ตอนที่ 330 ต้าซือมิ่งจอมหึงหวง!
กู้หยวนซูพบว่าตนไม่สามารถควบคุมร่างกายตนเองได้อีกแล้ว ถึงแม้นางต้องการทำลายร่างวิญญาณมารของตนและระเบิดตนเองเพราะไม่อยากให้เยี่ยนจื่ออวี๋นังสารเลวคนนี้รู้ทุกสิ่งที่นางรู้ก็ตาม
น่าเสียดาย…
วี้ด!
พลังของจิ่วเฟิ่งที่กดทับกู้หยวนซูทำให้นางมิอาจทำเช่นนี้ได้ นางทำได้เพียงจำใจปล่อยให้เยี่ยนอวี๋เก็บวิญญาณและความทรงจำทั้งหมด
“ไม่…”
กู้หยวนซูสิ้นหวัง ความรู้สึกที่ทุกอย่างในร่างถูกดูดกลืนและถูกพรากจากไปนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ไม่ว่าใครก็ต้องสติแตก รวมถึงกู้หยวนซู
นี่คือสิ่งที่เยี่ยนอวี๋ต้องการ นางต้องการให้กู้หยวนซูได้สัมผัสถึงความสิ้นหวังที่เยี่ยนจื่ออวี๋เคยรู้สึก กระทั่งความสิ้นหวังที่รุนแรงกว่านั้น! นางจึงลงมืออย่างช้าๆ เพราะนางต้องการให้กู้หยวนซู ‘สนุก’ กับความเจ็บปวดนี้ ปล่อยให้นางค่อยๆ ถูกควบคุม ค่อยๆ ถูกดูดกลืน และค่อยๆ ถูกพรากจาก…
ในระหว่างนี้เยี่ยนอวี๋ยังได้เห็นภาพความทรงจำไม่น้อย จนเมื่อนางเห็นว่ากู้หยวนซูที่กลับจากโยวตูมาตี้ชิว นางเสนอข้อแลกเปลี่ยนกับหยวนคังฮ่องเต้ จังหวะนั้นเองเยี่ยนอวี๋ก็เร่งดูดวิญญาณนางให้เร็วขึ้น!
“โอ๊ย!”
ศีรษะระกาของกู้หยวนซูบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ร่างกายชักเกร็ง ตาเหลือกพอง ดูเหมือนกับว่าจะตายแล้ว แต่เยี่ยนอวี๋ไม่ปล่อยให้นางตายง่ายๆ
แต่แล้วพลังกลืนกินที่ปล่อยออกมาจากร่างวิญญาณมารของกู้หยวนซูกลับฉีกทึ้งพลังกดทับจิ่วเฟิ่งราวกับไร้การควบคุมอย่างกะทันหัน มันทำลายร่างกายของกู้หยวนซู โดยเฉพาะอนุสติของนาง
“หยุด”
เยี่ยนอวี๋อัดพลังหยวนซูเข้าไปในอนุสติของกู้หยวนซู มันขับไล่พลังโหดเหี้ยมที่จู่ๆ พลันบ้าคลั่งอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็ทำให้ร่างกายของกู้หยวนซูที่กำลังปริแตกเสถียรไว้
นอกจากนี้ เยี่ยนอวี๋ยังจับร่างวิญญาณมารของกู้หยวนซูไว้ได้อย่างแม่นยำ “มา”
พลังหยวนชูห่อหุ้มร่างวิญญาณมารของกู้หยวนซูไว้อย่างรวดเร็ว แต่ร่างวิญญาณมารนั่นกลับแตกร้าวในทันใด เห็นได้ชัดว่ามันรู้จุดประสงค์ของเยี่ยนอวี๋ มันจึงกำลังพยายามทำลายตัวเองทิ้ง แต่เยี่ยนอวี๋ดูดมันออกมาจากร่างของกู้หยวนซูมาอยู่บนฝ่ามือของเยี่ยนอวี๋แล้ว นางเก็บมันลงไปในถุงวิเศษ
ตุบ!
