ตอนที่ 391 เทพมารหรงอันดับหนึ่ง! สุดยอดจักรพรรดิอสูรถือกำเนิด!
ปัง!
กลิ่นอายทำลายล้างอันโหดเหี้ยมสาดพุ่งออกมาจากร่างกายของต้าซือมิ่ง ขุมนรกแห่งความมืดสั่นสะเทือน แดนมืดทั้งแดนสั่นไหว
เห็นได้ชัดว่าวังจักรพรรดิอสูรเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงจากแรงสะเทือนนี้ ตามด้วยเมืองจักรพรรดิอสูรและแดนมืดสั่นไหว พายุมิติเหี้ยมเกรียมนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในทันใด มันกวาดล้างแดนมืดทั้งแดนและเข่นฆ่าอสูรนับไม่ถ้วน
ครืน!
เปรี้ยง! เปรี้ยงปร้าง…
ภูเขาแดนมืดมากมายที่มั่นคงดั่งเหล็กกล้าพังทลาย พื้นที่ราบและทะเลทรายแตกแยกออกเป็นช่องว่างสีดำขนาดยักษ์ อสุรกายนับไม่ถ้วนถูกกลืนกินและถูกสังหารทิ้ง แต่ก็มีอสูรจำนวนมากที่กำเนิดออกมาจากรอยแตกบนพื้นดินราวกับได้เสร็จสิ้นการปรับโครงสร้างรูปแบบชีวิตอีกครั้งและเหมือนกับการสับเปลี่ยนสายพันธุ์ของเผ่ามารครั้งหนึ่ง
ต้นตอของเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นเพียงเพราะ ‘ต้าซือมิ่ง’ หัวแดง ‘ผสานรวม’ เข้ากับต้าซือมิ่ง ส่วนใครเป็นผู้ผสานใคร ดูจากกลิ่นอายในยามนี้แล้วไม่ค่อยดีเท่าไรนัก
“อ้ะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตกใจจนร้องอุทาน “พ่อ! พ่อออ…”
เยี่ยนอวี๋ก็กอดเด็กน้อยที่กระสับกระส่ายไว้แน่น นางมองชายผมสีแดงที่อยู่ตรงหน้าด้วยดวงตาเปล่งประกายแสงสีม่วง ด้วยความสัมพันธ์ที่มีกับเขาแล้ว นางย่อมอยากจะเชื่อคำพูดของท่านพ่อของเด็กน้อย อยากจะให้เขาเอาชนะร่างพลังของเขาเองได้ดังที่เขาพูด
แต่ว่า…
“หรง อี้”
เยี่ยนอวี๋เอ่ยชื่อเขาชัดถ้อยชัดคำ นางไม่อาจข่มกลั้นความว้าวุ่นและความกังวลในใจได้เลย แต่นางก็ยื่นมือเข้าไปช่วยไม่ได้จึงทำได้เพียง ‘ข่มขู่’ อย่างจริงจังและเสียงดังว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดเชียวนะ”
“ใช่!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็มอง ‘ท่านพ่อ’ ของเขาอย่างกังวลใจ “ใช่! ลูกผู้ชาย ต้องทำตามที่พูด! ห้ามโกหก เป่าและแม่! ไม่ งั้นไม่รัก! ไม่ ไม่เอาพ่อร้าย!”
เมื่อคิดว่าท่านพ่อรูปงามจะกลายเป็นพ่อตัวปลอมแสนดุร้าย เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็อยากจะร้องไห้ เขาบีบมืออวบอ้วนของตนเองไว้แน่น ดูทั้งน่าสงสารและน่ารักในเวลาเดียวกัน “เป่ารักพ่อ!” รักพ่อรูปงามที่ทำอาหารให้เป่ากิน ปลอบเป่าเป็น เล่นกับเป่าได้ และยังมีเสียงไพเราะ อะไรๆ ก็ดีไปหมดคนนี้!
