ตอนที่ 371 ปฐมราชินีเยี่ยนโจมตีกลับ! จับกุมเทพเสื่อมทราม!
ทั้งยังเห็นว่ามันคือแมวเหมียวสีขาวตัวน้อยตัวหนึ่ง?!
“อ้ะเนะ!?”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าสายตาดีมาก เขาเองก็เห็นแล้วเช่นกัน ถึงแม้ใน ‘สายตา’ ของเขา แมวเหมียวสีขาวจะ ‘บิน’ หายไปอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็เห็นมันแล้ว!
จากนั้นเยี่ยนเสี่ยวเป่าก็ทำท่าจะบอกท่านพ่อของเขาอย่างตื่นเต้นดีใจว่าเขาอยากได้แมวเหมียวตัวน้อยตัวนั้น แต่ท่านแม่ของเขาก็รัดตัวเขาไว้แล้ว “ชู่ว์ อย่าเพิ่งรบกวนท่านพ่อของเจ้า”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าคอตก เขามองไปทางที่แมวเหมียวตัวน้อยบินไป เห็นได้ชัดว่าเขายังอยากดูแมวเหมียวตัวนั้นอีก แต่เขาก็ไม่เห็นมันแล้ว
ทว่าเยี่ยนอวี๋มองเห็นว่าแมวเหมียวน้อยประณีตตัวนั้นบัดนี้บินไปอยู่เหนือเมืองหลวงแล้ว อีกทั้งขณะที่อสูรนรกโผล่ศีรษะออกมานั่นเอง…
เมี้ยว!
แมวเหมียวที่ดูเป็นแมวตัวน้อยตัวนั้นก็ลงมายืนบนศีรษะของอสูรนรก จากนั้นมันก็แหวกศีรษะมหึมาของอสูรนรกออก
แม้จะเป็นร่างวิญญาณทั้งคู่ แต่ระดับชั้นของอสูรวิญญาณก็มีพลังอสูรแห่งสงคราม เพียงพอที่จะทำลายการต่อต้านของเมืองหลวงทั้งเมืองได้
เยี่ยนอวี๋ที่แต่เดิมคิดจะไปเมืองหลวง ไม่คิดเลยว่า… แมวเหมียวตัวน้อยที่ต้าซือมิ่งหลอมขึ้นอย่างง่ายดายจะสามารถกำราบอสูรนรกตัวมโหฬารตัวนั้นได้ทันที
เมืองหลวงทั้งเมืองตกอยู่ในความเงียบ
ผ่านไปครู่หนึ่ง…
“ฝีมือของต้าซือมิ่ง!”
หลานชังตำหนักซือมิ่งเอ่ยอย่างตื่นเต้น เรียกความฮึกเหิมคนตำหนักซือมิ่งทั้งตำหนัก ความหดหู่แต่เดิมหายเป็นปลิดทิ้ง พวกเขาพากันจ้องมองผู้บุกรุกข้างนอกด้วยความอาจหาญ! มีพลังสู้หนึ่งต่อสิบได้!
“ต้าซือมิ่ง…” เหอซงรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ส่งข่าวให้ต้าซือมิ่งเร็วกว่านี้ ทำให้ยามนี้เสียเปรียบถึงเพียงนี้ และยังทำให้คนตายไปมากมาย ขันทีที่ทำงานในวังกับเขาก็มีโอกาสรอดเพียงน้อยนิด
เฉินฉุนเฟิงตาแดงก่ำ ถึงแม้ตำหนักซือมิ่งยังไม่ถูกตีแตกจนถึงยามนี้ แต่ก่อนหน้านี้ก็รู้สึกอัดอั้นตันใจเกินไป โดยเฉพาะเมื่อเสียงคำรามอสูรดังขึ้นในครานั้น พวกเขาต่างคิดว่าถึงกาลอวสานเสียแล้ว! แต่แล้ว…
“ต้าซือมิ่ง!”
เหล่าผู้น้อยใหญ่ตำหนักซือมิ่งต่างขานเรียกเขาในใจ พวกเขายกย่องต้าซือมิ่งเป็นเทพ! ต้าซือมิ่งเองก็เป็นเทพจริงๆ เพราะเขาคอยปกปักษ์รักษาพวกเขาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า!
