ตอนที่ 322 ร่างผมสีแดงเพลิงตื่นแล้ว! เสี่ยวเป่าฝ่ายรับ
“เสี่ยวเป่า” หรงต้าซือมิ่งที่รับรู้ได้ก็เอ่ยถาม “เสร็จหรือยัง”
เยี่ยนอวี๋ในบัดนี้กำลังนำยันต์ชั่วร้ายแบบเดียวกันอีกใบหนึ่งใส่เข้าไปในค่ายกลชิงนภาเปลี่ยนตะวัน ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างอื่น นางจึงพยักหน้าบอกว่า “เสร็จแล้ว”
“อืม” หรงอี้โอบเอวภรรยาและกลับตำหนักซือมิ่งทันที
พวกเขาไม่รู้เลยว่า หลังจากที่พวกเขาจากไปแล้ว เหมือนกับเป็นเพราะยันต์ของเยี่ยนอวี๋ทำให้ ‘ต้าซือมิ่ง’ ผมสีแดงคนนั้นตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะลืมตาสีแดงที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายอำมหิตขึ้น!
วิ้ง!
วังใต้ดินสั่นสะเทือนเล็กน้อย จากนั้นก็สงบเป็นปกติ
…
ในขณะเดียวกัน
หรงอี้และภรรยาก็กลับถึงตำหนักซือมิ่งแล้ว พวกเขาได้ยินเสียงร้องเรียกอย่างน่าเวทนาของเด็กน้อย เยี่ยนอวี๋ใจตกลงไปตาตุ่มทันที “เสี่ยวเป่า!”
ทั้งสองปรากฏตัวข้างกายเยี่ยนเสี่ยวเป่าแทบจะพร้อมกัน พวกเขาเห็นเด็กน้อยตัวแดงก่ำ เยี่ยนอวี๋ยังไม่ทำอะไร ต้าซือมิ่งก็อุ้มเด็กน้อยขึ้นมาแล้ว รอบกายยังแผ่ซ่านแสงสีม่วงเจิดจ้าออกมา
“พ่อ พ่อ” เจ้าตัวน้อยที่ยังคงหลับตาอยู่ก็เหมือนกับว่าสัมผัสถึงท่านพ่อของเขาได้ เขาจึงมุดเข้าไปในอ้อมอกของท่านพ่อ “เป่า เจ็บ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพูดพลางร้องไห้ ท่าทางน่าสงสารมากจริงๆ
“เสี่ยวเป่า” เยี่ยนอวี๋ลูบใบหน้าเด็กน้อยอย่างปวดใจ นางรู้สึกได้ว่ามีพลังบางอย่างทะลักออกมาจากร่างของเจ้าตัวน้อย ซึ่งเป็นพลังที่ไม่เคยมีมาก่อน
หรงต้าซือมิ่งที่อุ้มเด็กน้อยไว้ก็ปลอบเสียงเบา “พ่อรู้แล้ว เดี๋ยวก็หายแล้วนะ เสี่ยวเป่าไม่ต้องกลัว”
“แม แม…” เด็กน้อยที่สัมผัสถึงท่านแม่ก็ร้องเรียก “แง… เป่า เจ็บๆ”
เยี่ยนอวี๋หัวใจจะสลาย น้ำตาเอ่อในดวงตา “เป็นอะไรไปน่ะ เป็นเพราะยาสกัดตี้ซินหรือ เสี่ยวเป่ารับฤทธิ์ยาสกัดตี้ซินไม่ได้หรือ”
“ไม่ใช่หรอก” ต้าซือมิ่งลูบศีรษะที่มีขนอ่อนน้อยๆ เบาๆ เขายังคอยแผ่ซ่านกลิ่นอายของตนเองเข้าไปในตัวของเด็กน้อย ช่วยเขาระงับพลังในสายเลือดเหล่านั้น
ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดตัวของเด็กน้อยก็ไม่ได้ตัวแดงเช่นนั้นแล้วและก็ไม่ส่งเสียงร้องเจ็บแล้ว แต่ยังคงฮึมฮัมอย่างออดอ้อน และยังคว้าเสื้อของท่านพ่อไว้แน่น
ต้าซือมิ่งลูบหลังเด็กน้อยเบาๆ ไม่หยุด “ไม่ต้องกลัว เสี่ยวเป่าไม่ต้องกลัว นี่คือพลังของเสี่ยวเป่า เป็นพลังที่เก่งมาก ไม่ต้องกลัวนะ”
