เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน – ตอนที่ 300 ดอกไม้เบ่งบาน กระชากหัวใจเมื่อจับมือ!

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

ตอนที่ 300 ดอกไม้เบ่งบาน กระชากหัวใจเมื่อจับมือ!

อาจเป็นเพราะรังสีเยี่ยนอวี๋แผ่ซ่าน

อาจเป็นเพราะเยี่ยนอวี๋งดงามมากจริงๆ

อาจเป็นเพราะเยี่ยนอวี๋สุขุมเยือกเย็นเกินไป

ทุกคน ‘ในโถง’ เงียบงันเพียงเพราะนางก้าวเดิน

แม้แต่หยวนคังฮ่องเต้เองก็นิ่งเงียบอย่างไม่รู้ตัว

ส่วนเยี่ยนอวี๋

นางก็เดินไปหาเจ้าตัวน้อยและต้าซือมิ่งที่อุ้มเด็กไว้คนนั้นอย่างไม่เร็วไม่ช้าภายใต้สายตาที่จับจ้องของทุกคน

จากนั้นนางก็ยกมือขึ้นจับมือของต้าซือมิ่งต่อหน้าทุกคน ทำเอาต้าซือมิ่งหลุบตาลงในทันใด!

“แม!”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าตื่นเต้นดีใจ

ทำท่าจะจับมือของท่านแม่

เยี่ยนอวี๋บีบมืออวบอ้วนของเด็กน้อยและก้มลงจูบเด็กน้อยตัวสีชมพู

มือที่จูงต้าซือมิ่งไว้กลับยังคงไม่ปล่อย

อีกทั้งนางยังสอดนิ้วเรียวยาวของตนเข้าไประหว่างนิ้วของต้าซือมิ่ง แววตาเขาพลันดับวูบครู่หนึ่ง!

ส่วนเยี่ยนอวี๋…

นางก็ทูลหยวนคังฮ่องเต้ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หรงอี้

เขาเป็นบิดาของบุตรของหม่อมฉัน ผู้ใดก็มิสามารถแทนที่ได้ และมิอาจแทนที่ได้เพคะ

เขาเป็นคนที่หม่อมฉันปรารถนาที่จะจับมือไปตลอดชีวิต

งานหมั้นหมายครั้งนี้เป็นไปตามความประสงค์ของหม่อมฉัน หม่อมฉันเต็มใจ

มิได้ถูกบังคับแต่อย่างใดเพคะ”

ครานี้เอง…

หรงอี้ที่หลุบตามองมือของตนเองที่ถูกสอดประสานไว้ ในใจก็มีดอกไม้เบ่งบาน

ดอกไม้ทุกดอกในนั้นงดงามไร้ที่ติดั่งสตรีตรงหน้าคนนี้

ช่างกระชากหัวใจและทำให้เขาหวั่นไหวมากนัก

นางช่าง…

เจ้าปลาน้อย[1]ตัวนี้ครองหัวใจของเขาโดยสมบูรณ์

นางครอบครองทุกส่วนของหัวใจเช่นคนเจ้าเล่ห์ ทำให้เขาต้องหลอมนางไว้ในดวงใจ

เอื้อก!

หยวนคังฮ่องเต้ที่อดกลั้นไว้ไม่อยู่อีก

เขาก็กระอักเลือดออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะสลบไปในทันที

“ฝ่าบาท!” เหอซงตกใจจนหน้าซีดเผือด!

อีจี้จิ่วที่มั่นคงดั่งน้ำอุ่น

ไม่เดือดพล่าน ไม่เย็นยะเยือกกลับพูดขึ้นว่า “มิเป็นไร เพียงแค่เลือดคั่ง

ดีแล้วที่อาเจียนออกมา กลั้นไว้มีแต่จะทำร้ายร่างกาย

แต่หลังจากวันนี้จะต้องรักษาตัวให้ดี อย่าให้อารมณ์ปะทุ”

เอ่อ…

อินหลิวเฟิงเริ่มสงสัยว่าอีจี้จิ่วท่านนี้กำลังซ้ำเติมฝ่าบาท

เพราะวาจาเมื่อครู่นี้หมายถึงหยวนคังฮ่องเต้กลั้นมานานพอแล้ว หัวใจมิอาจต้านทานไหว

ต้องบำรุงรักษาร่างกายแล้ว!