และในขณะเดียวกัน อินสวินอี้และคนอื่นๆ ที่เพิ่งมาถึงเมืองหลวงและรับรู้ทุกอย่างก็ตะลึงงันกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกะทันหันเหล่านี้
“เมื่อครู่นี้คืออะไร” อินสวินอี้ถามอย่างงงงวย
“แมวเหมียวสีขาวที่นายท่านเคยเลี้ยงตอนเด็กขอรับ!” ต้าเหมาตอบอย่างมั่นใจ!
อินสวินอี้หันไปต่อยองครักษ์ไร้สมองคนนี้ “เจ้าเคยเห็นแมวโหดเหี้ยมเช่นนี้มาก่อนรึ! ฉีกอสูรนรกได้น่ะ”
“…ไม่เคยขอรับ” ต้าเหมาคิดในใจ ท่านก็ไม่เคยถามว่าเคยเห็นแมวเหมียวทำอะไรนี่ ท่านถามว่าคืออะไร!?
อินสวินอี้ไม่อยากสนใจองครักษ์คนนี้แล้ว แต่ซ่งเฉินฟางจำเป็นต้องพูดขึ้นว่า “ดูแล้วก็เป็นแมวเหมียวตัวหนึ่งจริงๆ ดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสานัก”
เพราะแมวเหมียวสีขาวที่ยังไม่จางหายไปในยามนี้มีดวงตาสีฟ้าสดใส จิตใจผ่องใส เต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณ ทำให้คนที่เห็นต่างคิดว่าเป็นอสูรเลี้ยง! เหมือนสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงเป็นงานอดิเรกน่ะ
แต่ว่า… สัตว์เลี้ยงเช่นนี้กลับเพิ่งจัดการอสูรนรกไปตนหนึ่ง
“นั่นมันอสูรนรกเชียวนะ!” ผู้อาวุโสสำนักศึกษาท่านหนึ่งไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีแล้ว เขาพูดเพียงว่า “พวกเจ้าเคยเห็นแมวที่เป็นสัตว์เลี้ยงกำจัดอสูรนรกหรือไม่ หรือว่าที่เคยบันทึกไว้ในตำราก็ได้”
อินสวินอี้และทหารน้อยใหญ่ รวมถึงเหล่าศิษย์สำนักต่างส่ายศีรษะ พวกเขาไม่เคยเห็นจริงๆ นี่เป็นกรณีแรกเลย! ให้ตายเถอะ…
“เหมือนกับว่าต้าซือมิ่งเป็นคนหลอมออกมานะ” อินสวินอี้ยังกล่าวอย่างคนตายด้าน เขาไม่รู้ว่าจะพูดถึงต้าซือมิ่งคนนั้นอย่างไรดีแล้ว ถึงอย่างไรทุกครั้งที่เขาคิดสิ่งใดไว้ก็มักจะถูกลบล้างจนหมดสิ้น
ทว่าอินสวินอี้ไม่รู้ว่าลูกหนูน้อยตัวนั้นของต้าซือมิ่งกลายเป็นจิ่วอิงแสนดุร้ายไปแล้ว! มิเช่นนั้นเขาคงตกใจจน ‘ลอยละล่อง’ ไปกับสายลมแล้ว
และในขณะที่ทุกคนมัวแต่อุทานจนลืมเคลื่อนทัพ แมวเหมียวตัวนั้นก็ค่อยๆ จางหายไป แต่ ‘ความน่าเกรงขาม’ ที่มันมันทิ้งไว้ก็ทำให้สำนักเหยาไถเซียน สำนักนิรนาม สำนักชิงเหลียนและสำนักพุทธะตกใจจนไม่กล้าขยับตัว
…
ในขณะเดียวกัน
วิ้ง!
แสงค่ายกลดาราเรียงรายที่หรงอี้สร้างขึ้นก็เคลื่อนตัวไปทางเมืองเนี่ยผานแล้ว
สวบ!
สวบสาบ!…
เถาวัลย์สีเลือดนับไม่ถ้วนแพร่พันธุ์อย่างบ้าคลั่ง เห็นได้ชัดว่ามันกำลังพยายามเปิดการโจมตีกลับ และยังพยายามกลืนกินแสงสีม่วงเจิดจ้าของหรงอี้ ช่างเป็น ‘ความคิด’ ที่ดี
น่าเสียดาย…
แซ่ด!
