ตอนที่ 352 ปฐมราชินีหยวนชู! ทวยเทพกูไหนไนเสด็จแล้ว!
เหล่าอสูรเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พากันร้องคำรามอย่างบ้าคลั่ง อีกนิดจะกระโจนขึ้นบนกำแพงและฉีกทึ้งพวกจ่านเลี่ยงซานเป็นชิ้นๆ ทำเอาจ่านเลี่ยงซานตกใจจนเกือบขาอ่อนทรุดลงไปคุกเข่าอยู่บนพื้น
มารดามันเถอะ!
ดุร้ายเพียงนี้เชียวรึ!
ประมุขหอสรรพสัตว์รู้สึกใจฝ่อ แต่ฉากหน้ากลับดูนิ่งสงบ
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
ศิษย์สำนักชางอู๋ที่ได้รับการปลุกใจเองก็พากันร้องตะโกนออกมา เสียงนั้นดังกลบเสียงของสัตว์ร้ายไปได้หมด ทำให้จ่านเลี่ยงซานลูบศีรษะไปมาปลอบใจตนเอง
“สารเลว!” เจ้าลัทธิเซิ่งเหลียนพ่นลมหายใจด้วยความโกรธจัดทำให้วงแหวนขนาดใหญ่ที่ปลายจมูกสั่นไหวพร้อมส่งเสียงแหลมไม่หยุด “ข้าจะฉีกพวกเจ้าเป็นชิ้นๆ!”
“ฮึ! หมายถึงตัวเองหรือเปล่าน่ะที่เป็นชิ้นๆ เป็นโจรกบฏยังกล้าโอหังอีก” ประมุขหอสัตว์บรรพกาลคำรามออกมา เพาะเรื่องหลอดเสียงใหญ่เนี่ยอย่างไรเขาก็ไม่เคยแพ้ใครมาก่อน?!
ตูม!
เจ้าลัทธิเซิ่งเหลียนโกรธจนกระทืบเท้าจนพื้นดินสั่นไหว แต่กำแพงของสำนักชางอู๋กลับมั่นคงราวเขาไท่ซานเพราะอย่างไรเมืองชางอู๋เองก็เตรียมการป้องกันเอาไว้ล่วงหน้าและยังมีต้นไม้เทพอู๋ถงและหงส์เพลิงที่แท้จริงสถิตอยู่อีกด้วย
ยังคงเป็นผู้อาวุโสของลัทธิเซิ่งเหลียนที่เอ่ยเตือน “ประมุข อย่ามัวเปลืองน้ำลายกับพวกเขาเลย โจมตีเลยเถอะ!”
เจ้าลัทธิเซิ่งเหลียนที่โมโหฟึดฟัดฟังแล้วก็คิดว่าจริงดังว่าพลันตะโกนออกมา “เด็กๆ บุกเข้าไป ฉีกเจ้าพวกกระจอกบนกำแพงให้หมดแล้วบุกสังหารไปยังเมืองหลวง!”
“…” เหล่าสัตว์ร่างแปลงพากันหันศีรษะอย่างเงียบเชียบถลึงตาจ้องมองเจ้าลัทธิเซิ่งเหลียนอย่างดุดัน
เหล่าผู้อาวุโสของลัทธิเซิ่งเหลียนรีบอธิบายทันที “นายท่านทุกท่าน! ท่านทหารเทพ! ประมุขของพวกเราพูดผิดไปหน่อย พวกท่านรีบบุกโจมตีเถิด! ฉีกพวกสำนักชางอู๋เสีย พวกเราไม่มีทางห้ามอยู่แล้ว!”
โฮก!
วี้ด!
ทัพใหญ่ร่างแปลงสัตว์จึงหันไปคำรามใส่สำนักชางอู๋ เริ่มเคลื่อนพลโจมตี!
โครม!
