ตอนที่ 357 กำเนิดจักรพรรดิอสูรแห่งเมืองหลวง! แฝงตัวเข้าช่วย!
เถาวัลย์มากมายที่ผุดขึ้นใต้เท้าจวินอั้นเทียนและอาวุโสมือกระบี่ก็เลื้อยพันไปที่พวกเขาก่อนจะฉุดกระชากลงไปใต้พื้นดินทันที!
เถาวัลย์ที่ผุดขึ้นมาจากในเรือนรับรองเหล่านั้นเป็นเพียงการจู่โจมลวง ความจริงแล้วอินสวินอี้ถูกเถาวัลย์ที่จู่ๆ ก็ผุดออกมาจากพื้นดินลากไปทำให้เขาไม่อาจตั้งตัวได้ทัน
เรือนรับรองทั้งเรือนกลับคืนสู่ ‘ความเงียบสงบอีกครั้ง’ …
ครานี้เอง ขุนนางลับท่านหนึ่งก็รายงานขึ้นในราชสำนัก “ฝ่าบาท โยวตูอ๋อง เจ้าสำนักแห่งสำนักจวินจื่อ และอาวุโสมือกระบี่ติดกับดักแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ดี!” ดวงตาฮ่องเต้หยวนคังเป็นประกายด้วยความพึงพอใจ “เหลือเพียงสำนักศึกษาแล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางลับขานตอบก่อนจะออกจากตำหนักหันกวง
เหอซงยืนเฝ้าอยู่ข้างเสาอย่างกล้าๆ กลัวๆ เขารู้สึกเหมือนกับว่าตนเองได้ยินสิ่งที่ไม่ควรได้ยินเข้าแล้ว ทว่าฮ่องเต้หยวนคังกลับไม่สนใจ เขาคลี่ภาพวาดที่วางอยู่ข้างหน้าฎีกาอีกครั้งและมองเยี่ยนอวี๋บนภาพนั้นอย่างหมกมุ่น “เทพธิดาของเรา อีกไม่นานเจ้าก็จะรู้ว่าเลือกเราจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง! เจ้าวางใจเถอะ เราจะให้โอกาสเจ้าเปลี่ยนใจอีกครั้ง”
เหอซงแทบจะคุกเข่าลงไปแล้ว! อันที่จริงเขาไม่รู้แผนการของฮ่องเต้หยวนคัง แต่เมื่อเขาได้ยิน ‘สำนักศึกษา’ เขาก็รู้ว่าเรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องใหญ่! และเป็นเรื่องใหญ่มากๆ ด้วย ถึงอย่างไรฮ่องเต้ในอดีตกาลที่ผ่านมาก็ไม่เคยแตะต้องสำนักศึกษาแห่งต้าซย่า เพราะว่าสำนักศึกษาไม่เพียงเป็นรากฐานของต้าซย่า แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ความแข็งแกร่งอันแรงกล้าของต้าซย่า เพียงแค่อีจี้จิ่ว เขาผู้เดียวก็เป็นยอดผู้แข็งแกร่งที่มิอาจประเมินค่าได้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบรรดาอาจารย์อาวุโสที่เก็บซ่อนตัวอยู่ในสำนักศึกษา สิ่งที่สั่งสมมานับหมื่นปีของสำนักศึกษาแข็งแกร่งกว่าสำนักคุนอู๋เป็นพันหมื่นเท่า! ถึงอย่างไรผู้ก่อตั้งสำนักศึกษาก็คือบรรพชนที่เคยปกครองแผ่นดินจงหยวน นั่นก็คือ หวงตี้!