เสียงปลอบประโลมอันไพเราะของต้าซือมิ่งเหมือกับกำลังบรรเลงบทเพลง มันหนักแน่น อ่อนโยน งดงามและน่าหลงไหล เพียงไม่นานก็ปัดเป่าความอึดอัดของเด็กน้อยจนหมดสิ้น
“พ่อ…” เด็กน้อยที่พึมพำเบาๆ ก็ค่อยๆ สงบลง และนอนหลับสนิทอีกครั้ง ใบหน้าน้อยๆของเขากลับยังคงมีคราบน้ำตา เยี่ยนอวี๋จึงเช็ดให้เขา
หรงอี้ลูบศีรษะที่มีขนอ่อนน้อยๆ เบาๆ และให้เยี่ยนอวี๋ช่วยเด็กน้อยเปลี่ยนเสื้อผ้า นางเพิ่งรู้ว่าเสื้อของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่นี้เจ้าตัวน้อยคงทรมานมาก คงเจ็บจนเหงื่อไหลไปทั้งตัว
ทุกๆ ฉากที่ปรากฏในสายตาทำให้ประมุขหอโอสถที่มาเห็นอีกครั้งก็ถอนหายใจเบาๆ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าต้าซือมิ่งผู้สูงส่งท่านนี้แท้จริงแล้วจะเป็นคนรักครอบครัวเช่นนี้ ไม่เพียงดูแลลูกได้ ยังปลอบเด็กน้อยได้เก่งเช่นนี้
มิน่าคนในโรงน้ำชาจึงพูดกันว่า ‘แต่งงานต้องแต่งกับต้าซือมิ่ง มีบุตรสาวต้องเป็นบุตรเช่นปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน’ ต้าซือมิ่งท่านนี้สมควรแต่งงานด้วยจริงๆ! สมควรจริงๆ
“ตกลงเสี่ยวเป่าเป็นอะไรกันแน่” เยี่ยนชิงเหงื่อชุมไปทั้งตัว เมื่อครู่นี้เขาอยากจะร้องไห้แล้วจริงๆ! เขาสงสารแทบแย่ ทำไมหลานชายน้อยจึงเจ็บปวดเช่นนี้ได้
“นั่นน่ะสิ เกิดอะไรขึ้น” พี่น้องตระกูลเยี่ยนตกใจเช่นกัน และเยี่ยนหงชวน หยางชีซานก็วุ่นวายไปหมด
เยี่ยนอวี๋เองก็สงสัยเช่นกัน นางจึงมองไปที่ต้าซือมิ่ง หลังจากเขาพันเด็กน้อยไว้แน่นแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้น “ตามหลักแล้วยาสกัดตี้ซินเพียงแค่กระตุ้นพลังสายเลือดของเสี่ยวเป่าออกมา นี่เป็นพลังของเสี่ยวเป่าเอง เขาไม่น่าจะรู้สึกไม่สบายได้”
“เช่นนั้นเป็นเพราะอะไรกันแน่” เยี่ยนอวี๋เค้นคำตอบ
หรงอี้แววตานิ่งขรึม “คล้ายกับว่าไม่อาจย่อยพลังได้ แต่ตอนนี้หายดีแล้วล่ะ ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ อาจจะเป็นเพราะข้าคาดคะเนผิดไป ข้าควรอยู่กับเสี่ยวเป่า รอให้เขาย่อยพลังเหล่านั้นเสร็จแล้วค่อยว่ากัน”
“โกหก!” เยี่ยนอวี๋แย้งในทันใด
หรงอี้บีบมือของนางเบาๆ กล่าวตามจริงว่า “ด้วยร่างกายของเสี่ยวเป่า เขาไม่ควรมีอาการเหล่านี้เลย แต่ความจริงคือมันเกิดขึ้นกับเขาแล้ว แม้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร แต่เราต้องระวังกันให้มากกว่านี้ในวันข้างหน้า”
“เสี่ยวเป่ามีปัญหาสายเลือดหรือ” เยี่ยนอวี๋เข้าใจความหมายโดยนัยของเขา
