ตอนที่ 355 ต้าซือมิ่งคนดังปรากฏตัว!
สวบ!
เสียงที่ตามติดมาพร้อมเสียงร้องไห้ของทารกก็คือเสียงของเจ้าลัทธิเซิ่งเหลียนถูกแทงทะลุร่าง เขาถูกจิ่วอิงเสียบทะลุกลายเป็นเนื้อเสียบไม้กินเหมือนกับผู้อาวุโสสำนักชางอู๋ผู้นั้น
อย่างไรเสียจิ่วอิงที่ถูกปลดผนึกก็ไม่มีทางยอมให้เนื้อข้างปากตนวิ่งหนีไปได้ โดยเฉพาะเนื้อคน! มันชอบกินเนื้อคนมากที่สุด นั่นเรียกได้ว่ารสเลิศ!
ดังนั้นในขณะที่จิ่วอิงกำลังกลืนกินมารนรกนั้นก็ยังไม่ลืมขยับหางหนามตลอดเวลา ดวงตาทั้งสิบแปดกลิ้งกลอกไปมาคอยกวาดมองทั้งสนามอยู่ เนื้อชิ้นไหนที่คิดจะหนีมันก็จะรีบเสียบมากินก่อน!
ภาพนี้ทำเอาผู้อาวุโสเซิ่งเหลียนจะร้องไห้ออกมาแล้ว “จบกัน…”
พวกเขาคิดไม่ถึงเลยทั้งๆ ที่พวกเขาได้รับพลังที่สามารถกวาดล้างทั้งต้าซย่ามาแล้ว ผลลัพธ์กลับไม่อาจก้าวออกไปได้แม้แต่ชายแดนชางอู๋คนก็ตายจนหมด
นี่เพียงพอจะทำให้เหล่าผู้อาวุโสลัทธิเซิ่งเหลียนไม่อาจทำอะไรได้ยิ่งไม่อาจบุ่มบ่ามตีฝ่าวงล้อม
อย่างน้อยสมาชิกของลัทธิเซิ่งเหลียนคนอื่นก็ร้องไห้ออกมาแล้วจริงๆ “เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้!?”
“นั่นสิ แต่นี่จะทำอย่างไรดี?” ทัพใหญ่ของลัทธิเซิ่งเหลียนที่ตกใจจนสติกระเจิดกระเจิงไม่อาจหาทางออกไปได้ พวกเขาล้วนโดนรากของต้นอู๋ถงขังเอาไว้แล้ว
แต่ว่าสถานการณ์ตอนนี้ยังถือว่าดี อย่างน้อยเมื่อเทียบกับเหล่าร่างแปลงสัตว์ที่ถูกเม่ยเอ๋อร์ไล่สังหารก็ดีกว่าเยอะ ลองดูสัตว์ร้ายพวกนั้นสิ…
โฮก!
เม่ยเอ๋อร์ที่ดวงตาอำหิตแดงก่ำ หูเปลี่ยนเป็นแหลมขึ้น ภายใต้เลือดสดๆ ที่เปียกชุ่มทั่งร่างนางสามารถแผ่ขยายสนามอสุรีออกไปได้นับหมื่นลี้ กักขังร่างแปลงสัตว์เอาไว้ภายในได้ทั้งหมด
และภายในสนามอสุรีของนางนั้นสัตว์ร้ายทั้งหมดล้วนไม่อาจหลบหนีออกไปได้ นางคือราชินีของสนามรบแห่งนี้ ฟันผู้ใดผู้นั้นก็ต้องตาย! ไม่มีลังเลเลยสักนิด
“แม่จ๋า…” อินหลิวเฟิงย่นคอ “เหตุใดข้ารู้สึกว่าความสามารถเช่นนี้ของเม่ยเอ๋อร์เหมือนจะอยู่เหนือกว่าขั้นผ่านเคราะห์ในตำนานอีกนะเนี่ย สนามรบอสุรีนี้ของนางราวกับสร้างโลกใบเล็กใบหนึ่งขึ้นมาและไม่ใช่สนามที่ควบคุมด้วยพลังจิตธรรมดาด้วยกระมัง?”
