ แม้ว่าคนรอบข้างจะกล่าวหานาง นางก็เย็นชาเช่นเคย และถามเพียงว่า “ท่านกล้าสาบานต่อสวรรค์หรือไม่”
เยี่ยนอวี๋ที่เย็นชาและสูงศักดิ์ทำให้ชิวซูเฟินโกรธมากขึ้น นางคิดว่านางเคยสวยเหมือนดอกไม้ แต่นางกลับกลายเป็นหญิงชราน่าเกลียด แต่หลานสาวคนนี้กลับสดใสและสวยงามเหมือนนางฟ้า! นาง…
“เหตุใดจึงไม่กล้า! ข้าขอสาบานว่าทุกสิ่งที่ข้าพูดนั้นเป็นความจริง มิฉะนั้นขอให้ถูกอัสนีทั้งห้าฟาดผ่า ไม่ได้ตายดี!” ชิวซูเฟินสาบาน
ครืนน!
ฟ้าแลบวาบบนท้องฟ้า ทำเอาชิวซูเฟินสั่นเทาจนไม่สามารถจับไม้ค้ำได้แน่น สายฟ้าได้มารวมตัวอยู่บนศีรษะของนางท่ามกลางสายตาจับจ้องมากมาย
ครืนน!
ครืนน!
พายุสายฟ้าทั้งห้าสายมารวมตัวกันในทันที ทุกคนพลันตกตะลึง! ในช่วงเวลาที่ไม่น่าเชื่อนั้น มันผ่าเข้าที่ศีรษะของชิวซูเฟินอย่างไม่ลังเลทันที
ปังงง!
ชิวซูเฟินไหม้เกรียม! เนื้อถูกฉีกออกและเลือดพุ่งออกมา แต่กลับยังไม่ตายในทันที
เพราะนางต้องไม่ได้ตายดีจึงไม่อาจตายง่ายๆ เช่นนี้ ดังนั้นแม้ว่านางจะไม่ฝึกฌาน แม้ว่านางควรจะตายในตอนนั้นแล้วก็ตาม แต่นางกลับยังไม่ตาย นางยังคงหายใจและสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดสุดขีด
และฉากนี้…
“ให้ตายเถอะ!”
“โดนห้าอัสนีฟาดผ่าจริงๆ!”
“และยังไม่ตายดีอีก! ยังไม่ตาย! นี่ต้องทรมานเพียงใดเชียว!”
ผู้ชมตะลึง หลายปีที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าไม่เคยมีใครสาบานว่าให้โดนฟ้าผ่า แต่โดยทั่วไปคนที่ไม่ได้ฝึกฌานจะไม่สามารถเรียกสายฟ้ามาได้
นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมชิวซูเฟินถึงกล้าสาบาน ไม่คาดคิด…
อ๊ากกก!
อ๊ากกก ชิวซูเฟินที่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ร้องจนทำให้ปากไหม้เกรียมของนางฉีกขาด นางทั้งกลิ้ง ชัก แสนเจ็บปวด แต่ก็ยังไม่ตาย
สภาพอนาถเช่นนี้ทำให้ผู้ชมตกใจ กู้หยวนเหิงตัวสั่นอยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าเขารู้ว่าคำพูดของเขานั้นจอมปลอมแค่ไหน
แต่เยี่ยนอวี๋จะไม่ปล่อยเขาไปในครั้งนี้ “กู้หยวนเหิง…เจ้าล่ะ เจ้ากล้าสาบานหรือไม่”
กู้หยวนเหิงที่ตัวสั่นราวกับตะแกรง เขาเม้มริมฝีปาก ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้ในตอนนี้ หลังจากที่เห็นจุดจบของชิวซูเฟินแล้ว
“เจ้าไม่กล้า” เยี่ยนอวี๋มองทุกอย่างได้ปรุโปร่ง “เพราะขอแค่ข้ายอมแต่งงานกับเจ้าจริงๆ เจ้าจะทรมานข้าทุกวิถีทางและยัดเยียดความอัปยศของเจ้าในวันนี้และในอดีตมาลงที่ข้าและลูกในที่ที่ไม่มีผู้ใดมองเห็น
ยิ่งเจ้าขอแต่งงานยากเย็นมากเท่าใด การแก้แค้นก็จะยิ่งบิดเบี้ยวมากขึ้น เพราะเจ้ารู้ดีว่าลูกชายของข้าไม่ใช่ลูกของเจ้า ดังนั้นแม้ว่าข้าจะแต่งงานกับเจ้าง่ายๆ กระทั่งรีบแต่งให้เจ้า เจ้าก็จะเห็นข้าเป็นเหมือนความอัปยศและทรมานข้าจนตาย”
ชาติที่แล้วก็เป็นเช่นนี้!
