ตอนที่ 385 ต้าซือมิ่งที่ต้องถูกลงโทษด้วยการคุกเข่าลงเปลือกทุเรียน!
“!”
พิกซีนิ่งงันในทันใด
เยี่ยนอวี๋ที่แต่เดิมจะออกโรงเองก็ชะงักเล็กน้อย เพราะหรงอี้ในยามนี้ทำให้นางรู้สึกถึงเพียงความเหี้ยมเกรียม เต็มไปด้วยพลังทำลายล้าง
ความรู้สึกเช่นนี้เป็นความรู้สึกเดียวกันกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับ ‘ต้าซือมิ่ง’ อีกคน ทำให้นางอดขมวดคิ้วงดงามขึ้นไม่ได้ นางส่งเสียงเรียกเบาๆ อย่างเป็นห่วงไม่ได้ “หรงอี้”
“พ่อ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเองก็เรียกอย่างเป็นห่วง
ลูกไก่สีเหลืองเองก็เรียกตาม “นายท่าน?”
ส่วนต้าซือมิ่งเขาก็ยื่นมือไปอุ้มเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมอกของภรรยาเข้ามาในอ้อมอกของตนเอง เขายังคงทำอย่างคุ้นเคยและอ่อนโยนดังเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา ทำให้เยี่ยนอวี๋ที่คอยสังเกตลอบถอนหายใจโล่งอก
ในขณะเดียวกัน พิกซีที่ตั้งสติขึ้นได้ มันก็ถอยกรูดทันที “พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” ส่วนคิเมียราก็ถอยกลับไปอย่างไม่ลังเลเช่นกัน
ถึงแม้พวกมันไม่รับรู้มาก่อนว่าฝ่าบาทที่เพิ่งเข้าไปในขุมนรกมืดมิดนั้นออกไปตั้งแต่ตอนไหน แต่พวกมันก็จำใจต้องยอมรับ ถึงอย่างไรความสามารถของฝ่าบาทไม่ใช่สิ่งที่พวกมันประเมินได้
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นพิกซีหรือคิเมียรา พวกมันก็ถอยไปอย่างเงียบๆ ไม่รู้สึกสงสัยเลยสักนิด เพราะว่าพวกมันมั่นใจว่านี่คือฝ่าบาทของพวกมันจริงๆ!
ดังนั้น แม้แต่ตี้อั้นที่เพิ่งสลบไปก็ฟื้นขึ้นมาพร้อมกับพิกซีที่ถอยกลับไปแล้ว เมื่อตี้อั้นลืมตาขึ้น มันก็พบว่าคิเมียราที่น่ากลัวและพิกซีประหลาดตัวนั้นหายไปแล้ว “นี่มัน…”
ตี้อั้นที่งุนงง มันรู้สึกงุนงงมากจริงๆ “เมื่อครู่นี้ข้าน้อยตาฝาดไปหรือ”
“เปล่า” ลูกไก่สีเหลืองตอบอย่างมั่นใจ ในขณะเดียวกันก็แอบข้างหลังเยี่ยนอวี๋อย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะว่าต้าซือมิ่งหรงในบัดนี้ทำให้มันรู้สึกกลัวมาก ราวกับเป็นความยำเกรงที่เกิดจากสัญชาติญาณ ทำให้มันเกิดความรู้สึกเช่นนี้
ตี้อั้นเองก็เพิ่งตั้งสติได้อย่างเชื่องช้า ก่อนจะขาอ่อนต่อไป “ท่านนี้…” มิใช่เทพหรือ ทำไมเพียงพริบตาเดียวก็กลายเป็นมารแล้ว อีกทั้งยังเป็นสุดยอดมหาอสูรอีกด้วย!?
“นายท่านบอกให้สองตัวนั้นถอย พวกมันก็ถอยทันที” ลูกไก่สีเหลืองอธิบายด้วยความตื่นเต้นจนตัวสั่น และยังอุทานอย่างอดไม่ได้ว่า “นายท่านเก่งจังเลย!”
