ตอนที่ 369 ทาสเมีย! ผยองตัว มากเสน่ห์และเย็นชา!
จิ่วอิงดีใจจนเนื้อเต้น!
หลังจากที่อดทนรอเยี่ยนอวี๋แต่นางไม่กลับมาเสียทีทำให้เขาทำได้เพียงมองเหล่าลัทธิเซิ่งเหลียนน้ำลายไหล ในที่สุดเขาก็ได้เจอกับ ‘สิ่งมีชีวิต’ มาตายถึงที่เองแล้วและมันยังหอมหวน เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด!
อุแว้!
จิ่วอิงเผยร่างเดิมออกมาทันที เขามุดศีรษะทั้งเก้าเข้าไปใต้ดินอย่างไม่รีรอ…
เรื่องนี้ทำให้เยี่ยนชิงและคนอื่นๆ ที่เหินขึ้นบนฟ้าต่างสงสัยว่า มันจะกินได้หมดหรือ จิ่วอิงที่มีเพียงเก้าศีรษะจะกัดกินเถาวัลย์ให้เกลี้ยงได้อย่างไร!
เยี่ยนชิงยังมองสถานการณ์ไม่ออก ลู่หมิงที่เพิ่งเหาะเหินลงมาจากฟ้าร้องเสียงหลง “ป้องกันเร็วเข้า! พวกมันมาเร็วมาก!”
“อาจารย์ลู่” พ่อลูกตระกูลเยี่ยนทั้งสามกล่าวคารวะ
ลู่หมิงร้อนใจ “ไม่ต้องๆ รีบป้องกันสิ!” ไม่เห็นหรือไรว่าเถาวัลย์สีเลือดโผล่มามากมายแล้ว!? แต่ว่าเหมือนกับว่าคนในเมืองชางอู๋จะหายไปหมดแล้ว!?
“อาจารย์ลู่โปรดวางใจ เหล่าประชาชนถูกส่งเข้าไปในสำนักหมดแล้ว ต้นอู๋ถงปกป้องพวกเขาอยู่ ไม่เป็นอะไรหรอก ส่วนเถาวัลย์เหล่านี้…”
ครั้นเยี่ยนจื่อเยี่ยกำลังจะอธิบาย เสียงประหลาด อุแว้ๆ ก็ดังออกมาจากใต้ดิน ทั่วทั้งพื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับแผ่นดินไหวจนพื้นดินจะแตก
ไม่เพียงเท่านี้…
อุแว้!
ศีรษะดุร้ายนับไม่ถ้วนที่จิ่วอิงเสกออกมาก็กัดทึ้งเถาวัลย์เหล่านั้นจากใต้ดินแล้ว
‘หน่อไม้’ ทั่วพื้นดินจึงกลายเป็นจิ่วอิง เจ้าหมอนี่ทั้งดุร้ายทั้งหิวโหยและแข็งแกร่ง เพียงไม่กี่อึดใจก็กัดกินเถาวัลย์สีเลือดทั่วทั้งสำนักชางอู๋จนหมดสิ้น มันยังแสดงทีท่าไม่หายอยาก
“ยังมีอีกหรือไม่ พวกเจ้าช่วยข้าดูหน่อย!” จิ่วอิงรู้สึกว่าแม้เถาวัลย์เหล่านี้จะมีรสชาติไม่อร่อยเท่ามนุษย์ แต่เนื้อสัมผัสก็ถือว่าพอถูไถได้
“เอ่อ…” ลู่หมิงหมดคำพูด เขาอยากรู้เพียงว่า “นี่คืออะไร”
“จิ่วอิงน่ะ” เยี่ยนชิงมองศีรษะของอสูรจิ่วอิงเปื้อนเลือดที่ผุดอยู่ทั่วทั้งบริเวณพลางตะโกนเรียกด้วยอาการกลัวรู “ปู่จิ่ว ท่านออกมาก่อนเถอะ!” สภาพเช่นนี้น่าเกลียดมากจริงๆ
เมื่อจิ่วอิงได้ยินชื่อเรียกเช่นนี้ก็รู้สึกพออกพอใจมาก มันจึงหดศีรษะกลับมาจากใต้ดิน แต่ยังคงดูเป็นอสูรโหดเหี้ยมที่ทั้งดุร้ายและน่าเกรงขาม!