บางสิ่งบางอย่าง เยี่ยนอวี๋ก็ไม่อยากพูดถึงนัก!
แต่วันนี้นางต้องพูด ไม่ใช่เพื่อนางในชาตินี้ แต่เพื่อแม่นางน้อยในชาติก่อน แม่นางน้อยที่ทุ่มเททุกสิ่งจนสุดท้ายต้องกระโดดเข้าสู่กองเพลิงผู้นั้น
“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น…” กู้หยวนเหิงส่ายศีรษะปฏิเสธ “ไม่นะ! จื่ออวี๋ ไม่ใช่อย่างนั้น หัวใจของข้าที่มีต่อเจ้าแม้แต่ดวงตะวันและดวงจันทร์ก็รับรู้ได้! ข้า…”
“กล้าสาบานหรือไม่” เยี่ยนอวี๋เพียงถาม
กู้หยวนเหิง “…”
เขากล้าหรือไม่ เขา…
“ข้ากล้า!”
กู้หยวนเหิงผู้ซึ่งค่อนข้างมั่นใจในหัวใจของเขาพูดขึ้นทันทีว่า “ข้า…กู้หยวนเหิง! ข้าขอสาบานว่าหัวใจของข้าที่มีต่อเยี่ยนจื่ออวี๋แม้แต่ดวงตะวันและดวงจันทร์ก็สามารถรับรู้ได้! หากข้าผิดสัญญา…”
“พอแล้ว” เสียงถอนหายใจของชายหนุ่มขัดคำสาบานของกู้หยวนเหิง “พอแล้ว คำสาบานอันว่างเปล่า ไม่สำคัญหรอก หัวใจของเจ้าสำคัญกว่า”
จางเจิ้นหวาผู้มีอำนาจในสำนักคุนอู๋มาแล้ว และเขายังมาพร้อมกับกลุ่มผู้แข็งแกร่งของสำนักคุนอู๋ด้วย “จื่ออวี๋ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่รู้จักครอบครัวฝั่งแม่ของเจ้า ทั้งยังถูกพ่อของเจ้าสอนเจ้าให้เกลียดชังครอบครัวฝั่งแม่ แต่เจ้าไม่อาจลบความจริงที่ว่าเจ้ามีสายเลือดของข้าได้”
จางเจิ้นหวาที่พลางพูดพลางเดินผ่านฝูงชนไปที่ชิวซูเฟินและให้คนรักษาชิวซูเฟิน ดูแล้วอายุราวสี่สิบถึงห้าสิบปี เขาดูแลตนเองเป็นอย่างดี ทั้งยังคล้ายกับเยี่ยนจื่อเสาอยู่บ้าง
ดังนั้นผู้ชมรอบๆ จึงมั่นใจได้ว่าสิ่งที่บุคคลผู้นี้พูดนั้นเป็นความจริง! ดังนั้นปราชญ์มหาสำนักคนใหม่ของสำนักหมองหลวงมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลจางจริงๆ อย่างนั้นรึ!
“หึ! คาดไม่ถึงเลย”
“คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าแต่ว่าตระกูลจางนี่เป็นใครมาจากไหนกัน”
“นั่นน่ะสิ เหตุใดจึงสวมชุดของสำนักคุนอู๋ไว้ด้วย”
…ผู้ชมเริ่มพูดคุยกันอย่างดุเดือดอีกครั้ง
จางเจิ้นหวายัง ‘กระจายข่าว’ อีกครั้งโดยพูดว่า “ถึงแม้ฐานะของยายเจ้าจะไม่ค่อยดี และเป็นนักร้องของหอจุ้ยชุน แต่นางก็เป็นยายของเจ้าอยู่ดี เหตุใดเจ้าจึงใจร้าย ผ่านางจนตายไปด้อย่างไร”