ตอนที่ 399 กัดต้าซือมิ่งชายคนนี้สักที!
“น่าอิจฉาจังเลย!” ลูกไก่สีเหลืองตบปีกปุกปุยสีเหลืองนวลของตนเองเบาๆ และมองสองพ่อลูกด้วยความอิจฉา “แต่ว่าหากเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีพ่อแล้วสิ”
“คงไม่มีแล้วนะ” ตี้อั้นครุ่นคิด “จักรพรรดิอสูรและชายคนนี้น่าจะเป็นคนมีสองร่าง ตอนนี้ทั้งสองร่างรวมกันแล้ว ความเป็นมารของจักรพรรดิอสูรก็หายไปแล้วด้วย เช่นนี้จักรพรรดิอสูรน้อยเจ้าก็ไม่มีพ่อแล้วมิใช่หรือ”
ลูกไก่เสียใจ “แล้วข้าจะทำอย่างไรดี”
“กลัวอะไรเล่า เจ้ามีพ่อสามคนมิใช่หรือ” ตี้อั้นคิดว่า “เจ้ามีพ่อหลายคนเช่นนี้ไยต้องกังวลอีก อีกอย่างจักรพรรดิอสูรที่ไม่มีพ่อดีจะตายไป ต่อไปเจ้าก็จะได้สืบทอดตำแหน่งจักรพรรดิอสูรโดยที่ไม่ต้องถูกขัดขวาง ขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดได้เลย! สมบูรณ์แบบ”
“…ก็ถูก” ลูกไก่คิดว่าตรรกะนี้ไม่เลวเลยพลันรู้สึกดีอกดีใจ “ถึงอย่างไรข้าก็มีพ่อหลายคน หายไปคนหนึ่งก็ไม่เป็นอะไรหรอก แต่นายท่านน้อยมีพ่อเพียงคนเดียว ข้าเสียสละให้เขาแล้วกัน!”
“นั่นน่ะสิ!” ตี้อั้นก็คิดว่าสมเหตุสมผลดี
จากนั้นเยี่ยนอวี๋ไม่จำเป็นต้องปลอบลูกไก่ มันก็ปลอบใจตนเองแล้ว อีกทั้งยังเปิดใจยอมรับความจริงที่ว่าตนไม่มีพ่อใหญ่แล้ว ช่างปรับตัวได้เร็วจริงๆ ทั้งยังรู้จักเคารพนับถือพี่ดี…
ประจวบเหมาะกับที่เยี่ยนอวี๋เองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี คราวนี้ดีแล้ว ต้าซือมิ่งไม่ต้องเป็น ‘พ่อไก่’ อะไรนั่นแล้ว ถือว่าเป็นไปตามความต้องการของเขา
ทว่าลูกไก่ยังคงอิจฉาสองพ่อลูกหรงอย่างมาก “ไม่รู้ว่าพ่อที่เหลือจะดีเช่นนี้หรือไม่ หากดีไม่เท่าเขา ข้าเสียเปรียบแย่เลย”
“ก็ต้องขึ้นอยู่กับดวงแล้วล่ะ” ตี้อั้นกล่าว “อย่างเช่นพ่อข้า เรียกได้ว่าต่ำช้า เขาหลับนอนกับตี้อั้นตัวเมียหลายร้อยตัว มีลูกนับไม่ถ้วน เขาคงไม่รู้ว่าข้าเป็นลูกของเขา”
“แย่ขนาดนั้นเลย…” ลูกไก่เห็นอกเห็นใจตี้อั้น
“เฮ้อ ไม่เท่าไรหรอก เขาเองก็แย่เหมือนกัน สุดท้ายถูกลูกตัวไหนกินไปไม่รู้” ตี้อั้นไม่รู้สึกเสียใจกับพ่อเลวเลยสักเล็กน้อย “แม่ข้าค่อยยังดี เสียดายที่นางจากไปเร็ว แต่ก็เป็นเรื่องปกติในแดนมืดแห่งนี้ ข้าชินแล้วล่ะ”
