ตอนที่ 366 ต้าซือมิ่งทั้งหวานทั้งแข็งแกร่งนั้นหล่อเหลานัก!
“สัมผัสได้แล้ว” หรงอี้เงยหน้ามองท้องฟ้า เขารู้ว่าเทพบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้านั้นลงมือแล้ว มิเช่นนั้นด้วยสภาพของฮ่องเต้หยวนคังที่จิตวิญญาณถูกทำลายย่อมไม่สามารถ ‘โจมตี’ เช่นนี้ได้
เยี่ยนอวี๋เองก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แววตาเคร่งขรึม “ดีมาก” ดีจริงๆ ดีที่สุด! นางไม่รู้เลยว่าช่วงเวลาสามหมื่นปีที่นางจากไป บนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าก็มีเทพเสื่อมทรามแล้ว
ดังนั้นเยี่ยนอวี๋ที่ ‘ชมเชย’ เสร็จก็ลุกขึ้น นางย่อมไม่ปล่อยให้ ‘คน’ กลั่นหลอมเมืองหลวงและทำลายชีวิตบริสุทธิ์หลายพันล้านชีวิตต่อหน้าต่อตานาง!
แต่นางเพิ่งจะลุกขึ้น ต้าซือมิ่งก็อุ้มเด็กน้อยขึ้นบนบ่าและอุ้มนางขึ้นมาก่อนจะวางให้นางนั่งกลับลงไป “รักษาตัวดีๆ ไม่ดื้อนะ”
เยี่ยนอวี๋ “…”
หูของนางแดงขึ้นมาในที! เพราะคนมากมายกำลังมองอยู่! อีกทั้งต้าซือมิ่งยังพูดด้วยน้ำเสียงหวานเลี่ยนเต็มไปด้วยความเอ็นดู อย่าว่าแต่เยี่ยนอวี๋ที่ถูกโอ๋เลย แม้แต่คนอื่นที่ได้ยินก็หน้าแดงใจเต้นแรง จนจะรับไม่ไหวแล้ว
ต้าซือมิ่งกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไร เขายังจูบหน้าผากของปฐมราชินีเยี่ยน “หากยังดึงดันอีก ข้าจะตีก้นของเจ้าแล้วนะ” ครานี้เอง…
ผู้คนรอบๆ ฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว! ทุกคนต่างเงยหน้ามองท้องฟ้าอันปลอดโปร่ง ว้าว! อากาศดีจังเลย! เหมาะกับการดูท้องฟ้าจังเลย! คิกๆ…
ส่วนเยี่ยนอวี๋ก็โต้กลับไปทันที “บังอาจ!”
หรงอี้หลุบมองคนที่อยู่ในอ้อมอก นัยน์ตาแฝงความหมายลึกซึ้ง “เช่นนั้นก็ต้องดูว่าเจ้าเชื่อฟังหรือไม่ หากยังเป็นเหมือนเมื่อครู่ ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
“เจ้า…” เยี่ยนอวี๋หูแดงและลามขึ้นไปถึงใบหน้าแล้ว! นางไม่เคยถูกใคร ‘สั่งสอน’ เช่นนี้มาก่อน รู้สึกช่าง ช่าง…
“ไม่ดื้อนะ” ต้าซือมิ่งไม่พูดมากความอีก หลังจากเขาจูบปากงามวิจิตรนั้นแล้วก็ส่งเด็กน้อยที่อยู่บนบ่าให้ภรรยาในอ้อมอก “รอข้าลงมา”
เยี่ยนอวี๋ยังไม่ทันพูดอะไร เด็กน้อยก็ยื่นมือกอดคอของท่านพ่อไว้และจุ๊บลงไป “สู้! สู้! พ่อ เก่ง!”