กู้หยวนซูสลบล้มลงกับพื้น นางในบัดนี้ที่สูญเสียร่างวิญญาณมารไปค่อยๆ กลับคืนสู่ร่างมนุษย์ แต่น่าเสียดายที่ใบหน้าของนางเละไปหมดแล้ว ดูอย่างไรก็ยังคงอัปลักษณ์อยู่ดี
แต่ไม่ว่าอย่างไร กู้หยวนซูยังมีชีวิตอยู่ เพราะว่าเยี่ยนอวี๋ใช้วิชารักษาช่วยนางไว้ แต่อนุสติของนางคงช่วยไม่ได้แล้ว นางคงต้องกลายเป็นคนสติไม่ดี
เยี่ยนอวี๋เอ่ยขึ้นว่า “เจ้าสำนักกู้ วิญญาณมารในร่างของกู้หยวนซู ข้าขจัดออกให้แล้ว ท่านพานางกลับไปรักษาตัวเถิด”
“ไม่ ไม่ใช่…” กู้ปิ่งคุนปฏิเสธ
กู้หยวนหมิงกลับเดินขึ้นเวที “ขอบคุณ”
เยี่ยนอวี๋มิได้พูดอะไร นางเพียงแค่มองกู้หยวนหมิงอุ้มกู้หยวนซูที่เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายลงไป เยี่ยนอวี๋ยังคงคิดว่าการปล่อยให้กู้หยวนซูกลายเป็นเช่นนี้ยังถือว่าน้อยไปสำหรับนาง
แต่พลังที่จู่ๆ แทรกขึ้นมานั้น ทำให้ต้องจบลงเช่นนี้ในท้ายที่สุด นางเองก็ไม่สามารถควบคุมได้ แต่เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน กู้หยวนซูที่เสียสติคงมิอาจสร้างปัญหาได้อีก
ทว่าการที่กู้หยวนหมิงยอมรับกู้หยวนซูกลับมาก็ไม่ได้หมายความว่ากู้ปิ่งคุนจะเห็นด้วย “ต้าหลาง! เจ้าทำอะไรกันแน่ ปีศาจตัวนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับสำนักเหยาไถเซียน นางไม่ใช่พี่ใหญ่ของเจ้าแล้ว! ส่งนางไปซะ!”
“นางยังคงเป็นพี่ใหญ่ของข้า” กู้หยวนหมิงเชื่อว่าที่พี่ใหญ่เปลี่ยนไปก็ล้วนเป็นเพราะปีศาจนั่นจองจำร่างของนางไว้ บัดนี้วิญญาณมารนั่นถูกขจัดไปแล้ว ถึงแม้พี่ใหญ่จะเสียโฉม แต่นี่ถึงจะเป็นพี่ใหญ่ที่เคยฝึกฌานด้วยกันกับเขาเมื่อครั้งเป็นเด็ก
กู้ปิ่งคุนสีหน้าเคร่งขรึม แต่กู้หยวนหมิงไม่สนใจ เขาพากู้หยวนซูออกจากลานสนามแล้ว เขารู้ว่าท่านพ่อต้องไม่ยอมเก็บพี่ใหญ่ไว้ เขาจึงทำได้เพียงจัดแจงให้นางอยู่นอกสำนักกับชีหลาง
คำตอบของกู้หยวนหมิงทำให้เยี่ยนอวี๋อดมองกู้หยวนหมิงอีกครั้งไม่ได้ นางเห็นได้จากแผ่นหลังอันสง่าของหนุ่มคนนี้ว่าเขาไม่เหมือนกับกู้หยวนซูและกู้หยวนเหิง
ในชั่วขณะหนึ่ง เยี่ยนอวี๋ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาว่าหากแม่นางน้อยเยี่ยนจื่ออวี๋คนนั้นได้พบกับกู้หยวนหมิง ไม่ใช่กู้หยวนเหิง นางคงไม่ต้องเจอกับจุดจบอันทรมานเช่นนี้ ขณะที่นางกำลังคิด อ้อมอกของนางก็มีเด็กน้อยโผล่เข้ามา ภาพแผ่นหลังที่ค่อยๆ เดินจากไปช้าๆ ข้างหน้านางก็ถูก ‘เปลี่ยนเป็น’ แผ่นอกอันคุ้นเคย
“แม…” เยี่ยนเสี่ยวเป่ากอดท่านแม่ไว้พลางสอดส่องสายตาไปทั่ว “ขี้เหร่?”
เยี่ยนอวี๋ลูบเด็กน้อย นางรู้ว่าเด็กน้อยกำลังถามอะไร จึงตอบว่า “คนอัปลักษณ์นั่นแพ้ไปแล้วล่ะ”
“เก่ง!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าดีอกดีใจ นางทำท่าจะจูบท่านแม่ แต่กลับถูกท่านพ่อของเขาอุ้มกลับไป “เนะ?”
เยี่ยนอวี๋ชะงักครู่หนึ่ง นางกำลังจะยื่นหน้าไปให้เด็กน้อยจูบพอดี แต่ถึงอย่างไรนางก็ถูกจูบเพราะนางถูกท่านพ่อเด็กน้อยจูบบนหน้าผาก สัมผัสนั้นเย็นๆ นุ่มนิ่ม
“เมื่อครู่นี้เจ้ามองกู้หยวนหมิงนานเช่นนั้นทำไม” หรงต้าซือมิ่งจูบเสร็จแล้วก็ถามด้วยน้ำเสียงปกติ ราวกับไม่ได้รู้สึกหึงหวง
เยี่ยนอวี๋จึงไม่รู้ว่าเขาหึง “คิดบางอย่างขึ้นมาน่ะ กู้หยวนซูมีน้องชายที่ดีมากเลย”
“อืม ดีกว่ากู้หยวนเหิง แต่ไม่เท่าพี่ใหญ่และพี่รองหรอก”
“แน่นอน” เยี่ยนอวี๋เห็นด้วย
ต้าซือมิ่งยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “เช่นนั้นเชิญเจ้าต่อเถอะ ข้าและเสี่ยวเป่าลงไปก่อนแล้ว”
“อ้ะเนะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่างุนงง เขายังอยากให้ท่านแม่อุ้มเขา
เยี่ยนอวี๋ก็ขวางต้าซือมิ่งไว้ นางยื่นหน้าเข้าไปจูบแก้มน้อยๆ ของเจ้าตัวน้อย
เยี่ยนเสี่ยวเป่ายิ้มร่าทันที “แม…”
“จ๊ะ” เยี่ยนอวี๋จูบเด็กน้อยจิ้มลิ้มอีกครั้ง ตาที่ระคายเคืองเมื่อครู่นี้จึงค่อยหายดี “เสี่ยวเป่าหายดีแล้วใช่หรือไม่”
“ดี…” เยี่ยนเสี่ยวเป่ารู้ว่าท่านแม่กำลังถามถึงร่างกายของเขา เขายังรู้จักชูแขนขึ้นมาเพื่อบอกว่าตนเองหายดีแล้ว ทำเอาเยี่ยนอวี๋อดจูบเด็กน้อยอีกครั้งไม่ได้
ต้าซือมิ่งจึงโน้มตัวลงไปถาม “ข้าล่ะ”
เยี่ยนอวี๋เกือบจะถอยหลังเพราะใบหน้าที่จู่ๆ โน้มเข้ามาใกล้ แต่ต้าซือมิ่งโอบเอวนางไว้อย่างคนรู้ทัน
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางจึงแหงนหน้าขึ้นจูบหน้าผากเขา แต่ต้าซือมิ่งเจ้าเล่ห์ เมื่อเยี่ยนอวี๋กำลังจะจูบลงไป เขาก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ทำให้ภรรยาประกบริมฝีปากของเขาได้อย่างพอดิบพอดี
เยี่ยนอวี๋ “…”
ตัวนางแข็งทื่อ
แปะ!
แปะๆ!…
เสียงปรบมือดังขึ้นตามมาจากทั่วสารทิศในลานสนาม
“ดี!”
“สู้ได้ดี!”
“กิ่งทองใบหยกคู่นี้ก็งดงามจริงๆ!”
เสียงโห่ร้องชื่นชมดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทว่าเด็กน้อยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่พอใจ เขามุดศีรษะออกมาระหว่างท่านพ่อและท่านแม่ของเขา เพื่อบอกว่ายังมีข้าด้วยนะ! ทำไมไม่พูดถึงข้าเลยล่ะ
“ฮ่าๆๆ! ยังมีเด็กน้อยเทพบุตรน่ารักคนนี้ด้วย ดูดีจริงๆ!”
“นั่นน่ะสิ! เด็กน้อยคนนี้หน้าตาน่ารักจริงๆ…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ได้รับคำชมตามที่ต้องการแล้วก็รู้สึกพึงพอใจ เขายิ้มพลางพิงบนไหล่ของท่านพ่อ ทำเอาทุกคนชื่นชมไม่หยุดปาก
เยี่ยนอวี๋ผลักสองพ่อลูกออกเบาๆ “พอแล้ว ลงไปเถอะ ข้ายังต้องประลองต่อนะ”
“อืม” ต้าซือมิ่งที่ถูกง้อแล้วก็ยอมเชื่อฟังแต่โดยดี เขาอุ้มเด็กน้อยลงจากเวทีไป
เยี่ยนอวี๋สูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่งก่อนจะกล่าว “รอบต่อไป สำนักคุนอู๋ ถึงตาพวกเจ้าแล้ว”
“…”
เสียงปรบมือหยุดลงในทันที!
