ตอนที่ 403 ปฐมราชินีถูกเปิดเผย! เทพมารรวมร่าง!
ในขณะเดียวกัน ฮ่องเต้หยวนคังเองก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอำมหิตน่าสะพรึงของจิ่วอิง หนังตาของเขากระตุก เขารีบเปิดทางลับในห้องบรรทมอย่างไม่ลังเลทันที พูดว่า “ไป!”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!” กู้ปิ่งคุนเดินนำเข้าไปในทางลับ สำรวจทางให้ฮ่องเต้หยวนคังอย่างไม่ลังเลใดๆ คนทั้งขบวนก็หายเข้าไปในทางลับนั้นอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่ฮ่องเต้หยวนคังจะปิดประตูทางลับ เขายังรู้สึกใจหาย “น่าเสียดาย…” หากไม่ใช่เพราะมีอสูรดุร้ายเช่นนี้มา เขาก็คงได้กลืนกินเหล่าโจรกบฏโยวตูไปแล้ว แต่จะทำอย่างไรได้ จิ่วอิงมาเร็วเกินไป ฮ่องเต้หยวนคังไม่ทันได้แสดงศักยภาพของตนก็ต้องมุดเข้าทางลับหนีตายเสียแล้ว ถือได้ว่าเขามีไหวพริบดีที่หนีทัน มิเช่นนั้นเขาต้องตายอยู่ในท้องของจิ่วอิงแน่นอน ทว่าแม้ฮ่องเต้หยวนคังจะหนีไปได้เร็ว…
“อุแว้!”
จิ่วอิงที่สัมผัสได้ก็หิ้วอินหลิวเฟิงและเอ้อร์เหมาจากไปอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลงเช่นกัน พวกเขาปรากฏตัวเหนือตำหนักหันกวง ศีรษะทั้งเก้าของจิ่วอิงก็โถมใส่สิ่งปลูกสร้างทุกหลังในตำหนักหันกวงราวกับมังกรแผ่นดินเก้าตัว
“ป้องกัน!”
เจ้าสำนักแห่งสำนักนิรนามรีบกางม่านป้องกันที่มิอาจทำลายและแข็งแกร่งที่สุดขึ้น ทั่วทั้งราชสำนักกลายเป็นเกราะป้องกันสีเลือดขุ่นมัว ดูแล้วมั่นคงอย่างยิ่ง แต่อสูรที่จู่โจมคือจิ่วอิงอ๋อง
ซู่!
เพียงศีรษะเดียวของจิ่วอิงก็แทงทะลุเกราะป้องกันที่ว่าแข็งแกร่งนั่นทันที ทำเอาเจ้าสำนักแห่งสำนักนิรนามและคนอื่นๆ ที่เพิ่งจะโล่งอกตะลึงงัน! เร็วเกินไปแล้ว!?
น่าเสียดายที่พวกเขาก็ทำได้เพียงตะลึงงันเช่นนั้น ไม่ทันได้ทำอย่างอื่นเลย เพราะว่าเมื่อจิ่วอิงที่มุดศีรษะเข้ามาเห็นคนมากมาย มันก็อ้าปากพุ่งเข้าใส่เจ้าสำนักแห่งสำนักนิรนามและผู้คนรอบกายเขา เขมือบพวกเขาเข้าไปทันที ตามด้วยเสียงเคี้ยวดังกรุบกรอบ กร๊อบแกร๊บ…
“หนีเร็ว!”
