ตอนที่ 331 วันนี้คือวันสิ้นสลายของสำนักคุนอู๋!
หยางเซ่าเหิงที่ทนดูต่อไปไม่ไหวก็ลุกยืนขึ้น นัยน์ตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความกระหายต่อการต่อสู้ที่ไร้ซึ่งความหวาดกลัว ราวกับว่าความแข็งแกร่งที่เยี่ยนอวี๋แสดงนั้นไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย
เพียงแต่ว่าถึงแม้หยางเซ่าเหิงจะเอ่ยขึ้นแล้ว แต่หยางถิงซานกลับห้ามเขาไว้ “เหิงเอ๋อร์ แม้จะสู้กับนาง เราก็ควรให้เวลาปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนได้พักยก มิควรฉวยโอกาสขณะฝ่ายตรงข้ามยังไม่พร้อม”
“ก็จริง” หยางเซ่าเหิงจึงนั่งลงด้วยท่าทีเจือความเหยียดหยาม
หยางเซ่าเหิงยังคงมั่นใจจนถึงบัดนี้ พูดได้เพียงว่าเขาคงมีความมั่นใจมากพอหรือไม่ก็โง่เขลาเย่อหยิ่งมากพอ
“ดูท่าสำนักคุนอู๋ยังมีตัวช่วย” ตี๋อูหวนเชื่อว่าการที่หยางเซ่าเหิงถูกแต่งตั้งเป็นเจ้าสำนักน้อยของสำนักคุนอู๋ได้ เขาก็ไม่น่าจะเป็นคนโง่เขลา สำนักคุนอู๋ต้องมีตัวช่วยที่ทุกคนคาดไม่ถึงแน่นอน!
จวินอั้นเทียนหันไปถามผู้อาวุโสข้างกายท่านหนึ่ง “อาวุโสมือกระบี่ ท่านคิดเห็นเช่นไร”
อาวุโสมือกระบี่ที่มิได้พูดแสดงความเห็นใดๆ ตั้งแต่ต้นจนถึงบัดนี้ยังคงมองเทพธิดาที่อยู่บนเวที ใช่แล้ว…เทพธิดา
อาวุโสมือกระบี่รู้แล้วว่าสตรีบนเวทีที่ทำให้ทุกคนตะลึงนั้น อันที่จริงก็คือเทพธิดาที่ปกปักษ์โยวตูไว้ในครานั้น เขามั่นใจมากว่าคนผู้นั้นคือนางจึงเอ่ยขึ้นว่า “มิต้องห่วง” วันนี้จะเป็นวันล่มสลายของสำนักคุนอู๋
ไม่ว่าสำนักคุนอู๋จะต่ำช้า ชั่วร้ายและมีเล่ห์กลอุบายอะไร เมื่ออยู่ต่อหน้าสตรีที่สืบทอดวิชาของปฐมราชินีหยวนชูท่านนี้แล้วล้วนเป็นเพียงสิ่งปลอมแปลงทั้งสิ้น ความสามารถที่แท้จริงจะเปิดโปงทุกอย่างเอง!
