ตอนที่ 350 สำนักอันดับหนึ่งแห่งต้าซย่า! โขกศีรษะให้ท่านแม่ยาย
“ไม่ใช่” หรงต้าซือมิ่งที่ถือโอกาสเกี่ยวเอวภรรยาไว้เอ่ยเสียงต่ำ “ไม่เกี่ยวกับพลังของข้า แต่กลับเหมือนไข่ฟองนั้นที่เจ้าได้มามาก”
“ไข่?” เยี่ยนอวี๋อึ้งไปเล็กน้อย
เยี่ยนอวี๋ลูบผมนุ่มของเจ้าตัวน้อย “เสี่ยวเป่าหิวอีกแล้วหรือลูก?”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่พยักหน้าลูบท้องน้อยๆ ของตนเองทั้งยังหาวหวอดออกมา เห็นได้ชัดว่ายังนอนไม่เต็มอิ่ม
เยี่ยนอวี๋จึงเอ่ยอย่างเอาใจใส่มากกว่าเดิม “ช่วงนี้เสี่ยวเป่าเหมือนจะหิวเร็วขึ้นมาก”
“อืม เพราะเริ่มฝึกบำเพ็ญแล้วด้วยนั่นล่ะ” ต้าซือมิ่งหยิบอาหารออกมาป้อนให้เจ้าตัวน้อยแล้ว
เยี่ยนอวี๋รับช่วงต่อ “ข้าเอง”
ต้าซือมิ่งบางคนจึงตามน้ำส่งถ้วยน้อยให้ภรรยาเป็นคนป้อนเจ้าตัวน้อยเอง เขามองสองแม่ลูกที่ดูเป็นอิสระราวกับไม่เคยพบเจอกับเรื่องกังวลใจใดๆ
เขาจ้องมองเสียจนผู้แข็งแกร่งไม่น้อยล้วนไร้คำจะเอ่ย หากไม่ใช่เพราะเพิ่งผ่านเรื่องเมื่อครู่มพวกเขาคงต้องสงสัยแน่ว่าความจริงแล้วเมื่อครู่นี้ไม่ได้เกิดเรื่องประหลาดอะไรขึ้น
ทำเอาอินหลิวเฟิงถามออย่างอดไม่ได้ “กูไหนไน่ ต้าซือมิ่ง พวกท่านไม่กังวลว่าลัทธิเซิ่งเหลียนจะเข้าโจมตีชายแดนชางอู๋เลยหรือ”
“ขาก ถุย!” เอ้อร์เหมารีบถ่มน้ำลาย “นายน้อย ท่านอย่าปากเสียสิขอรับ”
อินหลิวเฟิงกระแอมด้วยความเก้อกระดาก “ไม่ใช่อย่างนั้น ข้าก็แค่พูดเฉยๆ”
“ที่สำนักย่อมต้องมีการเตรียมการ” เยี่ยนจื่อเยี่ยตอบแทน “ขอบคุณนายน้อยอินที่ห่วงใย”
“ข้าว่านะ” อินหลิวเฟิงไม่อาจวางใจได้จริงๆ “ที่สำนักชางอู๋มาในครั้งนี้ก็เพราะโยวตูของข้า โยวตูในตอนนี้ไม่อาจรับหายนะได้อีกแล้ว”
“แต่สถานการณ์ในเมืองหลวงข้าเองก็กลับไม่เข้าใจนัก” เยี่ยนจื่อเยี่ยสังเกตหยวนคังฮ่องเต้และติ้งซีอ๋องอยู่พักใหญ่ “เดิมข้าคิดว่าราชสำนักจะจัดการพวกที่หลุดรอดไปของสำนักคุนอู๋แน่ ลัทธิเซิ่งเหลียนก็ดันมามีความสัมพันธ์คลุมเครือกับสำนักคุนอู๋อีก ราชสำนักก็ควรจะ..”