“…” เหอซงเหงื่อตกไม่หยุด เขาไม่กล้าแม้แต่จะถอนหายใจ
หลังจากฮ่องเต้หยวนคังม้วนภาพเก็บกลับไปแล้ว เขาก็เดินตรงกลับไปยังห้องบรรทมของตน ทำให้เหอซงกล้าขยับตัวในที่สุด เขาล้มนั่งกองกับพื้นทันที ไม่กล้าเดินตามฮ่องเต้ไปด้วย อันที่จริงช่วงที่ผ่านมาเหอซงก็ไม่กล้าก้าวเข้าไปในห้องบรรทมของฮ่องเต้หยวนคังแม้แต่ครึ่งก้าว เพราะว่าเขาได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้งในห้องนั้น! ความกลัวและการรู้จักหน้าที่ของเหอซงจึงทำให้เขารักษาชีวิตของตนไว้ได้ เพราะว่าในห้องบรรทมของฮ่องเต้หยวนคังในบัดนี้เต็มไปด้วยโครงกระดูก…
ในขณะเดียวกัน ณ ข้างใต้เรือนรับรอง
หลังจากสลบไปครู่หนึ่ง อินสวินอี้ก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา เมื่อเขาลืมตาขึ้นสิ่งที่เห็นอย่างแรกคือแสงเรืองแสงสีเขียวเข้ม ไม่ใช่เพียงแค่เถาวัลย์บนตัวของเขาที่มี แต่มันปรากฏไปทุกที่
“ท่านอ๋อง?” เสียงของจวินอั้นเทียนลอยมาจากใกล้ๆ เห็นได้ชัดว่าเขารับรู้ว่าอินสวินอี้ฟื้นแล้ว
อาวุโสมือกระบี่ที่นิ่งเงียบก็ฉายแสงกระบี่วาบหนึ่ง ทำให้จวินอั้นเทียนและอินสวินอี้มองเห็นสภาพรอบตัวพวกเขาครู่หนึ่ง
อินสวินอี้ตกใจ “ข้างล่างนี่คืออะไร”
“บ่อน้ำสีเลือด” จวินอั้นเทียนที่ได้กลิ่นคาวเลือดเหม็นคลุ้งก็เอ่ยขึ้น “ฮ่องเต้หยวนคังเจ้าหมากากเดน! ทำลายสำนักเหยาไถไม่พอ เขายังลอบสร้างบ่อน้ำสีเลือด!”
เทียบกับสิ่งเหล่านี้แล้ว อินสวินอี้อยากรู้มากกว่า “เขาคิดจะทำอะไรกันแน่”
“บ่อน้ำสีเลือดเป็นบ่อน้ำจำเป็นสำหรับฝึกฝนวิชามาร โดยทั่วไปแล้วการฝึกวิชามารจะใช้เลือดอสูรสร้างบ่อน้ำสีเลือด แต่บ่อน้ำสีเลือดที่ดีที่สุด ย่อมเป็นบ่อน้ำสีเลือดที่ได้มาจากเลือดของนักฝึกฌาน” อาวุโสมือกระบี่กล่าว
อินสวินอี้เข้าใจทันทีว่า “ดังนั้นที่เขาให้กรมพิธีการจัดแจงเรื่องห้องพักก็เพียงเพราะสิ่งนี้! หมายความว่าเขาร่วมมือกับลัทธิเซิ่งเหลียนจริงๆ ให้ลัทธิเซิ่งเหลียนกบฏต่อเขาเอง!?”
อินสวินอี้จินตนาการไม่ออกเลยว่าเขาเป็นฮ่องเต้เช่นใด!
จวินอั้นเทียนกลับพูดขึ้นว่า “เขาไม่จำเป็นต้องร่วมมือกับลัทธิเซิ่งเหลียน เพียงแค่สำนักคุนอู๋ร่วมมือกับลัทธิเซิ่งเหลียน เพื่อให้ลัทธิเซิ่งเหลียนมั่นใจว่าจะชนะก็เพียงพอแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมเรียกความสนใจของต้าซือมิ่งและปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนได้”
“เป็นกลยุทธ์ล่อเสือออกจากถ้ำที่ดีจริงๆ!” อินสวินอี้ไม่คิดเลยว่าฮ่องเต้หยวนคังจะกล้าทำชั่วโดยไม่สนใจคนรอบข้าง สังหารกองกำลังสำนักเกือบสองร้อยคน! เขาไม่กลัวสวรรค์ลงโทษเลยหรือ!?
แม้แต่อาวุโสมือกระบี่เองก็คิดไม่ถึง “ฮ่องเต้หยวนคังเสียสติไปแล้ว สองร้อยกว่าคนหายไปเพียงชั่วข้ามคืน เขาจะปิดปากทุกคนหรืออย่างไร”
อินสวินอี้กลับเข้าใจว่า “บางทีเขาคงไม่ได้คิดจะปิด และไม่ต้องปิดปากทุกคนแล้วด้วย”
“ท่านอ๋องหมายความว่า…” จู่ๆ จวินอั้นเทียนก็หวาดกลัว! ไม่เพียงเพราะว่าเขาคิดได้ว่าฮ่องเต้หยวนคังไม่อยากได้แผ่นดินต้าซย่าแล้ว เขาต้องการขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดมากกว่า! แต่เขายังรู้สึกว่าเลือดของตนกำลังถูกดูด!?