ชิงเหอเซิ่งอุทานทำท่าจะหนีไปพร้อมเจ้าสำนักพุทธะ แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อจิ่วอิงไม่ได้มีเพียงหนึ่งศีรษะ มันยังมีอีกแปดศีรษะ ย่อมไม่ปล่อยให้พวกเขาหนีไปได้ มันอ้าปากกินพวกเขาเข้าไป ไม่ปล่อยให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว
น่าสงสารชิงเหอเซิ่ง เจ้าสำนักแห่งสำนักนิรนามและเจ้าสำนักแห่งสำนักพุทธะ พวกเขาเป็นคนระดับตำนานแล้ว แต่เมื่อเข้าไปในปากของจิ่วอิงก็ไม่ต่างจากศิษย์สำนักธรรมดาเหล่านั้น กระทั่งไม่ต่างจากสามัญชนธรรมดาๆ เลย ที่ดีกว่าหน่อยก็อาจจะแค่มีรสชาติดีกว่าเล็กน้อยเท่านั้น
กร๊อบแกร๊บ…
ถึงอย่างไรจิ่วอิงก็เคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
อินสวินอี้ที่อยู่ข้างนอกก็ถามบุตรชายที่ถูกจิ่วอิง ‘ทิ้ง’ เมื่อครู่นี้ว่า “หลิวเฟิง เกิดอะไรขึ้น”
อินหลิวเฟิงยังไม่ทันพูด เอ้อร์เหมาก็รายงานแทนว่า “เฮ้อ ท่านอ๋องมิทราบ ท่านนี้ก็คือท่านปู่จิ่ว มีเขาอยู่ ฮ่องเต้หยวนคังหนีไม่พ้นแน่นอน หนีไม่พ้นแม้แต่คนเดียว”
“ก็ใช่ แต่อาจจะไม่รอดแม้แต่คนเดียวด้วย” อินหลิวเฟิงคิดว่าปู่จิ่วท่านนี้กำลังกินคนอยู่แน่ๆ อีกทั้งมันคงคิดว่าจะถูกใครห้าม ก็เลยไม่ยอมทำลายเกราะคุ้มกันทั้งหมด เพียงแค่มุดศีรษะทั้งเก้าเข้าไปกินคน ทำทุกวิถีทางจริงๆ
อินสวินอี้งุนงงอยู่ครู่หนึ่งก็รีบตะโกน “ปู่จิ่ว! อย่ากินทุกคนนะ เหลือฮ่องเต้หยวนคังไว้ เราต้องเก็บเขาไว้ศึกษา ยังต้องใช้ประโยชน์จากเขา!”
จิ่วอิงกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย มันจะสนใจอินสวินอี้ได้อย่างไร…
“…” อินหลิวเฟิงทำท่าทางช่วยไม่ได้ “ปู่จิ่วท่านนี้แม้แต่เจ้าสำนักเยี่ยนก็เอาไม่อยู่ มีเพียงคำพูดของต้าซือมิ่งที่พอจะทำอะไรได้บ้าง” และยังต้องข่มขู่อีกด้วย
“…ก็ได้” อินสวินอี้ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีแล้ว
ทว่าจิ่วอิงกินคนจนหมดอย่างรวดเร็วแล้วและมันก็ทำลายเกราะคุ้มกันทั้งหมดทิ้ง “เสียงดังโวยวายอะไรกัน ปู่จิ่วทำลายเกราะป้องกันอยู่ ฮ่องเต้หยวนคังอะไรนั่นก็ไม่ได้กิน หนีไปแล้ว”
“หนีไปแล้ว?!” เอ้อร์เหมาไม่ค่อยอยากจะเชื่อ “ท่านไม่ได้กินไปจริงๆ หรือ”
“ไม่ได้กิน! เขาหนีไปเร็วมาก ข้างล่างมีค่ายกลเคลื่อนย้ายใช้ครั้งเดียว พวกเจ้าลงไปดูสิ!” จิ่วอิงอารมณ์ดี มันไม่สนใจว่าเอ้อร์เหมาจะกล่าวหามัน มันยังบอกทางให้พวกอินสวินอี้ด้วย
อินสวินอี้รีบพาคนไปตรวจสอบ พบว่าในห้องบรรทมของฮ่องเต้หยวนคังมีทางลับอยู่ทางหนึ่งจริงๆ ห้องลับในทางลับก็มีค่ายกลเคลื่อนย้ายใช้ครั้งเดียวอยู่ด้วย! กลิ่นอายเคลื่อนย้ายถูกทำลายไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถจับได้ว่าฮ่องเต้หยวนคังหนีไปที่ไหน
“ท่านปู่จิ่ว ท่านก็สัมผัสไม่ได้หรือ” เอ้อร์เหมายังคงไม่ค่อยเชื่อ
จิ่วอิงกำลังแผ่ศีรษะทั้งเก้านอนอาบแดดอย่างสบายใจ เมื่อได้ยินดังนั้นก็พูดอย่างเกียจคร้านว่า “มดแมลงพรรค์นั้น ปู่จิ่วของเจ้าจะสัมผัสได้อย่างไร มดแมลงมีเป็นพันหมื่นตัว ข้าแยกแยะความต่างระหว่างพวกมันไม่ออกหรอกนะ”
คำพูดนี้มีเหตุมีผลมาก! ทำเอาเอ้อร์เหมามิอาจโต้แย้งได้…
ทว่าหลังจากที่อินสวินอี้ออกจากห้องลับแล้วก็พูดขึ้นว่า “ข้ารู้ว่าฮ่องเต้หยวนคังจะไปที่ใด”
“ท่านพ่อมีญาณทิพย์หรือขอรับ” อินหลิวเฟิงถาม
“ก็เลยให้เจ้ารีบมาเรียนรู้ไว้ไง! ตอนที่เราโจมตีราชสำนัก เราไม่เห็นติ้งซีอ๋อง เขาต้องถูกฮ่องเต้หยวนคังย้ายไปที่เมืองหมิงเถียวแล้ว ที่นั่นเป็นแหล่งกำเนิดตระกูลซย่าโหว” อินสวินอี้พูดอย่างมีหลักการ
อินหลิวเฟิงกำลังจะพูดว่า เช่นนั้นเราไปจับพวกเขาที่นั่นกัน!
