ตอนที่ 382 สามีในดวงใจของปฐมราชินีเยี่ยน!
“ฮึ!”
เมื่อรู้สึกถึงแรงต่อต้านของร่างโหดเหี้ยม หรงอี้ก็แสยะยิ้มเยือกเย็น…
วิ้ง!
แรงกดดันไร้ขีดจำกัดกดทับร่างโหดเหี้ยมด้วยพลังมหาศาลผ่านร่างพลังจิตที่มาจากส่วนลึกของอนุสติของหรงอี้! ทำให้สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์รอบกาย ‘เขา’ ถูกเร่งเร้าถึงขีดสุด
“!”
ในดวงตาของ ‘ต้าซือมิ่ง’ จอมโหดเหี้ยมปรากฏพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงทันที ดวงตาคู่นั้นมองไปบนท้องฟ้า จ้องหรงอี้ร่างจริงเขม็งจากทางไกลด้วยท่าทีกระหายเลือด
หรงอี้กลับไม่ได้สนใจ ‘เขา’ เพียงแค่ใช้พลังจิตผนึกร่างพลังร่างนี้ต่อไป รอบกายแผ่ซ่านรังสีศักดิ์สิทธิ์ตลอดเวลา ทำให้ตัวของเขาเปล่งประกายแสงอบอุ่นราวกับหยกขึ้นเรื่อยๆ
เยี่ยนอวี๋ที่รับเด็กน้อยที่หลับสนิทมาไว้นานแล้วก็สั่งตี้อั้นทันทีว่า “เร็วหน่อย!”
“โอ๊ย! นี่ก็เร็วมากแล้ว!” ตี้อั้นกล่าว จักรพรรดิอสูรเองก็เร่งเร้ามันอยู่ มันไม่ได้อู้เลย
แต่ลูกไก่สีเหลืองยังจิกมัน “เร็วขึ้นอีก! เร็วขึ้นอีก!”
“…” ตี้อั้นหมดคำพูด มันจะทำอย่างไรได้ ได้แต่เร่งสุดความสามารถ
เยี่ยนอวี๋หันกลับไปมองหรงอี้ ถึงแม้ดูจากภายนอกแล้ว ชายคนนี้เพียงแค่เปล่งแสงสีนวลออกมาเท่านั้น แต่เยี่ยนอวี๋รู้ว่าเขากำลังใช้พลังจิตใจทั้งหมดควบคุมร่างพลังจิตวิญญาณของตนผ่านระยะไกล
เยี่ยนอวี๋ไม่ได้กังวลว่าเขาจะทำสำเร็จหรือไม่ นางกังวลเพียงว่าเขาในตอนนี้จะสูญเสียพลังจิตวิญญาณมากเกินไป ซึ่งจะทำให้เสียเปรียบเมื่อเผชิญหน้าโดยตรงกับเขา นางจึงเร่งให้ตี้อั้นเพิ่มความเร็วขึ้น
“จิ๊บๆ?” ลูกไก่สีเหลืองที่พบว่าหรงอี้ ‘ผิดปกติ’ เช่นกันก็บินมาถาม “นายท่านเป็นอะไรหรือ”
“ไม่เป็นอะไร เจ้าคอยจับตาตี้อั้น เร่งมันให้เร็วหน่อยก็พอ” เยี่ยนอวี๋จัดแจง
ลูกไก่สีเหลืองตอบอย่างดีอกดีใจว่า “ได้เลย!”
จากนั้น… ตี้อั้นเศร้ายิ่งกว่าเดิม มันคิดว่าวันนี้มันคงต้องวิ่งจนขาขาดแล้ว!