“เช่นนั้น…” เหอซงทำท่าจะถามอะไร

อีจี้จิ่วก็พูดขึ้นว่า “กลับไปเถิด

รักษาวรกายก่อนดีกว่า”

เหอซงลำบากใจ

อินสวินอี้กลับเอ่ยขึ้นว่า “ผู้ดูแลเหอมิต้องกังวลเรื่องงานเลี้ยง

ในฐานะที่ข้าเป็นทายาทบรรพชนของฮ่องเต้ที่เคยร่วมสาบานเป็นพี่น้อง

ข้าจะช่วยดูแลเอง วางใจเถิด!”

อินหลิวเฟิงพลันรู้สึกว่าท่านพ่อของเขาช่วยซ้ำเติมอีกแล้ว

ขาดอีกแค่ประโยคเดียว ‘หนทางสู่ยมโลกมืดมิด

ขอให้ไปสู่สุขคติ’ ทว่าสิ่งที่เขาไม่รู้คือ

แต่เดิมหยวนคังฮ่องเต้เพียงแค่แกล้งสลบ แต่พอถูกซ้ำเติมถึงสองครั้ง

เขาก็สลบไปแล้วจริงๆ…

แม้เหอซงรู้ว่าประสงค์ของฮ่องเต้มิใช่เช่นนี้

แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจึงพูดว่า “ข้าน้อยขอลาไปก่อน”

จากนั้น

อินสวินอี้ก็คอยดูแลเหล่าขุนนาง ผู้แข็งแกร่งแต่ละสำนัก

เพราะถึงแม้ในห้องโถงจะมีคนของตระกูลซย่าโหว

แต่ล้วนถูกหยวนคังฮ่องเต้กดขี่จนกลายเป็นคนเชื้อพระวงศ์ที่สัตย์ซื่อ

พวกเขาจะกล้าออกหน้าออกตาแทนได้อย่างไร

“ขอบคุณอาจารย์” หลังจากที่หยวนคังฮ่องเต้ออกไปแล้ว

เยี่ยนจื่อเยี่ยก็หันไปกล่าวขอบคุณอีจี้จิ่ว

ครั้งนี้เขาเป็นคนไปร้องขอให้อีจี้จิ่วที่ยังบาดเจ็บอยู่มาที่นี่

อีจี้จิ่วตบไหล่ลูกศิษย์เบาๆ “แม้จะไม่มีเจ้า ข้าก็ต้องมา”

“ขอบคุณอีจี้จิ่ว” ต้าซือมิ่งก็ปริปาก

ถึงแม้เขายังคงสงสัยว่าเป็นเพราะการมาของจี้จิ่วท่านนี้

ทำให้ซย่าโหวกุ่ยมิได้ปะทุอารมณ์ออกมา

แต่ผลพลอยที่ได้ในวันนี้ก็เกินความคาดหมายของเขามากแล้ว เขาจับมือนุ่มนิ่มที่จะ ‘หนี’ ไปไว้แน่น

“อ้ะเนะเนะ!” เจ้าตัวน้อยไม่เข้าใจว่าทำไมต้องขอบคุณ

แต่ก็ขอบคุณตามผู้ใหญ่ ทำให้อี้จี้จิ่วที่คอยแอบมองเขามาสักพักอดชมเชยเขามิได้

อีจี้จิ่วเผยสีหน้านอกเหนือจากความอ่อนโยนเป็นครั้งแรก

เขายกมือขึ้นลูบศีรษะโล้นๆ ของเด็กน้อย “น้ำค้างหลิงเซียงของข้าในที่สุดก็เจอ ‘ปั๋วเล่อ’ น้อยแล้ว”

“ไม่!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพูดอย่างจริงจัง “เป่า!” ข้าชื่อเสี่ยวเป่า ไม่ใช่ปั๋วเล่อ!

