ตอนที่ 353 หนูน้อยกลายร่างเป็นจิ่วอิง! บรรพบุรุษสัตว์ร้ายมาแล้ว!
เสียงสตรีไพเพราะราวกับเสียงเพลงดังออกมาจากในร่างของหงส์เพลิง
ตามมาด้วย…
วิ้ง!
แสงเจ็ดสายพาดผ่านท้องฟ้าออกมาถึงตรงหน้าของเทพมารชือโหยวและหยุดอยู่ที่ใต้ขวานของเขา
และเสียงนี้…เงาร่างนี้!
“คุณหนูใหญ่?!”
ทุกคนในชางอู๋ล้วนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเหล่าผู้อาวุโสสำนักในและผู้ดูแลยิ่งรู้จักดีกว่าใคร แต่พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าคุณหนูใหญ่ของพวกเขาจะมาถึงได้ทันเวลาเช่นนี้
ที่สำคัญคือเทพมารชือโหยวตนนั้นเหมือนหลังจากที่ได้ยินเสียงคุณหนูใหญ่เรียกก็หยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมดไปราวกับว่า ราวกับว่าถูกเรียกจนชะงักไป!?
นี่มัน…
“คุณหนูใหญ่ระวัง!”
ระหว่างที่จ่านเลี่ยงซานกำลังตกใจกลัวอยู่นั้นก็ยังตะโกนเตือนออกไปอย่างเป็นห่วง
เจ้าลัทธิเซิ่งเหลียนมีสีหน้างงงัน “ท่านบรรพชน! ฟันเลยสิ!”
“ท่านบรรพชน…”
เหล่าผู้อาวุโสของลัทธิเซิ่งเหลียนเองก็ไม่เข้าใจเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าเงาร่างรางเลือนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเทพมารชือโหยวในตอนนี้นั้นคือใคร
แต่ชือโหยวรู้ ชือโหยวที่แท้จริงนั้นรู้! ชือโหยวที่หลังจากตายลงก็ได้บินขึ้นสู่สวรรค์กลายเป็นเทพนั้นรู้ดี ดังนั้นเขาจึงหยุด สีแดงก่ำบ้าคลั่งในดวงตาพลันสลายหายไปอย่างรวดเร็ว
และเยี่ยนอวี๋เองก็เอ่ยให้สัญญาเสียงเบา “ไปเถอะ ประชาชนของเจ้า ไม่มีทางสูญสิ้น”
นี่คือความอาวรณ์ของเทพสงครามชือโหยว ปีนั้นเขาเสียใจในความพ่ายแพ้ไม่ยอมจากไป เป็นบรรพชนของทุกเผ่าในภาคกลางผู้นั้นที่ให้สัญญาว่าจะรับเผ่าจิ่วหลีเข้าสู่ภาคกลาง เขาถึงยอมจากไป
แต่ถึงแม้ว่าบรรพชนผู้นั้นจะไม่รักษาสัญญาจริง แต่เผ่าจิ่วหลีนั้นมีความแค้นกับเผ่าของภาคกลางมาเนิ่นนาน สุดท้ายแล้วเผ่าจิ่วหลีทั้งหมดก็ยังคงต้องถอยร่นไปถึงทิศใต้สุดของแผ่นดินต้าซย่า
หลังจากศึกในปีนั้นระหว่างที่บรรพชนผู้นั้นร่วมกับทุกชนเผ่าเริ่มฟื้นฟูตนเองหลังการศึก แต่ละเผ่าก็เริ่มเกิดความขัดแย้งขึ้นอีก สุดท้ายก็ทำให้เกิดเหตุกองเชลยเผ่าจิ่วหลีถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมกลายเป็นสุสานจิ่วหลี
บัดนี้…
โฮก!
เทพมารชือโหยวส่งเสียงคำรามต่ำออกมาเสียงหนึ่งอย่างไม่ยินยอม ขวานยักษ์เล่มนั้นเหมือนกำลังจะฟันลงมาแล้ว! ในฐานะผู้นำของเผ่าจิ่วหลี เขาเจ็บปวดที่สุด!
