ตอนที่ 393 ปฐมราชินีในร่างปกป้องสามี เข่นฆ่าอสูรสุดตระการตา!
เด็กน้อยที่รู้สึกบางอย่างก็พยายามเบ่ง! เบ่งอยู่นาน! เบ่งจนเยี่ยนอวี๋อยากจะถามว่า เจ้าต้องการจะถ่ายใช่หรือไม่
ในที่สุด…
วิ้ง!
ค้อนจิ๋วสีดำเล่มหนึ่งปรากฏในมือขาวเนียนที่ยังถือว่าอวบอ้วนเล็กน้อยของเขา ทำเอาเด็กน้อยรู้สึกประหลาดใจปนดีใจ!
“อ้ะเนะ! อ้ะเนะเนะ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าดีใจจนส่งเสียงร้องไม่เป็นคำพูดออกมา “อ้ะเนะเนะ! อ้ะ! อ้ะ…”
โอ้ ค้อนของข้า! โอ้ๆๆ! ข้าก็มีค้อนจิ๋วเช่นกัน! โอ้ๆๆๆ! ค้อนเหมือนกับของท่านพ่อรูปงามเลย! สวยจังเลย! ข้าชอบมาก! ว้าววว
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ดีใจจนจะกลายเป็นบ้าไปแล้ว ไม่ใช่เด็กน้อยที่เยี่ยนอวี๋อุ้มไว้ได้แล้ว ที่สำคัญคือเยี่ยนอวี๋เองก็ไม่ได้ฝืนอุ้มเขาไว้ นางดูออกว่าเด็กน้อยต้องการกระโดดโลดเต้นจึงปล่อยเขาไป…
“จิ๊บๆ?” ลูกไก่สีเหลืองไม่เข้าใจ “นั่นคืออะไรหรือขอรับ”
“บ๊ะจ่าง?” เยี่ยนอวี๋ก็มองไม่ชัด เพราะค้อนที่เด็กน้อยเรียกออกมามีขนาดเล็กมาก และเขายังกระโดดโลดเต้นดีใจเช่นนั้น นางจึงไม่ทันได้มองดูดีๆ
ทว่าด้วยนิสัยชอบกินของเด็กน้อย สิ่งนั้นน่าจะคือบ๊ะจ่าง แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ บ๊ะจ่างไม่มีด้าม แต่สิ่งนั้นมี มันมีขนาดเล็กเกินไป เด็กน้อยยัง ‘คว้า’ ไป นางยังเห็นไม่ชัด…
“บ้า… บ้าไปแล้ว?” ตี้อั้นที่ไม่กล้าเข้าใกล้ก็ตกใจกับเด็กน้อยที่ตีลังกาไปทั่ว “ถูกพ่อกระตุ้นจนกลายเป็นบ้าไปแล้ว?”
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ตี้อั้นก็ใช้สายตาสุดแสนเวทนามองเด็กน้อยและปฐมราชินี มันรู้สึกว่าทั้งสองน่าสงสารจริงๆ หากจักรพรรดิอสูรตื่นขึ้นมาแล้วลืมพวกเขาทั้งสอง เช่นนั้นมันช่าง…
ไม่แน่ว่าจักรพรรดิอสูรคงต้องกลายเป็นคนมากชู้หลายเมียแล้ว อย่างเช่นจอมมารปีศาจแฝงฝันเมื่อครู่นี้คงต้องขึ้นตำแหน่งแทน เฮ้อ… สองแม่ลูกคู่นี้ช่างน่าสงสารจริงๆ
…ตี้อั้นทอดถอนใจไม่หยุด แต่เพียงไม่นานก็ถอนหายใจไม่ออกแล้ว เพราะในส่วนลึกของขุมนรกแห่งความมืดมีเสียงคำรามของอสูรอันคลุมเครือดังขึ้น
“เสี่ยวเป่ากลับมาหาแม่” เยี่ยนอวี๋พูดพลางอุ้มเสี่ยวเป่ากลับมาในอ้อมอกและกอดเขาไว้แน่น ไม่ปล่อยให้เขากระโดดโลดเต้นอีก
เยี่ยนเสี่ยวเป่ากลับไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอะไร เพราะเขายังคงดีใจเกินไป เขายื่นมือออกไปอวดสมบัติของตนให้แม่ดู “ค้อน! เป่า! เหมือนพ่อ!”
