ตอนที่ 384 อัครราชันย์อสูรเทพ! ต้าซือมิ่งไร้เทียมทาน!
มันกลายเป็นลูกไก่สีแดง… และมันก็เผาตี้อั้นจนข้างนอกไหม้เกรียม แต่เดิมมันคิดว่าจักรพรรดิอสูรน้อยที่แผดร้องคำรามจะกลายร่างเป็นอสูรยิ่งใหญ่น่าเกรงขามที่ไร้เทียมทาน ไม่คิดว่า… หรือว่าร่างเดิมของจักรพรรดิอสูรจะเป็นไก่จริงๆ นะ?
“…” ตี้อั้นอ้ำอึ้ง
แต่ก็อย่าว่าเช่นนั้นเลย เสียงแผดร้องของลูกไก่ที่กลายร่างเป็นลูกไก่สีแดงก็ทำเอาเมาโรตกใจสะดุ้งถอยหลัง ถึงแม้จะถอยไปเพียงเล็กน้อย ก็ถือว่าถอยแล้ว!
เรื่องนี้ทำให้จอมมารที่ล้อมเข้ามาสะดุ้งตกใจ ถึงแม้พวกมันมีสมองไม่ดีนัก แต่ก็มีสายตาดี! พวกมันจึง…
“ฮ่าๆๆๆ!” จอมมารนรกตนหนึ่งหัวเราะด้วยปากที่เปื้อนเลือด “เมาโร เจ้าก็มีวันนี้หรือ กลัวแม้แต่ลูกไก่ตัวหนึ่ง ยังมีหน้ามาเป็นจอมมารสวรรค์อีก”
จอมมารนรกที่มีลำตัวสีดำ มีศีรษะเป็นสุนัขจิ้งจอกโหดเหี้ยมกลับมีร่างเป็นมนุษย์กำยำ รอบกายเต็มไปด้วยพลังสังหารอันน่าสะพรึง ทว่าเทียบกับพลังของเม่ยเอ๋อร์แล้ว ยังห่างกันอีกไกลนัก
ดังนั้นถึงแม้อสูรที่มาเป็นเพียงจอมมารนรกห้าตน พลังสังหารที่แผ่กระจายออกมาก็ทำให้ท้องฟ้าที่มืดมนถูกปกคลุมจนมืดครึ้มกว่าเดิม ทั้งในและนอกวังจักรพรรดิอสูรเงียบเป็นเป่าสากนานแล้ว เหล่าอสูรชั้นต่ำก็ไม่มีตนใดกล้าขยับตัว
ไม่เพียงเท่านี้…
คิกๆ
ปีศาจแฝงฝันสองตนราวกับสยายปีกสีเลือดออกจากพระจันทร์สีเลือด มันบินลงมาแล้ว “นานๆ ทีจะเห็นเมาโรหวาดกลัว”
ปีศาจแฝงฝันสองตนใส่ชุดสีเลือด รูปร่างเย้ายวน! มันเกิดมาพร้อมเสน่ห์ยั่วยวนเพศผู้อันตรายถึงชีวิต เป็นมือสังหารที่น่ากลัวมากที่สุดในเผ่ามาร เพราะสติปัญญาของเผ่าปีศาจแฝงฝันอยู่เหนือกว่าเผ่ามารอื่นๆ
จุดอ่อนอย่างเดียวของพวกมันคือการหลอกล่อของพวกมันไม่สามารถใช้กับเพศเมียได้ นอกเหนือจากนั้นแม้จะเป็นอสูรระดับราชา พลังเสน่ห์ของพวกมันก็ใช้การได้หมด
บัดนี้… สิบหกมหาอสูรแห่งแดนมืดวิญญาณอสูรก็ปรากฏตัวแล้วแปดตน ทำเอาตี้อั้นตกใจกลัวจนไม่กล้าขยับแม้แต่ดวงตาแล้ว มันไม่เคยเจอศึกใหญ่เช่นนี้มาก่อน แม้แต่คิดก็ไม่เคยคิด
“จิ๊บ”
ลูกไก่กลับยังคงบินอยู่ข้างหน้าเยี่ยนอวี๋ราวกับไม่หวาดกลัวสักนิด ท่าทีราวกับลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือ เมาโรที่ตกใจกลัวจนถอยหลังสีหน้ามืดมัว
“!”