“ใช่! พ่อ! เก่ง!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเองก็คิดว่าท่านพ่อรูปงามเก่งมาก! จนม้วนตัวไปมาในอ้อมอกท่านพ่อแล้ว
หรงอี้กอดเด็กน้อยที่ตื่นเต้นไว้และมองไปที่ภรรยาที่อยู่ข้างกาย “ทำให้เจ้าเป็นห่วงหรือ”
เยี่ยนอวี๋ที่เป็นห่วงจริงๆ ก็กอดชายตรงหน้าพร้อมเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมอกของเขาไว้ทันที จนถึงบัดนี้นางก็เพิ่งรู้ว่าชายคนนี้วางแผนไว้แต่แรกแล้ว มิเช่นนั้นพลังการต่อสู้ของจอมมารสวรรค์สองตัวนี้ คงหนักหนาเอาการ
ปฏิกิริยาเช่นนี้ของนาง… ทำให้หรงอี้หวั่นไหวยิ่งกว่าคำตอบใดๆ
ต้าซือมิ่งอยากจะกอดนางกลับ ครั้นเขาเพิ่งยกมือขึ้นก็ถูก ‘สั่ง’ ห้าม “อย่าขยับ”
ต้าซือมิ่งชะงักเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ว่าปฐมราชินีเยี่ยนออกแรงกอดเขาแน่นขึ้นกว่าเดิม เขาจึงหยุดนิ่ง ใบหน้าและมุมปากของเขาเผยยิ้มอย่างไม่รู้ตัว “ไม่เป็นอะไรหรอก”
“ข้ารู้” เยี่ยนอวี๋รู้แก่ใจดี นางรู้ว่า ‘ต้าซือมิ่ง’ อีกคนหนึ่ง แม้จะเป็นเพียงร่างพลัง ต้าซือมิ่งร่างจริงคนนี้ย่อมมีอำนาจเด็ดขาดในการจัดการกับ ‘เขา’ อีกคนหนึ่ง
จนถึงบัดนี้ จากสภาพการณ์ที่เขาเอาแต่หนีก็ยิ่งย้ำชัดในเรื่องนี้ แต่นางยังคงเป็นห่วงมาก! โดยเฉพาะเมื่อนางมั่นใจว่าจักรพรรดิอสูรที่นี่ราวกับว่าจะเป็น ‘เขา’ คนนั้น นางก็ยิ่งกังวล
“เจ้ามั่นใจหรือว่า ‘เขา’ เป็นเพียงร่างพลังของเจ้าจริงๆ” เยี่ยนอวี๋กลัวว่าจะไม่ใช่ เพราะความทรงจำของชายคนนี้เหมือนกับจะมีปัญหาเล็กน้อย
“ไม่เชื่อใจข้าหรือ” หรงต้าซือมิ่งเลิกคิ้วเล็กน้อย เขายกมือขึ้นโอบเอวของปฐมราชินีเยี่ยนไว้ รวบสองแม่ลูกเข้าไปมาในอ้อมอกพร้อมกัน “กังวลว่า ‘จักรพรรดิอสูร’ จะเป็นร่างที่แท้จริงหรือ”
“อะ…ไร” เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่เข้าใจ “เป่า ไม่รู้! พูด…” เด็กน้อยฟังไม่รู้เรื่อง รีบพูดให้ลูกฟังหน่อย เรื่องเป็นอย่างไรกันแน่
“อืม” เยี่ยนอวี๋ก็ตอบอย่างมั่นใจ นางยังคงเป็นห่วงอยู่ดี
แต่แล้วต้าซือมิ่งก็หันข้างประชิดข้างตัวนาง แบกเด็กน้อยไว้ข้างหลัง ก่อนจะกัดติ่งหูของปฐมราชินีเบาๆ!
ทำเอาเยี่ยนอวี๋สะดุ้งขนลุก “เจ้า…”
“ครั้งที่แล้วข้าเพิ่งบอกเจ้าไปว่าอะไร” หรงอี้ถาม
เยี่ยนอวี๋มองไปที่ชายที่อยู่ใกล้ชิด สบดวงตาลุ่มลึกสีม่วงคู่นั้น เห็นได้ว่าในตาของเขามีแสงแพรวพรายไร้ขอบเขต แผ่เข้าไปลึกอย่างไม่สิ้นสุด เผยความลึกลับและทรงพลัง ทำให้นางรู้ว่าว่าที่สามีของนางคนนี้ ท่านพ่อของเด็กน้อยมิใช่ต้าซือมิ่งธรรมดาๆ คนหนึ่งแน่นอน และทำให้นางคิดได้ว่านางไม่สามารถสัมผัสถึงตัวเขา ทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคต
ในสามโลกนี้ เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่หาได้ยากจริงๆ…
ดังนั้น หรือว่า… เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถามว่า “อันที่จริงเจ้าก็คือจักรพรรดิอสูรหรือ!” หากเป็นเช่นนี้ ทุกอย่างก็กระจ่างแล้ว!