“เด็กดี” หรงอี้ก็จูบเด็กน้อยกลับ “ดูแลท่านแม่ของเจ้าให้ดี อย่าปล่อยให้นางทำอะไร”
“ได้…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยักหน้าจริงจัง
หลังจากหรงอี้ลูบขนอ่อนบนศีรษะเด็กน้อยแล้ว เขาก็หายวับไปทันที เพราะสถานการณ์ในยามนี้ของเมืองหลวงจะรอช้าไม่ได้ ทำได้มากสุดแค่จูบภรรยาและเด็กน้อยสองที หากช้ากว่านี้คงต้องเลือดตกยางออกแน่
เยี่ยนอวี๋เองก็รู้ ดังนั้นคำว่า ‘หรงอี้’ ที่นางเกือบจะหลุดปากเรียกจึงถูกลืนกลับลงไป นางกลัวว่าจะทำให้ชายคนนี้ลงมือช้าไป พรากชีวิตพลเมืองในเมืองหลวงเหล่านั้น
นางจึงอุ้มเด็กน้อยตัวนุ่มนิ่มนั่งปรับลมปราณอยู่ที่เดิมอย่างเชื่อฟัง แต่นางก็อดเงยหน้ามองท้องฟ้าไม่ได้ และก็ได้เห็นชายคนนั้นปรากฏกายอยู่บนท้องฟ้าแล้ว
“ไม่รู้ว่าต้าซือมิ่งจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร” อีอิ่นรู้สึกสงสัยจริงๆ เพราะเขารู้ดีว่าเมืองหลวงทั้งเมืองกลายเป็นสิ่งของในครอบครองของฮ่องเต้หยวนคังนานแล้ว
การที่ต้าซือมิ่งในบัดนี้จะห้ามฮ่องเต้หยวนคังหรือพลังที่เป็นตัวแทนของฮ่องเต้หยวนคังก็ไม่ต่างจากการล้วงคองูเห่า! เกรงว่าคงไม่ง่ายดายเช่นนั้น
อาวุโสมือกระบี่ก็อยากรู้เช่นกัน “แม้แต่ฌานตบะของข้าก็มิอาจสัมผัสได้ว่าเมืองหลวงอยู่ที่ใด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะช่วยเหลืออย่างไร ไม่รู้ว่าต้าซือมิ่งจะหาสถานที่นั้นได้อย่างไร”
นี่เป็นคำถามสองข้อที่ทุกคนอยากรู้ ถึงแม้ทุกคนต่างเดาว่าในเมื่อต้าซือมิ่งรับภารกิจอันหนักหน่วงนี้ไว้ เขาย่อมมั่นใจว่าจะทำสำเร็จ แต่ก็อดทำให้ทุกคนกังวลไม่ได้อยู่ดี “ต้าซือมิ่งคงไม่เป็นอะไรหรอกนะ”
ทุกคนในเหตุการณ์ล้วนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เสียสละเช่นเจ้าสำนักตี๋หรืออีจี้จิ่วเลย!
ทว่าเยี่ยนอวี๋ก็พูดอย่างมั่นใจว่า “ไม่เป็นอะไรมากหรอก” แต่อาจจะมีปัญหาเล็กน้อย
อันที่จริงแล้วเยี่ยนอวี๋เองก็เป็นห่วงมาก มิเช่นนั้นนางคงไม่กอดเด็กน้อยไว้แน่นและคอยจับตามองคนที่อยู่บนฟ้าคนนั้น นางมองแสงสีม่วงที่เขารวบรวมจนเกิดแสงเจิดจ้า
“แม” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่รับรู้ถึงความกังวลของท่านแม่ก็กอดท่านแม่เขาไว้แน่น และมองท่านพ่อเขาตาปริบๆ
ทำให้เยี่ยนอวี๋พยายามผ่อนคลายตนเองและจูบเด็กน้อยเบาๆ แต่ก็วางใจไม่ได้อยู่ดี นางแค่กลัวว่า… กลัวว่าคนๆ นี้จะบาดเจ็บหนักจนไม่สามารถฟื้นตัวได้เพราะความแตกต่างของระบบพลัง!
