ตอนที่ 374 ทำให้เจ้ามีความสุข! เสี่ยวเป่าจับพ่อตัวปลอม!
“!”
หรงอี้รู้สึกใจเต้นแรงราวกับถูกกระแสน้ำซัดกระหน่ำราวกับว่า… เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่กำลัง ‘ดูด’ ริมฝีปากของเขากระชากวิญญาณของเขาไปสิ้นเชิง ทำให้เขา… ประคองนางไว้ก่อนจะผละออกจากนางและจ้องมองนางอย่างลึกซึ้ง
เขามองนางอยู่เช่นนั้นจน… ปฐมราชินีเยี่ยนผู้ไม่เคยมีประสบการณ์หูแดงทันที “ทะ.. ทำไมหรือ” ทำไม่ถูกหรือ
แต่แล้วหรงอี้ก็มิได้ตอบ เขายังคงมองคนตรงหน้า มองว่าที่ภรรยาที่แสดงออกว่าเขินอายอย่างเห็นได้ชัด นิ้วโป้งเรียวยาวก็ลูบผิวนวลนุ่มของนาง
เยี่ยนอวี๋ก็… อดถามไม่ได้ว่า “ข้าจูบ… มะ ไม่ถูกหรือ”
หรงอี้ “…”
หัวใจของเขาถูกถูกขโมยไปอีกครั้ง! เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของข้า
“…”
แววตาขบขันแสดงความเอ็นดูของหรงอี้ทำให้ปฐมราชินีเยี่ยนอยากจะผลักเขาออก ใบหน้าขาวนวลดั่งหยกเขินอายจนถูกแต่งแต้มด้วยสีชมพูระเรื่อ
ทว่าหรงอี้ที่กอดนางเข้ามาในอ้อมอกอย่างแนบแน่นก็ไม่ปล่อยให้นางมีโอกาสผลักเขาออก เขากอดนางไว้แน่น รั้งนางไว้ในอ้อมแขน หัวใจไหวหวั่น!
“ฮึ…” เสียงหัวเราะเบาๆ อย่างมีความสุขก็ดังออกมาจากปากของหรงอี้อย่างมิอาจห้ามไว้ได้ ราวกับเสียงธารน้ำไหลกลางหุบเขา ราวกับเสียงน้ำไหลในฤดูใบไม้ผลิที่ละลายจากน้ำแข็งในฤดูหนาว
ความสุขใจเช่นนี้
ความสบายใจเช่นนี้
ความจับจิตจับใจเช่นนี้…
ทำให้เยี่ยนอวี๋ที่แต่เดิมจะผลักชายคนนี้ออกอีกครั้งชะงักครู่หนึ่ง
จังหวะนี้เอง ถึงแม้เยี่ยนอวี๋จะไม่รู้จักความรักระหว่างหญิงชาย นางก็สัมผัสได้ว่าเป็นเพราะนางเขาจึงมีความสุขเช่นนี้ และยังเป็นความสุขเหลือล้นที่มาจากใจจริง
จังหวะนี้เอง เยี่ยนอวี๋พลันนึกถึงตอนที่เขาลูบใบหน้านางด้วยนิ้วเรียวยาวของเขาในโลกผนึก พูดว่า “ฟังนะ ข้าหรงอี้มีใจปฏิพัทธ์ต่อเจ้า เยี่ยนอวี๋”
จังหวะนี้เอง เยี่ยนอวี๋ยังคิดถึงตอนที่อยู่ลานสนามสำนักศึกษา เขาใส่ชุดสีดำเดินมาหานางเพื่อให้นางเช็ดเหงื่อให้เขา เขาจ้องนางและพูดอย่างเปิดเผยว่า “ข้าบ้ากาม” “บ้ากามกับเจ้าเพียงผู้เดียว”
จากนั้นเยี่ยนอวี๋เพิ่งค้นพบว่า นางจดจำคำพูดของเขาได้ชัดเจนเช่นนี้ จำได้กระทั่งสีหน้าท่าทางตอนที่เขาพูดประโยคเหล่านี้ นางจึงยื่นมือไปกอดชายคนนี้ไว้ เริ่มเข้าใจว่า สิ่งนี้เรียกว่า ‘ความรัก’ เพราะว่าเขาชอบนาง เขาจึงมีความสุขอย่างยิ่งเพียงเพราะ ‘ปฏิกิริยา’ เล็กๆ น้อยๆ ของนาง