แต่กลัวเหลือเกิน กลัวเหลือเกินว่าท่านพ่อรูปงามจะกลายเป็นพ่อตัวปลอมดุร้าย ต่อไปจะไม่ทำอาหารให้เสี่ยวเป่าทานอีก และก็ไม่รักเสี่ยวเป่าแล้ว แงงง…
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เสียใจจนอยากจะร้องไห้ น้ำตาพลันเริ่มคลอคลอง ปากก็แบะออกทำท่าจะร้องไห้ออกมาจริงๆ แล้ว แต่เขาก็คิดได้ว่าท่านพ่อรูปงามบอกให้เขาดูแลท่านแม่ให้ดี เขาจึงไม่ควรปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา
“เสี่ยวเป่า” น้ำตาของเสี่ยวเป่าหยดลงบนแขนของเยี่ยนอวี๋ นางลูบศีรษะเด็กน้อยอย่างสงสารจับใจ “ไม่ร้องนะ ท่านพ่อเจ้าจะไม่เป็นอะไร”
“ไม่ได้! ร้อง!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพูด ข้าไม่ได้ร้อง! แต่ในตามีน้ำหยดลงมาเอง ข้าก็ทำอะไรไม่ได้..
ลูกไก่สีเหลืองก็เข้ามาปลอบ “นั่นน่ะสิ นายท่านเก่งเช่นนี้ ต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน นายท่านน้อยอย่าร้องเลย”
“บอก บอกแล้ว! ไม่ได้! ร้อง!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ากะพริบตาอย่างไม่พอใจ “น้ำ หยด!” ไม่ใช่ข้าร้องไห้สักหน่อย
เยี่ยนอวี๋รวบตัวเด็กน้อยเข้ามาประจันหน้านาง ก่อนจะจูบเด็กน้อยที่พยายามกลั้นน้ำตาไว้จนหน้าแดงก่ำและปลอบประโลมอย่างอ่อนโยนว่า “ใช่แล้ว เสี่ยวเป่าของเราไม่ได้ร้อง เสี่ยวเป่าของเราแค่เป็นห่วงพ่อ”
“แม่…” เยี่ยนเสี่ยวเป่ากอดท่านแม่ของเขาไว้แน่น จากนั้นก็หันกลับไปมองท่านพ่อของเขาอย่างกังวล “เป่า ชอบพ่องาม! เป่าตาม ตามหามา”
“แม่รู้จ๊ะ” เยี่ยนอวี๋เข้าใจเด็กน้อยดี ว่ากันตามจริงแล้ว ท่านพ่อคนนี้ก็เป็นพ่อที่เด็กน้อยตามหามาได้ด้วยตนเอง เด็กน้อยสัมผัสถึงท่านพ่อของเขาทุกครั้งและยังรีบไล่ตามไป
หากไม่ใช่เช่นนี้ ต้าซือมิ่งที่มีปัญหาเรื่องความจำก็คงไม่ยอมรับลูกคนนี้เร็วเช่นนี้ บางทีจนถึงบัดนี้เขาอาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนมีลูก…
เยี่ยนอวี๋จึงรู้ดีว่าเด็กน้อยชอบพ่อคนนี้มากเพียงใดจนบางครั้งนางเองก็หึง แต่บัดนี้นางรู้สึกสงสารมากกว่า “เสี่ยวเป่าไม่ต้องกลัว เจ้าดูสิพ่อเจ้าบอกแล้วว่าจะทำอาหารให้เจ้ากินทุกวัน เขาก็ไม่ได้ผิดคำพูดสักมื้อเลยใช่หรือไม่”
“ใช่…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าขยี้ตากลมโตของตน “พ่อดี…”
เยี่ยนอวี๋รู้ว่าชายที่ชื่อหรงอี้คนนี้ดีกับเด็กน้อยมาก เด็กน้อยเองก็ชอบเขามากขึ้นทุกวันและยิ่งห่างจากเขาไม่ได้ทุกทีไป เช่นเดียวกับนาง…
ตอนแรกสุดนางแค่อยากจะเลี้ยงลูกที่น่ารักของตนและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างสุขสบาย แม้แต่ผลพลอยได้เช่นญาติพี่น้องสำนักชางอู๋ก็เป็นเรื่องบังเอิญแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชายคนนี้
ทว่านางเองก็รู้สึกผูกพันกับเขาและปล่อยเขาไปไม่ได้อย่างไม่รู้ตัว นางรู้สึกเป็นห่วงเขามาก กระทั่งในยามนี้ยังเกิดความรู้สึกแปลกๆ ในใจ ทำให้นางต้องการให้เขาโอบกอดนางดังเช่นที่ผ่านมา