ร่างแปลงที่มีหัวเป็นสุนัขป่าดุร้ายเขี้ยวยาวโง้งมีเลือดเต็มปากท่าทางดุร้ายโจมตีสำนักชางอู๋ก่อนด้วยการพ่นเปลวไฟร้อนระอุออกมาทำเอาพวกจ่านเลี่ยงซานที่อยู่บนกำแพงพากันสะดุ้งโหยง
หัวหน้าทหารที่เฝ้ารักษากำแพงเมืองเอ่ยรายงาน “ประมุขจ่าน! เหมือนจะเป็นสัตว์ร้ายประเภทธาตุไฟพวกมันรวมกลุ่มกันเช่นนี้เกรงว่ากำแพงเมืองจะรับไม่ไหวนะขอรับ”
“…” จ่านเลี่ยงซานที่ในใจยังหวาดกลัวตะคอกเสียงดัง “กลัวอะไร! สัตว์ร้ายฝูงหนึ่งจะร้ายกาจเท่าหงส์เทพสำนักเราได้หรือ กันไว้! ข้าจะดูสิว่าใครมันกล้าบุกเข้ามา!”
“ขอรับ! ประมุขจ่าน!” หัวหน้าทหารรักษาการณ์ที่เดิมหวาดกลัวพลันไม่กลัวอีกต่อไป
และเพลิงระอุร้อนแรงที่สัตว์ร้ายพ่นออกมานั้นก็ไม่อาจทะลวงผ่านม่านป้องกันของสำนักชางอู๋ได้ทำเอาเจ้าลัทธิเซิ่งเหลียนด่ากราด “ไอ้พวกโง่! บุกเข้าไปพร้อมกันสิวะ!”
“โฮก!” เหล่าร่างแปลงสัตว์หันมามองเจ้าลัทธิเซิ่งเหลียนอีกครั้ง
แต่ว่าก็มีสัตว์ยักษ์รูปร่างงูไม่น้อยบินขึ้นไปบนท้องฟ้า เริ่มก่อกวนสำนักชางอู๋จากทางด้านบน พลันเกิดฝนตกหนักขึ้น ในน้ำฝนยังมีไอสีดำเขียวเจือปน เห็นได้ชัดว่าสามารถกลืนกินม่านพลังป้องกันของสำนักชางอู๋ได้
โฮก!
สัตว์ร้ายรูปร่างประหลาดไม่น้อยพากันมุ่งมายังกำแพงเมือง กระทั่งผู้คนทั้งเมืองยังสามารถได้ยินเสียงโจมตีดุดันของสัตว์ร้ายได้อย่างชัดเจน
นี่ทำให้ประชาชนของเมืองชางอู๋ที่เคยผ่านการโจมตีอันแข็งแกร่งของสำนักคุนอู๋มาก่อนล้วนพากันหลบอยู่ที่บ้านตนเองด้วยร่างสั่นเทาต่างพาคาดหวังว่าภัยพิบัติครั้งนี้จะผ่านพ้นไปได้เหมือนอย่างครั้งก่อน
แต่ว่า…
เจ้าลัทธิเซิ่งเหลียนที่เห็นว่าเหล่าทัพร่างแปลงสัตว์ไม่อาจโจมตีสำนักชางอู๋ได้ก็เหยียบขยี้ไม่เท้าอาคมของตน คำรามเสียงต่ำว่า “อาวุโสทุกท่าน! ช่วยข้าเชิญสุสานจิ่วหลี!”