เหตุใดนางจึงไม่สามารถสัมผัสทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาได้ เหตุใดนางจึงมองเขาไม่ออก เหตุใดเขาจึงทำตัวสงบและทำทุกอย่างได้อย่างง่ายดายไม่ว่าอยู่ที่ใด เพราะว่าเขาคือจักรพรรดิอสูรที่ปกครองแดนมืดวิญญาณอสูร! ความสำเร็จของเขาเป็นความสำเร็จที่สิบสองเทพมารในอดีตปกครองได้มาด้วยการร่วมมือกันเท่านั้น แล้ว…
นัยน์ตาเยี่ยนอวี๋ประกายแสงสีม่วงทำให้หรงอี้ที่กอดนางไว้ยกมุมปากขึ้น ถามทีเล่นทีจริงว่า “ทำไมหรือ จะใช้ท่าเทวาอัสดงกับข้าอีกหรือ”
“เจ้ายังจะหัวเราะอีก!” เยี่ยนอวี๋กระแทกศีรษะเข้าที่ใต้คางของต้าซือมิ่ง แม้ไม่ได้แรงมาก แต่ต้าซือมิ่งก็ร้อง ซี้ด ขึ้นเบาๆ
เยี่ยนอวี๋มองเขา กลับพบว่าดวงตาของเขากำลังยิ้มราวกับพระจันทร์เปล่งปลั่งบนท้องฟ้า ส่องแสงเจิดจ้าไร้ที่สิ้นสุด สิ่งที่ไม่เหมือนคือ ดวงจันทร์สองดวงนี้ไม่ใช่สีเงินหรือขาวเย็นชา แต่เป็นสีม่วงเย้ายวนใจ
จากนั้น…
“ไม่! ไม่ชอบ”
เด็กน้อยเริ่มส่งเสียงเล็กเสียงน้อยประท้วงขึ้นมาแล้ว “ไม่บอก เป่า! พ่อใจร้าย! เป่า เป่าก็ เป็นห่วง!” แต่ท่านพ่อบอกแค่ท่านแม่ เป่าไม่รู้เรื่องเลย!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เด็กน้อยยังพูดต่อไปว่า “ลืม เป่าช่วยพ่อ! รัก ที่สุด! ใจดำ!”
พรวด! เยี่ยนอวี๋กลั้นไว้ไม่อยู่ นางหันไปหัวเราะแล้ว กลัวว่าจะทำให้เด็กน้อยที่เห็นได้ชัดว่ากำลังโมโหโมโหกว่าเดิม
ต้าซือมิ่งที่ถูกตำหนิก็ยิ้ม แต่ไม่มีเสียง เพียงแค่ยิ้มในดวงตา เขากอดเด็กน้อยเข้ามา ถามอมยิ้มว่า “ใครสอนเจ้าพูดหรือ”
“จริงๆ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าบอกว่าตอนนี้ท่านพ่อของเขาเป็นคนเช่นนี้จริงๆ! ไม่ผิดแน่นอน
ต้าซือมิ่งที่ถูกตำหนิไม่หยุดกลับยอมรับอย่างตรงไปตรงมา “รอเสี่ยวเป่าโตแล้ว มีภรรยาน้อยของตนเองก็จะเป็นเช่นนี้แน่นอน”
“ไม่ หรอก!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าบอกว่า ข้าไม่ใช่คนแบบนี้ ข้าชอบท่านพ่อและท่านแม่ที่สุด แต่เหมือนกับว่าท่านพ่อจะชอบท่านแม่ที่สุด! ไม่ใช่ชอบเหมือนกัน!
เยี่ยนเสี่ยวเป่าคิดได้ดังนั้นก็เบ้ปากทำท่าจะร้องไห้…
ต้าซือมิ่งจูบขนอ่อนบนศีรษะเด็กน้อยเบาๆ “แล้วเจ้ายังอยากให้พ่อแม่นอนกับเจ้าหรือไม่”
“อยาก!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตอบอย่างไม่ลังเล จากนั้นเขาก็คิดถึงสัญญาของเขากับพ่อ
เยี่ยนเสี่ยวเป่ากะพริบตา มองท่านพ่อของเขา “ก็ไล่ งั้น พ่อปลอบปลอบ เป่า” ก็จะไม่โกรธ
หรงอี้ลูบเด็กน้อยเบาๆ อธิบายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ตอนนี้คือ พ่อลืมบางเรื่องไป พ่อตัวปลอมถือโอกาสสวมรอยจักรพรรดิอสูรของพ่อ ตอนนี้พ่อเก็บ ‘เขา’ คืนกลับมาแล้ว พร้อมกันนั้นก็ได้ความทรงจำทุกอย่างคืนด้วย”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าฟังแล้วก็ชะงักเล็กน้อย ผ่านไปครู่หนึ่งจึงถามขึ้นว่า “บ้านข้า?” เช่นนี้ก็คือบ้านของข้า ไม่ใช่บ้านของลูกไก่สีเหลือง?
“ดังนั้นนายท่านเป็นพ่อของข้าหรือขอรับ” ลูกไก่สีเหลืองถาม
“น้องข้า?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็ถาม “น้องไก่?”
หรงอี้ “…”
บอกแล้วว่าไม่อยากเป็นพ่อไก่ ทว่าหรงอี้ก็พูดขึ้นว่า “ในตัวของลูกไก่มีส่วนที่คล้ายคลึงกับข้ามาก แต่เจ้ามิใช่ลูกของข้า เสี่ยวเป่าเป็นลูกของข้า”
“แล้วพ่อข้าล่ะ” ลูกไก่สีเหลืองถาม
เยี่ยนอวี๋ที่พอจะเดาบางอย่างได้แล้วก็เม้มปากกลั้นหัวเราะ
ทำเอาหรงอี้ที่เหลือบมองนางโยนภาระไปทันที “ถามเจ้านายของเจ้า นางรู้ดีที่สุด”
ลูกไก่สีเหลืองจึงถามเยี่ยนอวี๋ “เจ้านาย?”
แต่ในขณะเดียวกัน…
อันตรายที่คาดไม่ถึงก็ปรากฏตัวใกล้กับขบวนของเยี่ยนอวี๋ ทำให้ดวงตาของเยี่ยนอวี๋แปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงทันที! เสียงกระพือปีกดังก้องแทบจะในเวลาเดียวกัน ทำให้พวกเขาไม่สามารถจับได้ว่าต้นตอของเสียงมาจากทิศทางใด แต่เยี่ยนอวี๋ก็รู้แล้วว่า “ตัวที่มาน่าจะเป็นปีศาจแฝงฝันตัวสุดท้ายตัวนั้น”
เพียงแต่ว่านางเพิ่งจะพูดจบ… ต้าซือมิ่งที่แต่เดิมกอดนางไว้ก็ส่งลูกให้นาง ส่วนเขาก็เหินขึ้นไปบนท้องฟ้า!
จากนั้น…
“ฝ่าบาท”
ปีศาจแฝงฝันงดงามที่มีปีกประกายสีม่วงสวมชุดกระโปรงสีม่วงปรากฏขึ้นกลางความว่างเปล่าคุกเข่าลงต่อหน้าต้าซือมิ่งแล้ว เผยให้เห็นเนินอกขาวนวลใต้ชุดกระโปรงคอเว้าลึก
และส่วนที่ปีศาจแฝงฝันตนนี้ไม่เหมือนกับสองตัวก่อนหน้าคือศีรษะของนางมีเขาสีม่วงแวววาวงดงามคู่หนึ่ง แสดงให้เห็นว่านางเป็นปีศาจแฝงฝันที่มีกรรมพันธ์ย้อนรุ่นเช่นกัน!
ที่สำคัญคือ… ต้าซือมิ่งโน้มตัวลงไปประคองนางขึ้นมาแล้ว!?