ถึงแม้ประโยคหลังเยี่ยนจื่อเยี่ยจะไม่ได้เอ่ยออกมาแต่ระดับสูงของสำนักชางอู๋ล้วนเข้าใจดี เดิมพวกเขาก็คิดเช่นนี้ สำนักคุนอู๋ก็เป็นเพียงข้ารับใช้ของหยวนคังฮ่องเต้ คุนอู๋และเซิ่งเหลียนร่วมมือกันเช่นนี้ ฝ่ายเซิ่งเหลียนเองก็คงจะถูกราชสำนักควบคุมเอาไว้แล้วแน่
แต่ดูจากสถานการณ์เมื่อครู่ ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้น? ลัทธิเซิ่งเหลียนเห็นได้ชัดว่าต้องการฟื้นฟูจิ่วหลีขึ้นมาอีกครั้ง จุดนี้ขัดแย้งกับหยวนคังฮ่องเต้ที่กุมอำนาจราชวงศ์เอาไว้ ฝ่ายฮ่องเต้เองไม่มีทางยอมให้จิ่วหลีก่อกบฏแน่
หรือว่าสำนักคุนอู๋เล่นลูกไม้อะไรลับหลังหยวนคังฮ่องเต้จริงๆ? หากเป็นเช่นนี้จริง เช่นนั้นสถานการณ์ก็เหมือนจะดีขึ้นเล็กน้อย อย่างน้อยหยวนคังฮ่องเต้ก็ไม่ได้ข้องเกี่ยวด้วย
แต่อินหลิวเฟิงกลับกังวลอยู่ลึกๆ “หากราชสำนักไม่ได้ผสมโรงด้วยอย่างนั้นก็แล้วไป”
แต่ลางสังหรณ์ของอินหลิวเฟิงกลับบอกว่าหยวนคังฮ่องเต้ไม่มีทางใจดีขนาดนี้แน่ เขายังคงคิดว่าหยวนคังฮ่องเต้จะต้องมาแก้แค้นแน่ เพราะก่อนหน้านี้ต้าซือมิ่งดันไปฉีกหน้าของหยวนคังฮ่องเต้อย่างไรเล่า!
แต่ว่าตอนนี้สถานการณ์ยังไม่ชัดเจนอินหลิวเฟิงเองก็ไม่สะดวกจะพูดอะไรมาก แต่เขาเชื่อว่าท่านพ่อของเขาจะต้องหาข่าวมาได้อย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นฮ่องเต้องค์นี้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ก็จะได้รู้กัน
เรื่องพวกนี้เอาไว้ก่อน หลังจากการแข่งขันเริ่มขึ้นอีกครั้ง รอบชิงชนะเลิศยังคงดำเนินไปเหมือนก่อน หยวนคังฮ่องเต้ราวกับกำลังแสดงถึงอำนาจอันยิ่งใหญ่ของราชวงศ์จึงมีเพียงเฉิงคั่วเท่านั้นที่ถูกสั่งให้ไปเตรียมเคลื่อนย้ายทหาร ส่วนตัวเขาและติ้งซีอ๋องยังคงนั่งชมการแข่งขันอย่างมั่นคงดุงเขาไท่ซานดังเดิม
“ราชวงศ์ต้าซย่าไม่เสียแรงที่พลานุภาพเกริกไกร ลัทธิเซิ่งเหลียนยืมพลังมาจากสุสานจิ่วหลี ฮ่องเต้ยังทรงมั่นคงได้เช่นนี้”
“นั่นสิ แคว้นเล็กๆ อย่างพวกเราไม่มีทางเทียบชั้นได้เลย” บรรดาเจ้าแคว้นของแคว้นเล็กอย่างหนานจ้าวและซีอวี้ล้วนพากันทอดถอนใจ ที่มียิ่งกว่าคือความหวาดกลัวและความสงบใจอีกไม่น้อย
เพราะหากเผ่าจิ่วหลีออกทำศึกรุกรานไปทั่วใต้หล้าและต้าซย่าไม่อาจกดเอาไว้ได้ แคว้นเล็กอย่างพวกเขาก็ไม่แน่ว่าจะรอดปลอดภัย! แน่นอนว่าก็มีแคว้นเล็กบางส่วนที่ค่อนข้างแข็งแกร่งหวังว่าจะฉวยโอกาสวุ่นวายตั้งตนเป็นใหญ่
แต่ไม่ว่าแต่ละฝ่ายจะคิดอย่างไรตอนนี้ก็ไม่อาจแสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้งได้ ทุกคนพากันกลับมาจดจ่อกับการแข่งขันอีกครั้ง การแข่งขันก็เริ่มมีสีสันมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
สุดท้ายแล้ว สำนักชางอู๋ก็สะสมคะแนนไปยี่สิบเอ็ดคะแนน มาเป็นอันดับหนึ่ง! สำนักจวินจื่อตามหลังมาติดๆ ได้ไปสิบห้าคะแนน รั้งอันดับสอง อันดับสามได้แก่สำนักเหยาไถเซียนได้ลำดับเดียวกับการแข่งขันครั้งก่อน ลำดับที่สี่สำนักนิรนามก็ถือว่าแข็งแกร่งมากแล้ว ลำดับที่ห้าคือสำนักชิงเหลียนเทียบกับสำนักคุนอู๋ที่ถูกล้างสำนักถือว่าดีมากแล้ว ลำดับที่หกคือสำนักเนี่ยผาน ตกจากลำดับการแข่งขันคราวก่อนไปหนึ่งอันดับ ลำดับที่เจ็ดคือสำนักพุทธะจากซีอวี้
“คิดไม่ถึงเลยว่าการจัดอันดับเจ็ดสำนักครั้งนี้จะเป็นเช่นนี้” หลังจากหลายคนเห็นอันดับในพิธีใหญ่ออกมาล้วนอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงทอดถอนใจ ก่อนหน้านี้ใครเล่าจะคิดว่าสำนักชางอู๋จะได้อันดับหนึ่ง?
