ตอนที่ 294 ราตรีนั้นทำอะไรข้าไปกันแน่
เจ้าตัวน้อยกะพริบตาปริบถามว่า “อ้ะเนะเนะ?”
เจ้าตัวน้อยและเจ้าตัวใหญ่ที่น่าเอ็นดูเช่นนี้ ทำเอาต้าซือมิ่งแทบจะไม่อยากปลีกตัวออกมา แต่ว่า… ต้าซือมิ่งได้แต่ลูบศีรษะเด็กน้อยและมองภรรยากล่าวว่า “เรื่องสำคัญน่ะ”
เยี่ยนอวี๋มิได้เซ้าซี้ นางตบมือเบาๆ เรียกเจ้าตัวน้อย จากนั้นเขาก็เข้าไปอยู่ในอ้อมอกของท่านแม่ แต่ยังคงแสดงอาการอาลัยต่อท่านพ่อ “อ้ะเนะเนะ?” พาเสี่ยวเป่าไปด้วยไม่ได้หรือขอรับ
“ก็ใช่ว่าจะไม่ได้” หรงอี้ฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้ เขาก็ยื่นมือไปอุ้มเสี่ยวเป่าคืนมา
เยี่ยนอวี๋สับสนไปหมด “เจ้าจะทำอะไรกันแน่”
เรื่องร่างพรหมจารีทำให้ต้าซือมิ่งหรงสับสนไม่น้อย เขาจึงมองไปที่ผู้ร้ายที่ ‘ทำลาย’ พรมจารีของเขาด้วยสายตาเหินห่าง
เยี่ยนอวี๋งุนงงกว่าเดิม ทว่านางก็พอเดาได้ว่าเหตุใดเขาจึงมองนางเช่นนี้ คงเป็นเพราะเหตุการณ์ในคืนนั้นสินะ เช่นนั้นล่ะก็…
“เจ้าไปเถิด” เยี่ยนอวี่ไม่อยากถูกสายตาเช่นนี้จ้องมองอีก นางรู้สึกใจไม่เป็นสุขอย่างไรไม่รู้
เมื่อหรงอี้เห็นนางมีท่าทีร้อนตัวเช่นนี้ เขาก็หรี่ตาลง พลันเกิดคำถามในใจว่า หรือว่าเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ลบความทรงจำของข้าไปจริงๆ นะ
อืม…
นัยน์ตาต้าซือมิ่งหรงลุ่มลึก แทบจะกลืนมนุษย์ตรงหน้าเข้าไปแล้ว เขาเพ่งมองและครุ่นคิดอยู่อย่างนั้น
“พอแล้ว จะไปก็ไปเถอะ” เยี่ยนจื่อเยี่ยที่อยู่ข้างๆ ทนดูต่อไปไม่ไหวจึงไล่เขาออกไป ตัวเขาเองมีเรื่องอยากจะคุยกับน้องรองและน้องเล็กพอดี
“อ้ะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่กำลังตื่นเต้นดีใจก็กอดคอและเร่งเร้าท่านพ่อของเขา
เยี่ยนอวี๋จิ้มก้นน้อยๆ ของเขาอย่างน้อยใจ “ให้เจ้าอยู่กับแม่เจ้าไม่ชอบ พอได้ไปกับพ่อก็ดีใจออกนอกหน้านอกตาเช่นนี้ ไม่ชอบแม่แล้วใช่หรือไม่จ๊ะ”
“อ้ะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ารีบจับก้นน้อยๆ ไว้เอี้ยวตัวไปแก้ตัวว่า “แม! ชอบ! ชอบ!”