เถาวัลย์สีเลือดที่เข้าใกล้พลังหรงอี้แหลกสลายกลายเป็นควันไม่หลงเหลือแม้แต่น้อย
ตู้ม!
ลำแสงสีม่วงเจิดจ้าเก้าลำกลายเป็นพลังงานแสงเก้าธาตุทันที มันตกลงมาล้อมรอบเมืองเนี่ยผานราวกับเสาสวรรค์ สั่นสะเทือนจนเถาวัลย์ทั้งหมดกระเด็นออก! และทำให้ตี๋อูหวนที่สังเกตการณ์อยู่บนหอคอยเมืองเนี่ยผานโล่งอก
และในขณะเดียวกัน กลุ่มผู้อาวุโสและศิษย์สำนักเนี่ยผานยังไม่ทันถึงเมืองเนี่ยผาน ศึกสงครามก็จบลงแล้ว ทำเอาพวกเขาที่ยังเร่งเดินทางอยู่ระหว่างทางนั้น ‘งงงัน’
สภาพเช่นนั้นไม่ต่างจากเยี่ยนเสี่ยวเป่าในบัดนี้เท่าไรนัก เพราะหน้าตาของเด็กน้อยในตอนนี้เป็นแบบนี้ (✧◡✧)
เขาที่ถูกท่านแม่อุ้มไปไว้อีกฝั่งหนึ่งก็มองดูเหตุการณ์อย่าง ‘เงียบๆ’ ดวงตาเต็มไปด้วยดวงดาวเป็นประกาย ท่านพ่อของเขางดงามจนเขารู้สึกเคลิบเคลิ้ม
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ร้องขึ้นเบาๆ “ว้าววว” ได้ดูท่านพ่อตอนบินสูงๆ สนุกกว่าเยอะเลย! ว้าววว! ท่านพ่อรูปงามของเสี่ยวเป่าเก่งจังเลย!
ต้าซย่าเองก็กลับคือสู่ภาวะปกติอย่างสมบูรณ์
“…”
ค่ายกลเก้าดาราเรียงรายทั้งหกแห่งปกป้องต้าซย่าทั้งหมดไว้แล้ว
ฉากเช่นนี้… ทำให้อีอิ่นที่แม้จะอยู่ในโยวตูที่ไกลออกไปได้แต่แหงนมองท้องฟ้าพลางทอดถอนใจ “ต้าซือมิ่ง สมแล้วที่เป็นซือมิ่งแห่งต้าซย่า เทพพิทักษ์ชีวิตประชาชนต้าซย่า”
อีอิ่นไม่อยากคิดเลยว่าหากต้าซือมิ่งรุ่นนี้ของต้าซย่าไม่ได้เก่งเช่นนี้ ต้าซย่าจะกลายเป็นต้าซย่าเช่นใด เขาไม่กล้าคิดเลยจริงๆ และในขณะที่อีอิ่นทอดถอนใจอยู่นั่นเอง ภาพม้วนขุนเขาและท้องทะเลก็เคลื่อนไหวเล็กน้อย
วิ้ง!
ภายใต้การส่งกระแสจิตของเยี่ยนอวี๋ ภาพม้วนขุนเขาและท้องทะเลที่คุ้มกันอยู่เหนือโยวตูก็สร้างความเชื่อมโยงแนบสนิทกับค่ายกลดาราเรียงรายทั้งหกแห่งทันที
ทั้งต้าซย่าจึงสงบยิ่งกว่าเดิม! เถาวัลย์ทั้งปวงก็แทบจะหายไปหมดสิ้นแล้ว หมอกหนาที่เกิดจากเถาวัลย์สีเลือดก็หายไปเช่นกัน ทั้งแผ่นดินต้าซย่ากลับมาร่มเย็นและสงบสุข
…
แปะๆๆ เด็กน้อยปรบมือขึ้นมาราวกับรู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น “ว้าว…”
เยี่ยนอวี๋มองเจ็ดสำนักในต้าซย่าที่ได้รับความสงบคืน นางสัมผัสความเงียบและความว่างเปล่าในเขตจิ่วหลีและเขตชิงเหลียน นัยน์ตาก็นิ่งขรึม
ถึงแม้สิ่งมีชีวิตบริสุทธิ์ส่วนใหญ่ในต้าซย่าจะถูกปกป้องไว้ในท้ายที่สุด แต่ยังคงมีสิ่งมีชีวิตมากมายถูกเข่นฆ่า มิอาจมีชีวิตกลับคืนมาได้อีก เยี่ยนอวี๋ตวาดเสียงเย็นชาว่า “มา”
เคร้ง!