“หรงอี้” เยี่ยนอวี๋ขานเรียกเบาๆ นางรู้สิ่งที่หัวใจตนเองต้องการแล้ว รอยยิ้มชั่วร้ายเมื่อครู่ของร่างพลังก็ปรากฏขึ้นชัดเจนกว่าเดิม นางรู้สึกเป็นห่วงจริงๆ…
“พ่อ”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าเองก็เป็นห่วง แต่เขาและท่านแม่ของเขาไม่สามารถเข้าแทรกแซงเรื่องของท่านพ่อของเขาได้
ต้าซือมิ่งในบัดนี้ก็แปรเปลี่ยนจากสี ‘ม่วง’ เป็นสีแดงแล้ว แสงสีม่วงอร่ามที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา รวมไปถึงชั้นพลังผนึกที่ทางเข้าขุมนรกแห่งความมืดพลันกลายเป็นสีแดงเลือด
ขุมนรกแห่งความมืดในบัดนี้ก็กลับคืนสู่ความมืดไร้ที่สิ้นสุด ไม่ได้เป็นสีแดงแล้วเพราะร่างพลังที่ผสานตัวกับขุมนรกถูกต้าซือมิ่ง ‘อัญเชิญ’ ออกมาและผสานเข้าไปในตัวเขาแล้ว
“ดูเหมือนว่า จักรพรรดิอสูรคือจักรพรรดิอสูรจริงๆ แล้ว” ตี้อั้นเอ่ย “สมแล้วที่เป็นจักรพรรดิอสูรองค์แรกในประวัติศาสตร์! แม้แต่ขุมนรกแห่งความมืดยังกำราบได้ เก่งจริงๆ…”
“ไม่ใช่!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพึมพำอย่างหงุดหงิด “ไม่ใช่จักรพรรดิอสูร! เป็นพ่อข้า!”
เด็กน้อยที่พูดประโยคนี้ได้อย่างคล่องแคล่วกลับถูกลูกไก่สีเหลืองแย้งกลับว่า “ข้ารู้สึกได้ว่าเขาคือพ่อของข้าจริงๆ แล้วล่ะ พ่อข้าก็คือนายท่านอยู่ดี”
“ไม่ใช่!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่พอใจ “พ่อบอกแล้ว! ไม่ใช่!”
ลูกไก่สีเหลืองพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “แต่ข้าคิดว่าใช่ ข้ารับรู้ได้แล้ว!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าโมโหจนไม่มองลูกไก่สีเหลืองอีก เขาหันไปมองท่านพ่อของเขาต่อและยังพึมพำไม่หยุดว่า “พ่อบอกแล้ว ใช่! อย่าถือสากับไก่”
เยี่ยนอวี๋ได้ยินดังนั้นก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี นางทำได้เพียงจูบเด็กน้อยเบาๆ และมองต้าซือมิ่งต่อไปทั้งยังคอยส่งจิตสัมผัสไปทั้งในและนอกขุมนรกแห่งความมืดในขอบเขตที่นางสัมผัสได้
…
“กลิ่นอายนี้กลายเป็นจักรพรรดิอสูรอีกแล้ว?” ปีศาจแฝงฝันคอยจับตามองชั้นแสงสกัดกั้นที่เปลี่ยนเป็นสีแดง นางมิอาจคาดเดาได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นในขุมนรกแห่งความมืดนั้น
พิกซีกลับแสดงสีหน้าเข้าใจ “ในใต้หล้า ในโลกใบนี้ ไม่มีศัตรูใดที่ฝ่าบาทกำจัดไม่ได้ นอกเสียจากว่าฝ่าบาทไม่อยากลงมือ”
เรื่องนี้ปีศาจแฝงฝันก็ยอมรับทว่าคิเมียราที่อยู่เหนือขุมนรกแห่งความมืดก็ตะโกนถามขึ้นมาว่า “วังจักรพรรดิอสูรจะทลายลงแล้ว! พวกเจ้าใครสักคนออกมาช่วยหน่อย”
พิกซีได้ยินดังนั้นก็พูดว่า “ปีศาจแฝงฝัน เจ้าขึ้นไป”
“แต่ว่า…” ปีศาจแฝงฝันที่แต่เดิมไม่ยอมจากไปก็จำเป็นต้องเลือกที่จะจากไปภายใต้สายตาสีเขียวของพิกซีที่จับจ้อง นางรู้ว่าความคิดของตนเองไม่อาจรอดพ้นจากสายตาของพิกซีไปได้
การสับเปลี่ยนเช่นนี้… เมื่อเยี่ยนอวี๋ ‘เห็น’ ก็ทำให้นางวางใจลงไม่น้อย แต่นางเพิ่งจะวางใจลงได้ครู่หนึ่ง การเปลี่ยนแปลงของต้าซือมิ่งก็ทำให้หัวใจนางตกไปอยู่ตาตุ่มอีกครั้ง!