“อะไรนะ” ในขณะที่เยี่ยนอวี๋คอยจับตามองส่วนลึกของขุมนรกและชายข้างกาย นางก็เบนความสนใจมาเล็กน้อยมองมาที่ ‘ค้อน’ ที่เด็กน้อยพูดถึง
เมื่อเห็นดังนั้น เยี่ยนอวี๋ก็พบว่า มันคือค้อนขนาดเล็กอันหนึ่งจริงๆ ไม่ใช่บ๊ะจ่าง อีกทั้งมันยังมีลักษณะงดงามมากด้วย ด้ามค้อนมีลายมังกร ตัวค้อนมีลวดลายอันลึกลับราวกับแฝงด้วยพลังไม่รู้จบ
นี่มัน…
“พ่อเจ้าก็มีหรือ” เยี่ยนอวี๋ไม่รู้จริงๆ เพราะครานั้นที่ต้าซือมิ่งนำค้อนออกมาปลอบลูก นางสลบไปแล้ว แต่กระบี่ไท่ชางรู้ดี ทว่ามันไม่อยู่ที่นี่
เด็กน้อยจึงพูดอย่างดีใจว่า “ใช่! เหมือนกัน! เป่าเล็ก!”
เยี่ยนอวี๋เข้าใจในทันทีว่าเด็กน้อยหมายถึง ค้อนอันจิ๋วของเขานอกจากขนาดเล็กกว่าท่านพ่อของเขาแล้ว ที่เหลือก็เหมือนกัน
“แล้วค้อนจิ๋วเล่มนี้เอาไว้ทำอะไรหรือ” เยี่ยนอวี๋แค่อยากรู้ว่าค้อนอันเล็กเช่นนี้จะทำอะไรได้บ้าง ลวดลายบนตัวค้อนสามารถใช้งานได้หรือไม่
แต่เยี่ยนเสี่ยวเป่าเองก็ไม่รู้ “พ่อยังไม่ได้สอน!”
“ก็ได้ เช่นนั้นรอท่านพ่อของเจ้าเสร็จธุระแล้วค่อยถามดู” เยี่ยนอวี๋ลูบศีรษะโล้นๆ ของเด็กน้อย ก่อนจะศึกษาค้อนจิ๋วของเด็กน้อย นางมั่นใจว่าค้อนจิ๋วนี้ไม่ใช่ของธรรมดาแน่นอน อีกทั้งมันยังเชื่อมกับสายเลือดของเด็กน้อยและมีกลิ่นอายใกล้เคียงกันด้วย
แต่ว่า… ตี้อั้นที่ลุกลี้ลุกลนอยู่อีกฟากหนึ่งก็อดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “ค่อยศึกษาบ๊ะจ่างน้อยได้หรือไม่ ศึกษาดูว่าข้างล่างเกิดอะไรขึ้นก่อนดีหรือไม่”
“จิ๊บๆ!” ลูกไก่สีเหลืองก็มองข้างล่างอย่างวิตกกังวลเพราะมันเห็นดวงตาสีแดงมากมายแผ่ซ่านความดุร้ายออกมา
“อะไร?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าจึงมองลงไปข้างล่าง เมื่อเห็นดวงตาสีแดงมากมาย เขาก็กะพริบตา “ตัวนิสัยไม่ดีดุร้ายเยอะมาก?”
“คงจะใช่” เยี่ยนอวี๋มั่นใจแล้วว่า สิ่งที่เข้าใกล้พวกเขาคือมหาอสุรกายที่มาจากส่วนที่ลึกยิ่งกว่าขุมนรกแห่งความมืดและก่อนหน้านี้มหาอสุรกายเหล่านี้ถูก ‘ต้าซือมิ่ง’ หัวแดงทำให้ล่าถอยไปยังบริเวณก้นลึกของขุมนรกแห่งความมืด
‘ต้าซือมิ่ง’ หัวแดงในตอนนี้ผสานร่างกับต้าซือมิ่งแล้วและยังถูกลวดลายลึกลับ ‘ผนึก’ ไว้อีกครั้ง พวกมันจึงไม่มีอะไรต้องเกรงกลัวอีกแล้วจึงพากันออกมาอาละวาด
“เอ๋?” เยี่ยนอวี๋ที่ค้นพบบางอย่างก็รู้สึกว่ามหาอสุรกายที่คืบคลานออกมาเหล่านี้เคลื่อนไหวช้าลงราวกับว่าไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกเกรงกลัว? น่าสนุกแฮะ เพราะเท่าที่เยี่ยนอวี๋รู้ แม้มหาอสุรกายในขุมนรกแห่งความมืดจะแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ แต่พวกมันก็ไม่มีสติ มีเพียงความกระหายเลือดและชอบใช้กำลังยิ่งกว่าอสูรในแดนมืดวิญญาณอสูร
สำหรับพวกมันแล้ว พวกมันไม่เคยรู้จักคำว่า ‘เกรงกลัว’ คำนี้เลย แต่เห็นได้ชัดว่าบัดนี้พวกมันกำลังรู้สึกหวาดกลัว ถึงแม้กลิ่นอายที่กดพวกมันไว้สลายหายไปอย่างชัดเจน พวกมันก็ยังคงหวาดกลัว!