“เสี่ยวชือ!” เยี่ยนอวี๋เรียกเสียงเข้ม ในดวงตาของนางเปล่งแสงสีม่วงเข้มออกมา แม้ว่านางจะเข้าใจในความอาวรณ์ของชือโหยว แต่กาลเวลาผันผ่านผู้ตระบัดสัตย์ในตอนนั้นก็ได้ถูกสังหารไปแล้ว
การที่เผ่าจิ่วหลีจะทำศึกในยามนี้กับเรื่องในปีนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสำนักชางอู๋เลยสักนิดและในฐานะที่เป็นสำนักที่อยู่ติดกับเผ่าจิ่วหลี ชายแดนชางอู๋เองก็มีประชาชนบางส่วนของจิ่วหลีอาศัยอยู่มากมายและมีสายเลือดที่เกิดจากการหลอมรวมกันของเผ่าจิ่วหลีและชนเผ่าภาคกลางอยู่ด้วย
ดังนั้นเยี่ยนอวี๋จึงเอ่ยเตือนเสียงกังวาน “เจ้าดูผู้คนที่อยู่ใต้เท้าของเจ้า หรือว่าพวกเขาไม่ใช่ลูกหลานของเจ้าหรือไร? กลับไปเถิด ในเมื่อได้สำเร็จเป็นเทพ ทุกสิ่งล้วนมีเหตุมีผลในตัวของมัน อย่าทำผิดกฎสวรรค์อีกเลย”
เมื่อคำนี้เอ่ยออกไป…
“อย่าไปฟังนาง! ท่านบรรพชน! อย่าไปฟังคำหลอกล่อของนางมารนี่นะ รีบฟันนางมารนี่ซะ ฟันสำนักชางอู๋ เผ่าจิ่วหลีของข้าทั้งหมดจะได้กลับคืนสู่ภาคกลางเพื่อสะสางความแค้น!” เจ้าลัทธิเซิ่งเหลียนรีบตะโกน ‘แก้’ เสียงดัง
“ขอบรรพชนช่วยเหลือพวกข้าด้วย!” ผู้อาวุโสของเซิ่งเหลียนพากันคารวะ อธิษฐานขอการคุ้มครองจากบรรพชน
แต่ว่าเทพชือโหยวที่ความบ้าคลั่งในดวงตาเริ่มจางไปก็กำลังค่อยๆ สลายไปเช่นกัน
“ไม่นะ! ท่านบรรพชน…”
เจ้าลัทธิเซิ่งเหลียนตะโกนเสียงดังอย่างไม่อยากเชื่อ วงแหวนที่จมูกกรีดเสียงแหลมก้องฟ้า
แต่นี่ไม่อาจหยุดยั้งการสลายไปของเทพมารชือโหยวได้ สุดท้ายเขาก็ยังคงเชื่อฟังคำของปฐมราชินีผู้สร้างโลก เข้าใจว่าทุกสิ่งไม่อาจย้อนคืนล้วนต้องสลายหายไป
เยี่ยนอวี๋ถอนหายใจเบาๆ แต่ว่า…
“คุณหนูใหญ่ระวัง!”
จ่านเลี่ยงซานที่คอยระวังบนท้องฟ้ามาตลอดสังเกตเห็นว่าเทพมารชือโหยวที่กำลังสลายไปนั้นจู่ๆ ดวงตาก็พลันแดงฉาน ในช่วงเสี้ยวนาทีสุดท้ายที่จะหายไปนั้นเขาได้ฟันขวานไปทางคุณหนูใหญ่!
“คุณหนูใหญ่…” จ่านเลี่ยงซานสีหน้าเปลี่ยน
ลัทธิเซิ่งเหลียนบนล่างล้วนระเบิดเสียงยินดีออกมา
แต่ว่า…
เยี่ยนอวี๋เองก็ไม่ใช่คนสิ้นไร้ “ไท่ชาง!”
กระบี่ไท่ชางพุ่งออกมาตามเสียงเรียกกวาดทำลายเทพมารชือโหยวที่กำลังจางลงไปจนหมดสิ้น
วิ้ง!
ภายใต้คมกระบี่ไท่ชางอันแข็งแกร่ง วิญญาณแค้นทั้งหมดสลายหายไป สำนักชางอู๋กลับคืนสู่แสงสว่างอย่างรวดเร็ว
นี่คือความแข็งแกร่งของเยี่ยนอวี๋ปฐมราชินีแห่งตำหนักไท่ชาง ความแข็งแกร่งที่ไม่ต้องพึ่งพาลูกน้องก็สามารถนั่งอยู่บนตำแหน่งเทพอันดับหนึ่งได้อย่างมั่นคง ที่นางมีคือพลัง พลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก!
“นี่…”
คนในลัทธิเซิ่งเหลียนที่เพิ่งโห่ร้องยินดีไปพลันตาค้าง เสียงปรบมือล้วนหยุดลง
“บ้าเอ๊ย!”