ความรู้สักเช่นนี้ อินสวินอี้ก็รับรู้แล้วเช่นกัน “เริ่มขึ้นแล้ว”
เถาวัลย์ที่พันเกี่ยวอินสวินอี้และคนอื่นๆทั้งสามคนก็กำลังดูดเลือดของพวกเขา! แสงเรืองสีเขียวบนเถาวัลย์ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม นอกจากนี้ ขั้นตอนนี้ยังเกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบ หากไม่ใช่เพราะทั้งสามฟื้นขึ้นมาแล้ว เกรงว่าพวกเขาคงไม่รู้สึกตัวและคงจะถูกดูดเลือดจนหมดตัวขณะที่อยู่ในความฝัน ความรู้สึกเช่นนี้ แค่คิดก็รู้สึกผวาแล้ว…
“อาวุโสมือกระบี่มีวิธีหนีหรือไม่” อินสวินอี้ไม่อยากตายในที่น่ากลัวเช่นนี้ ที่สำคัญคือหากตายไปเช่นนี้ เลือดของตนยังต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของฮ่องเต้หยวนคัง! เขาคิดอย่างไรก็ไม่ยอม!
แต่แล้วอาวุโสมือกระบี่จำเป็นต้องส่ายศีรษะ “ข้าสัมผัสดูแล้ว สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเถาวัลย์เหล่านี้ ไม่มีทางออกใดๆ ทั้งยังกลายเป็นโลกอีกใบหนึ่งไปแล้ว นอกจากนี้ ข้าเองก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากเถาวัลย์เหล่านี้ได้เช่นกัน”
“…มารดามันเถอะ!” อินสวินอี้สบถ “เราได้แต่นั่งรอความตายเช่นนี้หรือ หากตายไปแบบนี้จริงๆ มันน่าเจ็บใจนัก!”
จวินอั้นเทียนเองก็ไม่ยอม แต่เขายังคงไม่เข้าใจว่า “ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องเคยบอกว่าเถาวัลย์เหล่านี้ไม่มีผู้ใดสามารถกระตุ้นให้มันตื่นได้อีกมิใช่หรือ”
“ใช่แล้ว! ต้าซือมิ่งเป็นคนพูด ลิ่นจ่างเอินก็บ้าไปแล้ว บัดนี้ข้าเองก็ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับเถาวัลย์เหล่านี้ แต่พวกมันดูเหมือนจะต่างจากเถาวัลย์ในโยวตู” อินสวินอี้ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกเครียด คิดว่าตนเองคงไม่สามารถเอาชีวิตรอดได้แล้ว!
แต่เทียบกับการเสียชีวิตแล้ว จวินอั้นเทียนเป็นห่วงเด็กๆ ในสำนักมากกว่า “ไม่รู้ว่าฮวนเอ๋อร์พวกเขาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว ด้วยฌานตบะของพวกเขา เกรงว่าคงทนได้ไม่นาน”
“พวกเขากำลังจะตาย อยู่ข้างหน้าพวกเรานี้เอง” อาวุโสมือกระบี่พูดพลางพยายามฉายแสงกระบี่อันน้อยนิดไปยังที่ที่ไกลออกไป และทิศทางที่แสงกระบี่ส่องไปนั้นก็เผยให้เห็นถึงจวินฮวนและจวินอั้นหยวนตามคาด
“ฮวนเอ๋อร์!”
“เหล่าหยวน! ต้าเหมา?”
จวินอั้นเทียนและอินสวินอี้สีหน้าพลันเปลี่ยน พวกเขาไม่เพียงเห็นเหล่าคนสำนักจวินจื่อ แต่ยังเห็นคนอื่นๆ อีกมากมาย ในนั้นยังรวมถึงคนจวนอินอ๋อง มีต้าเหมา ซานเหมา เถี่ยโถวและผู้ดูแลจวน นอกจากนี้พวกเขายังเห็นตี๋อูหวน! แต่ว่า… เดี๋ยวนะ!
“ข้าไม่เห็นคนสำนักนิรนามและสำนักพุทธะเลย?” ด้วยแสงกระบี่ที่อาวุโสมือกระบี่ส่องออกไปเป็นวงกว้างกว่าเดิม อินสวินอี้ก็เห็นว่าในกลุ่มคนเหล่านี้ไม่มีคนของสองสำนักนี้
ไม่… ไม่ถูก…
“สำนักชิงเหลียนและสำนักเหยาไถเซียนก็ไม่อยู่ที่นี่” จวินอั้นเทียนเองก็พบเงื่อนงำ “สองสำนักนี้เป็นลูกมือของฮ่องเต้หยวนคังเหมือนกับสำนักคุนอู๋มาโดยตลอด”
“ดูท่าสำนักนิรนามและสำนักพุทธะก็เป็นเช่นนั้น” อินสวินอี้ได้แต่เดาเช่นนี้
จวินอั้นเทียนไม่ได้พูดอะไร อาวุโสมือกระบี่กลับพบว่า “ฮวนเอ๋อร์ไม่ถูกดูดเลือด”
“อะไรนะ?” หลังจากจวินอั้นเทียนตั้งใจสัมผัสแล้ว เขาก็พบว่าจวินฮวนยังปกติดี ไม่เหมือนกับศิษย์คนอื่นๆ ที่จะไม่ไหวกันแล้ว กระทั่งอยู่ในสภาพที่ดีกว่าพวกเขาเองด้วย!?