“ขอรับ! ประมุข”
เหล่าผู้อาวุโสของลัทธิเซิ่งเหลียนก็พอมองออกว่าสำนักชางอู๋นั้นยากโจมตีย่อมต้องรับคำช่วยเหลือเต็มที่
ผู้แข็งแกร่งทั้งสิบสามของลัทธิเซิ่งเหลียนรวมทั้งเจ้าลัทธิเองรวมกลุ่มกันกลายเป็นค่ายกลประหลาด เริ่มส่งเสียงสวดมนต์โบราณไปทางท้องฟ้า
“พวกเขากำลังทำอะไรน่ะ?” หัวหน้าทหารไม่เข้าใจ
ดวงตาของจ่านเลี่ยงซานเบิกกลมราวกับตาวัวแสดงท่าทางเข้าใจออกมา “ร้องไห้หาพ่อแม่กระมังเพราะอย่างไรก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้อยู่แล้วนี่”
“พรืด!” หัวหน้าทหารที่กำลังเคร่งเครียดอดหัวเราะออกมาไม่ได้
“หัวเราะอะไร! ตั้งสติหน่อย! ไม่อาจให้สัตว์ร้ายเข้าเมืองมาทำร้ายชาวบ้านได้!” จ่านเลี่ยงซานตะโกนกำชับ ในใจกำลังเฝ้ารอให้เจ้าสำนักและอดีตประมุขรีบกลับมาโดยไว
เพราะตอนนี้…
จ่านเลี่ยงซานเพียงมองไปทางกลุ่มสัตว์ร้ายที่ปากเต็มไปด้วยเลือดเหม็นคาว ดุร้ายน่ากลัวเหล่านั้นเขาก็ไม่กล้าขยับแล้ว! กลัวก็แต่ขาอ่อนล้มลงแล้วจะกระทบกับขวัญกำลังใจของเหล่าทหาร
พูดตามจริงแล้วด้วยกำลังของสัตว์ร้ายเหล่านี้หากไม่มีม่านป้องกันกั้นเอาไว้แล้วล่ะก็ ด้วยสภาพร่างกายธรรมดาอย่างคนในสำนักเหล่านี้ไม่อาจต้านทานได้แม้แต่น้อย! จุดจบมีเพียงกลายเป็นอาหารอย่างเดียวเท่านั้น
“ประมุขจ่าน รีบดูบนท้องฟ้าเร็วขอรับ!”
“ดูอะไร!” จ่านเลี่ยงซานมองไปบนท้องฟ้าอย่างรำคาญใจ สีหน้าพลันแข็งค้างไปทันที เพราะเขามองเห็นเมฆดำกลุ่มหนึ่งชวนให้รู้สึกหวาดกลัว
แต่เพียงไม่นานเมฆดำกลุ่มนี้ก็กลายเป็นเหมือนธงวิญญาณปกคลุมเมืองชางอู๋ทั้งเมืองเอาไว้ด้านในทั้งยังมีเสียงกรีดร้องของวิญญาณแค้นที่ชวนให้ขนลุกขนพองดังกระหึ่มออกมา
“มารดามันเถอะ!” จ่านเลี่ยงซานคิดว่าท่าไม่ดีแล้ว “เตรียมตัวให้พร้อม! คราวนี้มันเอาจริงแล้ว”
ในขณะเดียวกัน เจ้าลัทธิเซิ่งเหลียนก็กระอักเลือดพร้อมตะโกนออกมา “ขอวิญญาณผู้กล้านับหมื่นของเผ่าข้าช่วยเหลือข้าทำลายเมืองชางอู๋ให้แหลกเพื่อเคลื่อนทัพสู่ภาคกลาง! ชิงแผ่นดินของเผ่าจิ่วหลีกลับคืนมา!”
ฟิ้ว!
ฟิ้ว!
วิญญาณแค้นนับไม่ถ้วนพุ่งไปฉีกกระชากม่านป้องกันเมืองชางอู๋ทันที พลังอำนาจนั้นยิ่งใหญ่กว่าผีเสื้อราตรีแดนนรกที่หยางเทียนชื่ออัญเชิญมาเสียอีก! เพราะนี่คือการรวมตัวของวิญญาณแค้นทั้งสุสานจิ่วหลี
ปีนั้นทัพใหญ่นับล้านของจิ่วหลีถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม! วันนี้พวกมันถูกปลดปล่อยออกมาย่อมมีความคับแค้นต่อพลังของภาคกลางถึงขีดสุดเป็นธรรมดา แม้ว่าต้นไม้เทพอู๋ถงยังคงปลดปล่อยพลังเทพออกมาอย่างต่อเนื่องก็ตาม
วี้ด
หงส์เพลิงทะยานขึ้นมาจากด้านในสำนักชางอู๋พร้อมปลดปล่อยพลังเทพเพลิงคุ้มกันที่แข็งแกร่งออกมาแต่เหล่าวิญญาณแค้นที่ถูกแผดเผากลับยังคงพุ่งสังหารเข้ามาอย่างไม่สนใจสิ่งใด กลุ้มรุมเข้ามาไม่หยุด ช่างน่าหวาดผวานัก
สำนักชางอู๋ที่ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆดำแน่นหนา วิญญาณแค้นผุดขึ้นทั้งสี่ทิศราวกับตกลงไปในนรกไร้ขอบเขตกำลังจะถูกฝูงผีล้อมโจมตี การโดนกลืนกินนั้นเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น
“สมควรตาย!” จ่านเลี่ยงซานจำต้องออกคำสั่ง “เมื่อเมืองแตกอย่าฝืนทำศึกกับพวกเขา ให้ปกป้องประชาชนไว้! ต้องปกป้องประชาชนไว้เท่าที่จะเป็นไปได้ หากจักต้องตายก็ต้องให้พวกข้าตายก่อน!”