ลู่หมิงจึงจำได้ว่ามันคือจิ่วอิง อสูรดุร้ายแห่งขุนเขาและท้องทะเลในตำนาน! ทว่าจิ่วอิงตนนี้เหมือนกับว่าจะไม่เหมือนกับที่ตำนานบันทึกไว้
จิ่วอิงตามที่บันทึกมีเกราะสีเลือดอยู่ที่หลัง ส่วนท้องของมันมีเกราะสีเขียวที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าและยังมีพิษ ศีรษะทั้งเก้าของมันคล้ายงูแต่มีหนามที่แหลมคม หางของมันเหมือนหางพิษร้ายของแมงป่อง ทุกส่วนบนร่างกายมีไว้เพื่อการเข่นฆ่า
แต่ที่อยู่ตรงหน้านี้ แม้จะมีลักษณะปกติดี แต่สีผิดเพี้ยน ทั่วทั้งร่างของมันเป็นประกายสีแดงทอง! ทำให้มันยิ่งดูดุร้าย โหดเหี้ยม และเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังสังหาร!
ทว่า…
“เรียกข้าออกมาทำไม” จิ่วอิงที่ดุร้ายอย่างยิ่งตัวนี้กลับพูดกับเยี่ยนชิงอย่าง ‘เป็นมิตร’ แม้น้ำเสียงจะหยาบคายเป็นพิเศษ แต่กลับแฝงความภาคภูมิและโอ้อวด!?
เยี่ยนชิงจำเป็นต้องพูดว่า “ไม่มีอะไร แต่สภาพของท่านเมื่อครู่นี้ทำลายความน่าเกรงขาม หดจนเล็กเกินไปแล้ว”
“อืม” จิ่วอิงครุ่นคิดแล้วก็เห็นด้วย ทว่ามันก็ไม่ได้สนใจมาก เอาแต่มองลู่หมิงและถามว่า “ข้างนอกนั่นมีของประเภทนี้ให้เล่นอีกใช่หรือไม่ บอกสถานที่นั้นมา!” ข้าจะไปกินให้หมด!
ลู่หมิงทำท่าปาดเหงื่อ ภายใต้สายตาสิบแปดดวงของจิ่วอิงที่จับจ้อง ทำให้เขาตอบด้วยความกดดันอย่างสูงว่า “แม้จะมี แต่สำนักชางอู๋คือสำนักของปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน นางน่าจะอยากให้ท่านเฝ้าที่นี่มากกว่า”
“น่าเบื่อ! ข้าไม่ฟังนางยักษ์สุดสวยนั่นหรอก! ต้าซือมิ่งล่ะ” จิ่วอิงไม่อยากมองดูเนื้อมนุษย์แต่ไม่สามารถกินได้ที่นี่ต่อไป! น่าโมโหจริงๆ!
ลู่หมิงเกือบจะตามไม่ทัน ใครคือ ‘นางยักษ์สุดสวย’ ทว่าเยี่ยนจื่อเยี่ยก็พูดขึ้นว่า “ข้าคิดว่าน้องเขยน่าจะคิดเช่นเดียวกับเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์”
จิ่วอิงโมโหมาก “เป็นเสียเช่นนี้กันหมด! ทาสเมีย! กลัวเมีย! อะไรๆ ก็เมียถูก ฟังแต่เมีย น่าอึดอัด!”
“เจ้าหมายถึงใครน่ะ” เยี่ยนจื่อเยี่ยถาม
“พูดลอยๆ” จิ่วอิงเดินจากไปอย่างกระฟัดกระเฟียดโดยไม่กล่าวลา มันมองเนื้อ ‘ของมัน’ พลางน้ำลายไหลต่อไป ถึงอย่างไรที่นี่ก็ไม่มีใครคุมมันได้…
“โชคดีที่เขายังเกรงกลัวต้าซือมิ่งอยู่บ้าง” เยี่ยนจื่อเยี่ยพูดได้เพียงว่า “มิเช่นนั้นเชลยศึกลัทธิเซิ่งเหลียนสองสามหมื่นนายนั่นคงไม่มีใครรอดชีวิต”
“เดี๋ยวนะ ต้าซือมิ่งครอบครองอสูรร้ายตนนี้เพิ่มตั้งแต่เมื่อใดกัน” ลู่หมิงแอบปาดเหงื่อ เขามั่นใจว่าคนปกติไม่สามารถอยู่กับอสูรร้ายตนนี้ได้แน่นอน เพราะต้องมีสติมั่นคงอย่างยิ่ง! มิเช่นนั้นจะเสี่ยงกับธาตุไฟเข้าแทรก
แม้มันมิได้แผ่ซ่านพลังจู่โจมหรืออาจจะเก็บพลังสังหารไว้ แต่ก็ทนรับไม่ไหวอยู่ดี กลิ่นคาวเลือดอันอำมหิตเข้มข้นเกินไป!
“แปลงร่างมาจากลูกหนูน้อยที่ชอบเล่นกับเสี่ยวเป่าน่ะ” เยี่ยนจื่อเสาพูดอย่าง ‘ตายด้าน’
ลู่หมิง “…”
ใครจะไปคิดถึง!? ไม่ใช่สิ! เดี๋ยวนะ!
เจ้าตัวดุร้ายนี่นะ ให้เด็กน้อยเล่นหรือ! ต้าซือมิ่งคิดอะไรอยู่กันแน่!
“แล้วพวกเจ้าไม่ห้ามปรามหน่อยหรือ” ลู่หมิงถาม
“แต่ก่อนพวกข้าไม่รู้ ตอนนี้…” เมื่อเยี่ยนชิงคิดถึงท่าทีตื่นเต้นดีใจจนจะสลบไปของเสี่ยวเป่าเมื่อครั้นเขาได้เห็นร่างที่แท้จริงของจิ่วอิงแล้ว เยี่ยนชิงก็ได้แต่กล่าวว่า “ห้ามไม่อยู่”
ลู่หมิง “…”
ก็ได้ ถึงอย่างไรสำนักชางอู๋ก็คงปลอดภัยดีแล้ว
มิน่าเล่าปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนจึงวางใจเช่นนี้และส่งตาแก่เช่นเขามาสำนักของนางคนเดียว ตัวเองไม่มาด้วยซ้ำ ที่แท้ก็เป็นเพราะมีอสูรไม่ธรรมดาอยู่ที่นี่
…
ส่วนเยี่ยนอวี๋ก็เป็นเพราะสำนักชางอู๋มีจิ่วอิง เม่ยเอ๋อร์ และต้นอู๋ถงและหงส์เพลิงอยู่จริงๆ นางจึงมิได้ส่งคนมารวมถึงตัวนางเอง
เพียงแต่ว่านางไม่คิดว่าจิ่วอิงจะจัดการทุกอย่างเอง…
เยี่ยนอวี๋จึงมองไปที่ชายข้างกาย ฝ่ายหลังเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ตอนนี้รู้แล้วใช่หรือไม่ว่าผู้ชายของเจ้าเก่งกาจเพียงใด”
“อื้ม” เยี่ยนอวี๋ตอบอย่างว่องไว
หรงอี้มองกลับไปทางทิศใต้ พูดอย่างไม่รีบร้อนว่า “ปิดประตูสวรรค์”
“หืม?” เยี่ยนอวี๋ยังไม่ทันตั้งสติได้ เพราะเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้
ทว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่าก็อธิบายชัดถ้อยชัดคำว่า “แม โกรธ พ่อ ต้อง… ต้องง้อ”
ต้าซือมิ่งรีบรวบตัวเด็กน้อย “พูดมาก”
“ไม่! ฉลาด!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าโต้กลับ! เขายังโขกศีรษะลงบนหน้าอกของท่านพ่ออย่างไม่พอใจ ต้องให้ท่านพ่อของเขาลูบหลังน้อยๆ ของเขาให้สงบสติอารมณ์ลง เยี่ยนอวี๋เพิ่งจะเข้าใจทุกอย่าง! แต่ต้าซือมิ่งกางภาพกลางอากาศกล่าวอย่างจริงจังว่า “พึ่งจิ่วอิงกัดกินหรือคนอื่นๆ ป้องกัน ไม่สามารถทำลายมันอย่างสิ้นเชิงได้ พวกมันเกิดใหม่ได้รวดเร็วมาก”
“อืม” เยี่ยนอวี๋ฟังพลางพยักหน้า
ต้าซือมิ่งเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อไปว่า “ข้าเดาว่าพวกเขาใช้พลังแดนมืดวิญญาณอสูรผ่าน ‘ข้า’ คนนั้น ดังนั้นสิ่งสำคัญในตอนนี้ยังคงต้องหา ‘ข้า’ ให้เจอ”
“ใช่แล้ว” เยี่ยนอวี๋พยักหน้า นี่เป็นปมปัญหาจริงๆ
ทว่า… เยี่ยนอวี๋พูดขึ้นว่า “ก่อนจะไปหา ‘เจ้า’ เราต้องทำให้เถาวัลย์เลือดเหล่านี้หยุดเติบโตเสียก่อน มิเช่นนั้นเมืองชางอู๋ยังไม่เป็นไร แต่เมืองอื่นจะต้านทานไม่ไหว”
“อืม” หรงอี้กดสองสามตำแหน่งบนภาพเสมือน “ข้าจะสร้างค่ายกลดาราเรียงรายอีกหกแห่ง”
เมื่อเยี่ยนอวี๋ฟังถึงตรงนี้ นางก็หันไปมองเทพน้อยสององค์ “ยังไม่ลงมือรึ”
ปัง!
เทพน้อยสององค์ที่วุ่นวายจนถึงสุดท้ายและโชคดีจนถึงสุดท้ายทำได้เพียงระเบิดแก่นเทพของตนเอง พวกเขาสลบไปในทันทีและจะไม่ฟื้นภายในชั่วระยะเวลาหนึ่ง ถึงอย่างไรแก่นเทพถูกทำลายอย่างสมบูรณ์แล้วซึ่งสร้างผลกระทบไม่เบา
ส่วนเยี่ยนเสี่ยวเป่า เขาก็มองท่านพ่อรูปงามที่กำลังโมโหก่อนจะมองท่านแม่คนงามของเขา เขาทำท่าจะเร่งเร้าให้ท่านแม่ง้อท่านพ่อ ท่านพ่อจะโกรธจริงๆ แล้ว!
แต่แล้ว ไม่ต้องรอให้เสี่ยวเป่าเร่งเยี่ยนอวี๋ หลังจากที่จัดการเทพน้อยสององค์แล้ว นางก็หันไปจูบริมฝีปากของชายจอมหยิ่งและพูดเสียงเบาว่า “ข้าผิดไปแล้ว”
หรงอี้ “…”
คำขอโทษถือว่าอยู่ในความคาดหมายของเขา แต่จูบนั่นเป็นสุขที่คาดไม่ถึง
และเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่กล่าวขอโทษอย่างอ่อนโยนก็ยิ่งทำให้เขาประหลาดใจ!
หรงอี้จึงชะงักเล็กน้อย เขาอ้ำอึ้งพูดไม่ออก เยี่ยนอวี๋คิดว่าเขายังไม่หายโกรธจึงกอดเอวของเขาไว้อธิบายว่า “ข้าไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเจ้ารู้ว่าต้องใช้กฎสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอย่างไร ตอนนี้ข้ารู้แล้วล่ะ”
เมื่อสิ้นเสียงนาง… ต้าซือมิ่งรวบตัวเด็กน้อยเสร็จแล้วก็โอบนางเข้ามา ก่อนจะก้มศีรษะลงไปใกล้ปากนาง “ในเมื่อรู้ว่าผิดแล้ว ข้าจะอภัยให้เจ้า แล้วของชดเชยล่ะ”
“ข้าจูบแล้วมิใช่หรือ” เยี่ยนอวี๋พูด นางมิได้เบือนหน้าหนีเขา เพียงแค่หลุบตาลง ท่าทีราวกับภรรยาที่กำลังขัดเขิน
ต้าซือมิ่งอมยิ้ม ยังคงตามตอแยไม่เลิก “ไม่พอ”
“เช่นนั้น… ” เยี่ยนอวี๋มองเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมอกของเขาอย่างเชื่อฟัง จู่ๆ ก็รู้สึกใจอ่อนจึงเงยหน้ามองเขา สบตาที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อม
ขณะที่ดวงตาสองคู่สบกัน… เยี่ยนอวี๋ก็ค่อยๆ หลับตาลง นางรู้ว่าเขาต้องการอะไร ต้าซือมิ่งเองก็ค่อยๆ ประชิดหน้าเข้าใกล้ปากอันงดงามและเย้ายวนนั่น
“…”
เยี่ยนอวี๋สัมผัสถึงกลิ่นอายเฉพาะของเขาอย่างแจ่มชัด มันกำลังกอดรัดลมหายใจของนางและพวยพุ่งเข้าไปในหัวใจของนาง เร่งจังหวะการเต้นของหัวใจนางให้เร็วขึ้น