ลูกไก่จึงยิ่งรู้สึกสงสารตี้อั้น มันจึงถามเยี่ยนอวี๋ว่า “เจ้านาย ต่อไปให้คลานคลานอยู่กับพวกเราได้หรือไม่ขอรับ”
“ไม่เป็นไรๆ อย่าพาข้าเข้าไปโลกของลูกพี่เช่นพวกเจ้าเลยจะดีกว่า” ตี้อั้นเชื่อว่าที่ครั้งนี้มันยังมีชีวิตรอดมาได้ล้วนเป็นเพราะโชคช่วย ต่อไปคงไม่ได้โชคดีเช่นนี้แล้ว แม้ว่าจะยังโชคดี หัวใจของมันก็รับไม่ไหว อย่าเลยดีกว่า ระทึกใจเกินไป
“แต่ข้าชอบคลานคลาน!” ลูกไก่พูด
ในขณะที่เยี่ยนอวี๋จำเป็นต้องมองสองพ่อลูกก็อธิบายกับลูกไก่ไปพลางว่า “คลานคลานออกจากแดนมืดไม่ได้ มันจำเป็นต้องอยู่ในแดนมืดจึงจะมีชีวิตได้ ถ้าให้มันไปกับพวกเรากลับกลายเป็นการทำร้ายมัน หากลูกเจี๊ยบชอบคลานคลาน ค่อยมาเยี่ยมมันบ่อยๆ ก็ได้”
“ใช่แล้วๆ!” ตี้อั้นรู้สึกขอบคุณในความมีเหตุผลของเทพธิดา มิเช่นนั้นมันคงถูกจักรพรรดิอสูร ‘ใช้เป็นทาส’ ถึงแม้จักรพรรดิอสูรน้อยก็ดีกับมัน แต่มันตามจังหวะของพวกเขาไม่ทันหรอก
ลูกไก่เองก็เชื่อฟัง “ก็ได้ เช่นนั้นเมื่อข้าโตแล้วกลับมาสืบทอดตำแหน่งจักรพรรดิอสูรค่อยให้คลานคลานเจ้ามารับใช้ข้าที่วังจักรพรรดิอสูรนะ!”
“ได้เลย!” ตี้อั้นเต็มใจอย่างยิ่ง หากตอนนั้นมันยังมีชีวิตอยู่น่ะนะ
การแข่งขันในแดนมืดโหดร้ายมาก อสูรชั้นต่ำทุกตัวไม่สามารถรู้ได้ว่าตนจะมีชีวิตถึงเมื่อไร อย่างเช่นตี้อั้นในบัดนี้ มันถือว่าเป็นอสูรชั้นต่ำที่มีอายุยืนตัวหนึ่งแล้ว หลักๆ เป็นเพราะมันฉลาดกว่าอสูรตี้อั้นทั่วไปเล็กน้อย รู้จักแสวงหาความสงบหลีกหนีภัยอันตราย
เยี่ยนอวี๋ก็รู้เรื่องนี้ดี นางจึงให้ต้าซือมิ่งสั่ง ‘ลูกน้อง’ ดูแลตี้อั้นให้ดี มิเช่นนั้นวันที่ลูกไก่กลับมาสืบทอดตำแหน่งจักรพรรดิอสูร ตี้อั้นตัวนี้คงตายจากไปไม่เหลือกระทั่งกระดูกแล้ว
…
ในขณะนี้เอง ครั้นมหาอสูรเทพซิมบาคำรามอย่างสิ้นหวัง ปีศาจแฝงฝันและพิกซีที่อยู่บริเวณทางเข้าของขุมนรกก็ได้ยินแล้ว ฝ่ายหลังเผยสีหน้าชัดเจนว่า “เป็นไปตามคาด”
“ไม่คิดเลยว่า…” ปีศาจแฝงฝันดวงตาลุกวาว “ฝ่าบาทจะแข็งแกร่งเพียงนี้ แม้แต่มหาอสูรเทพซิมบาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ถูกฆ่าทิ้งเสียแล้ว!”