วิ้ง!
ต้าซือมิ่งที่จู่ๆ ลืมตาขึ้นมีดวงตาสีเลือดอำมหิต! ในดวงตาคู่นั้นยังไหลเวียนไปด้วยพลังทำลายล้างอันชั่วร้าย เป็นพลังขุมนรกแห่งความมืดอันบริสุทธิ์ พลังที่ยากจะต่อกรแบบเดียวกันกับอดีตสิบสองเทพมาร แต่เห็นได้ชัดว่าต้าซือมิ่งในบัดนี้ครอบครองพลังบริสุทธิ์แห่งความมืดที่น่ากลัวกว่าพลังของสิบสองเทพมารรวมกันเสียอีก
“หรงอี้!”
เยี่ยนอวี๋อดเรียกเขาไม่ได้ นางไม่อยากให้ชายที่นางหลงรักคนนี้ พ่อของเด็กน้อยคนนี้กลายเป็นจักรพรรดิอสูรที่มีแต่พลังทำลายล้างและเหี้ยมเกรียม
หากเป็นเช่นนั้น ไม่ต้องพูดถึงว่าทั้งสองจะกลายเป็นศัตรูหรือไม่ เพียงแค่พูดถึงด้านความรู้สึกนางและลูกต้องรับไม่ได้แน่นอน เพราะว่านี่ไม่ใช่ว่าที่สามีและพ่อที่พวกเขาคุ้นเคย
“แง!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าร้องไห้แล้ว! ครั้งนี้เขากลั้นไม่อยู่จริงๆ
“พ่อ!”
“พ่อออ…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าปล่อยโฮออกมาอย่างต้องการจะบอกว่าเขาไม่ต้องการพ่อตัวปลอมที่ดุร้าย เขาต้องการท่านพ่อรูปงามคนเดิม
เยี่ยนอวี๋เห็นเสี่ยวเป่าร้องไห้จนตาแดงก่ำ มีชั่วขณะหนึ่งนางอยากจะวางเด็กน้อยลงและเดินไปยังข้างกายชายตรงหน้า ถึงแม้ไม่รู้ว่าจะช่วยเขาได้อย่างไร แต่นางก็ไม่อยากยืนดูเฉยๆ เช่นนี้
แต่แล้ว
“!”
ต้าซือมิ่งที่ลืมตาสีเลือดขึ้นก็มองมาที่สองแม่ลูกแล้ว
อาจจะเป็นเพราะเสียงร้องไห้ของเด็กน้อย อาจะเป็นเพราะเสียงเรียกของเยี่ยนอวี๋ หรืออาจจะเป็นเพราะสัญชาติญาณ ถึงอย่างไรเขาก็มองไปที่พวกเขาแล้ว
และสายตาคู่นี้… ทำให้เด็กน้อยปิดหน้าตนเองไว้และลองเรียกหยั่งเชิงดู “พ่อ?”
“หรงอี้” เยี่ยนอวี๋ก็เรียกเขาเช่นกัน นางอยากจะเห็นความเป็นไปได้ที่ต่างออกไป อยากเห็นดวงตาสีม่วงไร้จุดสิ้นสุดที่ประดับประดาไปด้วยดวงดาวราวกับมีจักรวาลแห่งดวงดาวฝังอยู่ในนั้น