แต่แล้วอินสวินอี้ก็พูดต่อว่า “แต่ทางฝั่งหมิงเถียวคงถูกเจ้าสำนักตี๋โจมตีไปแล้ว สภาพของฮ่องเต้หยวนคังไม่ค่อยดี เขาไปถึงหมิงเถียวแล้วเห็นสถานการณ์เช่นนั้นต้องเปลี่ยนไปเมืองอานอี้แน่นอน พวกเราไปอานอี้กันเถอะ!”
“ท่านพ่อ ท่านบอกให้ไปอานอี้ตั้งแต่แรกก็จบ ทำไมต้องพูดให้ยืดยาวเช่นนี้” อินหลิวเฟิงพูดอย่างเบื่อหน่าย พล่ามมาเสียยาวเช่นนี้ ฮ่องเต้หยวนคังคงหนีไปไกลแล้ว
แต่เอ้อร์เหมาก็จำเป็นต้องเอ่ยขึ้นว่า “ก็ท่านอ๋องกลัวว่านายน้อยฉลาดไม่พอก็เลยสอนท่านอยู่นี่ไงขอรับ”
อินหลิวเฟิง “…”
เขาแค่ไม่อยากใช้สมองต่างหากเล่า!
อินสวินอี้กลับรู้สึกชื่นมื่นใจ “คิดไม่ผิดเลยจริงๆ ที่ส่งผู้พิทักษ์ปราดเปรื่องเช่นเอ้อร์เหมามาคุ้มครองเจ้า”
“ท่านพ่อ ข้า…” อินหลิวเฟิงอยากจะพูดทันทีว่าเขาจะเปลี่ยนลูกน้อง!
แต่อินสวินอี้เดินไปคุยกับจิ่วอิงแล้ว “ท่านปู่จิ่ว ท่านช่วยไล่ตามให้พวกข้าหน่อยได้หรือไม่”
“แล้วคนน่ะ กินได้หรือไม่” จิ่วอิงถามเท่านี้
อินสวินอี้จำเป็นต้องพูดว่า “นอกจากฮ่องเต้หยวนคังแล้ว ผู้ใดที่เข้ามาขัดขวางกินได้หมด”
“ตกลง! ไป! ต้องไปทางไหน” จิ่วอิงพูดพลางกลายร่างเป็นคน ท่าทีดุร้ายกระหายเลือดของมันไม่ได้ต่างจากร่างเดิมของมันเท่าไรนัก
จากนั้นอินสวินอี้ก็ขอพาบุตรชายไปด้วยและเริ่มนำทางให้จิ่วอิงไล่ตามฮ่องเต้หยวนคังแล้ว! ผู้อื่นอยากจะห้าม ไม่อยากให้อินสวินอี้ไปเสี่ยงอันตราย ถึงอย่างไรหลังจากที่ล้มฮ่องเต้หยวนคังแล้ว พวกเขาล้วนสนับสนุนให้อินสวินอี้ขึ้นเป็นจักรพรรดิแทน
แต่จะทำอย่างไรได้ อินสวินอี้รู้จักจักรพรรดิดีเสียยิ่งกว่าผู้ใด อีกทั้งยังมีความสามารถอันเก่งกาจที่จิ่วอิงแสดงให้เห็นอย่าง ‘ง่ายดาย’ ทุกคนจึงทำได้เพียงยินยอม
…
ในขณะที่อำนาจการปกครองของราชสำนักถูกล้มล้าง เพลงสดุดีชัยชนะดังไปตลอดทาง เยี่ยนอวี๋ที่อยู่ในแดนมืดกลับเจอปัญหาเล็กน้อย นางเพิ่งจะออกจากขุมนรกพร้อมกับต้าซือมิ่ง
พิกซีและคิเมียราเพิ่งจะคุกเข่าคำนับ ปีศาจแฝงฝันก็มาแล้ว นางยังนำตำราโบราณที่เป็นภาพเยี่ยนอวี๋ ‘เลือนราง’ มาด้วย นางคุกเข่าต่อหน้าต้าซือมิ่ง “ฝ่าบาท ได้โปรดดูนี่เพคะ”
ต้าซือมิ่งปราดตามอง ไม่ได้รับตำรานั่นมา เขายังคงอุ้มเด็กน้อยและจูงมือภรรยาไว้ ไม่ได้เคลื่อนไหวเลย ทำให้ปีศาจแฝงฝันอดกลั้นไม่ไหว