“ก็ไม่เชิง” หรงอี้ส่ายศีรษะ “รอเสี่ยวเป่าตื่นแล้วข้าจะค่อยๆ สอนเขา เสี่ยวเป่าค่อนข้างเป็นฝ่ายรับ เหมือนกับว่าต้องอยู่กับข้า เขาจึงจะเติบโตอย่างราบรื่นได้”
เยี่ยนอวี๋ชะงักเล็กน้อย แต่ขณะที่คิดย้อนกลับไปก็พบว่าราวกับเป็นเช่นนั้นจริงๆ มีเพียงเมื่อเขาอยู่ เสี่ยวเป่าจึงยิ่งร่าเริงและยิ่งแข็งแรง
อย่างเช่นเมื่อครั้งแรกสุด นางคิดว่าตนเองคลอดเด็กน้อยเบาปัญญาออกมา จนเมื่อกลับไปสำนักชางอู๋ เพราะว่าเขาเองก็อยู่สำนักชางอู๋ เสี่ยวเป่าจึงเริ่มร่าเริงขึ้นมา
“สายเลือดเจ้าเป็นเช่นนี้หรือ” เยี่ยนอวี๋ลูบแก้มน้อยๆ ของเด็กน้อยพลางคิดว่าหากเขาคนนี้ไม่ได้อยู่ในสำนักชางอู๋ในครานั้น หลังจากนั้นก็ไม่ได้มา ‘ตอแย’ พวกเขาสองแม่ลูก เด็กน้อยอาจจะเติบโตไม่ได้แล้ว
นี่มัน…
เยี่ยนอวี๋ไม่ทันได้คิดต่อไป เยี่ยนจื่อเสาก็อุทานขึ้นว่า “นี่มันสายเลือดมหัศจรรย์อะไรกัน”
“ความสามารถไม่ธรรมดา จึงมีความต้องการเช่นนี้หรือ” เยี่ยนจื่อเยี่ยเองก็ไม่เคยได้ยินเหตุการณ์เช่นนี้
เยี่ยนชิงหน้าดำคร่ำเครียด “อย่างเช่นนั้นก่อนหน้านี้ที่เจ้าไม่ได้อยู่กับเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ เขาก็…”
“ใช่แล้ว มีผลเช่นกัน” หรงอี้พยักหน้ายืนยันก่อนจะกอดเด็กน้อยไว้แน่นขึ้นกว่าเดิม ไม่อยากคิดเลยว่า หากไม่ใช่เพราะเขาและภรรยามีดวงสมพงษ์กัน เด็กน้อยคงเติบโตได้ยากมาก
“ข้าและเจ้าไม่รู้” เยี่ยนอวี๋ยื่นมือออกไปกุมมือของต้าซือมิ่งไว้ นางรู้ว่าชายคนนี้กำลังรู้สึกผิด แต่ไม่ว่าจะเป็นนางหรือเขาในอดีต พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นนี้
โชคดีที่เสี่ยวเป่าของพวกเขายังถือว่าเติบโตอย่างแข็งแรง ต่อไปก็คงไม่เกิดปัญหาเช่นนี้อีก เพราะถึงอย่างไรตอนนี้พ่อลูกคู่นี้ก็อยู่ด้วยกันแทบจะทุกวัน
“อืม” หรงอี้รู้ว่าภรรยากำลังปลอบใจตนเอง เขาก็โอบนางเข้ามาให้อ้อมอกเช่นกัน พ่อแม่ลูกทั้งสามโอบกอดกันเช่นนี้ ทำให้เยี่ยนชิงตัดสินใจบางอย่างในใจได้
ประมุขหอโอสถที่เห็นว่าไม่มีธุระอะไรของตนแล้ว เขาจึงจากไปอย่างเงียบๆ จากนั้นเยี่ยนหงชวน หยางชีซาน รวมถึงเยี่ยนชิงและบุตรชายทั้งสองของเขาก็ออกมาแล้ว
“ท่านพ่อ ควรให้น้อยเขยรีบแต่งงานกับน้องสาวแล้วหรือไม่” เยี่ยนจื่อเสาคิดได้เช่นนั้นก็ถามอย่างตรงไปตรงมาทันที ทว่าแต่เดิมเขาคิดว่าจะถูกทุบตีสักตั้ง แต่แล้วกลับไม่เป็นเช่นนั้น
เยี่ยนชิงเพียงแค่ถอนหายใจพูดว่า “ลองดูก่อนเถอะ” ถึงแม้เขาจะอาลัยอย่างไรก็ตาม แต่เพื่อหลานชายตัวน้อยแล้ว อีกทั้งลูกสาวสุดที่รักก็ดูชอบพอต้าซือมิ่ง เขา… เขาก็… เขาก็ไปฝึกฝนวิชาดาบที่ลานสนามแล้ว! ยังมีเม่ยเอ๋อร์ไปด้วย
…
หลังจากผ่านไปสามวัน
ตุ้ม!