ในครานั้นสำนักคุนอู๋ข่มเหงสำนักชางอู๋อย่างไร วันนี้สำนักคุนอู๋ก็จะถูกกระทำเช่นนั้น นี่คือผลกรรมและวัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิด
“ท่านมั่นใจเช่นนี้เลยหรือ” จวินอั้นเทียนกลับยังคงรู้สึกไม่สบายใจ
“อืม” อาวุโสมือกระบี่ตอบเสร็จก็หลับตาลงราวกับเข้าฌานไปแล้ว
จวินอั้นเทียนไม่รบกวนเขาอีก เขามองกลับไปที่สตรีบนเวที ถึงแม้เขาเองก็มั่นใจในตัวนาง แต่ก็อดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้ กลัวว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
ทว่าจวินฮวนในฐานะที่เป็นศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักจวินจื่อก็แสดงท่าทีมั่นใจเช่นเดียวกับอาวุโสมือกระบี่ “นางทำได้แน่นอน” เพราะว่าเขาได้ประจักษ์เหตุการณ์มามากมายมาแล้ว เขารู้ว่าแม้แต่บรรพบุรุษอิงหลงโบราณยังหมอบกราบคุณหนูใหญ่เยี่ยนท่านนี้
…
และในขณะนี้เอง เยี่ยนอวี๋ก็ไม่ได้ต้องการรีบสู้กับสำนักคุนอู๋ นางเดินลงมาจากเวที ราวกับลงมาหยุดพักจริงๆ
“แม…” เจ้าตัวน้อยส่งเสียงเรียกขอให้ท่านแม่อุ้มเขาอย่างมีความสุข
ต้าซือมิ่งกลับกอดเด็กน้อยไว้แน่น กล่าวว่า “ท่านแม่เจ้าสู้กับคนไม่ดีมาตั้งนาน ให้นางพักผ่อนหน่อยนะ”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าคิดได้ดังนั้นก็เห็นด้วย เขาจึงหดมืออวบอ้วนของตนกลับไป
แต่เยี่ยนอวี๋ยังคงยื่นมือออกไปรับเด็กน้อยเข้ามาในอ้อมอก “แม่ยังมีแรงอุ้มเสี่ยวเป่าอีกเหลือเฟือ”
เยี่ยนเสี่ยวเป่ายิ้มอย่างดีอกดีใจ “ฮี่ๆ…”
เยี่ยนอวี๋ลูบขนอ่อนบนศีรษะเด็กน้อย ก่อนจะมองไปที่ท่านพ่อและท่านพี่ที่มีดวงตาแดงก่ำ โดยเฉพาะท่านพ่อเจ้าน้ำตา นางรู้สึกปวดศีรษะเล็กน้อย แต่ก็ทำได้เพียงเดินเข้าไปปลอบประโลม “ข้าไม่เป็นอะไรเสียหน่อย”
“พ่อรู้” เยี่ยนชิงที่มีดวงตาแดงก่ำและมีเสียงแหบแห้งกำลังพยายามอดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลลงมา เพราะเขากลัวว่าจะทำให้หลานชายน้อยตกใจอีก แต่เขาก็รู้สึกกลั้นไม่ไหวอีกแล้ว
เขามักจะเห็นภรรยาสุดที่รักของเขาในตัวบุตรสาว โดยเฉพาะในวันนี้! ในครานั้น เมิ่งเอ๋อร์ของเขาก็ต่อสู้กับคนที่รังแก ดูถูกและทำร้ายนางเหล่านั้นอย่างกล้าหาญเช่นนี้ นางไม่เคยท้อถอย! ไม่เคยล้มลง! ไม่เคยยอมแพ้ จนเมื่อลูกๆ ที่นางต้องปกป้องเติบโตอย่างแข็งแรงแล้ว เขาเพิ่งรู้ว่านางยอมสละทุกสิ่ง นางจากเขาไปอย่างโหดร้าย ทิ้งบุตรสาวที่ยังเป็นทารกและบุตรชายสองคนไว้
นางกลัวว่าเขาจะตามนางไปจึงบอกเขาตลอดว่าในร่างของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์มีมรดกสืบทอดของนาง บอกให้เขาดูแลเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ให้ดี เลี้ยงดูนางให้เติบโตอย่างมีความสุข มีชีวิตอย่างที่นางต้องการเป็น
เยี่ยนชิงทนทุกข์กับความเจ็บปวดใจ คิดถึงภรรยาสุดหัวใจ เขามองบุตรสาวตรงหน้าและหลานชายน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของบุตรสาว ปากพูดไม่หยุดว่า “ดี ดีแล้ว…”