ในจุดนี้เยี่ยนหงชวนผู้ที่มีสิทธิ์พูดมากที่สุดพยักหน้า “ใช่แล้ว นี่ไม่ใช่พลังจิตวิญญาณ หลังจากพลังตบะไปจนถึงขั้นแบ่งจิตกลายเป็นผู้ฝึกฝนระดับตำนานสิ่งที่ก่อรูปร่างกลายเป็นสนามรังสีพลังจิตวิญญาณนั้นก็คือโลกใบเล็กจริงแท้โลกหนึ่ง”
“แตกต่างอย่างไรหรือขอรับ?” เยี่ยนจื่อเสาไม่เข้าใจ
แต่เยี่ยนจื่อเสาในตอนนี้มีคุณสมบัติจะรู้ถึงความลับข้อนี้แล้วทำให้เยี่ยนหงชวนอธิบายละเอียดมากยิ่งขึ้น “ระดับขั้นของกายเนื้อผู้บำเพ็ญเช่นเรา หลังจากเข้าสู่ขั้นวิญญาณปฐมภูมิแล้วจะเป็นขั้นถอดจิต และหลังจากนั้นก็จะกลายเป็นเทพ
เมื่อกายเนื้อของผู้บำเพ็ญเพียรมีพลังจิตวิญญาณไปจนถึงขั้นถอดจิตแล้ว เขาก็คือราชันย์ผู้แข็งแกร่งระดับตำนานสามารถปลดร่างอวตารของเทพออกมาได้ซึ่งก็คือจิตเทพไปถึงจุดที่กำหนด พลังตบะเพิ่มพูนไปถึงขีดได้อย่างปลอดภัยนั่นก็คือวิธีที่ฮ่องเต้หยวนคังใช้ผนึกเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์นั่นเอง
เมื่อกายเนื้อของผู้บำเพ็ญเพียรมีพลังจิตวิญญาณขึ้นไปถึงขั้นแบ่งจิต เขาก็คืออัครราชันย์ผู้แข็งแกร่งในตำนาน! สามารถใช้พลังจิตวิญญาณของตนควบคุมการสู้รบในสนามก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเอง
ตัวอย่างเช่นผู้บำเพ็ญธาตุไฟก็จะสามารถสร้างสภาพแวดล้อมจิตวิญญาณที่มีเปลวเพลิงโชติช่วงได้ซึ่งสามารถทำให้พลังวิญญาณธาตุไฟของผู้ที่อยู่ในวงรบเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนสนามรบให้แข็งแกร่งมากที่สุด ส่วนเม่ยเอ๋อร์…”
เยี่ยนหงชวนที่หยุดไปครู่หนึ่งเอ่ยต่อ “สนามรบอสุรีของเม่ยเอ๋อร์นั้นไม่ใช่แค่เปลี่ยนสนามรบให้แข็งแกร่งอย่างเดียวเท่านั้น นางสามารถควบคุมจิตวิญญาณทั้งหมดที่อยู่ในสนามรบอสุรีได้เหมือนที่ตำราโบราณบันทึกไว้ ‘การพลิกตาลปัตรของเทพ‘ นั่นก็คือโลกที่สามารถควบคุมความเป็นตายได้ คือแดนเทพ!”
“บ้าเอ๊ย!” เอ้อร์เหมาอึ้งไปแล้ว
อินหลิวเฟิงจำต้องถามขึ้นว่า “แต่ว่าจักรวาลในวันนี้ไม่ใช่ว่าไม่อาจบำเพ็ญจนกลายเป็นเทพได้แล้วหรอกหรือ?”
“ใช่แล้ว” เยี่ยนหงชวนมองเม่ยเอ๋อร์ด้วยแววตาครุ่นคิด
อินหลิงเฟิงหันไปมองเยี่ยนอวี๋ที่ถูกต้าซือมิ่งบางคนอุ้มเอาไว้ “กูไหน่ไน เม่ยเอ๋อร์นี่มาจากที่ใดหรือ คงไม่ใช่…” เขาที่ลอบชี้ท้องฟ้าในใจสั่นสะท้านถึงขีดสุด
เยี่ยนอวี๋กลับไม่ตอบ “ถามมากขนาดนั้นไปทำไม?”