“ขอรับ! ประมุข!”
“ขอรับ!”
เหล่าศิษย์สำนักชางอู๋ที่เข้าใจว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีกำอาวุธในมือแน่นจ้องมองไปยังวิญญาณแค้นบนท้องฟ้าและทัพใหญ่สัตว์ร้ายตรงหน้า
นี่คือศึกสู้ตาย! แต่กลับไม่มีใครถอยหลบ
แครก
ภายใต้คลื่นโจมตีที่แข็งแกร่ง ม่านป้องกันของเมืองชางอู๋เริ่มปรากฏรอยแตกร้าว วิญญาณแค้นบางส่วนทลายเพลิงหงส์ป้องกันพุ่งเข้ามาเพื่อจะทำร้ายประชาชนแล้ว
“บุก!” จ่านเลี่ยงซานสะบัดดาบ เหล่าผู้กล้าของสำนักชางอู๋ก็เข้าสู่การสู้รบในทันที
ทหารรักษาเมืองยืนนิ่งไม่ขยับ ทุกคนรู้ดีว่าสัตว์ร้ายด้านนอกเหล่านั้นต่างหากที่น่ากลัวกว่า! เมื่อพวกมันทำลายการป้องกันเข้ามาได้ เมืองชางอู๋คงทำได้แค่พยายามรักษาโอกาสรอดสุดท้ายไว้จนสุดชีวิต
แต่ว่า…
บัดนี้เอง! บัดนี้
วิ้ง!
เยี่ยนอวี๋และคณะได้ออกเดินทางจากเมืองหลวงมาถึงด้านในโลกผนึกใต้แม่น้ำเย่ว์หมิงในพริบตา
และในครั้งนี้…
“ข้าสลักค่ายกลเอง เจ้าติดต่อกับหงส์เพลิงเถอะ” เมื่อลงถึงพื้นหรงอี้ก็ส่งเจ้าตัวน้อยให้ภรรยา ส่วนตนเองก็เริ่มตั้งใจสลักค่ายกล ตัวเขาที่มีพลังจิตวิญญาณแข็งแกร่งมากที่สุดรู้ดีว่าตอนนี้เมืองชางอู๋กำลังประสบกับอะไร
“อ้ะเนะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่จู่ๆ ก็ถูกยัดเข้าไปในอ้อมอกของท่านแม่นิ่งอึ้งไป จากนั้นก็กอดท่านแม่อย่างเชื่อฟัง
เยี่ยนอวี๋รับเจ้าตัวน้อยมาแล้วก็รวบรวมจิตพุ่งไปทางทิศใต้เรียกหงส์เพลิงที่นางฟื้นคืนชีพให้ตนนั้นไม่หยุด
เดิมอาวุโสอิงหลงที่ถูกทำให้ตกใจอยากจะตื่นขึ้นแต่เยี่ยนอวี๋เอ่ยปลอบมัน เพราะอิงหลงอาวุโสกำลังเยียวยาจิตวิญญาณที่บาดเจ็บจากการถูกผนึกอยู่ มันที่เคยโดนควบคุมไปอย่างสมบูรณ์และยังหลงเหลือจิตร้ายซ่อนเร้นขนาดใหญ่อยู่จำต้องกำจัดออกให้หมดสิ้น
ส่วนสำนักชางอู๋…
“หงส์เพลิง”
เยี่ยนอวี๋ที่รวมจิตสื่อสารกับหงส์เพลิงไม่นานก็สามารถติดต่อกับหงส์เพลิงที่อยู่เหนือท้องฟ้าสำนักชางอู๋ได้
“นายท่าน”
หงส์เพลิงรีบตอบกลับทันที
“เปิดจิตให้กว้าง ให้ข้าควบคุมเจ้า” ขณะออกคำสั่งจิตของเยี่ยนอวี๋ก็ออกจากกายเนื้อ ด้วยสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างนางกับหงส์เพลิงพริบตานางก็มาถึงเหนือสำนักชางอู๋
ขณะเดียวกันนั้น…
ก่อนที่เยี่ยนอวี๋จะเข้าควบคุมร่างของหงส์เพลิงนั่นเอง!