อีจี้จิ่วหัวเราะ “ข้ารู้ว่าเจ้าชื่อเสี่ยวเป่า

เป็นชื่อที่มีความหมายดีมาก”

“อ้ะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

เขายังยื่นมืออวบอ้วนของตนไปทางอีจี้จิ่ว ขอให้เขาอุ้ม ทำให้ทุกคนประหลาดใจ!

อย่าเห็นว่าเจ้าตัวน้อยจะเป็นเด็กเชื่อฟัง

แต่เขามีความคิดของตนเองชัดเจน เขาไม่ยอมให้คนทั่วไปอุ้มง่ายๆ!

ถึงแม้จะเป็นญาติสนิทมากก็ตาม หากมิได้ต้องการอุ้มเขาจริงๆ เขาจะไม่ขอให้อุ้มก่อน

นอกเสียจากว่าเขามีจุดประสงค์อย่างอื่น

อีจี้จิ่วต้านทานความน่ารักของเด็กน้อยไม่ไหว

เมื่อรับเด็กน้อยเข้ามาในอ้อมกอดแล้ว

เจ้าตัวน้อยก็คว้าขวดน้ำเต้าน้อยที่ผูกไว้ตรงเอวของอีจี้จิ่วไว้

“อ้ะเนะ” นี่คืออะไรขอรับ

เยี่ยนอวี๋รีบเข้ามาหยิกเด็กน้อย “อย่าซุกซนสิ”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าจึงปล่อยมืออย่างเชื่อฟัง

และยังกุมมือประสานเข้าด้วยกัน ราวกับรู้ว่าทำเช่นนี้ไม่ถูก

เพราะว่าท่านแม่โมโหแล้ว แสดงท่าทางว่านอนสอนง่ายชัดเจน

“ปีศาจน้อย!” เยี่ยนจื่อเยี่ยอดส่ายศีรษะไม่ได้

หลานชายน้อยกลายเป็นปีศาจไปแล้วจริงๆ ปีศาจทารกชัดๆ

อีจี้จิ่วกลับยิ้ม “มิเป็นไร แต่ข้าประหลาดใจนัก

หนูน้อย เหตุใดเจ้าจึงสนใจน้ำเต้านี้เล่า”

ในขณะที่พูด

อีจี้จิ่วก็นำขวดน้ำเต้าไม้เก่าแก่ไร้ลวดลายขนาดเท่ากำปั้นทารกที่อยู่บริเวณเอวขึ้นมาไว้ข้างหน้าเด็กน้อยแล้ว

เด็กน้อยจับหน้าอวบอ้วนของตนและมองไปที่ท่านแม่ของเขา

“ถามเจ้าอยู่น่ะ ตอบเองสิ” เยี่ยนอวี๋ให้เด็กน้อยพูดเอง

เด็กน้อยครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ…”

…???

อาจารย์อาวุโสจี้จิ่วงุนงง

แม้เขาจะมีความรู้มากมายก็มิสามารถเข้าใจภาษาทารกได้

เฟิงจื่ออวิ๋นอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ “อาจารย์ ท่านก็มียามทุกข์ยากเช่นกันหรือ

ฮ่าๆๆ…”

อีอิ่นหมดหนทาง “ยากสำหรับข้าจริงๆ

ใครช่วยอธิบายได้หรือไม่”

“เขาคิดว่าน้ำเต้าน้อยของท่านดูน่าเอร็ดอร่อย

ไม่รู้ว่าทานได้หรือไม่” หรงต้าซือมิ่งที่รู้ใจเด็กน้อยเป็นที่สุดก็รีบแปลให้

เด็กน้อยพยักหน้าทันที

อีอิ่น “…”

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็หัวเราะออกมา “ใช่แล้ว

ความคิดของทารกจะซับซ้อนดั่งผู้ใหญ่ได้อย่างไร เด็กน้อยความคิดเรียบง่าย จื่อเยี่ย

โหย่วฮู่ จื่ออวิ๋น พวกเจ้าควรมีหัวใจดั่งเด็กน้อยขณะฝึกบำเพ็ญ”