แต่ความเร็วของตี้อั้นก็เป็นที่น่าพึงพอใจมาก ผ่านไปเพียงหนึ่งจิบชา เมืองหลวงจักรพรรดิอสูรอันเลือนรางก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นในสายตาของเยี่ยนอวี๋ นางจึงรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยก่อนจะมองกลับไปที่ชายข้างกายต่อไป
“…”
หรงอี้ผู้ซึ่งเปล่งแสงรัศมีศักดิ์สิทธิ์ออกมาไม่หยุด สีหน้าเขากลับยังคงปกติ สง่าเฉิดฉายดั่งหยก เงางามเป็นประกายไร้ความซีดเซียว เพียงแต่เขานิ่งเกินไป แม้แต่ขนตาก็ไม่ขยับ ราวกับกลายเป็นภาพวาดไปแล้ว
หากไม่ใช่เพราะเขายังคงหายใจอยู่ เยี่ยนอวี๋คงคิดว่าเขาเป็นอะไรไปแล้ว แม้จะเป็นเช่นนี้ นางก็ยังคงเฝ้าชายคนนี้อย่างใกล้ชิด กลัวว่าเขาจะเป็นอะไรขึ้นมา ทั้งในสายตาและในหัวใจเต็มล้นไปด้วยชายคนนี้
แม้แต่เด็กน้อยที่ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย เยี่ยนอวี๋ก็ไม่รู้สึกตัวเลย ทว่าเด็กน้อยก็เชื่อฟังมาก เขาซบในอกของท่านแม่เขาเงียบๆ พลางหาวและมองไปที่ท่านพ่อของเขา
ลูกไก่สีเหลืองเป็นตัวแรกที่พบว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่าตื่นแล้ว “นายท่านน้อย?!”
“หาววว…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ยังนอนไม่เต็มอิ่มก็อ้าปากหาวอย่างเกียจคร้าน ไม่ได้สนใจลูกไก่สีเหลือง
หลังจากที่ลูกไก่สีเหลืองเร่งตี้อั้นเสร็จแล้ว มันก็หันกลับไปและบินไปข้างเยี่ยนเสี่ยวเป่า “นายท่านน้อย ลงมาเล่นกันเถอะ!”
“ไม่” เยี่ยนเสี่ยวเป่าซบอกของท่านแม่ เขายังคงมองท่านพ่อของเขา
หรงอี้ในบัดนี้ก็มีบางอย่างเปลี่ยนไปแล้ว! แสงรัศมีที่อยู่รอบกายเขาปรากฏสีแดงเลือนราง?!
“อ้ะ!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่ารีบส่งเสียงเรียก! เยี่ยนอวี๋เองก็กอดเด็กน้อยไว้แน่นอย่างเป็นห่วง ลูกไก่สีเหลืองหยุดพูดและมองไปที่ต้าซือมิ่งแล้ว
แต่แล้ว…
เพียงครู่หนึ่ง แสง ‘สีแดง’ เหล่านั้นก็กลายเป็นสีหลักที่ปกคลุมหรงอี้ไว้
“หรงอี้!”
เยี่ยนอวี๋เรียกเขาอย่างอดไม่ได้ เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็เรียกตาม “พ่อ!”
แต่หรงอี้มิได้ตอบสองแม่ลูก ทำเอาเยี่ยนอวี๋ร้อนใจทันที!
ตี้อั้นพูดขึ้นในจังหวะนี้ว่า “ใกล้ถึงแล้ว ข้าพาพวกเจ้าไปถึงเพียงหน้าประตูใหญ่ห้าร้อยลี้เท่านั้น เพราะว่ามีแม่ทัพอสูรนรกเฝ้าอยู่หน้าประตูใหญ่ ข้าไม่กล้าเข้าใกล้ พวกเจ้ารออีกหนึ่งจิบชาก็ต้องเดินเข้าไปเองแล้ว”
“คลาน!” ลูกไก่สีเหลืองสั่งตี้อั้นให้คลานเข้าไป!
แต่แล้วครั้งนี้ตี้อั้นไม่กล้าจริงๆ “จักรพรรดิอสูรน้อย ไม่ใช่ข้าน้อยไม่ฟัง แต่ระดับขั้นของข้าน้อยต่ำเตี้ยเกินไป เมื่ออยู่ต่อหน้าแม่ทัพอสูรนรก ข้าน้อยคลานไม่ได้จริงๆ ขอรับ!”
นี่เป็นเรื่องจริง แดนมืดวิญญาณอสูรเป็นที่ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องพลังและยิ่งให้ความสำคัญกับเรื่องระดับชั้น เมื่ออสูรที่อยู่ในระดับชั้นต่ำอยู่ต่อหน้าอสูรระดับสูง พวกมันไม่กล้าแม้แต่จะพูด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเคลื่อนไหวตัวเลย เยี่ยนอวี๋จึงพูดขึ้นว่า “ได้”
อสูรตี้อั้นถอนหายใจโล่งอก แต่ลูกไก่สีเหลืองยังคงจิกมันทีหนึ่งอย่างไม่พอใจ ทำเอามันเจ็บจนไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่วิ่งต่อไปอย่างขี้ขลาด
แต่จะว่าไปแล้ว ต่อหน้าลูกไก่สีเหลือง แม้ตี้อั้นก็กลัวมันมากเช่นกัน แต่ก็ไม่ถึงกับไม่กล้าขยับตัว อาจจะเป็นเพราะ ‘รูปร่าง’ ของลูกไก่สีเหลือง เพราะตอนที่เจ้าหมอนี่ไม่แผลงฤทธิ์ก็ทำให้รู้สึกว่ามันเหมือนไก่อ่อนตัวหนึ่งเท่านั้น
หลังจากหนึ่งจิบชา…
“ถึงแล้ว!”