“ฮวนเอ๋อร์” อาวุโสมือกระบี่ปลุกจวินฮวน หลังจากฝ่ายหลังค่อยๆ ตื่นขึ้นมาก็ตกใจกับสถานที่ที่ตนอยู่ คิดว่าตนเองกำลังฝันร้าย “นะ นี่มัน…”
“ฮวนเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง” จวินอั้นเทียนถาม
“อาจารย์?” จวินฮวนชะงักครู่หนึ่งก่อนจะรีบตอบว่า “นอกจากขยับตัวไม่ได้แล้ว ที่เหลือก็ไม่เป็นอะไรขอรับ อาจารย์ อาวุโสมือกระบี่ ท่านอ๋อง? พวกท่าน…”
“ใช่แล้ว ถูกจับลงมาหมดแล้ว ตอนนี้อย่าพูดเรื่องไร้ประโยชน์ก่อนเลย เจ้าสัมผัสได้หรือไม่ว่าเถาวัลย์เหล่านี้พยายามดูดเลือดของเจ้า” จวินอั้นเทียนรู้ว่าเรื่องนี้สำคัญมาก
ก่อนจะหนีไปนั้น พวกเขาต้องมั่นใจว่าจะไม่ถูกดูดเลือด มิเช่นนั้นพวกเขาอาจจะตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปโดยที่ยังคิดหาวิธีหนีรอดไม่ได้ แต่แล้ว…
“ไม่ขอรับ” จวินฮวนที่สัมผัสตนเองอย่างตั้งใจแล้วก็ไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆ
เรื่องนี้ทำให้จวินอั้นเทียนที่เพิ่งจะเห็นความหวังอันริบหรี่รู้สึกหมดหวัง แต่อาวุโสมือกระบี่ก็พูดประเด็นสำคัญว่า “อาจจะเกี่ยวข้องกับโอกาสที่ฮวนเอ๋อร์ได้รับใต้แม่น้ำเย่ว์หมิง”
“หากเป็นเช่นนี้ก็คงหมดทางแล้ว” อินสวินอี้ฝืนยิ้ม “ตอนนี้สิ่งที่ข้ารู้สึกโชคดีมีเพียงอย่างเดียวคือ ไม่ได้ให้หลิวเฟิงเจ้าเด็กนั่นอยู่ที่นี่ มิเช่นนั้นถึงแม้จะไม่ถูกดูดเลือด ก็คงออกไปไม่ได้เช่นกัน”
“เงียบก่อน!” อาวุโสมือกระบี่พลันเตือนขึ้น แสงกระบี่ที่ฉายออกมาจากเขาก็ค่อยๆ หรี่จนดับไป
ในขณะเดียวกัน อินสวินอี้ก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวเบาๆ ที่แตกต่างจากสภาพแวดล้อมนี้โดยสิ้นเชิง ราวกับว่ามีคนเข้ามาแล้ว นี่มัน… หรือว่ามีคนพบมีเรื่องผิดปกติจึงเข้ามาตรวจดูนะ!
เช่นนี้จวินฮวนจะถูก…
อินสวินอี้ไม่ทันได้ครุ่นคิด เขาก็สัมผัสได้ว่าความเคลื่อนไหวนั้นกำลังเข้าใกล้จวินฮวนเรื่อยๆ?! ทำให้จวินอั้นเทียนที่รับรู้ได้เช่นกันตึงเครียดขึ้นมาทันที เขาเตรียมจู่โจมทุกเมื่อแล้ว
และแทบจะในเวลาเดียวกันนั้นจวินฮวนก็สัมผัสถึงมืออันเยือกเย็นแตะที่ใบหน้าเขาแล้ว!
ฟิ้ว!
กระบี่ของอาวุโสมือกระบี่พุ่งออกไปข้างหน้าจวินฮวนหมายจะสังหารผู้มาเยือนในชั่วขณะนั้น!
แต่แล้ว…
“ช้าก่อน!”
จวินฮวนตะโกนห้าม เพราะว่าแสงกระบี่ที่ส่องประกายทำให้จวินฮวนเห็นว่าผู้มาเยือนคือใครแล้ว!
วิ้ง!
อาวุโสมือกระบี่เองก็เห็นชัดเจนแล้วเช่นกัน กระบี่ของเขาจึงหยุดชะงักลงตั้งแต่ที่จวินฮวนห้ามไว้ มิเช่นนั้นผู้มาเยือนคงถูกกระบี่แทงทะลุไปแล้ว