“โกหก เจ้าตัวดื้อ!” เยี่ยนอวี๋หยิกแก้มน้อยๆ ของเด็กน้อย “มีพ่อแล้วก็ลืมแม่”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าร้อนรน “ชอบ! ชอบ! อ้ะเนะเนะ…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าร้อนรน แต่เขามิอาจถ่ายทอดเป็นคำพูดออกมาได้ เขาจึงยื่นมืออวบอ้วนของตนไปที่ท่านแม่ บอกว่าข้าไม่ตามท่านพ่อไปแล้ว ข้าจะอยู่กับท่านแม่! เยี่ยนอวี๋เห็นดังนั้นก็ขบขัน ทว่านางก็ไม่ได้รับเด็กน้อยไว้จริงๆ เพียงแค่โน้มตัวไปใกล้เด็กน้อย พูดว่า “เช่นนั้นเจ้าจูบท่านแม่ทีหนึ่งสิ แม่จะเชื่อเจ้า”
จุ๊บ เยี่ยนเสี่ยวเป่าจูบท่านแม่อย่างไม่ลังเล แต่แล้วเมื่อเขากำลังจะจูบอีกครั้ง ท่านพ่อของเขาก็ผลักเขาออก
จากนั้น ริมฝีปากที่มีสัมผัสเย็นเล็กน้อยก็จรดลงบนหน้าผากของเยี่ยนอวี๋ ทำเอานางตัวแข็งทื่อ แม้จะล่วงรู้แต่ก็มิอาจหลบทัน
ต้าซือมิ่งที่ฉวยโอกาสแตะเนื้อต้องตัวยังช่วยพูดให้เยี่ยนเสี่ยวเป่าว่า “ข้าและเสี่ยวเป่าชอบเจ้ามากที่สุด”
“อ้ะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าดีอกดีใจ ท่านพ่อรู้ใจเขาที่สุดเลย
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางไม่ทันตั้งตัวตรง ต้าซือมิ่งก็ ‘หนี’ ไปพร้อมเด็กน้อยแล้ว
เยี่ยนอวี๋ค่อยๆ ยืดตัวขึ้นตรง สายตามองทางสองพ่อลูกที่จากไป นางเห็นเด็กน้อยมุดออกมาจากซอกคอของท่านพ่อของเขาและโบกมืออวบอ้วนน้อยๆ ให้นาง “แม! แม! ชอบ…”
ท่าทางน่ารักน่าชังเช่นนั้นทำให้แววตาเยี่ยนอวี๋ปรากฏรอยยิ้ม “ไปเถอะ”
“เย่!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าดีใจทำท่าจะปีนขึ้นไปบนบ่าของท่านพ่อ ขาอวบอ้วนของเขายื่นออกมาจากอ้อมกอดของท่านพ่อและย่ำไปมา แต่เนื่องจากขาของเขาสั้นเกินไปจึงเอื้อมไปไม่ถึง
ต้าซือมิ่งจึงยกเด็กน้อยขึ้นไปนั่งบนบ่าของตนเอง เด็กน้อยสนุกสนานจนส่งเสียง ‘อ้ะเนะเนะ!’ ตลอดทาง
สองพ่อลูกนี้ทำให้นักเรียนในสำนักศึกษาที่กำลังอ่านตำราเรียนต่างอดมองไม่ได้…
“แย่แล้ว! ลืมบอกให้น้องเขยเปลี่ยนเสื้อผ้า ชุดไม่สุภาพเช่นนั้น เกรงว่ากลับไปเมืองหลวงแล้วเขาจะไม่ให้เข้า” เยี่ยนจื่อเสาตบมือนึกขึ้นได้ ทำท่าจะไปเรียกว่าที่น้องเขยของตนกลับมา
“ช่างเถอะ เขาย่อมรู้ดีแก่ใจ” เยี่ยนจื่อเยี่ยรู้ทันคน เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเหตุที่ว่าที่น้องเชยคนนี้ไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสียทีก็เพราะต้องการยั่วยวนน้องสาวของเขา!
“นั่นน่ะสิ!” เม่ยเอ๋อร์เองก็คิดเช่นนั้น นางรีบสำทับอย่างตรงไปตรงมาว่า “ตั้งใจยั่วยวนคุณหนูใหญ่!”
เยี่ยนจื่อเยี่ย “…ท่านนี้คือ?”
“อ๋อ! เม่ยเอ๋อร์ นางเป็นลูกน้องของน้องเล็ก สู้เก่งมาก” เยี่ยนจื่อเสารีบแนะนำทันที
เม่ยเอ๋อร์ประสานมือคารวะ “คุณชายใหญ่”
เยี่ยนจื่อเสาถามขึ้นทันที “เหตุใดไม่เคยได้ยินเจ้าเรียกข้าว่าคุณชายรองล่ะ?”
“อยากได้ยินหรือเจ้าคะ” เม่ยเอ๋อร์ถามกลับอย่างเย็นชา
เยี่ยนจื่อเสาลูบจมูกครู่หนึ่งก่อนจะหันไปพูดกับอินหลิวเฟิงว่า “ไปกันเถอะ นายท่านน้อยอิน เรายังไม่ได้พบอาจารย์เลย ไปกันเลยดีหรือไม่”
“ไม่แล้วล่ะ ข้าต้องศึกษาแผนการงานเลี้ยงคืนนี้กับท่านพ่อของข้า” อินหลิวเฟิงมีท่าทีกลุ้มใจ เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็กังวลว่าหยวนคังฮ่องเต้จะลงมือในคืนนี้
เยี่ยนจื่อเยี่ยจึงพาน้องรองและน้องเล็กไปที่ห้องพักของเขา
เฟิงจื่ออวิ๋นและฮู่ปั๋วก็รู้หน้าที่ พวกเขามิได้ตามไปด้วยและแยกย้ายกันไปฝึกฌาน
…
ในขณะเดียวกัน ต้าซือมิ่งหรงที่พาเด็กน้อยออกจากสำนักศึกษา เพียงพริบตาเดียวเขาก็ปรากฏตัวในตำหนักซือมิ่งแล้ว
“อ้ะ!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าตาลุกวาว เขารู้สึกประหลาดตากับแวดล้อมที่แปลกใหม่สิ้นเชิงนี้
หลานชังปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว “ต้าซือมิ่ง คุณชายน้อย”
“อืม”
“เนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าจำหลานชังได้ เขามองไปที่หลานชังแล้ว
หรงอี้ถามขึ้นว่า “หนังสือเชิญของราชสำนักส่งมาถึงหรือยัง”
“ยังไม่ถึงขอรับ ยังอยู่ระหว่างทาง” เห็นได้ชัดว่าหลานชังไวต่อข่าวสารดี
“อืม ข้าเข้าไปแดนเทพก่อน เจ้าคอยดูเมืองหลวงไว้ด้วย”
“ขอรับ! ต้าซือมิ่ง” หลานชังรีบคุกเข่ารับคำสั่ง
หรงอี้จึงอุ้มเด็กหายวับไป
เมื่อเขากลับออกมาอีกครั้ง สีหน้าเขาก็เต็มไปด้วยความสงสัย ทว่าเด็กน้อยในตอนนี้หลับไปแล้ว…
“…”
ต้าซือมิ่งมองเจ้าตัวน้อยในอ้อมอกด้วยสายตาสับสน ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขายังคงอยู่ในร่างพรหมจารี! เช่นนั้นแล้วเด็กคนนี้ของเขามาจากไหนกัน
ต้าซือมิ่งตกอยู่ในภวังค์อีกครั้ง จนเมื่อเด็กน้อยที่งีบหลับจนตื่นแล้วก็ลืมตามองเขาที่ยังคงครุ่นคิดอยู่ เห็นได้ว่าเขาครุ่นคิดอยู่นาน…
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เพิ่งตื่นก็มิได้ส่งเสียงรบกวนใดๆ เขาอยู่ในอ้อมอกของท่านพ่อเงียบๆ หาวบ้างเป็นบางครั้ง ดูเป็นเด็กดีและน่ารักมาก ทำเอาต้าซือมิ่งที่รับรู้ว่าเขาตื่นแล้วก็มองเขาด้วยรอยยิ้ม
ผ่านไปครู่หนึ่ง เจ้าตัวน้อยเริ่มขยับตัว “พ่อ!” จ๊อกๆ
“หิวแล้วหรือ” หรงอี้อุ้มเด็กน้อยขึ้นมา ดูเจ้าก้อนผ่องแผ้วตรงหน้าแล้วก็ทอดถอนใจอีกครั้ง สักวันเขาต้องรู้เรื่องที่เกิดขึ้นให้ได้!
“เนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยักหน้า
หรงอี้ดูแล้วก็จวนเวลาทานข้าวแล้ว เขาจึงพาเด็กน้อยกลับไปที่สำนักศึกษา ระหว่างทางก็ป้อนของทานเล่นให้เจ้าตัวน้อยทานรองท้อง เมื่อถึงสำนักศึกษาแล้วจึงลงมือทำกับข้าวให้เด็กน้อย
ถึงแม้เยี่ยนอวี๋สัมผัสได้ว่าหลังจากต้าซือมิ่งออกไปแล้ว เขามีท่าทีแปลกประหลาด ทว่านางก็ไม่ได้ถาม จนถึงกลางดึก ขณะที่ทุกคนกลับเมืองหลวง เมื่ออยู่บนรถม้านางก็ถามขึ้นว่า “เกิดเรื่องแล้วหรือ”
“เปล่า” หรงอี้นวดระหว่างคิ้วเบาๆ “หลานชังคอยจับตาดูอยู่ ไม่เกิดเรื่องอันใดหรอก”
“จริงหรือ” เยี่ยนอวี๋สังเกตสีหน้าของเขา “ข้าเห็นสีหน้าเจ้าไม่ค่อยดีเท่าไรน่ะ”
“อืม” ต้าซือมิ่งที่พยักหน้ายอมรับตามสภาพ ก่อนจะเอนศีรษะพิงคนที่อยู่ข้างๆ “ข้ารู้สึกสะเทือนใจมากเลย”
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางเกือบจะผลักศีรษะของเขาออกไปจากไหล่ด้วยสัญชาติญาณแล้ว แต่ในคำพูดของเขากลับแฝงด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ จึงทำให้นางยั้งปฏิกิริยาของตนไว้ “เป็นอะไรหรือ”
“เจ้ารังแกข้า” ต้าซือมิ่งตอบอย่างจริงใจ “จบกัน ข้ายังจำอะไรไม่ได้เลย”
เยี่ยนอวี๋ “…”
ตอนแรกนางยังไม่เข้าใจ จนตอนนี้เมื่อนางเข้าใจแล้ว นางผลักศีรษะของเขาออกจากไหล่ทันที!
เจ้าคนนี่… น่ารำคาญจริงๆ! พูดดีๆ ไม่เป็นรึไง!
ต้าซือมิ่งที่ถูกผลักออกกลับถอนหายใจยาว “ดูสิ เจ้ายังไม่ยอมรับอีก”
“หุบปาก!” เยี่ยนอวี๋รู้สึกว่าอินหลิวเฟิงและคนอื่นๆ ที่อยู่บนรถคันเดียวกันแอบมองมาทางนี้แล้ว!
จากนั้นต้าซือมิ่งที่ถูกตวาดให้หุบปากก็มองภรรยาของตนเงียบๆ แสดงสีหน้า ‘เจ้ารังแกข้าอีกแล้ว’ อย่างไรอย่างนั้น
เยี่ยนอวี๋ปวดศีรษะ นางตัดสินใจไม่มองเขาอีก นางหันกลับมามองเด็กน้อยที่หลับอยู่ในอ้อมอกของนางอย่างใจจดใจจ่อ
ต้าซือมิ่งประสานมือและจ้องมองภรรยาที่อยู่ตรงหน้า นัยน์ตาของเขาราวกับมีคลื่นใต้น้ำกำลังพล่าน มีเรื่องหนึ่งที่เขามั่นใจได้แล้ว ฉะนั้น…
เมื่อคนทั้งขบวนเข้าไปถึงโถงจัดเลี้ยงในราชสำนัก ต้าซือมิ่งไม่แปลกใจเลยที่ที่นั่งของเขาและที่นั่งของภรรยาจะห่างกันไกลเช่นนี้
“ต้าซือมิ่ง เชิญทางนี้ขอรับ” เหอซงผู้รับผิดชอบดูแลต้าซือมิ่งกล่าวอย่างนอบน้อม
แต่แล้วต้าซือมิ่งกลับปฏิเสธ “เปลี่ยนที่ของข้ามาตรงนี้”
เมื่อเหอซงเห็นตำแหน่งที่ต้าซือมิ่งชี้เป็นตำแหน่งที่อยู่ต่อหน้าองค์ฮ่องเต้ และอยู่ข้างปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน เขาจะอนุญาตได้อย่างไรเล่า ฮ่องเต้คงพิโรธ ไม่สิ ฮ่องเต้พิโรธไปนานแล้ว
บัดนี้ องค์ฮ่องเต้ที่ถึงกับเสด็จมาโถงจัดเลี้ยงล่วงหน้า เขาก็กำลังมองไปที่เยี่ยนอวี๋ที่กำลังอุ้มเด็กน้อยอยู่ และด้วยสายตาที่คมกริบเกินไปของเขานั้น ทำให้เยี่ยนอวี๋รับรู้ได้ในทันที นางจึงหันไปมอง วินาทีนั้นเอง…
“เทพธิดา!”
หยวนคังฮ่องเต้เกือบจะหลุดปาก! เพราะเขาพบว่าเยี่ยนจื่ออวี๋ในชีวิตจริงงดงามกว่าในภาพวาดและในความฝันของเขาหลายพันเท่า!
นางจริงๆ ด้วย! ไม่ผิดแน่นอน