เมาโรที่หน้าเสียก็จ้องลูกไก่ตัวนั้นอย่างชั่วร้าย เสียงคำรามเมื่อครู่นี้ทำให้มันสัมผัสถึงพลังน่าสะพรึงกลัวของจักรพรรดิอสูรจริงๆ
ถึงแม้จะเป็นความรู้สึกชั่ววูบ แต่เมาโรก็ถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว หากเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนที่จักรพรรดิอสูรจะรวมแดนมืดเป็นหนึ่ง มันก็คงไม่รู้สึกหวาดกลัว และสามารถสู้กับพลังเช่นนี้ได้แน่นอน
แต่ตอนนี้เมาโรที่เกรงกลัวจักรพรรดิอสูร ชั่วขณะที่มันสัมผัสถึงฤทธิ์เดชของจักรพรรดิอสูร มันก็ถอยหลังอย่างไม่กล้าแม้แต่จะต่อต้าน
ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้เมาโรรู้สึกเดือดดาลในใจ แต่มันจะทำอย่างไรได้ ได้แต่พูดเสียงเย้ยหยัน “ปีศาจแฝงฝันได้ชื่อว่าเป็นสมองของเผ่ามาร เช่นนั้นพวกเจ้ามาลองดูสิว่านี่คือบุตรของจักรพรรดิอสูรหรือไม่”
“คิกๆๆ…” ปีศาจแฝงฝันสองตนหัวเราะขึ้นพร้อมกัน ในขณะเดียวกันก็บินไปข้างลูกไก่ ฝ่ายหลังก็ไม่ได้ถอยหลัง มันเอาแต่จ้องพวกมัน “พวกเจ้าออกไปซะ! อย่ามาขวางทางข้าไปหาพ่อ!”
ปีศาจแฝงฝันสองตนสะดุ้งอย่างเห็นได้ชัด เพราะว่าพวกมันก็สัมผัสถึงกลิ่นอายจักรพรรดิอสูรจากตัวลูกไก่แล้วเช่นกัน ถึงแม้จะไม่เข้มข้นเหมือนจักรพรรดิอสูร แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกมันเกิดความหวาดกลัวได้แล้ว
แต่ว่า…
“คิกๆ ไอ้ตัวน้อย เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพ่อเจ้าคือจักรพรรดิอสูร”
“นั่นน่ะสิ เท่าที่พวกข้ารู้ ฝ่าบาทไม่เคยบอกว่าท่านมีลูก”
เมื่อปีศาจแฝงฝันสองตนคิดถึงฝ่าบาทไร้เทียมทานจักรพรรดิอสูรผู้ยิ่งใหญ่ท่านนั้น รอบกายของพวกนางก็เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์! ซึ่งเป็นกลิ่นอายเย้ายวนของปีศาจแฝงฝัน
แต่แล้ว…
“พวกเจ้าน่ะหรือ อยากจะมีลูกให้พ่อของข้า? ฝันไปเถอะ!” ลูกไก่มองความคิดของปีศาจแฝงฝันสองตนได้ทะลุปรุโปร่ง พูดด้วยน้ำเสียงดูถูก
ปีศาจแฝงฝันสองตนสีหน้าพลันเปลี่ยน เมาโรพ่นหัวเราะออกมา “ไอ้ตัวน้อยจะมาจากไหนก็ช่าง แต่สายตามันเฉียบขาดจริงๆ”
และเมื่อเทียบกับเมาโรที่เอาแต่ประชดประชันแล้ว จอมมารนรกพูดตรงไปตรงมามากกว่า “ได้ยินหรือยัง นังร่าน! พวกเจ้ายังคิดจะหลอกล่อจักรพรรดิอสูรหรือ มาหลอกล่อข้าดีกว่า ข้าย่อมทำให้พวกเจ้าสองพี่น้องสมปรารถนา”
“ฮ่าๆๆๆ…” จอมมารสามสี่ตนหัวเราะเสียงดัง
เห็นได้ว่าจอมมารเหล่านี้แม้จะยอมจำนนอยู่ภายใต้จักรพรรดิอสูร แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไม่ได้ดีนัก กระทั่งไม่รังเกียจที่จะแสดงความไม่ลงรอยกันเช่นนี้ต่อหน้าคนนอก แต่นี่ก็เป็นเรื่องปกติ เมื่อครั้นเผ่ามารยังไม่มีจักรพรรดิอสูร พวกมันก็ขัดแย้งกันเช่นนี้อยู่แล้ว มิเช่นนั้นเผ่ามารในครานั้นคงไม่เสื่อมถอยทันทีหลังจากที่สูญเสียการปกครองจากสิบสองเทพมารไป ท้ายที่สุดถูกผนึกไว้ในแดนมืด ห้ามออกไปข้างนอก อย่างเช่นในตอนนี้ จอมมารเหล่านี้กำลังสงสัยตัวตันที่แท้จริงของลูกไก่มาก แต่พวกมันกลับทะเลาะกันเองเสียก่อนโดยที่ไม่สนใจลูกไก่อีก
ปีศาจแฝงฝันสองตนบินทะยานออกไปสู้กับจอมมารนรกที่เอ่ยปากเป็นคนแรก “แจ็คซู เจ้าวอนตายอีกแล้วรึ!”