“จำนวนก็ลดลงไปไม่น้อย” เยี่ยนอวี๋ที่คอยส่งกระแสจิตสัมผัสไปทั่วมั่นใจว่ามหาอสุรกายเหล่านี้แม้ดูแล้วจะมีจำนวนมาก แต่หากเทียบกับอดีตครั้งนางมาที่นี่พวกมันก็ลดลงไปมากกว่าครึ่ง จำนวนมหาอสุรกายที่หายไปนั้นหายไปไหน ไม่ต้องสืบก็รู้ว่าถูก ‘ต้าซือมิ่ง’ หัวแดงนั้นกลืนกินไปแล้ว มิน่าเล่าพวกมันจึงรู้สึกเกรงกลัวเช่นนี้
ทว่าตี้อั้นที่ได้ยินเยี่ยนอวี๋พูดดังนั้นก็อยากจะร้องไห้ “นี่ยังเรียกว่า ‘ลดลงไปไม่น้อย’ อีกหรือ ขออนุญาตถามท่านเทพธิดา เช่นใดจึงเรียกว่ามาก ท่านโปรดช่วยอธิบายให้ข้าน้อยฟังหน่อยเถิด ได้หรือไม่”
“อธิบายแล้วเจ้าจะเข้าใจรึ” ลูกไก่สีเหลืองถามกลับ
ตี้อั้นอ้ำอึ้งอีกครั้ง “…”
ในขณะเดียวกัน…
โฮก!
ฝูงอสุรกายมากมายเหล่านั้นเคลื่อนไหวอีกครั้ง! อีกทั้งครั้งนี้ยังเร่งความเร็วขึ้นด้วย
เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้ว รีบมองไปยังชายที่อยู่ข้างกายทันที นางเห็นรัศมีสีแดงไหลออกมาจากรอบกายของเขาตามคาด เห็นได้ชัดว่ามหาอสุรกายเหล่านี้คงถูกเขา ‘อัญเชิญ’ มา?!
หากเป็นเช่นนั้น เยี่ยนอวี๋สีหน้าเคร่งขรึม “เจ้าลูกไก่ ประเดี๋ยวเจ้าต้องแสดงพลังอย่างสุดความสามารถนะ เรามาช่วยกันปกป้องนายท่านของเจ้า หรือก็ถือได้ว่าเป็นพ่อของเจ้ากันเถอะ”
“พ่อ?” ลูกไก่สีเหลืองรีบหันไปมองต้าซือมิ่ง “พ่อจริงๆ หรือ?”
เยี่ยนอวี๋พูดได้เพียงว่า “พลังส่วนหนึ่งของเจ้ามาจากเขา หรือก็คือเขาเป็นผู้คนมอบให้ แต่หากจะคิดเช่นนี้ เจ้าน่าจะมีพ่ออีกสามคน”
“จิ๊บ?” ลูกไก่สีเหลืองไม่เข้าใจ
“เรื่องมันยาว เอาเป็นว่าปกป้องนายท่านของเจ้าให้ดี” เยี่ยนอวี๋พูดได้เพียงเท่านี้ ถึงแม่เจ้าลูกไก่ฉลาดดี แต่มันยังเล็กจึงมิอาจเข้าใจได้ว่าพ่อสี่คนหมายความว่าอะไร
ทว่าเหมือนกับว่าลูกไก่สีเหลือง ‘สามารถ’ เข้าใจ เพราะมันพูดขึ้นว่า “อ๋อๆ! พ่อใหญ่คือนายท่าน ยังมีพ่ออีกสามคน พวกเขาคือใครหรือขอรับ”
“…ไว้ข้าจะพาเจ้าไปหา” เยี่ยนอวี๋มิอาจจินตนาการภาพเช่นนั้นได้เลย
ลูกไก่สีเหลืองดีอกดีใจ “เยี่ยมไปเลย!”
