ตอนที่ 337 ตระกูลหรงวางอำนาจ! จัดการเจ้าดอกบัวขาว!
ไม่เพียงเท่านี้…
“ตายซะ!”
เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสคุนอู๋ที่กล้าเอ็ดตะโรกำลังคิดว่าหากลากเยี่ยนชิงเจ้าสำนักชางอู๋คนนี้ไปตายด้วยคงดี เพราะเขาระเบิดตัวเองที่ข้างกายเยี่ยนชิง! หากไม่ใช่เพราะเจ้าตัวน้อย ‘หนี’ ไปก่อนแล้ว เป้าหมายของเขาก็คงเป็นเยี่ยนชิงและเยี่ยนเสี่ยวเป่า คงอยากให้เยี่ยนอวี๋ลิ้มลองความเจ็บปวดที่ต้องเสียคนในครอบครัวไป ช่างเป็นความคิดที่ชั่วร้ายจริงๆ!
ทว่าน่าเสียดายที่เขาไม่เห็นหัวต้าซือมิ่งจนเกินไป ขณะที่ผู้อาวุโสคุนอู๋ท่านนี้เพิ่งเอ่ยปาก เขาก็ถูกกำจัดทิ้งอย่างเงียบๆ ถึงแม้เขาจะกำลังปลุกเร้าพลังระเบิดตนเองอยู่ก็ตาม เขาและพลังระเบิดตนเองของเขาก็ถูกกำจัดไปพร้อมกันราวกับไม่เคยปรากฏสิ่งใดขึ้นมาก่อน
“บิดามันเถอะ!” เยี่ยนจื่อเสาที่ตกใจสะดุ้งโหยงรู้สึกได้ว่าหัวใจของเขายังไม่กลับมาเต้นเลย เกือบจะตกใจตายอยู่แล้ว! เยี่ยนจื่อเยี่ยก็เช่นกัน แต่เดิมเขายังคิดจะช่วยท่านพ่อของเขาไว้ ไม่คิดว่าน้องเขยจะมีไหวพริบดีเช่นนี้ ขจัดอันตรายได้อย่างปลอดภัย
ส่วนเยี่ยนอวี๋ นางไม่ทันได้มองลงไปข้างล่างเสียด้วยซ้ำ นางก็ถูกใบหน้าตุ้ยนุ้ยของเด็กน้อยมุดเข้าไปในซอกคอนางแล้ว ทำเอานางผงะ “เสี่ยวเป่า?” เหมือนกับว่านางจะเห็นเด็กน้อยบินขึ้นมา?
“แม! แม…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่กอดท่านแม่ไว้อย่างมีความสุขก็ถูใบหน้าของตนในซอกคอของท่านแม่พลางเรียกท่านแม่ไม่หยุดปาก
เยี่ยนอวี๋หัวเราะอย่างอ่อนโยน พลังสังหารรอบกายก็มลายหายไปหมดสิ้น ราวกับเทพสูงสุดผู้ไร้ซึ่งอารมณ์จุติบนโลกมนุษย์มาเกิดเป็นมารดาผู้อ่อนโยนอย่างกะทันหัน
“งาม! เก่ง! แมของเป่า… เป่า” เยี่ยนเสี่ยวเป่ากอดท่านแม่คนงามของเขาไว้แนบแน่น เสียงเล็กเสียงน้อยที่ ‘ป่าวประกาศ’ ก็ดังไม่น้อย ราวกับกำลังประกาศต่อหน้าทุกคนว่านี่คือ ‘ท่านแม่ของข้า! ไม่ใช่ของพวกเจ้า!’ ชิชะ…
เห็นได้ว่าเมื่อครู่นี้ที่ผู้คนอุทานว่า ‘มารดาข้าเถอะ’ ทำให้เยี่ยนเสี่ยวเป่าโมโหไม่เบา เขาจึงประกาศ ‘ความเป็นเจ้าของ’ แล้ว
เยี่ยนอวี๋ไม่รู้เรื่องนี้ แต่นางรู้สึกได้ว่าเด็กน้อยแสดงความรักอาวรณ์ต่อตนเองอย่างยิ่ง นางจึงกอดเด็กน้อยไว้แน่นเช่นกัน นางยังจูบขนอ่อนบนศีรษะของเขา พูดเบาๆ ว่า “ใช่แล้ว แม่คือท่านแม่ของเสี่ยวเป่า”
“ฮี่ๆ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่ามีความสุขเปี่ยมล้น เขายิ้มกว้างราวกับดอกไม้ที่กำลังต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ ทั้งสดชื่นและน่ารัก ทำเอาความหวาดกลัวและความยำเกรงของทุกคนกลายเป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยมิตรไมตรีและเสียงปรบมือที่ดังกึกก้อง
แปะๆๆ!…
“ดี! สุดยอดไปเลย!”