กระบี่ไท่ชางที่ปรากฏขึ้นอีกครั้งก็ลอยอยู่ข้างกายเยี่ยนอวี๋
“อ้ะเนะ?!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ามองกระบี่ที่จู่ๆ ปรากฏขึ้นและมีขนาดสูงกว่าเขามากพลางยื่นมืออวบอ้วนออกไปทำท่าจะจับ
วิ้ง!
กระบี่ไท่ชางรีบถอยหลัง กลัวว่าจะทำให้นายท่านน้อยคนนี้บาดเจ็บ
ฮ่า…
เยี่ยนเสี่ยวเป่ากลับคิดว่ากระบี่ไท่ชางกำลังเล่นกับเขา เขาจึงเปล่งเสียงหัวเราะสดใสออกมา อีกทั้งยังปีนออกมาจากอ้อมกอดของท่านแม่ เตรียมจะจับกระบี่ไท่ชางให้ได้
“เสี่ยวเป่า” เยี่ยนอวี๋ที่รัดตัวเด็กน้อยไว้ก็เรียกเสียงเบา “กระบี่ไท่ชางเล่นไม่ได้นะ”
“จะเอา…” เยี่ยนเสี่ยวเป่ามองท่านแม่ตาปริบๆ
เยี่ยนอวี๋ “…”
เด็กน้อยอ้อนเก่งเกินไปแล้ว! โชคดีที่ต้าซือมิ่งรับเด็กน้อยไปแล้ว แต่เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกอุ้มไปยังคงไม่ละสายตาไปจากกระบี่ไท่ชาง
กระบี่ไท่ชางตระหนก ทว่าเยี่ยนอวี๋ก็ถือมันไว้แล้ว
วิ้ง!
ตัวกระบี่ไท่ชางสว่างสดใสขึ้นทันที!
แสงดาวสีม่วงมากมายประกายระยิบระยับ มันไหลทะลักออกมาจากมวลหมอกสีดำม่วงไม่หยุด ราวกับจักรวาลที่เต็มไปด้วยดวงดาว ส่องกะพริบไม่หยุดในมือเยี่ยนอวี๋
“…”
พลังดั้งเดิมลึกลับของกระบี่ไท่ชางเมื่อไหลทะลักออกมาแล้วก็สั่นสะเทือนไปทั้งต้าซย่าและดาวโลกที่ต้าซย่าอยู่ กระทั่งแดนมืดวิญญาณอสูรและสวรรค์เก้าชั้นฟ้า!
และในขณะนี้เองไม่ว่าผู้ใดจะมีพลังหรือไม่ ขอเพียงเป็นสิ่งมีชีวิต ถึงแม้จะเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่ไร้สติปัญญาต่างก็แหงนมองท้องฟ้าด้วยสัญชาติญาณ
จากนั้น…
“เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์?”
“กูไหน่ไน?!”
“คุณหนูใหญ่!?”
“ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน!?…”
ไม่ว่าใครจะอยู่ที่ใด พวกเขาก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าอันที่จริงตำแหน่งเหนือเมืองเนี่ยผานที่เยี่ยนอวี๋อยู่นั้นคือศูนย์กลางของโลก!
ปฐมราชินีเยี่ยน! เทพแห่งการสร้างโลก!
นางในบัดนี้เปิดใช้พลังวิเศษดั้งเดิมและมองขึ้นไปบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
วิ้ง!
ครืน!
สวรรค์เก้าชั้นฟ้าสั่นไหว!
ผืนแผ่นดินสะเทือน!
เทพทรามที่ซ่อนตัวอยู่ในสวรรค์เก้าชั้นฟ้าพลันรู้สึกเหมือนถูกจับตามอง ทำเอา ‘เขา’ ตกใจจนรีบดึงพลังวิเศษทั้งหมดกลับคืนและหลบซ่อนตัวอย่างมิดชิด
แต่ใต้นภาลับ! ใต้สวรรค์เก้าชั้นฟ้า! ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถซ่อนตัวจากการจับจ้องของปฐมราชินีได้!
ดังนั้น…
“!”