แต่เด็กน้อยคัดค้าน “พ่อบอก ไม่ใช่พ่อ!”
“พอได้แล้ว หยุดพูดเรื่องพ่อก่อนเถอะนะ มาพูดเรื่องมหาอสุรกายที่อยู่ข้างหน้านี้ก่อนเถอะ!” ครานี้ตี้อั้นอยากจะร้องไห้จริงๆ อีกทั้งมันยังเขยิบตัวมาใกล้เยี่ยนอวี๋อย่างไม่เกรงกลัวต้าซือมิ่งแล้ว
โฮก!
โฮกกก…
มหาอสุรกายส่งเสียงคำรามเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้แสงศักดิ์สิทธิ์ที่ส่องประกายออกมาจากต้าซือมิ่งเผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่แปลกประหลาดและดุร้ายของเหล่าอสุรกาย บางตัวมีร่างกอริลลาที่มีศีรษะเป็นสิงโต บางตัวเป็นเหมือนร่างโครงกระดูกขนาดยักษ์และยังพ่นไฟได้ทั้งตัว บางตัวไม่มีรูปร่างด้วยซ้ำ…
ทว่าไม่ว่าพวกมันมีหน้าตาอย่างไร กลิ่นอายที่มันแผ่ซ่านออกมา อย่างน้อยก็เป็นจอมมารระดับกลาง! ตี้อั้นตัวสั่นระริกจนไม่รู้จะสั่นอย่างไรแล้ว หากไม่ใช่เพราะลูกไก่สีเหลืองปกป้องมันไว้ มันคงตกลงไปแล้ว
“เตรียมตัว”
เยี่ยนอวี๋ที่เผชิญกับจอมมารระดับกลางหลายร้อยและจอมมารหลายสิบตัวก็รวบรวมแสงสีรุ้งทั้งหมดไว้ จิตวิญญาณนักสู้วนเวียนอยู่รอบตัวนางตลอดเวลา
รูปแบบการต่อสู้แบบใหม่ค่อยๆ รวมตัวกันบนตัวของเยี่ยนอวี๋
“หงส์ฟ้า”
เมื่อเยี่ยนอวี๋เปล่งเสียงออกมา ชุดกระโปรงสีสันของนางก็กลายเป็นชุดเกราะขนนกหงส์ฟ้า! มันเป็นเกราะหงส์ฟ้าที่มีสีเดียวกันกับขนนกจิ่วเฟิ่ง! ซึ่งเป็นตัวแทนของพลังจิ่วเฟิ่ง!
และนี่เป็นเพียงการ ‘แปลงร่าง’ ขั้นแรก
“ซี”
เครื่องสวมศีรษะอันวิจิตรและฟันเสืออันดุร้ายของตัวแทนซีหวังหมู่ก็กลายเป็นเกราะป้องกันศีรษะของเยี่ยนอวี๋ซึ่งเป็นตัวแทนของพลังซีหวังหมู่!
จากนั้น…
“หวง”
ม้าเฉิงหวงอสูรโบราณขุนเขาและท้องทะเล เขายาวสีดำแวววาวคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตและจิตวิญญาณการต่อสู้ไร้ขีดจำกัดของมันกลายเป็นเกราะไหล่ของเยี่ยนอวี๋
“ซู”
ก้อนเมฆสีแดงที่แสดงถึงพลังของม้าฮวนซูอสูรแห่งขุนเขาและท้องทะเลเสริมกำลังให้กับเท้าของเยี่ยนอวี๋กลายเป็นรองเท้าออกรบประกายแสงระยิบระยับ!
พลังของสี่อสูรแห่งขุนเขาและท้องทะเลคือขีดจำกัดที่ร่างกายของเยี่ยนอวี๋แบกรับไหว! แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เมื่อพลังของยอดอสูรทั้งสี่ประสานกันในร่างของเยี่ยนอวี๋…
วี้ด!
มีเพียงเสียงหวีดร้องดังขึ้น!
เสียงคำรามที่เต็มไปด้วยพลังการฆ่าล้างฟ้าดินแสนบริสุทธิ์ของซีหวังหมู่กวาดล้างออกไปทันที! เหล่าจอมมารระดับกลางจำนวนสิบกว่าตัวที่อยู่แนวหน้าและเข้าใกล้เยี่ยนอวี๋พลันสลายกลายเป็นเศษซาก!
และนี่… เป็นแค่การอุ่นเครื่องเท่านั้น