“นั่นน่ะสิ ศึกครานี้จะกลายเป็นศึกที่ข้าจดจำไปชั่วชีวิต”
ผู้คนที่กู่ร้องดีใจและปรบมือเพิ่งจะรู้สึกชื่นมื่นใจกับศึกยกนี้ในวันนี้จากใจจริง ไม่สิ! ควรจะเป็นศึกทั้งสามยกของปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนมากกว่า ถึงแม้สองยกแรกเทียบกับยกหลังแล้วราวกับอยู่ต่างกันคนละชั้น แต่ก็เป็นความทรงจำที่ยากจะลืม เอ่อ… นอกจากร่างมารของกู้เหนียงเหนียงแล้ว ที่เหลือก็น่าจดจำ
แม้แต่ลูกพี่ในกองกำลังต่างๆ ก็ทอดถอนใจ “เหนือจินตนาการ…”
ผู้คนมากมายมองไปทางชานเมืองทิศเหนือ เมื่อเห็นเพลิงหงส์ฟ้าที่ยังไม่ดับมอดทั่วทั้งภูผาก็พากันถอนหายใจ “สำนักพันปี สูญสิ้นภายในวันเดียว เฮ้อ”
“ปีหน้ายังคงต้องรีบถวายเครื่องบรรณาการ ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนแห่งต้าซย่าเพียงท่านเดียวก็เก่งกาจถึงเพียงนี้ นางสามารถทำลายล้างสำนักพันปีและกองทัพวิญญาณอสูรไร้เทียมทานได้ หากจะทำลายดินแดนอันน้อยนิดของข้าก็คงเป็นเรื่องง่ายดาย” บรรดาเจ้าเมืองเมืองขึ้นตื่นตระหนก แม้แต่คนที่กำลังแอบศึกษาวิชามารต้องห้ามก็ตกใจเช่นกัน พวกเขากำลังคิดว่าตนควรจะหยุดหรือไม่ เพราะดูเหมือนว่าพลังธรรมะจะแข็งแกร่งกว่ามาก ดูปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนสิ เพียงเพลิงหงส์ฟ้าก็เผาทุกอย่างหมดสิ้น
“ยินดีกับปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนด้วย” จวินอั้นเทียนลุกขึ้นแสดงความยินดีกับเยี่ยนอวี๋ ถึงแม้คนราชสำนักยังไม่ประกาศอะไร แต่ผลการท้าชิงนี้ก็เป็นที่ประจักษ์อยู่ทนโท่แล้ว
ตี๋อูหวนจึงกล่าวยินดีตาม “ใช่แล้ว ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน ยินดีด้วย สำนักชางอู๋ท้าชิงชนะรวดทั้งสามรอบ”
“ยินดีกับปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนและสำนักชางอู๋!” กองกำลังไม่น้อยต่างกล่าวแสดงความยินดี
แม้แต่สำนักเหยาไถเซียนและสำนักชิงเหลียน พวกเขาก็จำใจแสดงความยินดีด้วย โดยเฉพาะสำนักชิงเหลียน พวกเขาแทบจะเสียเจ้าสำนักอยู่แล้ว แต่ต่อหน้าเยี่ยนอวี๋ผู้แข็งแกร่ง พวกเขาทำได้เพียงแสดงความยินดีด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ติ้งซีอ๋องก็ลุกขึ้นกำลังจะประกาศผลการประลองที่รู้กันอยู่แก่ใจแล้ว เพื่อแต่งแต้มความภาคภูมิให้ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนและสำนักชางอู๋ แต่แล้ว…
“คงไม่ถูก” ชือปี้เหลียนเอ่ย “พวกเจ้าต่างเกรงกลัวความเก่งกาจของนาง แต่ข้าไม่กลัวหรอก! เรื่องบางอย่างก็ต้องมีคนพูด จะไร้ความยุติธรรมเพียงเพราะพลังเก่งกล้าของปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนไม่ได้!”
