ตอนที่ 375 จิ่วอิงไร้ยางอาย! ร่างพลังแยกหรงอี้สุดเจ้าเล่ห์!
“อุแว้!”
จิ่วอิงก็มาแล้ว!
ไม่เพียงเท่านี้…
ฟิ้ว!
จู่ๆ มันก็ย่อร่างของตนเล็กลง เกาะแขนเยี่ยนอวี๋อย่างไร้ยางอายและยังกล่าวประจบสอพลอว่า “นางยักษ์สุดสวยอย่าเพิ่งไปสิ ข้าอยากกินเชลยศึกลัทธิเซิ่งเหลียนเหล่านั้น อนุญาตข้าหน่อยเถอะ!”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็อยาก ‘จะบ้าตาย’ เขากระโจนไปดึงจิ่วอิงตัวน้อยนั่นออก และทำท่าจะจูบมัน “อิง อิง งด งาม!”
เมื่อจิ่วอิงได้ยินดังนั้น มันก็แก้ไขคำพูดของเด็กน้อยอย่างหนักแน่น “ไม่ใช่อิงอิง! ข้าคือปู่จิ่วของเจ้า!”
“ปู่?” เยี่ยนเสี่ยวเป่ากะพริบตาปริบ ก่อนจะชี้ไปที่เยี่ยนชิง บอกว่าคนนี้สิถึงจะเป็นปู่ จิ่วอิงไม่ใช่ เจ้าคือ ‘อิงอิง’!
จิ่วอิง “…”
มันเกือบจะลืมธุระสำคัญไปแล้วจึงไม่สนใจเจ้าตัวน้อยอีก รีบพูดประจบเยี่ยนอวี๋ต่อ “นางยักษ์สุดสวย เจ้าว่าอย่างไร อนุญาตแล้วใช่หรือไม่! เช่นนั้นข้าไปแล้วนะ!”
เมื่อพูดจบ จิ่วอิงก็กำลังจะจากไปกินคนแล้ว! แต่แล้วมันกลับขยับตัวไม่ได้ เพราะเยี่ยนเสี่ยวเป่าบีบมันไว้ไม่ยอมปล่อยมือ “พ่อ! อิง! ไป!”
“มันไม่ไป มันต้องเฝ้าอยู่ที่นี่” หรงอี้ดึงจิ่วอิงที่เกาะแกะภรรยาขึ้นมา “ทำไมเจ้ากลายเป็นเช่นนี้”
เยี่ยนเสี่ยวเป่ารีบพูดว่า “เป่า! ชอบ!”
“ข้าก็ว่าดีออก น่ารักกว่าลูกหนูน้อยเยอะเลย” เยี่ยนอวี๋เองก็รู้สึกว่าจิ่วอิงที่ตัวเล็กลงเหมือนปลาหมึกตัวน้อยน่ารักดี
เยี่ยนจื่อเยี่ยอดถามไม่ได้ “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ เจ้าคิดว่าน่ารักจริงๆ หรือ” ทัศนะเรื่องความงามเช่นนี้พิลึกคนจริงๆ
อุแว้! จิ่งอิงไม่สนใจคนอื่น เมื่อมันได้ยินว่าเยี่ยนอวี๋บอกว่ามันน่ารัก มันก็ประจบต่อไปว่า “เช่นนั้นก็คืออนุญาตแล้วใช่หรือไม่! ข้าจะไปกินเดี๋ยวนี้เลย! ข้าน่ารักเช่นนี้ กินคนเสียหน่อยจะเป็นอะไรไป!”
“ไม่ได้” เยี่ยนอวี๋ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “ในเขตจิ่วหลีไม่เหลือผู้ใดแล้ว เชลยศึกหลายหมื่นคนนี้ถือว่าเป็นทายาทสุดท้ายของเผ่าจิ่วหลี ห้ามกินพวกเขา ท่านพ่อเจ้าคะ ฝากท่านช่วยจัดแจงส่งพวกเขากลับจิ่วหลีด้วย หมินหมิ่นและจอกเพลิงปทุมยังอยู่ที่นั่น ท่านช่วยให้หมินหมิ่นขึ้นเป็นเจ้าลัทธิได้ไหมเจ้าคะ”
“ได้ เจ้าอย่ากังวลเลย พ่อจะจัดการให้เอง” เยี่ยนชิงมีแผนในใจแล้ว อีกประเดี๋ยวจะไปจัดการ
แต่ว่า… จิ่วอิงก็ยังไม่ยอม “ไม่ได้ก็ต้องได้! ข้าไม่สนใจหรอก! ยังไงก็ต้องแบ่งให้ข้าหมื่นนาย!”
“หรือว่าข้าผนึกเจ้าให้เป็นหนูอีกดีนะ” เสียงสง่าของหรงอี้ดังขึ้น
ครานี้เองจิ่วอิงจึงชิ่งหนี “ช่างเถอะ! ไม่กินก็ไม่กิน!”
ในขณะที่พูดจิ่วอิงที่เหี้ยมโหดก็กลายร่างเป็นคน เขาหันหลังเดินกลับไป และยังพึมพำอย่างเคียดแค้น “ชักจะมากเกินไปแล้ว!”
“อิง อิง!?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าชี้ไปที่จิ่วอิงที่เดินกระฟัดกระเฟียดออกไป เขาอยากให้มันกลับมา
เยี่ยนอวี๋ถามขึ้นว่า “กลิ่นอายของจิ่วอิงและแดนมืดวิญญาณอสูรใกล้เคียงกันมาก หากเราพามันไป มันอาจจะช่วยอะไรได้ก็ได้”
“ไม่ได้หรอก มีปู่จิ่วอยู่ในสำนัก พวกเราจึงจะจากไปอย่างวางใจได้” หรงอี้ไม่เห็นด้วย
เยี่ยนอวี๋ทำท่าจะพูดอะไร หรงอี้กลับกล่าวลาเยี่ยนชิงและคนอื่นๆ แล้ว เยี่ยนชิงจึงเร่งพวกเขา “บอกว่าคนทางนั้นจะหนีไปแล้วมิใช่หรือ ยังมากพิธีอยู่อีก รีบไปเถอะ!”
“ก็ไม่ได้รีบขนาดนั้นขอรับ” หรงอี้มีแผนในใจดี
เยี่ยนอวี๋กลับเป็นกังวลมาก “ไปกันเถอะ ล่าช้าไปมากแล้ว”
“ได้” หรงอี้พูดพลางโอบเอวภรรยา
เยี่ยนอวี๋ที่ไม่ทันตั้งตัวก็หูแดงขึ้นมาทันที แต่นางก็ไม่ได้ผลักเขาออก เพียงแค่พูดกับท่านพ่อและพี่ใหญ่ว่า “ก่อนที่พวกข้าจะกลับมา ต้าซย่าน่าจะสงบดี หากมีอะไร พวกท่านอย่าเสี่ยงอันตรายเอง รอพวกข้ากลับมานะเจ้าคะ”
“วางใจเถิด” เยี่ยนชิงโบกมือ เขาจะถือเสียว่าไม่เห็นการกระทำของว่าที่ลูกเขย ถึงอย่างไรจะปล่อยให้บุตรสาวสุดที่รักที่ยังไม่ฟื้นตัวดีหายตัวไปเองก็ไม่ได้
เยี่ยนจื่อเยี่ยกำชับว่า “พวกเจ้าก็ระวังตัวด้วย เรื่องสำนักและเรื่องในบ้านไม่ต้องเป็นห่วง มีข้าอยู่”
“อ้ะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าโบกมือและเร่งให้ท่านพ่อเขารีบไป พ่อตัวปลอมนั่นหนีไปไกลแล้ว! หากไม่ตามไปอีกจะหาตัวไม่เจอแล้ว!
หรงอี้เองก็ไม่รีรอ เขาอุ้มแม่ลูกหายวับไปแล้ว
“เฮ้อ!” เยี่ยนชิงตบขาดังป้าบ พูดว่า “บอกว่าอย่าพาเสี่ยวเป่าไปด้วยไง! ทำไมพาไปอีกแล้วเล่า!”
“ห้ามคงห้ามไม่อยู่หรอกขอรับ เสี่ยวเป่ามีความคิดเป็นของตนเอง อีกทั้งเขายังช่วยพวกเขาได้ด้วย” เยี่ยนจื่อเยี่ยไม่ลืมท่าทีผิดปกติเมื่อครู่นี้ของหลานชายน้อย เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวน้อยเองก็สัมผัสถึง ‘ว่าที่ลูกเขย’ เหี้ยมโหดคนนั้นได้
เยี่ยนชิงทำได้เพียงถอนหายใจ “จะมีความสามารถอย่างไรก็ยังเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งอยู่ดี เด็กน้อยควรจะเล่นดินเล่นทราย กินๆ นอนๆ ให้เติบใหญ่มิใช่หรือ เหตุใดต้องไปยุ่งเรื่องเหล่านี้เล่า!”
เยี่ยนจื่อเยี่ยจำเป็นต้องพูดว่า “ข้าเห็นเสี่ยวเป่าก็กินเก่งนอนหลับดีนะขอรับ แต่เล่นดินเล่นทรายคงเล่นไม่ได้หรอก เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์และว่าที่น้องเขยรักสะอาดจะตายไป หากเสี่ยวเป่าเล่นดินเล่นทรายจริงๆ คงถูกตีแน่ๆ”
“ไม่ได้หรอก! ข้าดูให้เองก็ไม่ได้รึไง! เด็กน้อยที่ห้ามเล่นดินเล่นทรายจะรู้จักความสนุกสนานได้อย่างไร!” เยี่ยนชิงพูดตรงไปตรงมา ทว่าเขาพูดพลางเดินออกไปแล้ว เพราะเขาต้องไปจัดแจงเรื่องจิ่วหลี
ในขณะเดียวกัน
วิ้ง!
เยี่ยนอวี๋และพ่อลูกทั้งสามคนก็ปรากฏตัวที่แม่น้ำเย่ว์หมิงแล้ว
เยี่ยนอวี๋พาพ่อลูกเข้าไปในแดนผนึกโดยที่ไม่ได้ทักทายอีอิ่นและคนอื่นๆ เพราะพวกเขากำลังรีบ
อีอิ่นสัมผัสได้ถึงความรีบร้อนจึงรู้สึกว้าวุ่นใจขึ้นมา “หรือว่าจะเกิดเรื่องใหญ่อีกแล้ว”
แต่เดิมอีอิ่นคิดว่าต้าซือมิ่งและเยี่ยนอวี๋จะไปเมืองหลวงทันทีหลังจากที่พักฟื้นเสร็จแล้ว เพื่อกำจัดฮ่องเต้หยวนคัง แต่ทั้งสองกลับไม่ได้ไปเมืองหลวง กลับไปที่…
“หรือว่าแดนมืดวิญญาณอสูรยังมีภัยอันตรายอยู่!?” เมื่ออีอิ่นครุ่นคิดถึงตรงนี้ก็รู้สึกยิ่งเป็นกังวล เท่าที่เขาดู ฮ่องเต้หยวนคังเป็นภัยอันตรายสุดท้าย แต่เยี่ยนอวี๋กลับไม่เห็นฮ่องเต้หยวนคังในสายตาด้วยซ้ำ
อย่างน้อยเมื่อเทียบกับ ‘ต้าซือมิ่ง’ โหดเหี้ยมแล้ว ฮ่องเต้หยวนคังก็ไม่มีค่าให้พูดถึง อีกทั้งการสังหารฮ่องเต้หยวนคังในบัดนี้ก็ไร้ประโยชน์ เพราะว่าปมปัญหาอยู่ที่ ‘ต้าซือมิ่ง’ โหดเหี้ยม ส่วนฮ่องเต้หยวนคัง ‘หุ่นเชิด’ คนนี้นั้น ถูกผู้อื่นแทนที่ได้ทุกเมื่อ สู้ปล่อยให้ฮ่องเต้หยวนคังพิการผู้นี้หวงก้างไปก่อนดีกว่า อย่างน้อยยังรู้ได้ว่าเขาเป็นตัวปัญหาแล้วจึงค่อยเปลี่ยนคน ถึงครานั้นเรื่องก็จะเป็นไปอย่างสมเหตุสมผล
ถึงแม้เยี่ยนอวี๋เชื่อว่าการเปลี่ยนคนนั้นไม่ง่าย นี่จึงเป็นเหตุผลที่ ‘ต้าซือมิ่ง’ เหี้ยมเกรียมคนนั้นมิได้จับปลาในน้ำขุ่น หรือบางที ‘เขา’ ยังไม่มีความคิดเช่นนี้ เขาคิดเพียงแต่เรื่องทำลายล้างเท่านั้น! แต่หากฮ่องเต้หยวนคังสิ้นไปแล้ว ‘เขา’ คงจะ ‘คิดถึง’ เรื่องเปลี่ยนคน
ดังนั้นไม่ว่าจะคิดจากมุมไหน การสังหารฮ่องเต้หยวนคังที่พิการย่อมไม่ใช่การกระทำที่ฉลาด เยี่ยนอวี๋และหรงอี้จึงไว้ชีวิตอันไร้ค่าของฮ่องเต้หยวนคังไว้อย่างรู้กัน
…
ณ แดนผนึก
เมื่อเยี่ยนอวี๋ปรากฏตัว วิญญาณผนึกครึ่งมนุษย์ครึ่งแมงมุมก็แยกร่างออกมาต้อนรับนาง ส่วนร่างจริงของมันกำลังชำระล้างอิงหลงโบราณ
“จูจู ช่วยพาข้าไปแดนมืดวิญญาณอสูรที” เยี่ยนอวี๋ไม่รีรอ
แต่แมงมุมหลากสีร่างมนุษย์ส่ายศีรษะทันที “กุ๊กกู…”
เยี่ยนอวี๋รู้ว่าอสูรวิญญาณแดนผนึกเป็นห่วงว่านางจะตกอยู่ในอันตราย เพราะนางเพิ่งจะฟื้นตัวได้สองถึงสามส่วน หากนางเข้าไปในแดนมืดอสูรจะตกอยู่ในอันตราย ทว่านางไม่ได้เข้าไปคนเดียว นางจึงพูดเกลี้ยกล่อมมัน “เจ้าวางใจเถอะ ข้ารู้ความเหมาะสมดี ทางนี้ยังต้องให้เจ้าและเสี่ยวอิงดูแล”
“กุ๊กกู…” แมงมุมหลากสีในร่างมนุษย์ลังเล
แต่เยี่ยนอวี๋รอไม่ได้แล้ว “จูจู ช่วยข้าด้วย”
แมงมุมหลากสีร่างมนุษย์มิสามารถปฏิเสธคำร้องขอของเยี่ยนอวี๋ได้ สุดท้ายมันจึงต้องช่วยเหลือ
ภายใต้การช่วยเหลือของแมงมุมหลากสีร่างมนุษย์ เยี่ยนอวี๋ก็เปิดช่องแคบในผนึกได้อย่างรวดเร็ว นางพาหรงอี้และเด็กน้อยหายวับเข้าไปในแดนมืดวิญญาณอสูรทันที
“กุ๊กกู…” แมงมุมหลากสีร่างมนุษย์ส่งเสียงขึ้นมาด้วยความกังวล
ทว่าเมื่อทั้งสามคนเข้ามาในแดนมืดวิญญาณอสูรแล้วทุกอย่างก็อยู่ในสภาพปกติดี โดยเฉพาะเยี่ยนเสี่ยวเป่า เขายังมองไปรอบทิศอย่างตื่นตาตื่นใจ เพราะว่าทิวทัศน์ในแดนมืดวิญญาณอสูรต่างจากโลกมนุษย์มาก!
“อ้ะ!”
พระจันทร์สีเลือดเป็นสิ่งแรกที่ดึงดูดเยี่ยนเสี่ยวเป่า! จากนั้นเขาก็เห็นพายุหมุนสีเลือดนับไม่ถ้วนบนพื้นดิน สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในบริเวณที่มันพัดผ่านก็สูญสิ้น ไม่หลงเหลือแม้แต่หย่อมหญ้า!
ภูมิทัศน์ของแดนมืดวิญญาณอสูรจึงเป็นดินแดนที่มีพระจันทร์สีเลือด มืดมิด อ้างว้าง พายุหมุนสีเลือดโหมกระหน่ำอย่างไร้กฎเกณฑ์ ทำให้ภาพทิวทัศน์ของพื้นผิวเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มันกลืนกินสิ่งมีชีวิตในแดนมืดที่อ่อนแอ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในอากาศ
สภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนี้ อสูรที่อยู่ในแดนมืดย่อมไม่มีทางเป็นอสูรดี อีกทั้งยังต้องแข็งแกร่งมาก! เพราะว่าอสูรที่ไม่แข็งแกร่งพอจะไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้
เยี่ยนอวี๋คุ้นตากับภาพตรงหน้าเช่นนี้ดี นางถามขึ้นว่า “ ‘เขา’ อยู่ไหน”
หรงอี้สื่อกระแสจิตสัมผัสออกไปตั้งแต่ที่เข้ามาถึง บัดนี้เขาจึงจับทิศทางได้แล้ว เขาจึงพาแม่ลูกทั้งสองหายวับไปทาง ‘เขา’ อีกคนหนึ่งทันที
เพียงพริบตาเดียว ทั้งสามคนก็ออกมาอยู่บนผืนทะเลทราบอันมืดมิดแล้ว และในขณะที่ปรากฏตัวนั้น เยี่ยนอวี๋ก็เห็นโลงศพสีดำอยู่บริเวณหนึ่ง?! ข้างในนั้นยังแผ่ซ่านกลิ่นอายของชายที่อยู่ข้างกาย ครั้นนางกำลังจะเดินเข้าไป…
“ระวัง!”
หรงอี้กลับโอบเอวของนางไว้แน่น ในขณะนั้น…
ตู้ม!
โลงศพสีดำระเบิด! จากนั้น…