จอมมารนรกที่ปากเปื้อนเลือดหัวเราะ “มาดูสิว่าใครวอนกันแน่”
“แหม!” จอมมารนรกที่เหลือพากันมุงดู
เมาโรโมโหตวาด “ทำเรื่องสำคัญก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน!”
“เจ้ามีสิทธิ์ว่าพวกข้า?” มหาสูรแย้งกลับ
เหตุการณ์วุ่นวายไปหมด ลูกไก่จึงไม่สนใจพวกมัน มันเรียกตี้อั้นคลานต่อไปด้วยท่าทีไม่อยากยุ่งกับพวกปัญญาอ่อน
“เอ๋?” เยี่ยนเสี่ยวเป่ามองอย่างงุนงง มันมองหาท่านแม่อย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก “ไป?” ไปแบบนี้ได้เลยหรือ ไม่เป็นอะไรแล้วหรือ ไม่สู้กันแล้วหรือ
เยี่ยนอวี๋ลูบขนอ่อนบนศีรษะเด็กน้อยเบาๆ นางเองก็ไม่คิดว่าจะราบรื่นเช่นนี้ แต่หากเลี่ยงการต่อสู้ได้ การไม่สู้กันย่อมดีที่สุด นางกลัวว่าหากสู้กันขึ้นมาจะกระทบกับชายข้างกายคนนี้ บัดนี้เขาถูกหมอกสีแดงปกคลุมไว้หมดแล้ว!
หากไม่ใช่เพราะลมหายใจของเขายังเสถียรไม่ต่างจากก่อนหน้านี้ ดูแล้วก็ไม่มีความผิดปกติใดๆ กระทั่งยัง ‘นำทาง’ ให้ลูกไก่ได้ด้วย เยี่ยนอวี๋คงนั่งไม่ติดแล้ว!
ตี้อั้นจึงพา ‘ทั้งครอบครัว’ ที่อยู่บนหลังของมันเดินหน้าต่อไปอย่างงงงวย พวกเขาไม่ถูกขวางจริงๆ ด้วย มหาอสูรทั้งแปดยังสู้กันอย่างจริงจังแล้ว!
ตี้อั้น “…”
จู่ๆ มันก็รู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่านี่ก็คือราชาแห่งเผ่ามารของพวกมัน
กรร!
ฝ่อ!
“…”
มหาอสูรสองสามตนที่สู้กันอย่างดุเดือดและอสูรที่มุงดูไม่มีตนไหนสนใจขบวนคนเยี่ยนอวี๋ด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่าพวกมันต่างพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่การต่อสู้อันดุเดือดแล้ว
เยี่ยนอวี๋รู้สึกวางใจลงพลางเร่งตี้อั้นให้เร็วขึ้นอีก นางสัมผัสได้ว่าพวกเขาจะถึงแล้ว หากนางเดาไม่ผิด ‘ต้าซือมิ่ง’ คนนั้นน่าจะอยู่ทางด้านหลังของวังแห่งนี้ และที่นั่น… เยี่ยนอวี๋เดาว่าน่าจะเป็นขุมนรกอันมืดมิดที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในแดนมืด!