สิ้นเสียงนาง ทุกคนก็เงียบกริบ ไม่รู้จะพูดอะไรดี พวกเขาได้แต่มองไปที่ชือปี้เหลียน ต่างคิดว่าเจ้าแมลงเม่าที่มาจากลัทธิเซิ่งเหลียนตัวนี้กำลังคิดอะไรแผลงๆ อีกแล้วแน่ๆ
ชือปี้เหลียนก็กำลังคิดอะไรแผลงๆ อยู่จริง “ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนใช้กติกาการท้าชิงพิธีแต่งตั้งเจ็ดสำนักเพื่อประโยชน์ส่วนตัว นอกจากเข่นฆ่าเหล่าสำนักชางอู๋สี่ร้อยกว่านายแล้ว ยังเผาสำนักคุนอู๋ทั้งสำนัก นางกล้ากำจัดสำนักอันดับหนึ่งแห่งต้าซย่าต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้อย่างเหี้ยมโหดอำมหิต ไม่ทราบว่ายังเห็นราชสำนักอยู่ในสายตาหรือไม่ ยังรู้จักไว้หน้าราชวงศ์ต้าซย่าหรือไม่”
เอ่อ…
คนที่ไม่รู้เรื่องราวที่มาที่ไปได้ยินประโยคนี้คงกำลังคิดว่ามีเหตุมีผลดี เช่นสำนักน้อยบางสำนักในลานสนาม พวกเขารู้สึกว่าการกระทำของเยี่ยนอวี๋ทารุณเกินไปจริงๆ
ส่วนการกระทำที่สำนักคุนอู๋กระทำต่อสำนักชางอู๋ล้วนเป็นการทำลับหลัง ร่องรอยส่วนใหญ่ก็ถูกทำลายทิ้งแล้ว เหล่าสำนักน้อยและนักฝึกฌานที่ไม่รู้ความนัยจึงไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลย
พวกเขาจึงอดสำทับขึ้นมาไม่ได้ “สิ่งที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ชือกล่าวก็มีเหตุผลดี ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนมีวิชาโดดเด่น แต่กลับไม่ไว้หน้าราชสำนักเกินไป ถึงอย่างไรสำนักคุนอู๋ก็เป็นมหาสำนักพิทักษ์บ้านเมืองอันดับหนึ่งที่แต่งตั้งโดยราชสำนัก”
“นั่นน่ะสิ ถูกเผาไปจนหมดสิ้นเช่นนี้ หากวันข้างหน้ามีศัตรูบุกรุก ใครจะมาปกป้องต้าซย่าของข้า จะพึ่งปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนเพียงผู้เดียวหรือ นางจะมาช่วยหรือ”
“นั่นน่ะสิ ทำเกินไปหน่อยแล้ว ใช้วิธีโหดเหี้ยมเกินไป บทจะกำจัดพลังก็กำจัด บทจะฆ่าก็ฆ่า บทจะเผาก็เผา รู้จักกฎระเบียบราชสำนักบ้างหรือไม่”
เสียงคัดค้านดังขึ้นเพราะการนำของชือปี้เหลียน บัดนี้นางเหิมเกริมจนลุกยืนขึ้น “ติ้งซีอ๋อง อัครมหาเสนาบดีหยาง แม่ทัพเฉิง พวกท่านฟังสิ นี่คือเสียงของคนส่วนใหญ่ เราจะปิดปากเงียบเพียงเพราะอำนาจมิได้!”
“ใช่แล้ว! ถึงตายพวกข้าก็ต้องตายอย่างมีศักดิ์ศรี หากวันนี้พวกข้าไม่คัดค้าน วันข้างหน้าปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนก็จะทำลายพวกข้าได้ตามต้องการ”
“ใช่แล้ว พวกข้าบริสุทธิ์เช่นนี้ ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว” ‘หนุ่มเลือดร้อน’ ผู้ไร้สมองบางส่วนที่ถูกยุยงพากันกล่าวคัดค้าน
[1] ดอกบัวขาว เป็นคำแสลงใช้สำหรับด่าผู้หญิงที่ภายนอกดูใสซื่อบริสุทธิ์ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ มีพฤติกรรมที่ไม่ดี