“การที่ฝ่าบาทสามารถรวมแดนมืดเป็นหนึ่งได้ก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าฝ่าบาทแข็งแกร่งเพียงใด เพียงแค่มหาอสูรซิมบาที่ไม่กล้าออกมาแม้แต่แดนมืดจะเทียบกับฝ่าบาทได้อย่างไร” พิกซีน้อยรู้ดีแก่ใจ
ปีศาจแฝงฝันสงบอารมณ์ลง จู่ๆ ก็หยิบหินสีดำก้อนเล็กออกมา “ใช่แล้ว ที่เมืองรอง…”
ปีศาจแฝงฝันที่พูดไปเพียงครึ่งหนึ่งก็ชะงักลง เพราะนางพบว่าหินก้อนน้อยสีดำที่ดูธรรมดาๆ กำลังมีแสงสีม่วงหม่นดูลี้ลับไหลออกมา!?
“นี่คืออะไร” พิกซีเองก็รับรู้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่มิอาจคาดเดาได้จากหินสีดำก้อนนี้ เหมือนกับว่ามันมีพลังยับยั้งอันแข็งแกร่ง ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวสดกว่าเดิม สว่างไสวด้วยญาณหยั่งรู้
ปีศาจแฝงฝันจึงพูดต่อว่า “ไคโดบอกว่ามันเป็นของที่ไหลออกมาจากรอยแตกเมื่อครั้นพื้นดินแตกแยก เขาเชื่อว่าเป็นสิ่งของของปฐมราชินีหยวนชู เพราะในครานั้นมีแสงสีม่วงเปล่งประกายด้วย บัดนี้เหมือนว่าเขาจะเข้าใจถูกแล้ว”
“ใช่จริงๆ” หนวดคู่หนึ่งของพิกซีก็แผ่คลื่นสีเขียวหม่นออกไป “ข้าสัมผัสได้ว่าหินก้อนนี้มีพลังดั้งเดิมอันลึกลับซ่อนอยู่ไม่น้อยไปกว่าพลังของขุมนรก เช่นนั้นก็คงเป็นได้เพียงสิ่งของของปฐมราชินีหยวนชู”
“แต่ทำไมมันถึงส่องสว่างที่นี่ล่ะ” ปีศาจแฝงฝันไม่เข้าใจ “เมื่อครู่ตอนที่อยู่เมืองรอง มันไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เลย หากไม่ใช่เพราะมั่นคงพอ ข้าเองก็เชื่อมั่นในมนต์สวาทของข้า คงสงสัยว่าไคโดกำลังโกหกแล้ว”
“รอฝ่าบาทออกมาแล้วค่อยให้เขาเถอะ” พิกซีคิดว่าทุกสิ่งที่ไม่รู้ส่งให้จักรพรรดิอสูรก็พอ ถึงอย่างไรพวกมันก็ไม่เข้าใจ
แม้ปีศาจแฝงฝันรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็เห็นด้วยกับพิกซี ครั้นกำลังจะเก็บก้อนหินสีดำไว้ก่อนก็เกิดบางสิ่งขึ้น!
หินสีดำพลันหายไปจากมือของปีศาจแฝงฝัน!?
“นี่มัน…” พิกซีตะลึง!
ปีศาจแฝงฝันสีหน้าพลันเปลี่ยน “หรือว่าปฐมราชินีหยวนชูเข้ามาในแดนมืดแล้วจริงๆ”
หรือว่านางเดาไม่ผิด ไม่สิ จักรพรรดินีท่านนั้นเหมือนกับว่าจะคล้ายกับปฐมราชินีหยวนชูในตำราโบราณที่นางเคยเห็นเมื่อครั้นเป็นเด็ก!? นางจึงรู้สึกคุ้นหน้าเช่นนี้
นี่มัน…
ปีศาจแฝงฝันที่จู่ๆ คิดได้เช่นนี้ก็ตกตะลึง แต่กลับไม่ได้พูดอะไร เพราะนางรู้ว่าไม่ว่านางพูดอะไร หากยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด พิกซีและคิเมียราต้องไม่เชื่อนางแน่นอน พวกเขาเชื่อมั่นในตัวจักรพรรดิอสูรมาก ถึงแม้นางเองก็เชื่อมั่นในตัวฝ่าบาท แต่จักรพรรดิอสูรก็เป็นผู้ชาย นางกลัวว่า…
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่” เสียงของพิกซีที่จู่ๆ ถามขึ้นมาทำให้ปีศาจแฝงฝันสะดุ้งเล็กน้อย จากนั้นนางก็ตอบไปว่า “หากปฐมราชินีมาแดนมืดจริงๆ ไม่รู้ว่านางจะทำอะไรอีก”
“ก็คงจะฆ่าล้างเผ่ามารให้สิ้นซาก” พิกซีเดา “แต่ข้าคิดว่าอาจจะไม่ใช่นางมาก็ได้ หินเมื่อครู่นี้อาจจะเกี่ยวข้องกับผนึกเท่านั้น”
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” ปีศาจแฝงฝันตอบส่งๆ เพียงไม่นานนางก็ขออำลา นางอยากไปหาตำราเล่มนั้นให้เจอ เพื่อตรวจสอบว่า ‘จักรพรรดินี’ ที่จักรพรรดิอสูรพาเข้ามาก็คือปฐมราชินีหยวนชู
ในขณะเดียวกัน…
“หืม?”