เมื่อเห็นว่าประตูเมืองจักรพรรดิอสูรบานแรกอยู่ไม่ไกลแล้ว ตี้อั้นก็หยุดทันที เพราะว่ามันสัมผัสถึงพลังอำนาจอันน่าหวาดกลัวของแม่ทัพอสูรนรกแล้ว
ส่วนเหตุผลที่แม่ทัพอสูรนรกได้ชื่อว่าแม่ทัพอสูรนรกก็ย่อมเป็นเพราะว่าระดับพลังการต่อสู้ของมันอยู่ในระดับแม่ทัพ เป็นรองจากจอมมารเท่านั้น เพียงแต่ว่าอสูรสายพันธุ์นรกมีสมองฝืดเคือง อย่างเช่นจอมมารนรกมันเป็นจอมมารที่กำจัดได้ง่ายที่สุดในแดนมืดวิญญาณอสูร
ตามสภาพการณ์ที่ตี้อั้นเล่าให้ฟัง แดนมืดวิญญาณอสูรในบัดนี้มีจอมมารนรกทั้งหมดสิบตน แต่ละตนครอบครองทหารแสนตน รวมทั้งสิ้นมีทหารหนึ่งล้านตน ซึ่งตอนนี้ทุกตนอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของจักรพรรดิอสูร
นอกจากนี้ยังมีจอมมารสวรรค์สามตน ปีศาจแฝงฝันสามตน ซึ่งล้วนอยู่ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิอสูรเช่นกัน แต่ละตนครอบครองทหารอีกสามแสนตน ส่วนจอมมารเมาโรก็เป็นหนึ่งในจอมมารสวรรค์
“จิ๊บ!?” ลูกไก่สีเหลืองที่ราวกับว่าสัมผัสถึงกลิ่นอายของแม่ทัพอสูรนรก มันก็ใช้ปีกชี้ไปที่ประตูเมืองสูงตระหง่านเสียดดวงจันทร์สีเลือดและถามขึ้นว่า “นั่นก็คือบ้านของข้าหรือ”
“ใช่แล้วขอรับ ข้าน้อยไม่เข้าไปแล้ว ท่านจักรพรรดิอสูรน้อยไปดี ทุกท่านโปรดไปดี ข้าไปจริงๆ แล้วขอรับ” เมื่อพูดจบ ตี้อั้นก็ส่งสัญญาณให้เยี่ยนอวี๋และคนอื่นๆ ลงมา เยี่ยนอวี๋จึงอุ้มหรงอี้ที่นั่งขัดสมาธิอยู่ขึ้นมา ส่วนเจ้าตัวน้อยก็ใส่รองเท้าด้วยตนเองและกระโดดลงมาจากหลังของอั้นตี้ รอให้ท่านแม่อุ้มท่านพ่อของเขาลงมา
แต่แล้ว…
โฮก!
แม่ทัพอสูรนรกจับได้ว่าเยี่ยนอวี๋มาแล้วและรับรู้ได้ว่าพวกเขามาอย่างไม่เป็นมิตรจึงขู่คำรามสะพรึงไปทางพวกเขา!
ครานี้เอง…
ตี้อั้นที่ขาอ่อนยังไม่ทันตั้งสติได้
ฟิ้ว!
ฟิ้วฟ้าว!…
ทหารนับหมื่นตนล้อมเข้ามาด้วยความรวดเร็ว! ทำให้เยี่ยนอวี๋อดคิดไม่ได้ว่าทั้งหมดนี้ถูกจัดแจงและวางแผนไว้แต่แรกอยู่แล้ว ดูท่าคงเป็นฝีมือของ ‘ต้าซือมิ่ง’ อีกคนหนึ่ง แต่แล้วเห็นได้ชัดว่า ‘ต้าซือมิ่ง’ อีกคนหนึ่งพลาดเรื่องหนึ่งไป นั่นก็คือ…