“เปล่า ก็แค่สงสัยน่ะ” อินหลิวเฟิงสงสัยจริงๆ นะ
เยี่ยนชิงที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้น “ไม่มีอะไรแล้วจะสงสัยทำไม? เจ้าดูลูกหนูธรรมดาตัวนั้นสิ จู่ๆ ก็กลายเป็นอสูรร้ายจิ่วอิงไปแล้ว ข้าได้ถามอะไรแล้วหรือยัง”
“…ก็จริงนะ” อินหลิวเฟิงครุ่นคิด เรื่องเหล่านี้เมื่อเป็นกูไหน่ไนและต้าซือมิ่งกระทำก็เหมือนกับจะเป็นเรื่องปกติไปแล้ว นึกสงสัยไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ
เพียงแต่เมื่อเขา ‘ล้อมชมความครึกครื้น’ เยี่ยนหงชวนกลับขมวดคิ้ว “ไม่ถูกต้อง”
“ทำไมหรือ” หยางชีซานรีบถามทันที
ชือหมินหมิ่นที่รับหน้าที่เปิดโปงก็เอ่ยเปิดโปงออกมาอีกครั้งจริงๆ “อาวุโสเหล่านั้นกำลังใช้พลังจิตวิญญาณอัญเชิญของวิเศษของลัทธิพวกเรามา…จอกเพลิงปทุม”
“ไกลขนาดนี้ยังเรียกออกมาได้อีกหรือ” เยี่ยนชิงอึ้งงัน
ชือหมินหมิ่นพยักหน้า “นอกจากประมุขแล้ว อาวุโสทั้งสิบสองคนที่รวมพลังกันหรือธิดาศักดิ์สิทธิ์คนปัจจุบัน พลังบริสุทธิ์ของบุตรศักดิ์สิทธิ์ล้วนอัญเชิญจอกเพลิงปทุมมาได้ เพราะจอกเพลิงปทุมมันไม่ใช่แค่อาวุธอาคมธรรมดา”
“แล้วจะยับยั้งได้อย่างไร” เยี่ยงหงชวนถาม
เยี่ยนอวี๋กลับเอ่ย “ไม่จำเป็นต้องยับยั้ง ให้มันมา”
“อืม พลังของอาจารย์เพียงพอที่จะควบคุมมันได้” ชือหมินหมิ่นไม่กังวลสักนิด
จากนั้น…
พรวด!
ผู้อาวุโสทั้งสิบสองคนของลัทธิเซิ่งเหลียนพากันกระอักเลือดออกมาและล้มลงสิ้นใจ!?
“บ้าเอ๊ย! นี่มันอะไรกันน่ะ” เอ้อร์เหมาไม่เข้าใจแล้ว “ฆ่าตัวตายหมู่หรือ?”
แววตาของชือหมินหมิ่นเองก็ปรากฏแววตกตะลึง “ไม่ถูกสิ พวกเขากำลังอัญเชิญจอกเพลิงปทุมชัดๆ เหตุใดถึงตายได้?”
“อัญเชิญล้มเหลวเลยโดนสะท้อนกลับหรือ” อินหลิวเฟิงคาดเดา
คนอื่นล้วนดาดเดากันเช่นนี้ แต่ต้าซือมิ่งบางคนกลับส่ายหน้าเอ่ย “ไม่ใช่หรอก เป็นเพราะลัทธิเซิ่งเหลียนมีการเปลี่ยนแปลง”
“เจ้ารู้สึกได้ถึงอะไรงั้นหรือ?” เยี่ยนอวี๋เอ่ยถามก็เพ่งอนุสติไปยังทิศที่ตั้งของลัทธิเซิ่งเหลียนแต่นางกลับไม่อาจรับรู้ได้ถึงสิ่งใดเลย?
“เหมือนจะเป็น ‘ตัวข้า’” ต้าซือมิ่งรวบจิตกลับมา “ท่านพ่อตาพวกท่านอยู่ที่นี่ก่อน ข้ากับเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์จะไปดูที่ลัทธิเซิ่งเหลียนสักรอบ”
เยี่ยนอวี๋ที่มีลางสังหรณ์จึงเอ่ยเสนอ “พาหมินหมิ่นไปด้วย”
“รีบไปรีบกลับนะ!” เยี่ยนชิงไม่ร่ำไรสักนิด
“อืม” ต้าซือมิ่งบางคนรับคำพาภรรยาและเจ้าตัวก้างขวางคอหายวับไปจากที่เดิม
ตามมาด้วย…