“ถึงแม้ว่าการจัดลำดับเจ็ดสำนักใหญ่ในครั้งนี้จะเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่ก็ถือว่าสมบูรณ์แบบ เรายังคงมีเจ็ดสำนักที่แข็งแกร่งคอยช่วยเหลือดูแลต้าซย่า ยินดีกับทุกสำนักด้วย” หยวนคังฮ่องเต้เอ่ยอย่างมีพิธีรีตอง
“ขอบพระทัยฝ่าบาท ฝ่าบาททรงพระเจริญ” ผู้แข็งแกร่งแต่ละสำนักล้วนแสดงความเคารพ ยังคงรู้สึกตื่นเต้นกันอยู่ เพราะไม่ว่าอย่างไร สำนักที่เดินทางมาไกลล้วนบรรลุจุดประสงค์ที่วาดหวังไว้อีกทั้งยังมีสักขีพยาน ชั่วชีวิตนี้คงไม่อาจได้พบศึกใหญ่ระหว่างสำนักอีกแล้ว
สำนักชางอู๋ได้กลายเป็นม้ามืดอันดับหนึ่งของพิธีแต่งตั้งเจ็ดสำนักในครั้งนี้ เป็นผู้ชนะอันดับหนึ่งที่ได้รับตำแหน่งในตอนท้าย
เหล่านักบวชของราชสำนักได้ทำพิธีเปิดศาลบรรพชนต้าซย่า เตรียมจะเชิญบรรพชนให้มาคุ้มครองเจ็ดสำนักใหม่ ถือเป็นงานใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี
เพราะในศาลบรรพชนต้าซย่าบูชาบรรพชนของแต่ละตระกูลอยู่มีโอกาสเป็นอย่างมากว่าจิตเทพจะลงมาสถิตทำให้เจ็ดสำนักใหญ่ที่ได้รับการแต่งตั้งได้รับการสืบทอดแสนล้ำค่าจากบรรพชน
นี่คือสาเหตุสำคัญที่แต่ละสำนักในต้าซย่าล้วนอยากแย่งชิงชื่อเจ็ดสำนักใหญ่นี้มา แต่ว่าสำหรับเยี่ยนอวี๋จากสำนักชางอู๋แล้วกลับไม่สำคัญขนาดนั้น
“สิ่งที่น้องรองได้เรียนรู้เก่าแก่กว่ามรดกสืบทอดของบรรพชนเหล่านั้นเสียอีก” เยี่ยนจื่อเยี่ยมองไปที่ศาลบรรพชนต้าซย่าที่กำลังจะเปิดออกพลางเอ่ยเย้าน้องชายจอมเซ่อที่ใบหน้าขาวซีดอย่างอดไม่ได้
เยี่ยนจื่อเสาลูบศีรษะอย่างเก้อกระดาก “ล้วนเป็นเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ให้มาทั้งนั้น”
“เจ้าเด็กนี่ฟื้นตัวได้ไวดีนี่” เยี่ยนหงชวนคิดไม่ถึงจริงๆ เจ้ารองที่ก่อนหน้านี้ยังหายใจรวยรินตอนนี้ยืนขึ้นมาได้แล้ว
“ล้วนเป็นเพราะยาของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ดี” เยี่ยนจื่อเสาคิดว่าล้วนเป็นเพราะน้องสาวดีมาก น้องสาวดีไปหมด หากไม่มีน้องสาวตอนนี้เขาก็ยังคงเป็นมนุษย์วานรหวาไหวน่ารังเกียจที่ผู้คนพากันก่นด่าทุบตีอยู่เลย
“ใช่แล้ว หากไม่ใช่เพราะมีเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์คงจบสิ้นไปแล้ว” เยี่ยนหงชวนมองไปทางเหลนสาวพลางเอ่ยแฝงความนัย ในใจนึกปลงสารพัด “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ต่างหากจึงจะเป็นปรมาจารย์วิญญาณของสำนักเรา”
คำนี้กลับทำให้เยี่ยนอวี๋อึ้งงันไป จากนั้นนางก็ยิ้มออกมา ดวงตามีแววโล่งใจ