สำนักชางอู๋บนล่างล้วนตกตะลึง! นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นด้านแข็งแกร่งเช่นนี้คุณหนูใหญ่
นั่นคือเทพสงครามชือโหยวเชียวนะ! แม้ว่าจะเกิดจากความอาวรณ์ที่ก่อตัวเป็นรูปร่างเพราะการรวมตัวกันของวิญญาณแค้นแต่ก็ยังมีพลังที่มากพอจะทำลายฟ้าดินได้เลย! จบลงเช่นนี้น่ะหรือ
สิ่งที่ทุกคนไม่รู้ก็คือสำหรับเยี่ยวอวี๋นั้นการจัดการเทพเช่นชือโหยวนั้นง่ายกว่าการจัดการคนมากนัก เพราะว่ากระบี่ไท่ชางคือสิ่งที่ใช้สังหารเทพ!
แต่ว่ากระบี่ไท่ชางนั้นแข็งแกร่งเกินไป หากนำมาใช้กับคนกลับจะนำมาซึ่งภัยพิบัติและนี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเยี่ยนอวี๋ถึงเรียกกระบี่ไท่ชางมารับมือกับศัตรูน้อยมาก
ดังนั้น…
โฮก!
มังกรเจียวหลงตัวหนึ่งพลันฉวยโอกาสที่ม่านป้องกันของเมืองชางอู๋ยังไม่ประสานปิดดีบุกเข้ามาในเมือง
เยี่ยนอวี๋กลับเข้าไปในร่างของหงส์เพลิงพร้อมตวัดกรงเล็บไปทางเจียวหลง “ไสหัวไปซะ”
วี้ด!
พลังเทพของหงส์เพลิงซัดออกไปโดนมังกรเจียวหลงจนตกลงไปในคูเมืองทันที
ภาพนี้ทำให้ทั้งสำนักชางอู๋ถอนใจด้วยความตกตะลึง “คุณหนูใหญ่ไร้ผู้ต่อกรแล้ว”
สัตว์ร้ายเหล่านั้นกลับเหมือนโดนยั่วยุพากันโผเข้ามาเพื่อฉีกทึ้งม่านพลังที่ยังไม่ฟื้นฟูดี นี่ยังไม่นับ…
วิ้ง!
วิ้ง! วิ้ง!
เหล่าสัตว์ร้ายที่ถูกเสริมพลังด้วยแสงสีดำระเบิดกลิ่นอายที่สามารถต่อต้านเพลิงเทพของหงส์เพลิงออกมาได้ในพริบตา
และในขณะเดียวกัน ณ ด้านหลังสุดของกองทัพเซิ่งเหลียน เสียงแหบพร่าแก่ชราเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นกลางอากาศ “แดนมืดวิญญาณอสูร เปิด!”
แครก
คลื่นประหลาดคล้ายกับที่พวกหยางเซ่าเหิงเคยกระตุ้นออกมาก่อนหน้านี้เริ่มก่อตัวเป็นรูปร่างบนท้องฟ้าสำนักชางอู๋ตามเสียงเสียงนั้น
ทัพใหญ่สัตว์ร่างแปลงที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นเข้าไปก็ราวกับโดนเลือดเข้าตาอย่างนั้นพากันพุ่งถลาเข้าไปฉีกทึ้งม่านพลังของสำนักชางอู๋ไม่หยุด! เยี่ยนอวี๋พ่นเปลวเพลิงเทพที่น่าตกตะลึงออกมาเต็มแผ่นฟ้า
นี่ยังไม่หมด…
“ทัพใหญ่วิญญาณมาร!”
เสียงชราเอ่ยอัญเชิญขั้นสุดยอด ระเบิดเสียงกรีดร้องออกมาเต็มท้องฟ้า “มา…”
วิ้ง! วิ้ง!
ขณะที่เยี่ยนอวี๋เพิ่งจะสังเกตเห็นนั้น คลื่นประหลาดก็สั่นไหวไม่หยุดแปรเปลี่ยนเป็นห้วงมิติอย่างรวดเร็วอัญเชิญเอาร่างแท้วิญญาณมารของแดนมืดวิญญาณอสูรออกมา
ไม่ใช่แค่ร่างวิญญาณ ไม่ใช่ร่างดัดแปลง แต่เป็นร่างจริง! วิญญาณมารของแดนมืดวิญญาณอสูรที่แท้จริง
ภายใต้การนำของแม่ทัพมารนรกทัพใหญ่วิญญาณมารเหล่านี้พากันทะลักออกมาจากเหนือท้องฟ้าของสำนักชางอู๋
“ฮ่าๆๆ!” เจ้าลัทธิเซิ่งเหลียนหัวเราะเสียงดังสามครั้ง “บุกโจมตี! บุก! บุก!”
โฮก!
แครก! แครก!