เยี่ยนอวี๋ที่ได้รับชิ้นส่วนของหินปราบมารโดยบังเอิญ นางไม่คิดเลยว่าที่แห่งนี้จะมีชิ้นส่วนของหินปราบมารอยู่ ซึ่งทำให้นางขมวดคิ้วงามของตนทันที
หินปราบมารมีทั้งหมดสามก้อน ต่างถูกผนึกไว้ในโลกมนุษย์ โลกสวรรค์และยมโลก ปิดกั้นการเชื่อมต่อระหว่างแดนมืดและทั้งสามโลกนี้ เพื่อผนึกแดนมืดไว้อย่างสมบูรณ์
หินปราบมารในโลกมนุษย์อยู่ในแดนผนึกของโลกมนุษย์และแดนมืด แม้จะถูกกัดกร่อน แต่ก็ได้รับการฟื้นฟู ไม่ปรากฏข้อบกพร่องใดๆ
“เช่นนั้นหินปราบมารในโลกไหนที่มีปัญหานะ” เยี่ยนอวี๋ลูบคลำหินปราบมารก้อนน้อยๆ คิดจะสัมผัสพลังภายในของมัน น่าเสียดายที่ในหินปราบมารนี้มีเพียงกลิ่นอายขุมนรกแห่งความมืดไร้ที่สิ้นสุดเท่านั้น ไม่มีกลิ่นอายอย่างอื่นหลงเหลืออยู่เลย
ทว่าเยี่ยนอวี๋เองก็ใช่ว่าจะไม่สามารถแยกแยะได้ นางจึงเก็บมันเข้าไปในถุงวิเศษ จู่ๆ ลูกไก่กลับร้องตะโกนขึ้นมา “จิ๊บ! เสร็จแล้ว!?”
เยี่ยนอวี๋เบนความสนใจไปที่เด็กน้อยและชายคนนั้นทันที นางเห็นขบวนอักษรศักดิ์สิทธิ์ที่ล้อมรอบพวกเขากำลังค่อยๆ จางหายไป
ผ่านไปเพียงไม่นาน ต้าซือมิ่งก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง และเมื่อเขาลืมตาในครั้งนี้ก็มองไปที่เยี่ยนอวี๋อีกครั้งด้วยดวงตาอร่ามสุกใส
เยี่ยนอวี๋เม้มปากเล็กน้อย ดวงตานางหรี่ลง
ต้าซือมิ่งลุกขึ้นยืนทำท่าจะไปหาภรรยา ทว่าครั้นเขาเพิ่งจะลุกขึ้น เยี่ยนอวี๋ก็ปรากฏตัวข้างหน้าเขาและสวมกอดเอวบางๆ ของเขาแล้ว ไม่เพียงเท่านี้!
“!”
ในจังหวะนี้ เยี่ยนอวี๋ยังเอื้อมมือไปประคองท้ายทอยของเขาและโน้มศีรษะเขาลงมาอย่างเผด็จการ จากนั้นนางก็กัดริมฝีปากอันเย้ายวนที่มีอุณภูมิเย็นเล็กน้อยของเขา
นางกัดลงไปจริงๆ! กัดแรงชนิดที่ว่าเลือดไหลซิบ!
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งระหว่างริมฝีปากและลมหายใจของทั้งสอง