ก็ใช่ เดิมนางก็เป็นปรมาจารย์วิญญาณของสำนักชางอู๋ เพราะได้รับการสืบทอดสายเลือดมาจากมารดาและถือกำเนิดขึ้นในช่วงเวลาที่นางลงมาจุติจึงได้รับการประสาทพรจากสำนัก
ดังนั้น หากไม่ใช่เพราะชาติก่อนผิดฝาผิดตัว เยี่ยนจื่ออวี๋จะต้องกลายเป็นหญิงสาวมากพรสวรรค์ที่โดดเด่นที่สุดแห่งต้าซย่าอย่างแน่นอน! หงส์กำเนิดใต้ต้นอู๋ถงคือวาสนาอันรุ่งโรจน์ จักพุ่งทะยานไปอย่างไร้ขีดจำกัดแน่นอน
“ทุกสิ่งล้วนเป็นท่านแม่ทำให้เกิดทั้งสิ้น” เยี่ยนอวี๋เอ่ยเสียงเบา “ท่านแม่ถ่ายทอดพรสวรรค์ของท่านให้กับข้า ให้ข้ามาจุติยังสำนักชางอู๋ ความจริงนางคงวางแผนเอาไว้นานแล้ว”
“นั่นสิ” เยี่ยนชิงที่น้ำตาคลอจูงมือบุตรสาว เข้าใจทุกอย่างเป็นอย่างดี “ท่านแม่ของพวกเจ้าเป็นแม่ที่ดีที่สุดในโลกใบนี้เลย”
“อื้ม” ทั้งสามคนพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง
เยี่ยนหงชวนกับหยางชีซานถอนหายใจยาว พวกเขาล้วนเป็นประจักษ์พยานเห็นจางอวิ๋นเมิ่งแต่งเข้าสำนักชางอู๋และในที่สุดชีวิตก็ต้องดับสิ้นลง แต่นอกจากความปวดใจและสงสารก็ไม่อาจช่วยเหลือสิ่งใดได้
“หลังจากกลับไปแล้วไปโขกศีรษะให้กับท่านแม่พวกเจ้าด้วย” เยี่ยนชิงกดความเจ็บปวดใจลงไป หวังเพียงว่าภรรยาที่สิ้นไปแล้วจะสามารถเห็นทุกอย่างที่นางคาดหวัง ได้เห็นวันนี้ที่เด็กทั้งสามเติบโตกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ทำให้นางภาคภูมิใจ
“ข้า!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่หลับไปตื่นหนึ่งฟื้นคืนชีวิตชีวากลับมาแสดงท่าทางว่าอยากไปโขกศีรษะด้วยอย่างน่ารัก ทั้งยังกอดหรงอี้พูดว่า “ไปด้วยกัน”
“ไป ไปกันหมดนี่แหละ” เยี่ยนชิงยื่นมือไปตบบ่าลูกเขย “ควรจะให้แม่ยายของเจ้าได้พิจารณาลูกเขยอย่างเจ้าเสียหน่อย เสี่ยวเป่าของพวกเราด้วย”
“ใช่!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างจริงจัง ใบหน้าเคร่งขรึมของเด็กน้อยกลับทำให้ทุกคนกลับมายิ้มแย้มอีกครั้ง ความเจ็บปวดราวกับถูกเยียวยาจนหายดีในพริบตา
ศาลบรรพชนต้าซย่าค่อยๆ เปิดออกภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน เผยให้เห็นเทวรูปเก่าแก่ดูเคร่งขรึมภายใน ทำให้ทุกคนพากันเงียบเสียงไม่เอ่ยวิพากษ์วิจารณ์อะไรอีก
แต่ตอนที่ทุกคนเงียบเสียงและมองไปทางบรรพชนอย่างพร้อมเพรียงนั่นเอง เสียงรายงานเร่งร้อนเสียงหนึ่งก็ได้ทำลายความเงียบนั้นลง ก่อให้เกิดคลื่นลูกใหญ่แทน!
“รายงาน!”
“ฝ่าบาท! รายงานด่วนหมื่นลี้! รายงานด่วนหมื่นลี้!”
“ทัพใหญ่ของกบฏลัทธิเซิ่งเหลียนโจมตีชายแดนชางอู๋แตกพ่าย เข่นฆ่ามาจนถึงเมืองชางอู๋แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
…
เพี๊ยะ!
ปัง!
“อะไรนะ!?”