ส่วนเยี่ยนเสี่ยวเป่า เขาก็คอยหันไปมองอสูรที่กำลังต่อสู้กันและอุทาน ว้าว เป็นพักๆ ทำเอาลูกไก่สีเหลืองที่แปลงร่างกลับมาเป็นสีเดิมแล้วมองตามพร้อมเขา
“…” ตี้อั้นยังคงอ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออก มันกำลังคิดว่าโชคช่างเข้าข้าง ‘ครอบครัว’ นี้จริงๆ ก่อนหน้านี้มันไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เข้ามาเดินเล่นในวังจักรพรรดิอสูรเช่นนี้
ดูท่าขอแค่มีความกล้าพอและความสามารถอีกเล็กน้อยก็เดินอย่างห้าวหาญได้! ดูมหาอสูรพวกนั้นสิ สู้กันเองเสียแล้ว สู้กันชนิดที่ว่าดุเดือดจริงๆ…
อสูรตี้อั้นพาพวกเขาเดินผ่านวังจักรพรรดิอสูรแล้ว อีกเพียงไม่นานก็จะเข้าเขตขุมนรกมืดมนแล้ว จู่ๆ เยี่ยนอวี๋ก็พูดขึ้นว่า “หยุด! หยุดก่อน”
“หา?” แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องหยุด แต่ตี้อั้นก็หยุดแต่โดยดี มันถามขึ้นว่า “ทำไมหรือ”
เยี่ยนอวี๋อุ้มเด็กน้อยลุกขึ้นยืน สายตาของนางมองไปที่ม่านหมอกสีเลือดที่อยู่ข้างหน้า นางเห็นทางเดินทางหนึ่งราวกับขุมนรกผ่านม่านหมอกสีเลือด และเขี้ยวแหลมคมสูงตระหง่านที่อยู่ไกลออกไป!
ในขณะเดียวกัน…
วิ้ง!
ครืนๆ…
ขณะที่พื้นดินเคลื่อนไหว อสูรขนาดใหญ่ก็คลานเข้าใกล้พวกเขาก่อนจะกระโดดขึ้นกลางอากาศ! ทำเอาตี้อั้นตกใจจนถอยหลัง
“คิเมียรา” เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้ว นางจำได้ว่าสัตว์ประหลาดที่มีศีรษะเป็นสิงโต มีลำตัวเป็นแกะ และมีหางเป็นงู คือคิเมียรา เทพมารแห่งศึกสงคราม หนึ่งในสิบสองเทพมาร อีกทั้งเมื่อเทียบกับคิเมียราในครานั้นแล้ว แม้ตัวที่อยู่ตรงหน้าจะดูด้อยกว่ามาก แต่มันกลับมีศักยภาพมหาศาล! เหมือนกับว่ามันจะเป็นกรรมพันธุ์ย้อนรุ่น ซึ่งหมายความว่าคิเมียราตนนี้มีความสามารถระดับเดียวกับคิเมียราอดีตเทพมารแห่งสงคราม
ทว่าไม่เพียงเท่านี้…
กรร!
เสียงคำรามอสูรอันหนักแน่นดังขึ้นจากด้านข้างของเยี่ยนอวี๋ เสียงของมันไม่ดังนัก แต่กลิ่นอายของมันทำให้เยี่ยนอวี๋ต้องเหลือบมอง ทำให้นางเห็นพิกซีตัวสีเขียวขนาดไม่ใหญ่นัก แต่กลับมีปีกหลากสี มันมีดวงตากลมโตและมีเขาหนึ่งเขาอยู่บนศีรษะ
“อ้ะเนะ!?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าละลายไปกับความน่ารักของมัน เขารู้สึกมันช่างน่ารัก! แต่เยี่ยนอวี๋รู้ว่ามันเป็นทายาทของเทพมารเช่นกัน อีกทั้งยังเป็นกรรมพันธุ์ย้อนรุ่นเช่นกัน ซึ่งก็หมายความว่าระหว่างทางที่ไปขุมนรก อสูรคิเมียราและพิกซีถึงจะเป็นอสูรเฝ้าประตูด่านสุดท้ายที่กำลังรอคอยพวกเขา!
บัดนี้…
กรร!
พิกซีเคลื่อนตัวก่อน ปีกของมันพัดกระพือจนเกิดเป็นหมอกสีวิเศษ ทำให้ตี้อั้นสลบไปทันที แต่หมอกสีเลือดรอบกายหรงอี้ก็สลายหายไปแทบจะพร้อมกัน
จากนั้น…
“ถอยไป”
หรงต้าซือมิ่งลืมตาสีเลือดขึ้น ก่อนจะออกคำสั่งอย่างสง่า!