ส่วนนางน่ะหรือ เยี่ยนอวี๋กำลังจะสัมผัส…
หรงอี้ก็เรียกนางเบาๆ “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์”
“หืม?” เยี่ยนอวี๋ขานตอบ
หรงอี้ที่กอดนางไว้ก็มุดศีรษะเข้าไปในซอกคอของนาง ถามเบาๆ ว่า “ทำไมจู่ๆ ก็ตื่นแล้วล่ะ”
เยี่ยนอวี๋ที่คิดว่าเขาจะถามอะไรก็ได้แต่ตอบอย่างไม่สนใจนัก “ก็… ก็ตื่นแล้วน่ะ”
“ฮึ” หรงอี้จูบลำคอของเยี่ยนอวี๋เบาๆ จากนั้นก็เลื่อนขึ้นมาจูบใบหูและใบหน้า จูบจน…
เยี่ยนอวี๋รู้สึกวูบวาบ เขาจึงบรรจงจูบลงบนหน้าผากและจมูกของนางอย่างอ่อนโยน ก่อนจะกระซิบเบาๆว่า “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์”
“หืม” เยี่ยนอวี๋ตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนระทวย นางค่อยๆ หลับตาลงแล้ว
หรงอี้กำลังจะจูบริมฝีปากของนางอีกครั้งอย่างทะนุถนอม
แต่แล้ว…
“อ่ะแฮ่ม!”
เยี่ยนชิงมาแล้ว!
ก๊อกๆๆ!
เขาเคาะประตู เยี่ยนอวี๋รีบลืมตาขึ้นและหันไปมองทางประตู
เยี่ยนชิงที่ยืนอยู่หน้าประตู ก่อนจะผลักเข้ามาก็พูดว่า “พ่อเข้าไปแล้วนะ!”
เยี่ยนอวี๋ผลักชายที่กอดนางไว้ออกด้วยสัญชาติญาณ แรงค่อนข้างมาก ทว่าหรงอี้มิได้หงุดหงิด เพราะว่าเขารู้ว่าภรรยาเขินอาย
ฮึ… ที่เขินก็เป็นเพราะหวั่นไหว มิเช่นนั้นปฐมราชินีเยี่ยนคงไม่รู้จักคำว่าเขินหรอก
เมื่อเยี่ยนชิงเข้ามา เขาก็เห็นลูกเขยที่หน้าตาเต็มไปด้วยความ ‘สดใสชื่นมื่น’ และบุตรสาวสุดที่รักที่เพิ่งตื่น?!
นี่มัน…
เยี่ยนชิงจึงมองลูกเขยและถามทันทีว่า “เจ้าบอกว่าต้องนอนวันสองวันมิใช่รึ เจ้ารบกวนนางหรือ!”
เยี่ยนจื่อเยี่ยที่ตามเข้ามาก็เลิกคิ้ว แต่เยี่ยนอวี๋กลับอธิบายว่า “ไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้าตื่นเอง จริงๆ แล้วข้ามิได้เป็นอะไรมาก ไม่ต้องนอนนานเช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”
ขณะที่พูด เยี่ยนอวี๋ยังทำท่าจะลุกขึ้นมาพิสูจน์ ทว่าเยี่ยนชิงก็รีบห้ามนางไว้แล้ว “ได้ๆ พ่อเข้าใจแล้ว พักก่อน พักก่อนเถิดนะ”
“เพราะว่าก่อนหน้านี้… ก็เลยสลบหรือ” เยี่ยนจื่อเยี่ยถามถึงเรื่องที่รู้กันอยู่ แต่ในใจกลับยังรู้สึกสะเทือนใจ ฉากเมื่อครู่นี้เขาเชื่อว่าทั้งต้าซย่าเห็นหมดแล้วและคงจะจดจำไปชั่วชีวิต
เยี่ยนอวี๋เองก็ไม่ได้ปิดบัง “ใช่เจ้าค่ะ”
เยี่ยนจื่อเยี่ยเงียบขรึม เขาพอจะรู้ว่าพลังที่ถูกปลุกจนตื่นของน้องสาวไม่ใช่แค่พรสวรรค์นิพพานอย่างเดียว เหมือนกับว่านางยังสามารถทำทุกสิ่งได้ด้วย
เยี่ยนชิงกลับไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเขารู้ว่า บุตรสาวสุดที่รักของตนไม่ธรรมดา เขาจึงเอ่ยกำชับว่า “ตอนนี้เจ้าอย่าได้สนใจสิ่งอื่นเลย ต่อจากนี้เจ้าพักผ่อนในสำนักก็พอ”
“ไม่…” เยี่ยนอวี๋กำลังจะปฏิเสธและอธิบาย
เยี่ยนชิงก็ทำหน้าดุพูดว่า “ไม่ไม่ได้ เจ้าดูสิเจ้าวิ่งวุ่นมานานแค่ไหนแล้ว หากมีเรื่องอะไรจริงๆ ก็ให้หรงอี้ไปทำ เขาเป็นผู้ชายของเจ้า เจ้าไม่ใช้เขาแล้วจะใช้ใคร”
หรงอี้ที่ถูกเจาะจงตัวย่อมเห็นด้วย แต่แล้ว…
“ไม่ได้ ข้าต้องไป” เยี่ยนอวี๋ดื้อรั้น “ข้าต้องไปดูเอง ข้าอยากรู้” ‘ต้าซือมิ่ง’ คนนั้นคืออะไรกันแน่
เยี่ยนชิง “…”
เขาสูดหายใจเข้าลึกจำต้องพูดว่า “ฟังพ่อเถอะนะ”
เยี่ยนอวี๋มองท่านพ่อของนางตาปริบๆ ท่าทางเช่นนี้เหมือนกับเสี่ยวเป่าที่ออดอ้อนนาง ขาดแค่ไม่ได้ถูไถด้วยเท่านั้น
เยี่ยนชิงจะทนได้อย่างไร เขาย่อมทนไม่ไหว “แล้วอันตรายหรือไม่”
“อันตรายขอรับ” หรงอี้ตอบอย่าง ‘ซื่อตรง’
เยี่ยนอวี๋ถลึงตาใส่เขาทันที!
เยี่ยนชิงรีบพูดขึ้นว่า “เช่นนั้นห้ามไป!”
“ท่านพ่อ” เยี่ยนอวี๋จับมือของท่านพ่อไว้ “ข้าต้องไป ข้าคุ้นเคยกับแดนมืดวิญญาณอสูร พวกข้าไปหาร่างชั่วร้ายของหรงอี้ ข้าต้องไปกับเขา”
“หมายความว่าอย่างไร” เยี่ยนชิงไม่เข้าใจ เพราะทั้งสองยังไม่เคยเล่าเรื่อง ‘หรงอี้’ อีกคนหนึ่งให้ฟัง
ทว่าสถานการณ์ในบัดนี้คงถึงเวลาต้องอธิบายแล้ว เยี่ยนอวี๋จึงเล่าให้ฟัง ทำเอาพ่อลูกตระกูลเยี่ยนทั้งสามตะลึงงันจนอ้ำอึ้งไปชั่วขณะ
“ดังนั้นภัยอันตรายในยามนี้ของต้าซย่าเกี่ยวข้องกับหรงอี้ด้วยหรือ!” เยี่ยนชิงงุนงงพลางมองทั้งสองอย่างพินิจพิเคราะห์ เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ประหลาดเกินไป
“เกี่ยวขอรับ” หรงอี้ตอบยืนยัน “ร่างพลังอีกร่างหนึ่งของข้ามีนิสัยชั่วช้า มีชีวิตอยู่เพื่อกวาดล้างเท่านั้น หากไม่รีบจัดการ จะมีแต่ภัยพิบัติไม่รู้จบ”
“น้องเขยเอ๋ย ทำไมเจ้าแข็งแกร่งเช่นนี้นะ” เยี่ยนจื่อเยี่ยหมดคำพูด พลังของน้องเขยคนนี้เองก็เก่งกาจเช่นนี้แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าร่างพลังที่แยกออกจากเขาอีกร่างหนึ่งก็เก่งกาจไม่แพ้กัน ถึงกับจะกวาดล้างต้าซย่า!
ทว่าเยี่ยนอวี๋ก็พูดขึ้นว่า “ จุดประสงค์ของ ‘เขา’ คือกวาดล้าง แต่สิ่งที่ฮ่องเต้หยวนคังและเทพทรามคอยชักใยอยู่ข้างหลังกระทำกลับเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้ตนเองโดยการดูดกลืนพลังของสิ่งมีชีวิตอื่น โดยพื้นฐานแล้วย่อมมีความแตกต่างกัน”
“รู้แล้ว เจ้าน่ะรู้แต่จะปกป้องเขา แม้แต่ร่างชั่วร้ายนั่นของเขาก็ยังจะปกป้อง” เยี่ยนชิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์นัก แต่เขาก็รู้ว่าความแตกต่างระหว่างสองคนนี้คือ คนหนึ่งเป็นคนเลวทราม อีกคนเป็นคนร้ายกาจ
คนหนึ่งเลวบริสุทธิ์ ต้องการทำลายล้าง!
ส่วนตัวร้ายอีกคนหนึ่งทำเพื่อตนเอง!
บัดนี้คนเลวทรามและคนร้ายกาจจะ ‘ร่วมมือ’ กัน คนเลวอยากปลดพันธนาการ คนร้ายต้องการใช้พลังของคนเลวเพื่อบรรลุเป้าหมายของตนเอง คนเลวไม่สนใจว่าจะถูกขโมยพลังเพียงเศษเสี้ยว คนร้ายกลับอยากได้มากกว่านั้น!
ต้าซย่าที่ถูกจ้องทำร้าย คงมีแต่ความสังเวช…
หากไม่กำจัดต้นตอปัญหา ต้าซย่าก็จะไม่มีวันสงบสุข
…
“เช่นนั้น… ข้าไปกับหรงอี้ได้แล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ” เยี่ยนอวี๋ถามพลางมองตาปริบๆ
เยี่ยนชิงที่ครุ่นคิดเสร็จแล้วพูดเพียงว่า “ไปเถอะ! แต่เจ้าต้องตกลงพ่อสองเรื่อง หนึ่งคือเจ้าต้องปกป้องตัวเองให้ดี สองคือต้องให้เสี่ยวเป่าอยู่ที่นี่”
“อ้ะเนะ!” เด็กน้อยที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนก็ปรากฏตัวข้างหน้าท่านปู่แล้ว
เยี่ยนชิงสะดุ้งโหยง “จะ เจ้า…”
“จะ ไป!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าราวกับมีหูทิพย์ เขาโน้มตัวเข้าไปในอ้อมอกของท่านพ่อแล้ว และยังประกาศกร้าวด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย “เป่า ไป! ช่วย พ่อ!”
“เจ้าน่ะหรือ” เยี่ยนชิงกำลังจะหัวเราะ
เยี่ยนเสี่ยวเป่าเบ้ปากไม่พอใจ “เป่าเก่ง!”
“ยังไงก็ห้ามไป!” เยี่ยนชิงจริงจัง พวกเขาพาทารกไปเสี่ยงอันตรายทุกครั้งเลย ทำบ้าอะไรกัน
เพียงแต่ว่า ขณะที่สองปู่หลานกำลังจะ ‘โต้เถียงกันอย่างดุเดือด’ จู่ๆ ต้าซือมิ่งก็มองไปทางทิศเหนือ
จากนั้น…
“อ้ะเนะ!”
เด็กน้อยเองก็จับความเคลื่อนไหวผิดปกติได้แล้วจึงหยุด ‘เถียง’ กับท่านปู่ของเขา เขาชูมืออวบอ้วนของตนเองชี้ไปทางทิศเหนือ จากนั้นก็มองท่านพ่อของเขาอย่างสงสัย “หนี?”
“อืม ‘เขา’ จะหนีแล้ว” หรงอี้พยักหน้า
เยี่ยนอวี๋รีบลงจากเตียง “แล้วจะรออะไรกันอีกเล่า รีบไปเถอะ! อย่าปล่อยให้เขาหนีไปได้อีก”
“ไป!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ารีบเกาะไหล่ของท่านไว้แน่น
แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง…