ตอนที่ 321 อี้ตัวน้อยแสนมหัศจรรย์! พ่อลูกเชื่อมใจกัน
ในขณะเดียวกัน!
“!”
หรงต้าซือมิ่งที่รับรู้บางสิ่งได้ก็มองไปที่ใจกลางของวังใต้ดิน
ทว่าสิ่งที่หรงอี้เห็นยังคงเป็นใจกลางวังใต้ดินอันว่างเปล่า แต่เขาก็ไม่คิดเช่นนั้นแล้ว ขณะที่เดินเข้าไปใกล้ เขาก็แผ่ซ่านพลังออกมาเล็กน้อย
“…”
หมอกควันสีม่วงคล้ายกลุ่มแก๊สอวกาศไหลทะลักออกมาจากร่างหรงอี้ไม่หยุด มันผสานเข้าไปในศูนย์กลางของวังใต้ดิน อันที่จริงก็คือผสานเข้าไปในร่างของ ‘ต้าซือมิ่ง’ ชั่วร้ายนั่น
แต่แล้วกลิ่นอายของหรงอี้ไม่เพียงไม่ได้สะท้อนเข้าไปใน ‘ต้าซือมิ่ง’ ชั่วร้ายนั่น แต่ราวกับว่ามันยังควบคุม ‘เขา’ ไว้ ทำให้ ‘เขา’ นอนหลับต่อไป ราวกับว่าดวงตาที่ขยับเมื่อครู่นี้ไม่เคยเกิดขึ้นแต่อย่างใด
“เกิดอะไรขึ้นหรือ” เยี่ยนอวี๋ที่มิได้สัมผัสถึงความผิดปกติเลยก็มองออกว่าต้าซือมิ่งมีท่าทีผิดปกติไปเล็กน้อย “พบอะไรหรือ”
หรงอี้ที่ขมวดคิ้วเล็กน้อยก็เก็บพลังกลับมา ในจังหวะนั้นเองราวกับว่าสัญชาติญาณบอกเขาว่าเขาเห็น ‘ตนเอง’ อีกคนหนึ่ง ‘ตนเอง’ ที่อำมหิตชั่วร้ายและมีผมสีแดงคนนั้น
สัญชาติญาณเช่นนี้ทำให้หรงอี้ยกมือขึ้นแตะระหว่างคิ้วทันที ต่อจากนั้น…
“…”
หรงต้าซือมิ่งขนาดเล็กคนหนึ่งก็ลอยปรากฏขึ้นต่อหน้าหรงอี้ ประณีตดั่งภาพวาด
เยี่ยนอวี๋ “!”
นางเบิกตาโตแล้ว!
หรงอี้ที่ไม่ทันสังเกตเห็นปฏิกิริยาของนางก็ยกมือขึ้นให้ ‘เขา’ ตัวน้อยๆ เข้ามาอยู่บนฝ่ามือของตนเอง ฝ่ายหลังก็โขกศีรษะให้เขาด้วยร่างกายสั่นเทา ภาพชัดเจนภาพหนึ่งก็ปรากฏในอนุสติของเขา
นั่นคือ…
หรงอี้เพิ่งดูเสร็จก็รู้ตัวว่าเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของเขากระโจนเข้ามาหาแล้ว
ครั้นเขาลืมตาขึ้น ‘เขา’ตัวน้อยที่ยังอยู่ในฝ่ามือของเขามิได้หายไปไหนก็ถูกภรรยาลูบไม่หยุด
ครานี้เอง…
วิ้ง!
หรงอี้รีบเก็บ ‘ตนเอง’ ตัวน้อยนั่นก่อนจะดึงภรรยาที่อยู่ตรงหน้าเข้ามากอดทันที
“นี่?” เยี่ยนอวี๋ถาม “เจ้าตัวน้อยนั่นล่ะ” ตัวเล็กมากเลย! น่ารักจริงๆ! ตัวเล็กกว่าลูกของนางอีก! แต่ประณีตมากเลย! น่ารักมากจริงๆ! อยากลูบอีก ข้าอยากลูบอีก
“อยากจับหรือ” หรงต้าซือมิ่งที่รู้ใจภรรยาดีก็พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเล็กน้อยว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่านั่นคืออะไร”
“ร่างอนุสติของเจ้าไง” เยี่ยนอวี๋กลับทายถูก “เจ้าปล่อยเขาออกมาให้ข้าดูอีกทีสิ” น่ารักจังเลย!