ทว่าเยี่ยนอวี๋กลับรู้สึกประหลาดใจ “บันทึกไว้ได้ชัดเจนจริงๆ” นอกจากจะเลือนรางไปเล็กน้อยแล้ว ภาพนั่นก็แทบจะถ่ายทอดออกมาได้เหมือนนางทุกประการ เก่งจริงๆ ต้องรู้ว่าในฐานะที่นางเป็นปฐมราชินี นางเป็นส่วนหนึ่งของกฎแห่งจักรวาล กล่าวตามหลักการแล้ว ไม่สามารถวาดหรือพรรณนานางได้ด้วยลายเส้นหรือตัวหนังสือธรรมดาได้
ถึงแม้ว่าตอนนั้นจะถ่ายทอดออกมา แต่เพียงไม่นานก็จะจางหายไป เพราะว่าตัวหนังสือหรือลายเส้นธรรมดาไม่คู่ควรที่จะบันทึกใดๆ เกี่ยวกับปฐมราชินีผู้สร้างโลก
ทว่าตำราโบราณเล่มนี้แม้จะไม่สามารถถ่ายทอดหน้าตาของเยี่ยนอวี๋ได้ แต่ส่วนที่เหลือก็ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างแจ่มชัด เพราะว่าตัวหนังสือและลายเส้นในตำรานี้เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์ดั้งเดิม
เรื่องแบบนี้พบได้ยากในเผ่ามาร ถึงอย่างไรการฝึกฝนของเผ่ามารไม่ใช่การพึ่งการรับรู้ แต่เป็นการพึ่งการกลืนกิน ฉะนั้นตามหลักแล้วกฎดั้งเดิมจึงไม่มีความเกี่ยวข้องกับพวกเขา
“อืม” ต้าซือมิ่งเห็นว่าภรรยาสนใจจึงเรียกลูกไก่ให้รับตำราโบราณมา “บรรพชนของเผ่าปีศาจแฝงฝันเคยมีปัญญาชนอยู่ คงจะเป็นพวกเขาที่บันทึกไว้”
“ฝ่าบาท?” ปีศาจแฝงฝันรู้สึกว่าท่าทีของจักรพรรดิอสูรแปลกๆ
พิกซีและคิเมียรางงงัน เพราะว่าตอนที่ปีศาจแฝงฝันยื่นบักทึกโบราณไปให้ นางจงใจเปิดผ่านหน้าพวกมัน พวกมันจึงเห็นภาพบนนั้นผ่านตาทันที
ถึงแม้ภาพจะเลือนรางมากก็ตาม แต่รูปร่างและการแต่งกายนั่นแทบจะเหมือนกัน โดยเฉพาะบุคลิกนั่น! รู้สึกเหมือนจักรพรรดินีท่านนี้ที่ฝ่าบาทพามาเลย!?
นี่มัน…
ทั้งสองยังไม่หายงง ต้าซือมิ่งก็พูดชัดถ้อยชัดคำว่า “สายตาเฉียบคมดี ภรรยาของเราก็คือปฐมราชินีหยวนชู ผู้สร้างโลกแห่งตำหนักไท่ชาง”
ยอมรับแล้ว!?
ยอมรับแล้ว?!
เขารู้!? เขารู้อยู่แล้ว?!
ปีศาจแฝงฝันหน้าเหวอ นางมองต้าซือมิ่งอย่างตะลึงงัน “ท่าน ท่านรู้อยู่แล้ว ไม่ใช่ถูก… ถูกปิดบังหรือเพคะ”
“ปฐมราชินีหยวนชูจริง… จริงหรือ!” พิกซีตะกุกตะกัก! รู้สึกตกใจมาก!
ดวงตาคิเมียรามีแสงประหลาดวาบผ่าน จู่ๆ ก็พูดเสียงดังทุ้มว่า “เช่นนั้นแดนมืดของเราจะถูกคลายผนึกแล้วใช่หรือไม่!? จักพรรดิอสูรท่านแย่งปฐมราชินีหยวนชูมาเป็นจักรพรรดินีแล้ว! และยังมีทายาทให้ท่านด้วย! แดนมืดของเราไม่ควรถูกผนึกไว้อีกแล้ว!”