ตุ้ม! ตุ้ม…
เมื่อเสียงกลองราชสำนักดังกังวานอีกครั้ง แต่ละสำนักก็ทยอยกันออกเดินทาง พวกเขามุ่งไปที่ลานสนามราชสำนักอีกครั้ง ฝูงชนครานี้ก็มิได้น้อยไปกว่าครั้งที่แล้ว
ถึงอย่างไรพิธีแต่งตั้งเจ็ดสำนักก็เป็นงานยิ่งใหญ่ที่ต้าซย่าจัดขึ้นทุกๆ เจ็ดปี ถึงแม้สำนักที่แพ้แล้ว หากยังสามารถร่วมงานได้ ส่วนใหญ่ก็ไม่ยอมทิ้งโอกาสที่จะได้ชมงานอันยิ่งใหญ่นี้
มิหนำซ้ำผู้คนต่างรู้ว่าการแข่งขันรอบรองในวันนี้ต้องคุ้มค่าแก่การดู การท้าชิงที่ไม่เคยปรากฏมาหลายปี มีความเป็นไปได้มากว่าวันนี้จะปรากฏขึ้น
“ไม่รู้ว่าวันนี้สำนักชางอู๋จะส่งให้ใครมาท้าชิง ข้าเดาว่าต้องเป็นคุณชายใหญ่เยี่ยนสำนักศึกษาท่านนั้น”
“ข้าก็คิดว่าเช่นนั้น! แต่ข้าได้ยินมาว่าปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนยังมีสาวใช้อีกคนหนึ่ง เก่งกาจกว่าศิษย์ไร้ยางอายก่อนหน้านี้มาก!”
“แสร้งเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสืออีกแล้วหรือ…”
เนื่องจากชุ่ยชุ่ยทำให้ทุกคนจดจำนางได้ขึ้นใจในการแข่งขันรอบแรก บัดนี้เมื่อทุกคนพูดถึงสำนักชางอู๋ก็จะนึกถึงนางทันที และยังทึกทักไปเองว่าเม่ยเอ๋อร์ที่เคยมีชื่อเสียงลือเลื่องในราชสำนักก็เป็นเหมือนชุ่ยชุ่ย
แต่แล้วก็มีคนบอกว่า “ได้ยินมาว่าท่านนั้นมิใช่สาวใช้ของปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน แต่เป็นคนที่ต้าซือมิ่งส่งไปคอยคุ้มกันปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน”
“ข้าก็ได้ยินเช่นนั้น หากเป็นคนของตำหนักซือมิ่งก็คงไม่เหมาะที่จะเป็นตัวแทนของสำนักชางอู๋ลงแข่ง แต่ก็พูดยาก หากนางออกจากตำหนักซือมิ่งแล้วเข้าร่วมสำนักชางอู๋แล้วล่ะ”
“สำนักอื่นๆ ก็มิใช่คนโง่ คงไม่ยอมกันหรอก!”
“…”
เสียงวิพากวิจารณ์มากมายเช่นนี้ เมื่อเม่ยเอ๋อร์ได้ยินเข้าก็โมโหมาก “ข้าน้อยเป็นคนของคุณหนูใหญ่แท้ๆ ทำไมกลายเป็นคนของตำหนักซือมิ่งไปแล้วล่ะนี่”
“เจ้าอย่าถือสากับชาวบ้านชอบสอดรู้เหล่านี้เลย” เยี่ยนจื่อเสาปลอบ “พวกข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่ก็พอแล้วนี่”
เม่ยเอ๋อร์ยังคงไม่พอใจ นางส่งเสียง ฮึ ในลำคอ ชุ่ยชุ่ยกลับถามขึ้นอย่างร้อนรนว่า “งั้นหากพวกเขาไม่ยอมให้พี่เม่ยเอ๋อร์ลงแข่งจริงๆ จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ”
“ชิ!” จู่ๆ เสียง ชิ เย็นชาที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนก็ดังใส่เยี่ยนอวี๋และคนสำนักชางอู๋ ผู้คนน้อยใหญ่สำนักคุนอู๋กว่าร้อยคนก็ปรากฏตัวอย่างยิ่งใหญ่
เหล่าศิษย์สำนักคุนอู๋ที่มีหยางเซ่าเหิงเป็นหัวหน้าก็กวาดสายตามองไปที่สำนักชางอู๋อย่างยั่วยุ หยางเซ่าเหิงในนั้นเหิมเกริมที่สุด เขาถึงกับจ้องเยี่ยนจื่อเยี่ยและใช้นิ้วโป้งทำท่าปาดคอ!
“!”
เยี่ยนจื่อเยี่ยเผยแววตาดุดันขึ้นมาทันที!
แต่เยี่ยนอวี๋ที่คอยสังเกตการณ์กลับมองไปที่หยางเซ่าเหิงทันที เขามีกลิ่นอายผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นนางก็พบว่า… กลิ่นอายของเขาคนนี้เพิ่มสูงขึ้นมาก?!
ไม่เพียงเท่านี้…