“ขอรับ อาจารย์!” พวกเขาทั้งสามน้อมรับอย่างนอบโน้ม

ต่างคิดบางสิ่งบางอย่างในใจ

เยี่ยนเสี่ยวเป่าร้อนรน “อ้ะเนะเนะ?” สรุปว่ากินได้หรือไม่

เยี่ยนอวี๋หยิกแก้มตุ้ยนุ้ยของเด็กน้อยอย่างขบขัน “แมวเหมียวจอมตะกละ”

อีอิ่นลูบศีรษะเด็กน้อยเบาๆ

ยิ้มพลางพูดว่า “น้ำเต้ากินไม่ได้หรอก

แต่ข้างในมีของให้เจ้าลองกินได้นะ”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าตาลุกวาว!

เขามองไปที่ท่านแม่ เห็นได้ชัดว่ากำลังขออนุญาตจากท่านแม่

เยี่ยนอวี๋ย่อมไม่อนุญาต “ใต้เท้าอีอย่าตามใจเขานักเลย

เขาเพิ่งทานอิ่ม มิได้หิวหรอก”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าหน้าเศร้าหมองและล้มทับบนอกของอีอิ่นไม่ไหวติงแล้ว

อีอิ่นจะทนได้อย่างไร เขายิ้มกล่าวว่า “มิเป็นไร เรื่องเล็กน้อย นานๆ

ทีจะเจอทารกน้อยที่มีสายตาแหลมคม ผู้อื่นไม่รู้เลยว่ามันกินได้

ต้องให้เขาลองชิมแล้ว

แต่เด็กน้อยที่เพิ่งกินน้ำค้างหลิงเซียงไปต้องรอหนึ่งเดือนจึงจะกินได้”

“ไม่ใช่นะขอรับ

แม้เรามีความคิดเช่นนั้นก็มิกล้าพูดหรอก” เยี่ยนจื่อเสากล่าวอย่างจริงใจ

“ใช่แล้ว” เฟิงจื่ออวิ๋นหัวเราะ “สิ่งของของอาจารย์ย่อมเป็นสมบัติชั้นดี

ข้าเองก็อยากกัดสักคำ แต่ติดที่ไม่กล้าพูดออกมา”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าได้ยินดังนั้นพลันส่งเสียงไปทางเฟิงจื่ออวิ๋น “อ้ะเนะ!”

“เป็นอะไรหรือ” เฟิงจื่ออวิ๋นไม่เข้าใจ

เยี่ยนจื่อเสาพูด “เสี่ยวเป่าของเราคิดว่าเจ้ากำลังเยาะเย้ยเขา

เขากำลังประท้วงอยู่น่ะ”

“แม่เจ้า…” เฟิงจื่ออวิ๋นมองเจ้าตัวน้อยอย่างเหลือเชื่อ “ปีศาจทารก ปีศาจทารก!

กลายเป็นปีศาจไปแล้วจริงๆ ด้วย แม้แต่ความหมายแฝงยังเข้าใจ

ผู้ใหญ่บางคนยังไม่เข้าใจเลย”

ครานี้เอง…

“ลุง!” เด็กน้อยมองไปที่ท่านลุงใหญ่ของเขา

เห็นได้ชัดว่าคงยังไม่รู้ว่าเจ้าคนๆ นี้ต้องให้ท่านลุงใหญ่ของเขาจัดการ

ทำเอาเฟิงจื่ออวิ๋นผวา ทว่าเขาถูกเยี่ยนจื่อเยี่ยทุบเข้าแล้ว

“ฮ่า…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าหัวเราะ “อ้ะเนะเนะ!” รังแกข้าดีนัก!

เฟิงจื่ออวิ๋นอยากจะร้องไห้

เพราะว่าเยี่ยนจื่อเยี่ยทุบเขาจริงๆ!