ทุกคนในลานสนามมองไปที่สำนักคุนอู๋อย่างพร้อมเพรียง ด้วยความสามารถที่เยี่ยนอวี๋แสดงให้เห็นในสองรอบแรก พวกเขาต่างคิดว่าถึงคราวซวยของสำนักคุนอู๋แล้ว
“ฮึ! โอหังนัก!” ชือปี้เหลียนอดเหน็บแนมไม่ได้
ใช่แล้ว ชือปี้เหลียนย่อมต้องเหน็บแนม เพราะว่าการโอ้อวดความรักเมื่อครู่นี้ของต้าซือมิ่ง สำหรับคนอื่นแล้วเป็นภาพงดงามดุจเทพนิยาย แต่สำหรับชือปี้เหลียนแล้ว นางรู้สึกเป็นภาพที่เสียดแทงตาอย่างเดียว!
“หากเจ้าไม่พอใจ ข้าอนุญาตให้เจ้าสู้กับข้าตัวต่อตัว” เยี่ยนอวี๋กล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
ชือปี้เหลียนเงียบ ไม่ว่านางจะไม่พอใจอย่างไร สัญญาติญาณการเอาชีวิตรอดก็ทำให้นางรู้ดีว่านางสู้เยี่ยนอวี๋ไม่ได้แน่นอน แต่การที่ชือปี้เหลียนเงียบไปดื้อๆ เช่นนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องจะจบเพียงเท่านี้ เพราะเม่ยเอ๋อร์พูดขึ้นแล้วว่า “หากเจ้าคิดว่าตนเองสู้คุณหนูใหญ่ของข้าไม่ได้ ก็มาสู้กับข้าได้ มาเลย!”
“เจ้า…” ชือปี้เหลียนหน้าซีดเผือด นางไม่กล้าออกมาอยู่ดี นางสืบรู้มาว่าสาวใช้ข้างกายเยี่ยนอวี๋ไม่ธรรมดาสักคน โดยเฉพาะสาวใช้ชุดดำคนนี้ อย่าไปยั่วโมโหนางจะดีที่สุด
แต่แล้วชุ่ยชุ่ยเองก็พูดตะกุกตะกักว่า “หาก… หากเจ้ากลัวพี่เม่ยเอ๋อร์ ข้า… สู้กับข้าก็ได้ เจ้าออกมาสิ ข้าจะทุบเจ้าให้ตายด้วยตะบองเล่มเดียวเลย!”
ชือปี้เหลียนโมโหจนเลือดขึ้นหน้า นางอยากออกไปสู้ด้วยจะแย่แล้ว แต่แล้ว…
“ฮ่าๆๆ!”
เสียงหัวเราะดังสนั่นไปทั่วทั้งลานสนาม “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ลัทธิเซิ่งเหลียนนี่ไม่ดูตาม้าตาเรือเลย ฝีปากกล้านัก ทั้งที่สู้ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนไม่ได้ ยังจะรนหาที่ตายอีก”
“นั่นน่ะสิ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่”
“พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าก่อนหน้านี้นายน้อยอินบอกแล้วว่า ธิดาศักดิ์สิทธิ์ลัทธิเซิ่งเหลียนเป็นเพื่อนสนิทของหลิงหยางจวิน นางคงอยากออกหน้าแทนชู้รัก โอ้! ไม่ใช่สิ เพื่อนสนิทของนางอยู่ไงเล่า”
“ถ้าเช่นนั้นก็สู้แทนสำนักคุนอู๋สิ ดูซิว่าปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนจะซัดนางอย่างไร” ทุกคนพากันเยาะเย้ยไม่หยุด ทำเอาชือปี้เหลียนโมโหจนควันออกหู
เยี่ยนอวี๋กลับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ทำไมรึ สำนักคุนอู๋คิดจะให้ลัทธิเซิ่งเหลียนสู้แทนจริงๆหรือไง เป็นใบ้กันไปหมดเลย”
“ข้าขอรับคำท้าเจ้าเอง!”