“แหลกไปซะ!”
หลังจากเจ้าลัทธิเซิ่งเหลียนตะโกนอย่างโอหัง วิญญาณแค้นที่เขาอัญเชิญมาก็ฉีกม่านป้องกันของเมืองชางอู๋ออกเป็นรูหลายจุด นี่ยังไม่นับ…
วิ้ง!
วิญญาณแค้นนับไม่ถ้วนยังรวมตัวกันกลายเป็นกลุ่มก้อนรูปร่างคนแต่มีศีรษะเป็นวัวขนาดยักษ์
และสิ่งนี้เองก็คือบรรพชนที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าจิ่วหลี! เทพสงครามจิ่วหลีผู้นั้น…ชือโหยว
“สมควรตาย!”
จ่านเลี่ยงซานจำเทพผู้นี้ได้ “เทพชือ! เขาก็กลายเป็นวิญญาณแค้นด้วยหรือนี่?!”
ในมือของชือโหยวกุมขวานเทพขนาดยักษ์เอาไว้ รอบกายแผ่กลิ่นอายที่มากพอจะทลายนภาขยี้พสุธาออกมา ที่น่ากลัวก็คือในดวงตาของเขาดูเลื่อนลอยไร้สติ มีเพียงความโหดเหี้ยมและแดงฉาน
และเทพที่ถูกวิญญาณแค้นเผ่าจิ่วหลีนับล้านเปลี่ยนสภาพให้กลายเป็นเทพมารชือโหยวก็ยกขวานยักษ์ในมือขึ้นสูง ทำเอาความรู้สึกมั่นใจทั้งหมดของสำนักชางอู๋แตกสลายลงในทันที
“จบกัน!”
ชือโหยวในปีนั้นคือเทพสงครามระดับสูงสุดที่เหล่าบรรพชนทุกเผ่าในภาคกลางต้องอาศัยความช่วยเหลือจากเทพที่แท้จริงรวมถึงใช้ของวิเศษหลายอย่างเข้าช่วยจึงสามารถสยบเขาลงได้
บัดนี้ เขากลับกลายเป็นวิญญาณแค้นปรากฏกายขึ้นบนโลกมนุษย์อีกครั้ง! นี่สวรรค์อยากจะฆ่าล้างชางอู๋แน่แล้ว!
“ทำลายซะ!”
เจ้าลัทธิเซิ่งเหลียนตะโกนอย่างบ้างคลั่ง พอดีกับที่ขวานใหญ่ของเทพมารชือโหยวฟันลงที่เมืองชางอู๋อย่างโหดเหี้ยมพอดี! ม่านป้องกันของสำนักชางอู๋กำลังจะแหลกสลายเป็นผงแล้ว
โฮก!
สัตว์ร้ายนับไม่ถ้วนระเบิดไอสังหารโลหิตออกมาเตรียมจะบุกเข้าไปในเมืองชางอู๋แล้ว
ทว่า…
“เสี่ยวชือ”