หลังจากงานเลี้ยง

ผู้เข้าร่วมงานที่ตื่นตกใจต่างทะยานออกจากราชสำนักราวกับหนีตาย

แผ่นหลังที่เหงื่อแตกจนชุ่มของพวกเขายังทำให้พวกเขาหนาวสะท้าน

ส่วนโหย่วฮู่ปั๋ว

หลังจากที่เขาเดินออกจากราชสำนักแล้ว เขาก็แอบเผยข่าววงในว่า “ก่อนมางานเลี้ยง

ข้าได้รับจดหมายลับจากในตระกูล

มีความเป็นได้สูงที่หยวนคังฮ่องเต้จะเลื่อนวันแต่งตั้งเจ็ดสำนักให้เร็วขึ้น”

“เลื่อนให้เร็วขึ้นหรือ” เยี่ยนจื่อเสาประหลาดใจ

อินหลิวเฟิงก็รู้สึกเหลือเชื่อ “มีเรื่องมากมายในยามนี้

เขายังจะเลื่อนให้เร็วขึ้นหรือ”

“ต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากล

แต่ข้าได้รับข่าวก่อนจะมางานเลี้ยง บางทีฝ่าบาทคงคิดว่าวันนี้จะเป็นไปตามแผนของเขา

จึงคิดไว้ว่าจะให้เจ็ดสำนักมาร่วมแสดงความยินดีก็เป็นได้” โหย่วฮู่ปั๋วคาดเดา

เฟิงจื่ออวิ๋นกลับส่ายศีรษะ “เพียงเพื่อเรื่องนี้จึงเลื่อนพิธีแต่งตั้งเจ็ดสำนักที่กำหนดไว้หลังฤดูใบไม้ร่วงมาโดยตลอดให้เร็วขึ้นหรือ”

“ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

ฮ่องเต้เป็นคนชอบโอ้อวดความเก่งกล้าของตน แล้วก็จากการกระทำของเขาในวันนี้

ข้าคิดว่าเขาปรารถนาในตัวน้องสาวจื่อเยี่ยมาก พวกเจ้าต้องระวังตัวให้มาก” โหย่วฮู่ปั๋วเตือน

“นี่เป็นเรื่องที่ว่าที่น้องเขยคนนั้นของข้าต้องกังวลแล้ว

ข้ามั่นใจว่าเขาเอาใจใส่กว่าผู้ใด” ยามนี้เยี่ยนจื่อเสาไม่รู้สึกกังวลเท่าไรนักแล้ว

เพราะเขาได้ประจักษ์ความสามารถของต้าซือมิ่งอย่างถ่องแท้แล้ว

แต่ว่า

“ก็ยังต้องระวังอยู่ดี!” โหย่วฮู่ปั๋วเน้นย้ำอย่างมีความนัย

ทำให้ต้าซือมิ่งที่เดินอยู่ข้างหน้าชะงักเล็กน้อย!

———————————————

[1] เจ้าปลาน้อย เป็นความหมายของชื่อเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

Status: Ongoing
แม้จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่นางก็ยังคงเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งของสวรรค์ชั้นเจ็ด ผู้มีความสามารถแกร่งเกินผู้ใดไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้ชายอะไรนั่นน่ะ กินได้หรืออย่างไร ข้าไม่เห็นจะอยากได้”เยี่ยนจื่ออวี๋ แม้มีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประมุขสำนักชางอู๋แห่งแคว้นแต่กลับไร้พลังแต่กำเนิด แถมยังทำเรื่องงามหน้าอย่างการปีนขึ้นเตียงผู้ชาย!เพราะเรื่องฉาวโฉ่เกินทนทำให้หญิงสาวหายหน้าไปกว่าครึ่งปี แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งสำนักชางอู๋ก็ถึงคราวสั่นสะเทือนจากหญิงสาวที่ไม่อาจฝึกพลังกลายเป็นปรมาจารย์มากสามารถ พลังสูงส่งเกินใครโอสถใดที่ว่ายาก นางกระดิกนิ้วเดียวก็สำเร็จสมบูรณ์ วิชาใดที่ฝึกไม่ได้นางล้วนทำได้จากหญิงสาวที่ทุกคนต่างเมินหน้าหนีกลายเป็นผู้สูงส่งที่ทุกคนต้องการประจบประแจงชายหนุ่มทั่วหล้าล้วนอยากเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้าตัวเล็กกันทั้งนั้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท