ตอนที่ 380 น่าตกใจ! ร่างพลังแยกหรงอี้ = จักรพรรดิอสูร!?
ตี้อั้นรู้สึกว่าถึงแม้ตนเองจะไม่ถูกตุ๋น แต่ชีวิตอสูรคงจบลงเพียงเท่านี้แล้ว!
แต่แล้ว…
หลังจากที่ตี้อั้นรู้สึกเจ็บแล้ว มันก็รู้สึกว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่? เพราะมันยังรู้สึกเจ็บอยู่เลย เจ็บไปทั้งตัว ตายเป็นเศษซากเช่นนี้แล้ว ความเจ็บปวดยังคงอยู่ได้นานเช่นนี้เลยหรือ
“เอ่อ?”
ตี้อั้นลืมตาสีเลือดขึ้นก็พบว่ารอบตัวโกลาหลไปหมด?
ต่อจากนั้น…
“จิ๊บๆ!”
ลูกไก่สีเหลืองส่งเสียงร้องดีใจ มันบินไปข้างหน้าตี้อั้น เห็นได้ชัดว่า ‘สภาพ’ โกลาหลรอบๆ ราวกับไข่ขาวไหลออกมาจากตัวมัน
“นี่คืออะไร” ตี้อั้นงุนงง
เยี่ยนอวี๋ก็ไม่ค่อยแน่ใจ “ของเหลวโกลาหล?”
“ใช่แล้ว” หรงอี้ยืนยันและคาดเดาว่า “มันอาจจะเป็นของเหลวที่อยู่ในไข่ฟองนั้นอยู่แล้ว แต่ถูกลูกไก่กินเข้าไป จากนั้นมันจึงฟักออกมาได้”
“เท่าที่ข้าทราบ มีเพียงไข่ที่ปีศาจแห่งความโกลาหลฟักออกมาจึงจะมีของเหลวโกลาหล และปีศาจแห่งความโกลาหลก็สูญสิ้นไปทั้งตระกูลในมหาสงครามอสูรเทพแล้ว” เยี่ยนอวี๋พูดถึงตรงนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
หรงอี้ยกมือเรียวยาวของตนขึ้นคลายคิ้วที่ขมวดกันของนาง “ในร่างของมันยังมีกลิ่นอายของมนุษย์วานรหวาไหว หนี่ว์ป๋า และเหอเฟย มีของเหลวโกลาหลก็คงเรื่องปกติ”
“ไม่รู้ว่าจะทำอะไรกันแน่” เยี่ยนอวี๋จับมือหรงอี้ “รวมพลังทำลายล้างไว้ในร่างเดียวกัน”
“สร้างสายพันธุ์ใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าเดิมเพื่อครองโลก คงไม่มีอะไรมากกว่านั้น” หรงอี้พูดถึงความจริงอย่างตรงไปตรงมา “หากเจ้าไม่อยู่ มันอาจจะทำสำเร็จ แต่ในเมื่อเจ้ากลับมาแล้ว ข้าก็อยู่ที่นี่ ผลก็คือสิ่งที่ทำไปย่อมเสียเปล่า”
เยี่ยนอวี๋มองเขา “เจ้านี่มั่นใจจังเลย”
“อื้ม” หรงอี้ตอบเสียงสูง เขาย่อมมั่นใจมาก “มิเช่นนั้นปฐมราชินีเยี่ยนจะชอบข้าได้อย่างไร”
เยี่ยนอวี๋เม้มปากเล็กน้อย มุมปากกลับยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ผ่านไปครู่หนึ่งจึงพูดขึ้นว่า “โลภต่อไปเถอะเจ้า”
“ไม่ใช่ความจริงหรือ” หรงอี้เลิกคิ้วเล็กน้อยพลางโน้มศีรษะแตะหน้าผากของภรรยา จมูกสูงโด่งของเขายังลูบปลายจมูกอันวิจิตรของปฐมราชินีเยี่ยนอย่างเอ็นดู
“พอได้แล้ว” เยี่ยนอวี๋ยกมือขึ้นขวางหน้าอกชายคนนี้ไว้ เบือนหน้าหนีเล็กน้อย
เด็กน้อยกะพริบตาปริบ ก่อนจะก้มหน้าดูลูกไก่สีเหลือง “จิ๊บจิ๊บ! เก่ง!”
“จิ๊บๆ!” ลูกไก่สีเหลืองที่ถูกชมก็กางปีกออกอย่างได้ใจและกระพือปีกอย่างรวดเร็ว จนคนทั่วไปไม่สามารถเห็นการเคลื่อนไหวของปีกคู่นั้นได้ เห็นเป็นเพียงก้อนกลมๆ สีเหลืองก้อนหนึ่ง…
เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็มุดออกมาจากอ้อมอกของท่านพ่อและท่านแม่ของเขา ส่วนตนเองบินไปข้างกายลูกไก่สีเหลืองและยังส่งเสียงร้องยกยอมัน “ว้าว… เก่ง! จิ๊บจิ๊บ!”
อสูรตี้อั้นเงยหน้ามองตัวน้อยทั้งสองด้วยท่าทีชื่นชม บาดแผลที่ถูกพายุอวกาศทำลายกระทันหันนั้นก็ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว
แต่ว่า…
“จักรพรรดิอสูรน้อย ในเมื่อเจ้ามีวิธีต่อต้านปีศาจแห่งความโกลาหล ทำไมไม่ใช้ตั้งแต่แรกเล่า” เมื่อครู่นี้เสี่ยงตายมาก หากเพียงก้าวผิดเล็กน้อยจะตายกันหมดเชียวนะ!
ลูกไก่สีเหลืองที่ไม่รู้ว่าตนเองคือจักรพรรดิอสูรน้อยมิได้ตอบ มันยังคงบินอย่างดีอกดีใจ! ด้วยท่าทางเช่นนี้คงพอจะเดาได้ว่ามันเองก็เพิ่งพบว่าตนเองมีความสามารถเช่นนี้
แต่เยี่ยนอวี๋กลับสงสัยเรื่องหนึ่ง “เจ้าลูกเจี๊ยบ เหตุใดเจ้าจึงเลือกทางขวา”
“จิ๊บๆ!” ลูกไก่สีเหลืองที่ถูกถามก็บอกว่า “ชอบ!”
ตี้อั้น “…”
ก็ได้ ลูกน้องไม่เข้าใจความคิดของลูกพี่หรอก ไม่เป็นอะไรก็พอแล้ว! ขอเพียงจักรพรรดิอสูรพาทุกคนออกไปได้อย่างปลอดภัยเช่นนี้ก็พอ
ในความเป็นจริงแล้ว ลูกไก่สีเหลืองเจ๋งมากจริงๆ เมื่อมันสลายของเหลวโกลาหลแล้ว เสียงพายุหมุนก็อยู่ข้างหลังพวกเขาแล้ว
ตี้อั้นหันไปมองพื้นที่ที่ ‘ผืนดินถูกโค่น’ ทั้งผืน มันโหมซัดภูเขาใกล้เคียงลูกหนึ่งจนเกิดเสียงฟ้าร้องและพายุหมุนมหึมาในมิติ จนมันได้แต่ทอดถอนใจ ‘เหลือเชื่อ…’
ตี้อั้นเชื่อว่าหากพายุหมุนระลอกนี้คือจอมมาร มันคงช่วยอะไรไม่ได้ โชคดีที่ทิศทางที่พายุหมุนลูกนี้เคลื่อนตัวไปไม่ใช่เมืองหลวงจักรพรรดิอสูร มิเช่นนั้นเมืองหลวงจักรพรรดิอสูรที่เพิ่งสร้างเสร็จคงถูกทำลาย ทว่า…
“ในเมื่อไม่เป็นอะไรแล้ว ข้าขอลาไปก่อน!” ตี้อั้นคิดว่าไม่ควรอยู่กับคนกลุ่มนี้แล้ว รีบออกห่างจะดีกว่า “อย่ามีโอกาสพบกันอีกเลย!”
เมื่อพูดจบ ตี้อั้นก็หายตัวไปทันที!
แต่แล้ว…
“จิ๊บ!”
ลูกไก่สีเหลืองจับมันกลับมาด้วยเท้าของมัน
ตี้อั้น “…”
มันอยากจะร้องไห้แล้ว “จักรพรรดิอสูรน้อย ท่านจะทำอะไรน่ะ”
“พาพวกข้าคลานไป!” ลูกไก่สีเหลืองพูด มันเคยชินกับการนั่งบนหลังของตี้อั้นแล้ว
น้ำตาแห่งความคับแค้นใจไหลลงมาทันที แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกได้หน้ามาก เพราะจักรพรรดิอสูรเลือกให้มัน ‘รับใช้’ จู่ๆ มันก็รู้สึกซับซ้อน ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ทว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่าและลูกไก่สีเหลืองก็ปีนขึ้นไปบนหลังของตี้อั้นและส่งเสียงเล็กเสียงน้อยขึ้น “ไป!”
เยี่ยนอวี๋ขบขัน นางหันไปพูดกับชายข้างกายว่า “ไปกันเถอะ รู้ตำแหน่งคร่าวๆ หรือยัง”
“อืม ทางนั้น” หรงอี้มองไปทางซ้าย และทิศทางนั้นเอง…
“บ้าเอ๊ย!”
“คงไม่ใช่หรอกนะ!”
อสูรตี้อั้นอุทาน ก่อนจะถามย้ำเพื่อความมั่นใจ “พวกเจ้าจะไปเมืองหลวงจักรพรรดิอสูรหรือ”
“ทางนั้นคือเมืองหลวงจักรพรรดิอสูรหรือ” เยี่ยนอวี๋แผ่ซ่านพลังจิตใจที่แข็งแกร่งกว่าเดิมออกมา นางสัมผัสถึงไอหมอกมารอันหนาแน่นอยู่ทางนั้นจริงๆ ที่นั่นถูกอสูรไม่น้อยยึดครองไว้
“ก็ใช่น่ะสิ!” ตี้อั้นกล่าว “ก็ดี ข้ายังไม่เคยไปเมืองจักรพรรดิอสูรเลย ถือโอกาสไปเปิดโลกเลยแล้วกัน ต่อไปจะได้โม้ให้อสูรตี้อั้นตัวอื่นฟังได้”
“โม้คืออะไรหรือ” ลูกไก่สีเหลืองถามเสียงเล็กเสียงน้อยอย่างชัดถ้อยชัดคำและไหลลื่น
เจ้าตัวน้อยซบท่านพ่อของเขาอย่างไม่ค่อยพอใจนัก “พ่อ เป่าไม่… เป็น”
“เจ้าเปรียบเทียบตนเองกับไก่ตัวหนึ่งทำไมเล่า” หรงอี้ถามกลับ
เยี่ยนเสี่ยวเป่าหายทันที เขาคุยกับลูกไก่สีเหลืองทีละคำสองคำต่อไป
ลูกไก่สีเหลืองก็ไม่รังเกียจที่เยี่ยนเสี่ยวเป่าพูดไม่คล่อง แต่…
“เสี่ยวเป่า ทำไมเจ้าไม่มีผมล่ะ” ลูกไก่สีเหลืองบินขึ้นมาลูบศีรษะ ‘โล้น’ ของเยี่ยนเสี่ยวเป่า อันที่จริงมันอยากลูบมานานแล้ว บัดนี้เพิ่งลงมือ แต่น่าเสียดายที่มันลงมือไม่สำเร็จ เพราะเยี่ยนเสี่ยวเป่าตบลูกไก่สีเหลืองออกไปทันที “เป่า! มี!”
“จิ๊บ!” ลูกไก่สีเหลืองที่หยุดอยู่กลางอากาศก็พูดว่า “ไม่มีเสียหน่อย!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าสวนกลับทันที “บอด!”
พรวด! เยี่ยนอวี๋อดหัวเราะไม่ได้ นางอุ้มเด็กน้อยน่ารักน่าชังเข้ามาในอ้อมแขนและยังจูบเขาหลายฟอด “เสี่ยวเป่าของเราน่ารักจริงๆ”
“จิ๊บๆ!” ลูกไก่สีเหลืองก็บินมาบอกว่า “น่ารัก เจ้าหัวโล้นตัวน้อย!”
เมื่อสิ้นเสียงของมัน…
เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็ถีบลูกไก่สีเหลืองเข้าอย่างจัง ทำเอาฝ่ายหลังตัวลอยกระเด็นออกไป
ตี้อั้นไม่สนใจปีศาจน้อยสองตัวนี้ทะเลาะกันแล้ว มันถามขึ้นว่า “พวกเจ้ามีตำแหน่งคร่าวๆ หรือไม่ ได้ยินมาว่าเมืองหลวงจักรพรรดิอสูรใหญ่มาก! มีประตูเมืองสิบบาน พวกเราจะเข้าทางประตูไหน”
เรื่องนี้เยี่ยนอวี๋ไม่รู้จริงๆ นางหันไปมองหรงอี้ ฝ่ายหลังหลับตาลงแล้ว รอบกายเขายังแผ่ซ่านกลิ่นอายลึกลับ เห็นได้ชัดว่ากำลังสัมผัส ‘ต้าซือมิ่ง’ โหดเหี้ยมคนนั้นอย่างตั้งใจอยู่
เยี่ยนเสี่ยวเป่าพลันหยุดทะเลาะกับลูกไก่สีเหลือง ราวกับเขารู้ว่าต้องเงียบ ห้ามรบกวนท่านพ่อรูปงาม เขานั่งพิงท่านแม่อย่างเชื่อฟังแล้ว
ลูกไก่สีเหลืองก็ไม่กล้าขยับ เพราะกลิ่นอายลึกลับที่ไหลออกมาจากหรงอี้นั้นทำให้มันรู้สึกเกรงกลัว มันจึงหดตัวเข้าไปใต้กระโปรงของเยี่ยนอวี๋แล้ว มีเพียงดวงตาสีแดงเล็กโผล่ออกมามองหรงอี้
“…”
เส้นสายลึกลับสายแล้วสายเล่าก่อร่างขึ้นข้างหน้าหรงอี้ในระหว่างนี้ราวกับมาจากพลังจิตวิญญาณของเขา
เส้นสายเหล่านี้ประกายสีม่วงทองลึกลับ เปล่งประกายความลึกลับเฉพาะตัว ทำให้เยี่ยนอวี๋ไม่สามารถรู้ได้ว่าพวกมันมาจากพื้นฐานกฎเกณฑ์ใด จากนั้นเส้นสายเหล่านี้…
วิ้ง!
หลังจากที่ก่อตัวเป็น ‘สัญลักษณ์’ โบราณตัวหนึ่งแล้ว พวกมันก็ซ่อนตัวเข้าไปในความว่างเปล่า และหายไปทางเมืองหลวงจักรพรรดิอสูรอย่างรวดเร็ว
ต่อจากนั้น…
“!”
สัญลักษณ์ก็หายวับไปราวกับถูกกลืนกิน!?
เยี่ยนอวี๋เลิกคิ้วเล็กน้อย นางมองหรงอี้ที่หลับตาอย่างจดจ่อ
ส่วนหรงอี้ก็มองเห็น ‘เขา’ อีกคนหนึ่งอย่างชัดเจนในชั่วขณะหนึ่ง ‘เขา’ อยู่ในนั้น
วิ้ง!
‘ต้าซือมิ่ง’ เหี้ยมโหดพลันลืมตาขึ้น เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะ ‘การแอบมอง’ ของหรงอี้ทำให้เขาตื่นขึ้นมาทันที ส่วนสภาพของ ‘เขา’ กลับเหมือนกับว่ากำลังจำศีล?
แต่ไม่ว่าอย่างไร…
แซ่ด!
ดวงตาสองคู่สบกันกลางอากาศจนราวกับจะเกิดประกายไฟ
ทว่าครั้งนี้หรงอี้ตัดสายสัมพันธ์ออกก่อนและชะล้างร่องรอยทุกอย่างที่แผ่ซ่านออกไป เขาจะไม่ยอมให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ตำแหน่งของเขาแล้ว
ส่วนเรื่องที่ว่าฝ่ายตรงข้ามอยู่ที่ไหน หรงอี้ก็มั่นใจแล้ว “เข้าทางประตูบานแรก”
“ ‘เขา’ อยู่ที่ไหน จะหนีไปอีกหรือไม่” เยี่ยนอวี๋ถามพร้อมกันสองคำตอบ
ทว่าตี้อั้นมีเพียงคำถามเดียว “เข้าทางประตูแรกหรือ”
“มีปัญหาหรือ” เยี่ยนอวี๋หันไปถามตี้อั้น เพราะว่านางฟังน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเหลือเชื่อของตี้อั้นออก
ไม่เพียงเท่านี้…
อสูรตี้อั้นถึงกับรู้สึกเกลียดชัง มันพูดชัดถ้อยชัดคำอย่างจริงจังว่า “นั่นเป็นทางเข้าของวังจักรพรรดิอสูร! พวกเจ้าต้องการทำอะไรกันแน่”