ปฐมราชินีเยี่ยนที่ใจละลายกลับไม่รู้ตัวเลยว่าชายที่กำลังกอดนางไว้ ร่างกายของเขาไม่ค่อยปกตินัก!
“รู้แล้วยังจับมั่วๆ อีก” หรงต้าซือมิ่งพูดกัดฟัน ก่อนจะกัดนางในอ้อมอกอย่างไม่เกรงใจ และยังออกแรงแบบไม่ยั้งด้วย
“ซี๊ด!” เยี่ยนอวี๋พลันเจ็บซอกคอขึ้นมา เจ็บจริงๆ! ครั้นนางจะผลักเขาออกไป… ต้าซือมิ่งก็รัดตัวนางเข้ามาไว้แน่น “อยู่นิ่งๆ”
แต่เดิมเยี่ยนอวี๋ไม่อยากทำตาม แต่นางสัมผัสถึงอารมณ์แปลกประหลาดในน้ำเสียงของชายคนนี้ ทำให้นางไม่ขยับตัวอีก
ส่วนต้าซือมิ่งที่กอดนางไว้ก็มุดศีรษะเข้าไปในซอกคอของนาง เขาหายใจเสียงดังราวกับสัตว์ที่ถูกรังแก
ผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยนอวี๋ที่ไม่รู้จะทำอย่างไรก็ยกมือขึ้นมากอดเอวของเขาไว้ ถามด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าเป็นอะไรไปหรือ”
หรงอี้เงยศีรษะขึ้นกัดติ่งหูนางเบาๆ เมื่อนางตกใจจนหดตัว เขาจึงกอดภรรยาอย่างพึงพอใจ และกล่าวด้วยน้ำเสียงกึ่งเตือนกึ่งเย้ายวนว่า “ยังไม่ได้แต่งงานกับข้า อย่าจับตามใจ”
“?” เยี่ยนอวี๋ชะงัก
ต้าซือมิ่งที่ยกมือขึ้นมากอดคอขาวเนียนของนางก็กล่าวขึ้นว่า “ในเมื่อรู้ว่าเป็นร่างอนุสติของข้าก็ควรรู้ว่า ‘เขา’ อ่อนไหวต่อการสัมผัสอย่างยิ่ง รู้หรือไม่ว่าที่เจ้าจับเมื่อครู่นี้ทำให้ข้ารู้สึกอย่างไร”
เยี่ยนอวี๋ถูมือไปมา เหมือนกับว่าจะเข้าใจบางอย่างแล้ว แต่ว่า…
“เขาน่ารักจังเลย” เยี่ยนอวี๋กล่าวอย่างมิอาจควบคุมตัวเองได้ นางรู้สึกชอบมากอยู่ดี
หรงอี้ที่ฟังน้ำเสียงที่ซ่อนความปรารถนานั่นในคำพูดของนางออก ดวงตาของเขาก็หม่นลงเล็กน้อย เขาพอจะรู้แล้วว่าเจ้าปลาน้อยในอ้อมอกเขาตัวนี้ชอบอะไร
ปฐมราชินีเยี่ยนท่านนี้มิอาจต้านทานต่อสิ่งมีชีวิตตัวเล็กประณีตและวิจิตรได้ นางจึงรักเสี่ยวเป่ามากเป็นพิเศษ บัดนี้…
นางก็ชอบร่างอนุสติวิญญาณของเขามาก และยังติดอยู่ในอ้อมอกของเขา ราวกับหวังว่าเขาจะเสกมันออกมาอีกครั้งให้นางได้สัมผัส ความจริงก็เป็นดังเช่นนั้น เพราะว่าเยี่ยนอวี๋เรียกเขา “หรงอี้”
“อืม” หรงต้าซือมิ่งที่ได้ยินภรรยาเรียกชื่อตนจากปากนางเองก็ใจอ่อนทันที ดังนั้น… ต้าซือมิ่งจึงกล่าวอย่างมีความนัยว่า “ข้าจะปล่อยตามใจให้เจ้าจับหลังจากแต่งงาน”
เยี่ยนอวี๋ “…” นางเม้มปากแสดงความไม่พอใจ และยังซบอยู่ในอ้อมอกของต้าซือมิ่ง ราวกับกำลังบอกว่า หากไม่ให้จับ ข้าก็จะไม่ปล่อยมือ
หรงอี้ที่รับรู้ได้ก็หัวเราะออกมาเบาๆ ฝ่ามือของเขาก็ลูบหลังของนาง “เด็กดี”
“แล้วเมื่อครู่นี้เจ้าสัมผัสอะไรได้หรือ” เยี่ยนอวี๋ที่หมดอารมณ์ก็จำใจกลับมาคุยเรื่องสำคัญ นางยังคงรู้ว่าพวกเขากำลังทำภารกิจสำคัญอยู่ ไม่ใช่เวลามาง้องอนเรื่องของหรงอี้ตัวน้อยนั่น
“ข้าสัมผัสถึงข้าอีกคนหนึ่ง” หรงอี้ไม่ได้ปิดบัง “เหมือนกับว่าที่นี่จะมีข้าอีกคนหนึ่ง”
“เหมือนกับว่าหรือ” เยี่ยนอวี๋ไม่เข้าใจ
หรงอี้หรี่ตาลงเล็กน้อย เมื่อคิดถึงภาพเมื่อครู่ เขาก็มั่นใจว่ายังมี ‘ตนเอง’ อีกคนหนึ่ง เพราะว่าเขาเห็นตนเองที่มีผมสีแดงเพลิงนรกและกลิ่นอายชั่วร้ายอำมหิตแผ่ซ่านคนนั้น เพียงแต่ว่า…
“อาจจะเป็นข้า หรืออาจจะเป็นร่างพลัง” หรงอี้ที่มองไปที่ศูนย์กลางของวังใต้ดินอีกครั้งก็กำลังคาดเดาบางสิ่ง “ตอนที่ข้าบาดเจ็บเมื่อสองปีก่อน อาจจะสูญเสียพลังบางส่วนไป”
เยี่ยนอวี๋ถามว่า “บาดเจ็บหนักมากเลยหรือ”
“วิญญาณถูกโจมตี” หรงอี้ตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่เขากลับนึกขึ้นเรื่องหนึ่ง “จะว่าไป หยวนคังฮ่องเต้มีอาวุธวิเศษชิ้นหนึ่ง อาจจะเกี่ยวข้องกับเจ้า”
“คืออะไรหรือ”
“ลูกปัดที่มีอักษรสีม่วงหม่นประกาย แต่เดิมข้าคิดว่าเป็นสมบัติลับของตระกูลโหวซย่า แต่ตอนนี้พอย้อนคิดกลับไปแล้ว ลูกปัดนั่นเหมือนว่าจะมีกลิ่นอายของเจ้า มิน่าถึงทำให้ข้าบาดเจ็บได้”
“ลูกปัดหรือ” เยี่ยนอวี๋ที่ไม่มีความทรงจำเลยก็พยายามครุ่นคิด แต่ยังคงคิดอะไรไม่ออก “ข้าจำไม่ได้ว่าข้ามีลูกปัดอะไรนะ”
ต้าซือมิ่งเองก็มิได้คาดหวังให้นางต้องจำได้ เขาเพียงแต่ลูบคอของนางเบาๆ บอกว่า “บางทีอาจจะไม่ใช่ของสำคัญของเจ้า แต่ของที่เจ้าสร้างขึ้นด้วยตนเองอย่างมิได้ตั้งใจก็ถือเป็นของพิเศษในโลกใบนี้”
“แต่เจ้าก็พิเศษ เหตุใดจึงถูกพลังของข้าทำร้ายได้เล่า”
“หากเจ้าทำร้ายข้าไม่ได้ แล้วเสี่ยวเป่ามาจากไหนล่ะ”
เยี่ยนอวี๋ “…” แม้นางจะจำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้เลย แต่ความรู้สึกผิดลึกๆ มักจะทำให้นางคิดว่านางทำอะไรผิดต่อเขาไว้ ทำให้เยี่ยนอวี๋ในบัดนี้อดสงสัยไม่ได้ว่า หรือว่าตนเองทำอะไรชายคนนี้ขณะที่ตนไม่ได้สติ? ทำให้เขาก็สับสนเหมือนกัน
ทว่า…
“ค่ายกลชิงนภาเปลี่ยนตะวันนั่นจะทำอย่างไร” เยี่ยนอวี๋พยายามเปลี่ยนเรื่องคุย นางผละออกจากอ้อมกอดของต้าซือมิ่งเล็กน้อย “ทำลายทิ้ง?”
หรงอี้ที่รู้ว่านางกำลังหลีกเลี่ยงคำถามก็คะยั้นคะยอคุยเรื่องเดิม เพียงแค่ตอบว่า “แล้วแต่เขา หากคิดว่าจะขโมยพลังของข้าได้ ฮึ”
เสียงพ่นหายใจของต้าซือมิ่งแฝงความดูแคลนไว้ เขามั่นใจมาก ถึงแม้บัดนี้จะปรากฏร่างที่เหมือนกับกำลังขโมยพลังของเขาไปขึ้นแล้วจริงๆ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ
สิ่งที่เขาสนใจคือ ‘ตนเอง’ อีกคนหนึ่งที่เขาเห็นในการล่วงรู้ของเขา ฉะนั้นการมาครั้งนี้ถือว่าคุ้มแล้ว ส่วน ‘ตนเอง’ คนนั้น…
“ไป” เมื่อหรงอี้โอบคนภรรยาไว้ พวกเขาก็ลอบเข้าไปในห้องบรรทมของหยวนคังฮ่องเต้อีกครั้ง
เยี่ยนอวี๋ประหลาดใจ “เขายังมีปัญหาอีกหรือ”
“เขาถูก ‘ข้า’ ทำให้บาดเจ็บ” หรงอี้มั่นใจแล้ว
เยี่ยนอวี๋เองก็เข้าใจแล้ว “แต่ว่า ‘เจ้า’ คนนั้นล่ะ”
“ต้องถามกู้หยวนซูแล้วล่ะ” พูดถึงเรื่องนี้ ต้าซือมิ่งก็ขมวดคิ้วอย่างชิงชัง “คงเป็นค่ายกลที่นางสร้างขึ้น”
“ใช่แล้ว” เยี่ยนอวี๋มั่นใจเรื่องนี้ “เพียงแต่ว่าแต่เดิมข้าคิดว่าค่ายกลนี้มีไว้เพื่อจัดการข้า ไม่คิดว่าจะเอาไว้จัดการเจ้าเลย” เหมือนกับว่าจะไม่เหมือนกับชาติที่แล้ว หรือว่าเมื่อชาติที่แล้วกู้หยวนซูที่กลายเป็นมารไม่เพียงขโมยพรสวรรค์ของเยี่ยนจื่ออวี๋ แต่ยังลอบวางแผนทำร้ายต้าซือมิ่งคนนี้ และยังสำเร็จด้วยนะ?
หากเป็นเช่นนั้น…
เยี่ยนอวี๋แสดงแววตาเคร่งขรึม กล่าวว่า “ไป กลับวังใต้ดิน ข้าขอมอบของพิเศษอะไรให้พวกเขาเสียหน่อย” ในเมื่อพวกเขาชอบดูดพลังผู้อื่นเช่นนี้ ก็ให้พวกเขาดูดเสียให้พอ!
หรงอี้ไม่ต้องถามก็รู้ว่าภรรยาของเขากำลังคิดกลั่นแกล้ง เขาจึงพาภรรยาไปทำธุระอย่าง ‘เชื่อฟัง’ แล้ว เพียงแต่ว่าพวกเขาที่กำลังทำธุระอยู่นั้นไม่รู้ว่า…
“อ้ะ!”
“อ้ะเนะ!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าในตำหนักซือมิ่งมีอาการผิดปกติ เขากลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง แก้มของเขาก็แดงก่ำราวกับจะเป็นไข้
“อ้ะ!”
“พ่อ! แม…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ดูไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวมากก็ร้องเรียกพ่อแม่ แต่กลับไม่มีทีท่าว่าจะตื่น เอาแต่กลิ้งไปมาอยู่บนเตียงอย่างน่าเวทนา ไม่ยอมให้ท่านตาและท่านลุงอุ้มด้วย
ไม่เพียงเท่านี้…
“เจ็บๆ!”
“พ่อ! เป่า เจ็บ…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ทุกข์ทรมานแผดเสียงร้องเจ็บ ทำเอาเยี่ยนชิงสงสารจับใจ ทว่าประมุขหอโอสถดูไม่ออกเลยว่าเด็กน้อยเป็นอะไรไป กลับกลายเป็นว่าต้าซือมิ่งราชสำนักที่อยู่ห่างออกไปไกลสัมผัสได้แล้ว เขามองไปทางตำหนักซือมิ่ง