ต้องรู้ว่าบาดแผลก่อนหน้านี้ของเขาก็ฟื้นตัวได้ยากแล้ว ตอนนี้หาก…
“หรงอี้” เยี่ยนอวี๋อดพึมพำขึ้นไม่ได้ นางยังไม่รู้ตัวว่าในใจของตนมีชายที่ชื่อหรงอี้ พ่อของเด็กน้อยอยู่แล้ว
นางเป็นห่วงเขาเหมือนที่เป็นห่วงญาติพี่น้อง แต่ก็ราวกับว่าไม่ค่อยเหมือนกันนัก ทว่านางในบัดนี้ไม่สามารถแยกแยะได้ชัดเจนว่าต่างกันตรงไหน แต่นางรู้ดีว่านางไม่อยากให้ชายคนนี้เกิดเรื่องขึ้น นางอยากให้เขาปลอดภัย นางจึงอดลุกขึ้นไม่ได้ แต่แล้ว…
‘พ่อบ้าน’ เยี่ยนเสี่ยวเป่าคนหนึ่งก็ ‘ร่วง’ ลงบนพื้นจนเขาร้อง ‘เนะ’ และจับขาของท่านแม่ไว้ “นั่ง แม่ นั่ง ไม่ ขยับ ดื้อ”
“…” เยี่ยนอวี๋เม้มปาก อุ้มเด็กน้อยเข้ามาจูบพร้อมพูดว่า “จ๊ะ แม่ไม่ขยับ” จะทำให้ท่านพ่อเจ้าผิดหวังไม่ได้ เขาขอให้แม่รักษาตัวดีๆ
“ไม่ดื้อ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าลูบหลังคอของท่านแม่ของเขาอย่างจริงจัง ราวกับท่านพ่อที่กำลังกล่อมท่านแม่
ทำให้เยี่ยนอวี๋ที่ถึงแม้จะเป็นกังวลก็ไม่ ‘ขยับ’ ตัวอีกแล้ว ส่วนต้าซือมิ่งที่ถูกนางจับตามองนั้น เขาก็ลงมือขั้นตอนต่อไปแล้ว ทุกคนเห็นเพียง…
วิ้ง!
วิ้ง!…
ต้าซือมิ่งที่อยู่กลางอากาศยกมือขึ้น ทันใดนั้นลำแสงสีม่วงก็พุ่งตรงไปทางทิศเหนือ ลำแสงนั้นเหมือนเสา หลังจากพุ่งตัวออกไปแล้วยังขยายตัวอย่างรวดเร็ว! และกลายเป็นตัวอักษรเรียงรายก่อนจะตอกลงบนพื้น?!
นี่มัน… หลายๆ คนยังไม่เห็นถึงความลี้ลับ แต่อาวุโสมือกระบี่มองออกแล้ว “เก้าดาวเรียงราย!?”
“ใช่แล้ว!” อีอิ่นก็เอ่ยอย่างมั่นใจ “ทุกๆ ลำแสงของต้าซือมิ่งเป็นตัวแทนของพลังธาตุ อันได้แก่ทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน ลม สายฟ้า แสง และความมืด! ล้อตามเก้าดวงดาวที่รวมถึงดาวที่ต้าซย่าอยู่ กลายเป็นค่ายกลดาราเรียงราย! การก่อตัวเช่นนี้เพียงพอที่จะกำหนดจักรวาลแล้ว!”
“ไม่เพียงเท่านี้” เยี่ยนอวี๋ที่ดวงตาเป็นประกายยังพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและภาคภูมิอย่างไม่รู้ตัว “เขายังรวบรวมดาวที่รวมถึงที่ที่ต้าซย่าอยู่และทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน ลม สายฟ้า แสง และความมืด ธาตุทั้งแปดที่เหลือไว้ในรูปแบบเดียวกัน เขากำลังใช้พลังจักรวาลควบคุมพลังอสูรที่ทะลักออกมาจากแดนมืดวิญญาณอสูร กักขังชั้นมิติในเมืองหลวงไว้ทั้งหมด เปลี่ยนจากฝ่ายรับเป็นฝ่ายรุก กลายเป็นผู้คุมสถานการณ์!”
หรงอี้เช่นนี้… ทำให้เยี่ยนอวี๋อดพึมพำไม่ได้ว่า “สมแล้วที่เป็นพ่อของลูก!”
ที่สำคัญคือ…
เมื่อสิ้นเสียงเยี่ยนอวี๋…
วิ้ง!