นี่คงเป็นสิ่งที่เมิ่งเอ๋อร์อยากเห็น ชีวิตที่เติบใหญ่ของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ ชีวิตที่งดงามและมีความสุขอย่างที่นางต้องการให้มี
เสียดายที่ครานั้นเขายังไม่แข็งแกร่งพอ กระทั่ง ‘มองไม่เห็น’ สิ่งที่นางทุ่มเทให้เด็กๆ จวบจนก่อนที่นางจะจากไป เขาจึงเพิ่งรู้ความจริง
“ท่านพ่อ อย่าเสียใจเลย” เมื่อเยี่ยนอวี๋เห็นท่านพ่อเจ้าน้ำตาที่ข่มน้ำตาไว้แต่แสดงสีหน้าทุกข์ทรมานอย่างสุดซึ้ง นางก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดีจึงมองไปที่ต้าซือมิ่งด้วยสัญชาติญาณ
ต้าซือมิ่งที่ได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากเยี่ยนอวี๋ก็โอบเอวของภรรยาไว้ ในขณะเดียวกันก็สบตาพ่อตาที่อยู่ตรงหน้า “วางใจเถิดขอรับ เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ไม่เดินตามรอยท่านแม่แน่นอน ทุกอย่างเป็นอดีตไปแล้ว”
“…” เยี่ยนชิงยังคงกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เขายกมือปิดตาไว้แล้ว เขาอยากให้ภรรยาที่เสียไปมีชีวิตอยู่ถึงวันนี้จริงๆ นางจะได้เห็นบุตรสาวที่นางรักมากที่สุดได้เติบโตอย่างที่นางต้องการ
“พอแล้วท่านพ่อ” เยี่ยนจื่อเสาตบหลังท่านพ่อเบาๆ ก่อนจะกระซิบว่า “ศิษย์สำนักมองอยู่ ดูท่านสิ ร้องไห้แบบนี้ข้าทำตัวไม่ถูกนะ”
“ไปให้พ้น!” เยี่ยนชิงไม่อยากเห็นบุตรชายคนนี้จริงๆ
เยี่ยนจื่อเยี่ยก็ตบไหล่ท่านพ่อเบาๆ “ยังไม่ได้จัดการสำนักคุนอู๋เลย ท่านพ่อเก็บน้ำตาไว้หน่อยเถอะ กลับตำหนักแล้วค่อยว่ากัน ดีหรือไม่ขอรับ”
“ตา…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็ยื่นตัวเข้าหาท่านตาของเขาแล้ว
เยี่ยนชิงรับหลานชายน้อยไว้ รู้สึกได้ว่าหลานชายตัวน้อยคนนี้กำลังลูบหน้าอกของเขา ทำให้เขาก้มมองเด็กน้อย
“ตา…” ดวงตากลมโตใสแจ๋วของเจ้าตัวน้อยเจือไปด้วยความห่วงใย เขาเรียกพลางลูบท่านตา เมื่อเห็นว่าท่านตาของเขายังคงเศร้าโศก เขาก็เหยียดตัวขึ้นพร้อมยกมือขึ้นไปจับหน้าท่านตาไว้ และเช็ดน้ำตาให้ท่านตาของเขาอย่างรักใคร่
“เจ้าหมอนี่…” เยี่ยนชิงหัวเราะทั้งน้ำตา
“โอ๋…” เยี่ยนเสี่ยวเป่ายังกอดคอของท่านตาไว้อย่างแนบแน่น มืออวบอ้วนของเขาตบคอท่านตาเบาๆ ราวกับกำลังปลอบประโลมท่านตาของเขาอย่างจริงจัง
หัวใจที่นองน้ำตาของเยี่ยนชิงก็เปียกชุ่มไปด้วยความสุข เขายกมือขึ้นมาลูบหลานชายน้อยผู้ใส่ใจอย่างอบอุ่น “เสี่ยวเป่าของเราโตแล้ว รู้จักปลอบตาแล้ว”
“นั่นน่ะสิ น่ารักจริงๆ” เยี่ยนจื่อเสารู้สึกละลายไปกับความน่ารักของหลานชายน้อยแล้ว เขาก็อยากให้หลานชายปลอบเหมือนกัน…
เยี่ยนจื่อเยี่ยยื่นมือออกไปกุมมือของท่านพ่อ น้องรอง น้องเล็ก และน้องเขยเข้าไว้ด้วยกัน “หากท่านแม่เห็นภาพพวกเราในยามนี้ ท่านแม่ต้องมีความสุขมากแน่ๆ”
“ข้า!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ารีบยื่นมือออกไปร่วมด้วย ทำเอาทุกคนหัวเราะดังลั่น
เยี่ยนหงชวนมองทุกคนในครอบครัวด้วยความชื่นมื่นใจ แต่กลับมีใครบางคนมีตาหามีแววไม่ตะโกนขึ้นว่า “ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนได้เวลาประลองแล้ว เชิญเถิด!”