แม่ทัพมารนรกร้องคำราม แมลงมารนรกที่ชั่วร้าย เสือดาวและสุนัขมารนรกทั้งหมดไหลทะลักออกมาจากประตูที่เปิดออกเหนือท้องฟ้าเข้าสู่โลกอย่างรวดเร็ว
เหล่าวิญญาณมารแดนนรกที่ดูดกินเลือดตามสัญชาตญาณ ดุร้ายโหดเหี้ยมเป็นนิสัย มีเพียงความบ้าคลั่งและการกลืนกินตามสัญชาตญาณเท่านั้น พวกมันมีความคิดแต่ไม่ต้องการคิด เพียงต้องการฆ่า ฆ่าและฆ่า!
นี่คือสาเหตุว่าทำไมเยี่ยนอวี๋จึงไม่อาจสั่งสอนชี้แนะและทำได้เพียงผนึกพวกมันเอาไว้
บัดนี้…
พวกมันนับพันนับหมื่นไหลทะลักออกมาจากแดนมืดวิญญาณอสูรแล้ว
เยี่ยนอวี๋คาดเดาได้เลยว่าต้าซย่าจะเกิดสงครามนองเลือดแบบใดขึ้น แต่นางนึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าคนของลัทธิเซิ่งเหลียนกลับเปิดประตูของแดนมืดได้!
แววตาของเยี่ยนอวี๋กวาดผ่านทัพใหญ่เซิ่งเหลียนไปยังจุดด้านหลังสุด มองไปยังจุดกำเนิดของเสียงชรานั้น ไม่นึกประหลาดใจที่มองเห็นผู้เฒ่าคนหนึ่งสวมชุดของสำนักคุนอู๋
ผู้เฒ่าคนนี้แม้จะชรามากดูแล้วเหมือนขาก้าวเข้าโลงไปแล้วก้าวหนึ่ง รอบกายแผ่กลิ่นอายความตายเข้มข้นออกมาแต่เยี่ยนอวี๋ก็ยังดูออกว่าเขาก็คือผู้เฒ่าคนที่เคยยืนอยู่ข้างกายของหยางเซ่าเหิงเพียงแต่ดูเหมือนแก่ลงไปราวสี่ถึงห้าสิบปีอย่างไรอย่างนั้น
นี่ต่างหากจึงจะเป็นร่างที่แท้จริงของผู้อาวุโสของสำนักคุนอู๋! ผู้ที่มีอายุยืนยาวมากที่สุดของสำนักหรือควรจะบอกว่าเขาไม่นับว่าเป็นคนอีกแล้วเพราะเยี่ยนอวี๋ไม่อาจสัมผัสถึงกลิ่นอายชีวิตแม้เพียงเศษเสี้ยวจากบนร่างของเขาได้เลย
และในดวงตาของผู้อาวุโสที่มองสบมานั้นก็มีเพียงเจตนาสังหาร “สำนักชางอู๋! ตายไปพร้อมสำนักคุนอู๋แทนข้าเถิด! ตายไปซะให้หมด!”
โฮก! วิญญาณนรกที่ไหลทะลักลงมาเต็มท้องฟ้าพลันฉีกทึ้งม่านป้องกันของสำนักชางอู๋จนแหลกทันที
เยี่ยนอวี๋กลับถอยออกจากร่างของหงส์เพลิง เพราะว่า…
“ไป”
เสียงราวกับพิณดังขึ้นเบาๆ ต้าซือมิ่งหรงหยิบลูกหนูน้อยในอ้อมกอดของเยี่ยนเสี่ยวเป่าออกมาโยนออกไปพร้อมคลายผนึกเวียนว่ายในร่างของลูกหนูบางตัวออก
พร้อมกันนั้น…
อุแว้!
เสียงทารกประหลาดเสียงหนึ่งพลันระเบิดออกมาจากผนึกที่คลายออกในร่างของลูกหนูน้อย
จากนั้น…
ร่างมโหฬารสีทองของจิ่วอิง[1]เก้าเศียรแสนดุร้ายที่ทั้งร่างชุ่มไปด้วยเลือดตนหนึ่งพลันปรากฏกายขึ้น
และหลังจากนั้น…
“ปู่ของเจ้าจะกินพวกเจ้าก่อนแล้วกัน!”
[1] จิ่วอิง หนึ่งในสัตว์ร้ายในตำนานโบราณ เป็นสัตว์ประหลาดที่สามารถพ่นน้ำและไฟออกมาได้ เสียงร้องของมันเหมือนกันเสียงร้องไห้ของเด็กทารก เพราะมีเก้าหัวจึงถูกเรียกว่า จิ่วอิง